บทที่ 73: กระดูกดารา!
วันรุ่งขึ้น
การสอบเริ่มตอน 9.00 น.
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลา 7.00 น. ผู้เข้าสอบก็ถูกปลุกโดยเสียงนกหวีดของร้อยโทลั่ว
เมื่อวานพวกเขามีช่วงเวลาที่ดีจริงๆ
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้เข้าสอบกลุ่มนี้ก็ไม่สามารถเอาชนะทหารได้ ทหารทุกคนมีเสียงดังมากและทักษะการร้องเพลงของพวกเขาก็ไม่เลวเลย และเสียงของพวกเขาก็แทบจะไม่แหบเลยแม้จะผ่านการร้องเพลงมานานกว่าสองชั่วโมง
พวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับพวกทหารได้เลย!
“ ถึงเวลาออกเดินทาง ถึงเวลาออกเดินทาง!”
ผู้เข้าสอบตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนกหวีด พวกเขาอยู่ในความงุนงง แต่เมื่อพวกเขาจําสิ่งที่ร้อยโทลั่วพูดเมื่อคืนนี้ได้ พวกเขาก็ลุกขึ้นในทันที
ถูกตัดสิทธิ์จากการสอบ!
พวกเขาตื่นแล้ว!
พวกเขาตื่นเต็มที่แล้ว!
ทุกคนใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดเพื่อจัดระเบียบตัวเองและรีบออกจากค่ายทหาร พวกเขามารวมตัวกันที่ด้านหน้าของร้อยโทลั่ว
เมื่อพวกเขามองไปที่ร้อยโทลัว ทุกคนก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน ขมขื่น!
กระนั้นร้อยโทลัวก็เพิกเฉยต่อพวกเขา เขาคุยกับหลิวเหวินซีและผู้นําคนอื่นๆ จากกระทรวงศึกษาธิการอย่างมีความสุข บางครั้งเขาจะดูนาฬิกาและนั่นก็ทําให้ทุกคนกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
“ เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว รวมกลุ่มและนับตอนเรียง”
ผู้เข้าสอบไล่นับจํานวนของตนเหมือนเมื่อคืนนี้ แน่นอนว่ามันไม่มีใครขาดหายไปในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะช้ากว่าเล็กน้อย แต่นักเรียนที่อยู่ข้างๆก็จะช่วยกัน
ร้อยโทลั่วพาทุกคนไปที่โรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า จากนั้นเขาก็พาพวกเขาไปที่อาคารหลังหนึ่ง ผู้เข้าสอบรอเป็นชั่วโมงก่อนการสอบจะเริ่มขึ้น
สองชั่วโมงต่อมา เสียงระฆังดังขึ้น ผู้เข้าสอบออกมาจากสถานที่สอบ
การสอบข้อเขียนนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่หวังเต็งคิด
แต่เมื่อดูจากสีหน้าของผู้เข้าสอบบางคน มันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทําได้ไม่ดีนัก พวกเขาถอนหายใจและคร่ำครวญทันทีที่พวกเขาออกมา
“ เฮ้อ ฉันตายแน่”
“ ใช่ เรามีเวลาเตรียมตัวเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น มันไม่มีเวลาเพียงพอเลย ฉันจําคําถามได้ แต่ฉันก็ไม่สามารถจําคําตอบได้”
“ ข้อสามนายเลือกอะไร? เอหรอ?”
“ ห้ะ ไม่ใช่หรอ?”
“ ฉันเลือกซี”
“ บัดซบ ฉันเลือกดี…”
หวังเต็งเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินนักเรียนข้างๆคุยกัน มันมีเพียงสี่ตัวเลือกสําหรับคําถามเดียว และพวกเขาก็เลือกกันครบทุกข้อ
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?
