บทที่ 758 อัตราชนะ
ตั้งแต่เข้าฌานมาจนตอนนี้เฉินเฟิงค้นพบปัญหาหนึ่งเข้า ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายแบ่งคลื่นของจั่วจู้แห่งญี่ปุ่น หรือว่าท่าฟันเทพเจ้าแห่งสงครามของอาเธอร์แห่งคูเรีย กระบวนท่าที่ทั้งสองคนนี้ใช้ล้วนแล้วเป็นวิทยายุทธ์ที่รุนแรงมากในศิลปะการต่อสู้
ทั้งสองวิทยายุทธ์นี้เหมือนกันอยู่อย่างคือ รวบรวมพลังลมปราณทั้งหมดมาไว้ที่จุดๆหนึ่งและปล่อยมันออกไปในทีเดียว ทำให้เกิดพลังทำลายล้างที่หนักหน่วง
วิธีแบบนี้ดูเหมือนง่าย แต่มันสร้างขึ้นมาไม่ง่ายเลย การรวบรวมลมปราณทั่วร่างแบบนี้ไม่ใช่อะไรที่คนระดับหั้วจิ้งจะทำได้ แต่ถ้าเรียนวิทยายุทธ์แบบนี้แล้วมันก็ไม่ยาก
เฉินเฟิงคิดๆ ถ้าสร้างกระบวนท่าแบบนี้ออกมา งั้นเขาก็จะได้ท่าไม้ตายเพิ่ม และการปะทะในเวลาต่อมาถือว่าสำคัญมาก แต่รับมืออาเธอร์ไม่น่ากลัวเท่าไหร่
เพราะเฉินเฟิงมีกระบวนท่ามากมาย ขาดก็แค่กระบวนท่าที่มีพลังทำลายล้างแก่กล้าแบบกระบวนท่าฟันเทพเจ้าแห่งสงครามแบบนี้เท่านั้น
ครั้งที่แล้วที่เฉินเฟิงเข้าฌานหลายวันเพื่อคิดสร้างวิทยายุทธ์ และได้สร้างออกมาได้สองกระบวนท่า ถึงจะบอกว่าสร้างได้สองกระบวนท่าก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว แต่สองกระบวนท่านั่นไม่ใช่ท่าไม้ตาย
การแข่งขันในสองวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายแบ่งคลื่นของจั่วจู้ หรือท่าฟันเทพเจ้าแห่งสงครามของอาเธอร์ก็ทำให้เฉินเฟิงตาเป็นประกาย กระบวนท่าแบบนี้ถ้าเข้าไปรับตรงๆรับรองว่าตายแน่
และความเร็วของกระบวนท่าแบบนี้ก็เร็วมาก เรียกได้ว่าโจมตีป้องกันครบเครื่อง
และในบทที่เฉินเฟิงกำลังครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ ในเมื่อไม่สามารถสร้างออกมาได้ ถ้ารู้จุดอ่อนของมันได้ก็ถือว่าช่วงเวลาที่เข้าฌานนี่คุ้มค่าแล้ว
“ท่านี้คมมาก ไม่รู้ว่าพวกเขาทำได้ยังไง หรือว่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากอาวุธสมัยใหม่?” เฉินเฟิงเหมือนจะจับจุดอะไรได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่าง เหมือนกระดาษหน้าต่างสมัยโบราณ ขอเพียงหาจุดชัดได้ก็จะทะลุได้
เวลาค่อยๆผ่านไป เฉินเฟิงยังคงหลับตาครุ่นคิด ไม่เข้าใจสักที
“หรือว่าจะเป็นเพราะ…”
เฉินเฟิงบ่นพึมพำ จากนั้นจู่ๆก็ลืมตาขึ้น
……..
โลกภายนอกครึกครื้นมาก การประลองกันของเฉินเฟิงและอาเธอร์ในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก กำลังจะเริ่มขึ้น เวลาการแข่งขันกำหนดไว้ให้เริ่มหลังเวลาเก้าโมงเช้าในวันที่ 19 ก.ค.
