ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 748

ตอนที่ 748

บทที่ 748 ความพ่ายแพ้ของจั่วจู้

จั่วจู้สีหน้ามืดครึ้ม สิ้นหวัง อึ้ง ไม่อยากจะเชื่อ ตอนนี้เขารู้สึกราวกับฝันไป เขาไม่อยากยอมรับความจริงนี้

ทว่าถึงจั่วจู้จะไม่อยากยอมรับทว่าก็ต้องยอมรับ หลังจากร่างของเขาล้มลงกับพื้นความเจ็บปวดก็ตามมา และคอยย้ำเตือนเขาว่าเรื่องตรงหน้านี้คือเรื่องจริง

จั่วจู้พ่ายแพ้แล้ว ถึงแม้เขาจะใช้ท่าไม้ตายทั้งสองอย่างผ่าคลื่นลมและท่าไม้ตายแบ่งคลื่นซึ่งเป็นท่าไม้ตายสูงสุดของญี่ปุ่น อีกทั้งยังฉีดยาพันธุกรรมแล้ว ทว่าเขาก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดี

เขาไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับผู้อาวุโสกว่า ทว่าเขาแพ้ให้กับเฉินเฟิงซึ่งอยู่ในรุ่นเดียวกัน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้เขายากที่จะยอมรับ

“มัน……เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!”

จั่วจู้มองมือทั้งสองข้างของตนด้วยสายตาเหม่อลอยอย่างไม่เข้าใจ

ตอนนี้มีเสียงโห่ร้องดังขึ้น เฉินเฟิงไม่ได้ปล่อยเขาไปทว่าเดินใกล้เข้ามาพร้อมกับกำปั้นเหล็ก เพื่อให้บทเรียนแก่เขา

ช่วงวิกฤต จั่วจู้เงยหน้าทันทีพร้อมกับยกมือขึ้นมาบังตามสัญชาตญาณ ทว่าตอนนี้พละกำลังของเขาน้อยเต็มที อีกทั้งพลังภายในก็ไม่เหลือแล้ว แล้วแค่การยกมือขึ้นมาบังจะต้านเฉินเฟิงได้อย่างไร

เฉินเฟิงหรี่ตามอง การเคลื่อนไหวของจั่วจู้ในตอนนี้เชื่องช้ามากในสายตาของเขา ราวกับเขานึกอะไรขึ้นได้ เพียงเสี้ยววินาทีร่างของเขาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของจั่วจู้ คลายหมัดออกก่อนจะฟาดลงไปบนหน้าของอีกฝ่าย

“เพียะ!”

เสียงเพียะดังขึ้นอย่างชัดเจน

จั่วจู้ถูกเฉินเฟิงตบหน้าครั้งหนึ่ง ตอนนี้เขาไม่มีพลังภายในเหลือแล้ว ไม่อย่างนั้นสามารถอาศัยพลังภายในปกป้องเพื่อลดการบาดเจ็บได้

จั่วจู้โอดครวญครั้งหนึ่ง กระดูกใบหน้าด้านซ้ายแตกออก ใบหน้าครึ่งหนึ่งยุบลงไป เลือดไหลเนื้อเละดูน่าสังเวชเป็นอย่างมาก

เห็นท่าทีน่าสังเวชของจั่วจู้ นี่ยังดีที่เฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจึงไม่ได้ใช้พลังภายใน ไม่อย่างนั้นล่ะก็จั่วจู้คงไม่ใช่แค่หน้ายุบทว่าอาจถึงขั้นตายเลยก็ว่าได้

“เกิด……เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้ชมในสนามทำหน้างงกันหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสักครู่เฉินเฟิงเคลื่อนไหวเร็วมาก เห็นร่างแค่แวบเดียวจั่วจู้ก็ลงไปกองกับพื้นพร้อมกับใบหน้าซ้ายที่ยุบลงไป

ผู้ชมบางส่วนเห็นการแข่งขันของจอมยุทธ์มามากมาย ทว่าภาพเหตุการณ์แบบนี้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เฉินเฟิงตบจั่วจู้เหมือนการตบเพื่อสั่งสอนลูกชายที่ไม่เชื่อฟัง ตบทีเดียวทำเอาจั่วจู้ลงไปกองกับพื้น

“ไอ้หยา……”