“ ดูเหมือนว่าเธอจะทําได้สินะ” หวังเต็งเห็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลายบนใบหน้าของหลินซัวหาน
“ ก็ไม่เลว มันไม่ได้ยากอะไร” หลินซัวหานไม่ปฏิเสธ ตามที่คาดไว้ สําหรับนักเรียนชั้นยอดอย่างเธอ การสอบข้อเขียนนี้ก็เป็นเรื่องง่ายๆ
“ ก็บอกแล้วไงว่าข้อสอบปีนี้ไม่ยาก” หยางเจี้ยนวิ่งเข้ามาและกล่าวเสริม
ก่อนหน้านี้เขาได้บอกพวกเขาไปแล้วว่าการสอบนี้จะไม่ยากเนื่องจากสถานการณ์พิเศษในปีนี้ และเขาก็พูดถูก
ในตอนบ่ายไม่มีอะไรทํา ดังนั้นผู้เข้าสอบจึงได้ทัวร์รอบค่ายทหารโดยมีร้อยโทลั่วเป็นผู้นําทาง
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เยี่ยมชมพื้นที่ที่เป็นความลับบางแห่ง
ขณะดูการฝึกของทหาร หวังเต็งก็เก็บค่คุณสมบัติความแข็งแกร่งและความเร็วขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามรรถเข้าไปใกล้เกินไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรวบรวมฟองสบู่ที่อยู่ไกลจากเขาได้ นอกจากนี้ ค่าคุณสมบัติความแข็งแกร่งและความเร็วนั้นก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อตัวเขามากนัก
สําหรับนักสู้แล้ว พลังฟอร์สก็มีได้ว่าเป็นรากฐาน
ยิ่งพลังฟอร์สของคุณแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ร่างกายของคุณก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นและนั่นก็ทําให้ความแข็งแกร่งและความเร็วของคุณเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นี่คือความแตกต่างระหว่างนักสู้และศิษย์นักสู้
หลังจากนั้น ร้อยโทลั่วก็พาผู้เข้าสอบไปที่สนามยิงปืนเพื่อเล่นปืน เขาปล่อยให้ผู้เข้าสอบได้สนุกสนาน
หวังเต็งเองก็สนุกสนานมากเช่นกัน
เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าการมาสอบครั้งนี้จะให้ผลประโยชน์แบบนี้แก่เขาด้วย
ทักษะปืน*1
ทักษะปืน*1
หลังจากรวบรวมค่าคุณสมบัติอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดหวังเต็งก็สามารถเปลี่ยนค่าคุณสมบัติของเขาได้ในที่สุด
ปืนกังฟู 2/10 (พื้นฐาน)
มันเพิ่มขึ้นจาก 1.8 เป็น 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย หวังเต็งแสดงความยินดีและปลอบใจตัวเองไปในเวลาเดียวกัน
น่าเสียดายที่แม้แต่ในสนามยิงปืนของทหาร เขาก็ยังไม่เห็นค่าคุณสมบัติของปืนกังฟูเลย
21.00 น.
หวังเต็งกําลังเตรียมที่จะพักผ่อน แต่แล้วหลิวเหวินซีก็ได้มาหาเขา
“ คุณลุง มาที่นี่ทําไม?”
หยางเจี้ยนซึ่งกําลังนอนอยู่บนเตียงและกําลังจะหลับ ตื่นขึ้นมาเมื่อเห็นหลิวเหวินซีเข้ามาในห้อง
“ ฉันมาที่นี่เพื่อตุยอะไรบางอย่างกับหวังเต็ง” หลิวเหวินซีกล่าว
“ คุยกับฉัน?” หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยมีความเกี่ยวข้องอะไรกับหลิวเหวินซาก่อน อย่างงั้นแล้วทําไมหลิวเหวินซีถึงมองหาเขากัน??
“ ใช่แล้วหวังเต็ง เราออกไปคุยกันข้างนอกดีไหม?” หลิวเหวินซีพยักหน้า
ทั้งสองเดินออกจากค่ายทหารและไปที่มุมเงียบสงบ
“ ลุงหลิว ลุงตามหาฉันทําไมกัน?” หวังเต็งถาม
หลิวเหวินซีรู้สึกยินดีเมื่อเขาได้ยินวิธีที่หวังเต็งเรียกเขา ชายหนุ่มคนนี้มีศักยภาพมหาศาล แต่เขาก็ยังเคารพเขาเป็นอย่างมาก เขายิ้มและพูดว่า “ ฉันไม่ใช่คนที่กําลังมองหาเธอหรอก แต่มันมีคนกําลังต้องการพบเธออยู่”
“ มีคนต้องการพบฉัน? เขาคือใครหรอ?” หวังเต็งรู้สึกงงงวยมากขึ้น
หลิวเหวินซีเอียงร่างกายของเขา จากนั้นชายวัยกลางคนที่อ้วนท้วนเล็กน้อยก็เดินออกมาจากหลังค่ายทหาร
“ ฉันเอง นักเรียนหวังเต็ง มันไม่ง่ายเลยที่จะได้พบเธอ” ชายวัยกลางคนยิ้มและพูด
“ นี่คือผู้อํานวยการเหอของเรา” หลิวเหวินซีแนะนําด้วยน้ำเสียงที่เคารพ
“ ผู้อํานวยการเหอ?” หวังเต็งตกใจ เมื่อเขานึกถึงท่าทางของหลิวเหวินซี เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าผู้อํานวยการเหอคนนี้จะต้องเป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการอย่างแน่นอน
“ ฉันขอทราบได้ไหมว่าทําไมคุณถึงอยากพบกับฉัน?” หวังเต็งถาม
ผู้อํานวยการเหอสังเกตเห็นว่าหวังเต็งน่าจะรู้ตัวตนของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงยิ้มและตอบว่า “ หวังเต็ง เธอเป็นนักสู้แล้วสินะ”
หวังเต็งตกตะลึง
ฉันโดนเปิดเผยตน?
ได้ยังไงกัน?
นั่นเป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เคยเปิดเผยช่องโหวใดๆ เขาพยายามจะหลอกถามฉันออย่างงั้นหรอ?
ในตอนแรกหลิวเหวินซีก็อยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก ผู้อํานวยการเหอนั้นถึงกับพยายามใช้เส้นสายเพื่อเข้ามาในค่ายทหารในตอนกลางคืนเพื่อพบหวังเต็ง เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทําไมผู้อํานวยการเหอถึงทําเช่นนี้
แม้ว่าหวังเต็งจะได้แสดงความสามารถที่น่าประทับใจออกมา แต่นั่นก็ไม่น่าจะใช่เหตุผลที่ทําให้ผู้อํานวยการเหอยอมลงทุนถึงขนาดนี้เพื่อมาพบเขา!
และในตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแรงจูงใจของผู้อํานวยการแล้ว!
หวังเต็งเป็นนักสู้?!
หลิวเหวินซีเริ่มสงสัยในการได้ยินของเขา อย่างไรก็ตาม ผู้อํานวยการเหอก็ไม่น่าจะพูดมั่วๆ เขามีโอกาสสูงที่จะมีหลักฐาน
“ ผู้อํานวยการเหอ คุณต้องล้อเล่นแน่ๆ ฉันเป็นแค่ศิษย์ที่เก่งกาจเท่านั้น ฉันจะไปเป็นนักสู้ได้ยังไงกัน?” หวังเต็งไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าขณะตอบ เขายังคงยิ้มและตอบ
“ ไม่เป็นไรถ้าเธอจะไม่ยอมรับ” ผู้อํานวยการเหอยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เขากล่าวต่อ “ แต่ฉันหวังว่าเธอจะสามารถเป็นคนแรกในการประเมินการต่อสู้จริงในวันพรุ่งนี้ ฉันหวังว่าเธอจะทําผลงานได้ดีที่สุดและทําให้ทุกคนสังเกตเห็นเธอ”
“ อย่ากังวลกับมัน การสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นมีความสําคัญกับฉันมาก ฉันจะทําให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน” หวังเต็งปาดเหงื่อในใจ
พยายามให้ดีที่สุด?
พยายามแค่ครึ่งเดียวก็พอแล้ว ฮ่าฮ่า!
ผู้อํานวยการเหอไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าของเขา
มันมีสีหน้าไม่เต็มใจปรากฏบนสีหน้าของเขา
“ นี่คืออะไร?”
ในกล่องมีกระดูกขนาดเท่าฝ่ามือวางอยู่ มันมีสีเขียวแกมดําทั้งหมดและเป็นประกายระยิบระยับและโปร่งแสง มันทําให้เกิดประกายแวววาวของโลหะ
มันดูสวยงามมาก
“ กระดูกดารา!” หลิวเหวินซีอุทาน
“ ใช่แล้ว มันคือกระดูกดารา!” ผู้อํานวยการเหอพยักหน้า
“ เธอคิดว่ายังไง? ถ้าเธอแสดงพลังของนักสู้ในระหว่างการประเมินการต่อสู้จริงในวันพรุ่งนี้ กระดูกดารานี้ก็จะเป็นของเธอ!”
ผู้อํานวยการเหอพูดกับหวังเต็ง
หวังเต็งสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับกระดูกดารามาก่อน มันเป็นส่วนหนึ่งของสัตว์อสูรดารา ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่หายากมาก
เฉพาะสัตว์อสูรดาราที่มีความสามารถพิเศษและทรงพลังที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พิเศษเท่านั้นที่จะสามรถให้กําเนิดกระดูกดาราในร่างกายของพวกมันได้
นอกจากนี้ สัตว์อสูรดาราทุกตัวนั้นจะให้กําเนิดกระดูกดาราเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
กระดูกดาราเหล่านี้ไม่ใหญ่โตมาก พวกมันจะมีขนาดเท่าฝ่ามือ และบางตัวก็จะเล็กถึงขนาดเท่าลูกปัดคริสตัล
อย่างไรก็ตาม สิ่งสําคัญที่สุดก็คือ กระดูกดาราทุกชิ้นมีความสามารถพิเศษ!
กระดูกดารานั้นมีประโยชน์หลายอย่าง มันสามารถใช้เพื่อสร้างอาวุธได้ ในกรณีนี้ ความสามารถเพิ่มเติมของพวกมันก็จะถูกแนบติดไปกับอาวุธ และมันก็จะทําให้อาวุธเหล่านี้เป็นสมบัติหายาก
ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงสามารถเห็นได้ว่ากระดูกดารานั้นหายากและล้ำค่าเพียงใด
ทําไมผู้อํานวยการเหอถึงเต็มใจที่จะเอามันออกมา?
“ ทําไม?” หวังเต็งยังไม่ได้เสียสติ เขาจ้องตรงไปที่ผู้อํานวยการเหอและถามเขา
“ สําหรับโปรโมชั่น!” ผู้อํานวยการเหอยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้ปิดบังความตั้งใจของเขาและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ ฉันอยู่ในตําแหน่งนี้มานานหลายปีแล้ว ถ้าฉันไม่พบโอกาสใดๆ ฉันก็อาจจะติดอยู่ในตําแหน่งนี้จนกว่าฉันจะเกษียณ อย่างไรก็ตาม สวรรค์ก็ได้มอบโอกาสครั้งใหญ่ให้กับฉัน และเธอก็คือโอกาสนั้น”
“ ฉันอยู่ในโลกการเมืองมาหลายปีแล้วและฉันก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ฉันสูญเสียความตั้งใจที่จะก้าวหน้าต่อไปบนเส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้ไปแล้ว ถ้ากระดูกดารานี้มีความสามารถในการป้องกัน ฉันก็อาจจะใช้มันเพื่อตัวเองไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ ดังนั้นฉันจึงวางแผนที่จะใช้มันเป็นรางวัลเพื่อดึงดูดผู้คนให้มาอยู่เคียงข้างฉัน”
“ ฉันไม่เคยพบใครที่คู่ควรกับรางวัลนี้มาก่อน ดังนั้นมันจึงยังคงอยู่กับฉัน แต่เธอนั้นแตกต่าง เธอยังเด็กและมีศักยภาพสูง เธอสามารถช่วยให้ฉันก้าวหน้าต่อไปในอาชีพการงานของฉันได้ กระดูกดารานี้เป็นสิ่งล้ำค่า แต่ในใจของฉัน ก็มีบางสิ่งที่สําคัญกว่านั้น”
ผู้อํานวยการเหอเป็นคนตรงมาก เขาเปิดเผยความทะเยอทะยานของเขาต่อหวังเต็งและหลิวเหวินซีอย่างโจ่งแจ้ง
หวังเต็งจ้องมาเขาอยู่เป็นเวลานาน กระนั้นเขาก็ไม่พบอะไรที่น่าสงสัย ใบหน้าอ้วนกลมนั้นดูจริงใจอย่างยิ่ง
มันแปลกๆ!
อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็รู้ว่าคนอย่างพวกเขานั้นล้วนเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ดังนั้นเขาจึงยังคงลังเลเล็กน้อย
กระดูกดารานั้นเป็นของล้ำค่าจริงๆ แต่ถ้าเขาเปิดเผยความสามารถของนักสู้ในช่วงเวลาสําคัญเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะทําให้เกิดปัญหาใหญ่อะไรหรือไม่
“ ฉันรู้ว่าเธอกําลังกังวลเรื่องอะไร” ดูเหมือนผู้อํานวยการเหอจะอ่านความคิดของหวังเต็งได้เขาพูดต่ออย่างใจเย็น “ ให้ฉันแนะนําเธอในฐานะของคนที่มีประสบการณ์นะ”
“ นักสู้ต้องสู้”
“ นักสู้นั้นแตกต่างจากศิษย์นักสู้ การแข่งขันระหว่างนักสู้นั้นรุนแรงกว่าศิษย์นักสู้มาก หากนักสู้คนใดคนหนึ่งต้องการที่จะปีนขึ้นไปบนยอดเขา เขาก็จะต้องใช้ทรัพยากรจํานวนมากมายมหาศาลอย่างไม่รู้จบ มันมากกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ และท้ายที่สุดแล้ว นักสู้นั้นก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ทรัพยากรนั้นมีจํากัด”
“ แล้วทรัพยากรเหล่านี้มาจากไหนน่ะหรอ?”
“ โดยธรรมชาติแล้ว ถ้าไม่หามาได้เอง มันก็จะเป็นสิ่งของที่แย่งชิงเอามาได้”
“ แม้ว่าเธอจะไม่ต่อสู้กับคนอื่น แต่คนอื่นก็จะมาต่อสู้กับเธอเอง มันจะไม่เป็นอะไรถ้าเธอเป็นคนธรรมดา อย่างไรก็ตาม เธอนั้นมีความโดดเด่นและมีศักยภาพที่น่าทึ่ง ดังนั้นเธอก็จะมีแต่ต้องเจอกับคู่แข่งและคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเท่านั้น และอัจฉริยะหลายคนก็จะต่อสู้กับเธอเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรเหล่านั้น”
“ ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าเธอจะแกล้งทําตัวติดดินและปกปิดความสามารถของเธอเอาไว้ในตอนนี้ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ความสามารถที่แท้จริงของเธอก็จะยังถูกเปิดเผยในที่สุด คนอื่นจะบังคับให้เธอต้องแสดงพลังที่แท้จริงของเธอ เว้นซะแต่ว่าเธอจะเต็มใจที่จะเป็นคนขี้ขลาดและยอมสละทรัพยากรในมือของเธอไปโดยไม่ต้องต่อสู้”
“ เธอไม่สามารถซ่อนมันได้ตลอดไปหรอกนะ”
คําพูดของผู้อํานวยการเหอทําให้หวังเต็งตกตะลึง
นักสู้ต้องสู้!
หวังเต็งจํานักสู้สองคนที่ต่อสู้กันจนตายเพื่อแย่งชิงไข่ใบเดียวได้ นอกจากนี้เขาก็ยังจํานักสู้อีกคนที่มาหาเขาเพื่อแย่งชิงสิ่งของที่นักสู้ทั้งสองก่อนหน้าได้ทิ้งเอาไว้
พวกเขาทั้งหมดกําลังต่อสู้ และพวกเขาทั้งหมดก็บังคับให้เขาต้องสู้
คําพูดของผู้อํานวยการเหอนั้นสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ
“ หวังเต็ง เธอทําให้ฉันผิดหวัง เธอมีศักยภาพที่ดี แต่ถ้าเธอไม่มีความคิดที่เหมาะสม เธอก็อาจจะไม่สามารถเดินบนเส้นทางนี้ได้นาน” ผู้อํานวยการเหอถอนหายใจและเปิดเผยความรู้สึกผิดหวังและเสียใจ
“ ลืมมันไปเถอะ ฉันจะไม่ทําให้มันยากสําหรับเธอ แสร้งทําเป็นว่าฉันไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้ก็แล้วกัน”
เขาหันกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้คิดที่จะพูดกับหวังเต็งอีกต่อไป
หวังเต็งมองดูเขาขณะที่เขาเดินต่อไปและห่างออกไป หวังเต็งยังคงจ้องมองไปที่หลังของเขาต่อไป
“ อะแฮ่ม หวังเต็ง ทําไมเธอถึงไม่ลองคิดใหม่ดูล่ะ”
เมื่อหวังเต็งปฏิเสธที่จะตอบกลับ ผู้อํานวยการเหอก็สาปแช่งเขาในใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงที่ประจบประแจง
“ ฮึ่ม ไอ้โง่”