การแข่งนัดนี้เรียกได้ว่าดังทะลุโลก เนื่องด้วยการโฆษณาของบริษัทลอตเตอรี คนมากมายหลั่งไหลเข้ามา ถึงจะบอกว่าไม่มีตั๋วไม่สามารถเข้าไปดูในสนามแข่งได้ แต่ก็พากันมารวมกันที่วาติกันหวังจะได้ยลโฉมผู้เข้าแข่งขันทั้งสองซะหน่อย
จนถึงตอนนี้การประลองของอาเธอร์และเฉินเฟิงดังกลบทุกเรื่องหมด กลายเป็นพาดหัวข่าวในทุกเว็บไซด์ ทำให้พวกคนที่ไม่รู้เรื่องศิลปะการต่อสู้เลยยังรู้เรื่องนี้
เหตุการณ์ใหญ่ระดับนี้มีหรือสื่อมวลชนจะยอมพลาด สื่อมวลชนมากมายกับองค์การศิลปะการต่อสู้ระดับโลกร่วมมือกัน หวังว่าจะได้เข้าไปอัดรายการการแข่งขัน และค่อยทำการสัมภาษณ์เดี่ยวผู้แข่งขันทั้งสอง แต่ตอนนี้โดนองค์กรปฏิเสธ
ไม่เพียงสื่อมวลชนจะเข้าไม่ได้ แม้แต่ผู้ชมก็ไม่สามารถเอาอุปกรณ์ถ่ายภาพใดๆเข้าไปได้ด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกโหดร้ายมาก มีทุกรูปแบบ ถ้าอัดวิดีโอหรือถ่ายภาพไว้ แล้วเกิดแพร่ออกไป รับรองต้องเป็นคลื่นดังในสังคมอย่างไม่จำเป็นแน่นอน
จากนั้นในการแข่งขันไม่มีทางให้สื่อมวลชนเข้าไปได้แน่ ถึงเวลานั้นเกิดสื่อมวลชนแพร่ภาพอะไรออกไป ผลลัพธ์ที่มันจะเกิดขึ้นไม่มีใครคาดคิดได้
สหพันธ์ศิลปะการต่อสู้ระดับโลกไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่
การแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ สนามแข่งเปิดตั้งแต่หกโมงเช้า ผู้ชมต่างอาศัยตั๋วเข้าสู่สนามแข่ง และนั่งลงกับที่ตัวเอง
เวลาค่อยๆผ่านไป ประมาณแปดโมงผู้ชมก็เข้ามานั่งเกือบเต็ม แถมยังมีจำนวนมากกว่าหลายวันก่อนมากนัก การแข่งของอาเธอร์กับเฉินเฟิงจุดประเด็นความสนใจของพวกเขาขึ้นมา บางคนกลับไปแล้ว พอได้ยินเรื่องนี้ก็หวนกลับมาที่สนามแข่งใหม่
ในสนามแข่งมีจอภาพขนาดใหญ่ ประโยชน์ของมันคือในบทที่แข่ง ผู้ชมที่นั่งอยู่ไกลจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตอนนี้บนจอภาพปรากฏรูปเฉินเฟิงกับอาเธอร์ และเวลาเริ่มการแข่งขันด้วย
คนในสนามมีเยอะมาก ออกจะมากเกินไปด้วย คนส่วนใหญ่กำลังวิพากษ์วิจารณ์การแข่งครั้งนี้
“พวกนายว่า ใครจะชนะนัดนี้? เฉินเฟิง หรืออาเธอร์?”
“ฉันว่าเฉินเฟิงน่าจะชนะ เพราะเฉินเฟิงชนะมาหลายนัดแล้ว ฝีมือก็เห็นๆกันอยู่นั่น!”
“ดูท่าเมื่อวานพี่ไม่ได้มาล่ะสิ? พี่ไม่เห็นฝีมือของอาเธอร์ พูดได้เลยว่ารออาเธอร์ใช้ฝีมือที่แท้จริงออกมา เฉินเฟิงเองก็รับไม่ไหวหรอก!”
“ใช่ ถึงเฉินเฟิงจะแกร่ง แต่รับรองว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาเธอร์แน่ ช่วงนี้ต่อให้บริษัทลอตเตอรีเองยังโฆษณาอัตราชนะของการแข่งครั้งนี้เลย อาเธอร์มีโอกาสชนะสูงมาก!”
ผู้ชมคุยกันไปมาระงม ดูครึกครื้นมาก
ในพระราชวังคูเรียที่อยู่ห่างจากสนามแข่งไปหนึ่งลี้ บรรดาแม่ชีกำลังทำงานกันยุ่ง เพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าพระสันตะปาปาโจ้ส์
โจ้ส์ในฐานะพระสันตะปาปา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับล้วนแล้วแต่ผ่านการคัดกรองมาอย่างดี จะมาลวกๆไม่ได้
เรียกได้ว่ากฎของพระสันตะปาปาคูเรีย ยุ่งยากกว่าบรรดาผู้นำในหลายประเทศนัก
อีกอย่าง การแข่งศิลปะการต่อสู้ระดับโลกมีคนจากหลากหลายประเทศมาชมการแข่ง โจ้ส์ในฐานะพระสันตะปาปาคูเรีย หน้าตาของเขาถือเป็นหน้าตาของคูเรียทั้งหมด จะมาทำลวกๆไม่ได้
นอกประตูห้องโจ้ส์ อาเธอร์ยังคงยืนรักษาการณ์เช่นเดิม รอจนพระสันตะปาปาเตรียมตัวเสร็จ ก็จะได้ตามพระสันตะปาปาไปที่สนามแข่งด้วยกัน
อาเธอร์เป็นหัวหน้าองครักษ์ หน้าที่ของเขาคือรักษาความปลอดภัยของพระราชวังคูเรีย หากไม่โดนพระสันตะปาปาเรียกตัว อาเธอร์จะไม่มีทางยอมให้ใครหน้าไหนย่างเท้าเข้าไปในห้องพระสันตะปาปาได้เลย นอกจากว่าเขาจะตายซะก่อน
“ท่านอาเธอร์ ธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่มาแล้ว!”
องครักษ์คนหนึ่งเดินมาโค้งคำนับข้างอาเธอร์ ไม่ว่าใครหน้าไหนที่คิดจะย่างเท้าเข้าใกล้ห้องพระสันตะปาปาในระยะสองร้อยเมตรจะต้องผ่านการตรวจค้นของทหารองครักษ์ก่อน
“อืม ธิดาเทพแห่งพรรคมีเรื่องอะไรต้องการพบท่านโจ้ส์หรือ?”
อาเธอร์ไม่รู้ทำไมพอได้ยินชื่อธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ เขาทั้งเจ็บปวดและโกรธขึ้ง ความรู้สึกมันสับสนมาก
“ธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่อยากจะพบท่านครับ!” ทหารพูดทั้งๆโค้งคำนับ
“หือ?”
อาเธอร์เซ็งๆไม่รู้ว่าธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่มาหาตนทำไม เลยไม่คิดมาก และให้ทหารนำทาง อาเธอร์เดินไกลออกไป
เขาเห็นธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ยืนอยู่ลิบๆ สวมชุดยาวสีดำ มีไม้กางเขนที่หน้าอก
ถึงจะบอกว่าธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ใส่ผ้าปิดหน้าไว้ แต่ก็ปิดบังความงามของเธอไม่มิด
“ธิดาเทพ!”
อาเธอร์หยุดยืนห่างจากธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ไม่ถึงห้าเมตร และทำความเคารพเธอด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอาเธอร์ วันนี้ฉันมาหาท่าน เพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว จะได้หรือไม่?”
น้ำเสียงของธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ช่างไพเราะน่าฟัง
“เป็นเกียรติของกระผมยิ่งนักครับ!”
อาเธอร์ยิ้มกว้างขึ้น เขาตื่นเต้นหนักมาก ธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ชวนเขาคุย นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะเดียวกันที่ตื่นเต้นเขาเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะอยากคุยกับเขาด้วยเรื่องอะไรในเวลาแบบนี้
ทหารข้างๆก็รู้แกว เขาค่อยๆถอยออกไปเงียบๆ
“การแข่งกำลังจะเริ่มขึ้น ไม่รู้ว่าท่านอาเธอร์คิดว่ามีโอกาสชนะเท่าไหร่?”
ธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่เดินไปด้วยกันกับอาเธอร์อีกสิบกว่าเมตร และเริ่มพูดหลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถได้ยินแน่