จั่วจู้คือใคร เขาคืออัจฉริยะของวงการศิลปะการต่อสู้ที่หาตัวจับยากของญี่ปุ่น เขาฉายแววด้านนี้ตั้งแต่เด็ก ตอนหลังกงปุ่นเหย่อู่เห็นแววของเขาจึงถ่ายทอดวิชาศิลปะการต่อสู้ให้กับเขา และได้กลายเป็นศิษย์คนแรกของอันดับหนึ่งด้านศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เขาคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าคนอื่น เป็นผู้แข็งแกร่งในรุ่นเยาวชน ทว่าคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้รับความอัปยศอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ โดยเฉพาะความอัปยศต่อหน้าคนมากมายแบบนี้เขาไม่อาจยอมรับได้ และทนไม่ได้เช่นกัน

โบราณกล่าวไว้ว่า ตีคนอย่าตีที่หน้า เวลาด่าอย่าแฉข้อเสีย วันนี้แผนของเขาล่มไม่เป็นท่าเพราะการตบทีเดียวจากเฉินเฟิง

สัมผัสกับความอัปยศในใจ จั่วจู้คำรามครั้งหนึ่งก่อนจะดิ้นรนที่จะลุกขึ้นเพื่อสู้กับเฉินเฟิง

ทว่าเมื่อเขาเพิ่งลุกขึ้นยืนได้ เฉินเฟิงมือไวตาไว ฉับพลันก็ยื่นขาไปเตะช่วงน่องของจั่วจู้

“คุกเข่า!”

เฉินเฟิงยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงกร๊อบดังขึ้น กระดูกช่วงน่องของจั่วจู้แตกหัก ร่างกายสูญเสียการทรงตัวจนคุกเข่าลง

เมื่อสักครู่ที่โดนตบจนล้มลง จั่วจู้ก็รู้สึกอัปยศอย่างใหญ่หลวงแล้ว เพิ่งคิดที่จะยืนขึ้นก็ถูกเฉินเฟิงเตะขากระดูกหักจนต้องคุกเข่าลงต่อหน้าคนนับหมื่นอีก

ถึงแม้จะคุกเข่าอยู่ทว่าจั่วจู้ก็ถือเป็นชายชาตินักรบ กลั้นความเจ็บปวดแล้วฝืนที่จะลุกขึ้นเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของบูชิโดของประเทศญี่ปุ่น

เฉินเฟิงไม่เคยออมมือกับศัตรู เมื่อเห็นว่าจั่วจู้จะลุกขึ้นยืน เฉินเฟิงจึงเตะไปอีกครั้ง

จั่วจู้คุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง

การเตะครั้งนี้เฉินเฟิงถือว่าควบคุมแรงแล้ว ทว่าเนื่องจากความเฉื่อย จั่วจู้จึงหน้าทิ่มพื้นพร้อมมีเลือดสีแดงสดไหลท่วม

“ไอ้สารเลว นอกจากเล่นทีเผลอแล้วแกยังทำอะไรได้อีก? มีปัญญาก็มาสู้กันตัวต่อตัวกับฉันสิ!”

ความอัปยศครั้งใหญ่นี้ทำให้จั่วจู้แทบกระอักเลือด เขาพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นยืน ทว่าเฉินเฟิงกลับเอาเท้าเหยียบค้างไว้ที่คอของเขาทำให้จั่วจู้ขยับตัวไม่ได้

“เล่นทีเผลออย่างนั้นหรือ?”

เฉินเฟิงแค่นยิ้มพลางเอ่ย เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ฆ่าอีกฝ่าย เช่นนั้นเขาก็จะทำลายศักดิ์ศรีและความยโสของอีกฝ่ายให้สิ้นซาก เพื่อให้เป็นบาดแผลในใจไปตลอดกาล

ไหนๆอีกฝ่ายก็ไม่อยากยอมรับ เช่นนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายยอมรับอย่างสิ้นเชิง

“แก……แกไม่กล้ามาสู้กับฉันตัวต่อตัว เอา……เอาแต่หลบอย่างเดียว แก……แกถือเป็นตัวอะไร!” จั่วจู้โมโหจนเสียงสั่นไปหมด

“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงว่าจั่วจู้ที่เป็นถึงอัจฉริยะด้านการต่อสู้ที่หาตัวจับยากของญี่ปุ่น ตอนแพ้การแข่งขันจะสามารถหาข้ออ้างมาปลอบใจตัวเองแบบนี้!”

น้ำเสียงของเฉินเฟิงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ก่อนเอ่ยต่อ “ถ้าแกยังไม่ยอมรับความจริง เราก็มาคุยกันหน่อย ข้อหนึ่งบทที่เพิ่งเริ่มการแข่งขันฉันก็สู้กับนายอย่างเต็มที่ และก่อนจบการแข่งขันเราก็ประชันฝีมือกันแล้ว นี่ยังไม่เรียกว่าสู้กันตัวต่อตัวอีกหรือ?”

ข้อสอง ความสามารถคือสิ่งที่สำคัญสำหรับการแข่งขัน แต่ทักษะการหลบหลีกก็เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะการต่อสู้ ใครเป็นคนบอกหรือว่าต่อสู้ต้องรุกเท่านั้นหลบไม่ได้?

ข้อสาม หากไม่ใช่เพราะนายฉีดยาพันธุกรรมเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ ในช่วงแรกนายไม่สามารถตีเสมอฉันได้ด้วยซ้ำ!

ความจริงแล้วเฉินเฟิงพูดถูก การแข่งขันนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก อีกทั้งไม่ว่ากระบวนท่าไหนในศิลปะการต่อสู้ล้วนมีทักษะการหลบหลีกทั้งนั้น น้อยมากที่จะมีท่าที่ต้องรุกอย่างเดียว เพราะว่าการหลบหลีกคือพื้นฐานของการฝึกฝนการต่อสู้

เพราะหากคุณหลบไม่เป็น เช่นนั้นคนที่ตายเร็วที่สุดก็คือคุณ มีเพียงการหลบการโจมตีของอีกฝ่ายให้ได้เท่านั้น คุณถึงจะสามารถโจมตีคู่ต่อสู้กลับได้

สำหรับจอมยุทธ์ที่ความสามารถแข็งแกร่งมากแล้วต้องประชันกับจอมยุทธ์ที่อ่อนชั้นกว่านั้นต้องอาศัยพลังในการเอาชนะอย่างแน่นอน

ทว่าหากความสามารถของทั้งสองฝ่ายไม่ห่างชั้นกันมาก เช่นนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทักษะหรือทักษะการต่อสู้นั่นเอง ซึ่งการหลบหลีกก็เป็นหนึ่งในนั้น นี่ไม่ถือเป็นการเล่นทีเผลอ หากคุณเก่งจริงก็แค่โจมตีอีกฝ่ายให้ได้ก็จบแล้ว จะต้องหาข้ออ้างทำไม

จั่วจู้ในตอนนี้ไฟโทสะกำลังลุกโชน พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ เขาเลอะเทอะทว่าผู้ชมยังมีสติ

“ไอ้หยา คิดไม่ถึงเลยว่าจั่วจู้จะใจแคบได้ขนาดนี้ หน้าไม่อายจริงๆ!”

“ใช่ เดิมทีคิดว่าเขาเป็นชายชาตินักรบ แต่แพ้การแข่งขันแล้วกลับไม่ยอมรับ ช่างน่าดูถูกจริง!”

“จั่วจู้พูดอยู่ปาวๆว่าเฉินเฟิงขี้ขลาด เป็นความอัปยศของวงการศิลปะการต่อสู้ประเทศหวา เท่าที่เห็นในตอนนี้จั่วจู้ต่างหากคือคนที่ทำให้วงการศิลปะการต่อสู้ของประเทศญี่ปุ่นต้องขายหน้า”

เหล่าผู้ชมต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งล้วนเป็นการเย้ยหยันจั่วจู้ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เสียงเยาะเย้ยเหล่านั้นลอยเข้าหูของจั่วจู้ทำให้เขาต้องกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดลงไป เขารู้ถึงหลักการที่ว่าผู้ชนะถูกเสมอ คำพูดของผู้แพ้มักจะไม่มีน้ำหนัก ไม่มีคนเห็นค่าและไม่มีคนฟัง

“เห้อ ดูสภาพนายตอนนี้สิ น่าสงสารขนาดไหน ก่อนการแข่งขันนายคงคิดไม่ถึงสินะว่าตัวเองจะมีจุดจบแบบนี้!”

เฉินเฟิงมีสีหน้าเย้ยหยันพลางเอ่ยเยาะเย้ย “ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ฉันสามารถฆ่านายได้อย่างง่ายดายเหมือนฆ่ามดตัวหนึ่ง!”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท