บทที่ 94: จับและนั่นเป็นชิ้นเพื่อการวิจัย
ในห้องนั่งเล่น
ลูกพ่อ ถึงเวลาแล้ว เร็วเข้าและป้อนหมายเลขประจําตัวผู้เข้าสอบของลูกสักที
หวังเฉินกั่วจ้องไปที่นาฬิกาอยู่เป็นเวลานาน และทันทีที่เข็มวินาทีกระโดดไปที่เวลา 12:00 น. เขากระตุ้นหวังเต็งอย่างตื่นเต้น
พ่อ มันจําเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรอ? หวังเต็งไม่รู้จะพูดยังไงดี
มีแล็ปท็อปวางอยู่ข้างหน้าเขา และหน้าเข้าสู่ระบบก็ถูกเปิดขึ้นบนหน้าจอแล้ว มันเหลือแค่กรอกเลขประจําตัวสอบ
เฮ้ เถิบไปเลย เดี๋ยวแม่ทําเองก็ได้ หลี่ซิ่วเหม่ยรู้สึกใจร้อนกว่าหวังเฉินกั่วมาก เธอผลักหวังเต็งออกไปและกระชากบัตรประจําตัวผู้เข้าสอบของเขามาเพื่อป้อนหมายเลข
หลังจากตรวจสอบข้อมูลแล้ว เธอก็คลิกปุ่มส่ง
ภาษา: 136
คณิตศาสตร์: 141
อังกฤษ: 143
การตรวจสอบระดับ: ศิษย์นักสู้ชั้นยอด นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว – (ยืนยัน)
ข้อเขียนหลักสูตรศิลปะการต่อสู้: 145 (จาก 150)
การประเมินการต่อสู้จริง: 100+20 (จาก 100)
เมื่อพวกเขาเห็นข้อมูลบนหน้าจอ หวังเฉินกั่วและหลี่ซิ่วเหม่ยก็กลายเป็นใบ้อยู่เป็นเวลานาน
หลี่ซิ่วเหม่ยกดออกจากระบบแล้วเข้าสู่ระบบอีกครั้ง คราวนี้เธอตรวจสอบหมายเลขประจําตัว ผู้เข้าสอบของหวังเต็งอีกครั้งและทําให้แน่ใจว่ามันเป็นหมายเลขเดียวกันกับก่อนที่เธอจะคลิกปุ่มส่ง
ผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนแปลง
หวังเฉินกั่วและหลี่ซิ่วเหม่ยได้แลกเปลี่ยนสายตากัน ในท้ายที่สุดหวังเฉินกั่วก็กล่าวว่า กดออกจากระบบอีกครั้งสิ ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนกรอกหมายเลขเอง
หลี่ซิ่วเหม่ยส่งบัตรประจําตัวผู้เข้าสอบของหวังเต็งให้เขาและลุกออกจากที่นั่ง
หวังเต็ง: …
ทั้งสองคนเข้าสู่ระบบมาเป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ผลลัพธ์ของหวังเต็งก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
คืออะไร? นี่พ่อแม่ยังเห็นผมเป็นลูกในไส้อยู่รึเปล่าเนี่ย? แค่ผมทําคะแนนได้ดี พ่อกับแม่ก็ถึงจับจําผมไม่ได้เลยอย่างงั้นหรอ?
หวังเต็งกลอกตาเมื่อเห็นว่าพวกเขายังคงเข้าระบบออกระบบเขามองพวกเขาด้วยการแสดงออกว่า เจ็บปวด
หวังเฉินกั่วและหลี่ซิ่วเหม่ยยิ้มอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่าพวกเขากําลังฝันไป
ลูกชาย ลูกจะตําหนิเราไม่ได้หรอกนะ ท้ายที่สุดแล้วคะแนนของลูกมันก็ยากที่จะเชื่อ! หวังเฉินกั่วอุทานออกมา
แล้วลูกทําคะแนนได้ดีขนาดนี้ได้ยังไงกัน? แม่ไม่เคยเห็นลูกเข้าเรียนมาก่อนเลย บอกแม่มานะว่าลูกมีโพยข้อสอบใช่ไหม? หลี่ซิ่วเหม่ยเอนไปข้างหน้าและถามเขาอย่างลึกลับ
ถามจริง? ใครันจะไปมีโพยข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยกัน?
หวังเต็งรู้สึกหมดหนทาง เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้มันจะต้องเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียง แค่อธิบายอย่างอดทน หลังจากที่ผมเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ผมกลายเป็นนักสู้ ผมก็รู้สึกว่าสมองของผมมันเริ่มทํางานได้ดีขึ้น และความจําของผมเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ผมสามารถจดจําข้อมูลใดๆก็ได้หลังจากอ่านไปสองสามครั้ง และตอนนี้สมองของผม มันก็กําลังหมุนอย่างโกรธเกรี้ยว นี่เป็นหนึ่งในความลับของผม อย่าเอาไปบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ
ถ้าผมถูกจับได้และถูกนั่นเป็นชิ้นๆเพื่อการวิจัย พ่อกับแม่ก็อาจจะสูญเสียลูกชายอัจฉริ ยะคนนี้ก็ได้
เขาตั้งใจพูดให้มันดูเหมือนเรื่องจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ ทั้งนี้ก็เพื่อทําให้พ่อและแม่ของเขาหลงเชื่อและช่วยเขานารโกหกคนภายนอก
ห้ะ ลูกหมายถึงอะไร ถูกจับได้และถูกนั่นเป็นชิ้นๆเพื่อการวิจัย? ลูกนี่ชอบพูดแต่เรื่องไร้สาระ หลี่ซิ่วเหม่ยพูดอย่างโกรธเคือง
พ่อคิดว่าพ่อเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของลูกมาก่อน การที่สมองของลูกเริ่มดีขึ้นนั้น อาจจะเกี่ยวเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของพลังแห่งจิตวิญญาณ โอ้ ใช่แล้ว พ่อเคยได้ยินเรื่องนี้มา จากเพื่อนที่มีลูกสาวเข้าสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้เมื่อปีก่อนๆ พ่อจําได้ว่าเธอคนนั้นได้สร้างผลงานที่ดีเป็นอย่างมากและทําให้ทุกคนจดจําเธอได้ หวังเฉินกั๋วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะลูบคางของเขาและเปิดปากพูด
พลังแห่งจิตวิญญาณ?! หวังเต็งพูดซ้ํา เขาสงสัยว่าพลังแห่งจิตวิญญาณนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณของเขาหรือไม่
สิ่งนี้ฟังดูไม่น่าเชื่อถือและดูจะเพ้อเจ้อเล็กน้อย แต่ฉันก็ได้ยินมาว่ามันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เกิดมาพร้อมกับพลังแห่งจิตวิญญาณ และพวกเขาทุกคนก็ล้วนมีความสามารถพิเศษ หวังเฉิน กั่วกล่าวอย่างมั่นใจ ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินมาเพียงแค่ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น
นั่นหมายความว่าอาการของลูกชายของเรานั้นก็ไม่น่าจะใช่ความลับใหญ่โต และบางที นี่ก็ อาจจะเป็นพรสวรรค์พิเศษที่ลูกพูดถึงเมื่อตอนนั้นก็ได้ หลี่ซิ่วเหม่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะตรวจสอบข้อเท็จจริง เราก็อย่าเพิ่งไปประกาศให้ทุกคนทราบเลย เราควรให้เต็งน้อยจัดการเรื่องของเขาเอง หวังเฉินถั่วกล่าว
หลี่ซิ่วเหม่ยพยักหน้า เธอมองดูผลลัพธ์บนหน้าจอและยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้
ความสามารถของลูกชายของเรานั้นอาจจะให้ทําผู้คนรู้สึกหวาดกลัวได้
ฮ่าฮ่า พวกเขาสมควรที่จะหวาดกลัว ฉันจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าลูกชายของฉันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าใคร เขามีความโดดเด่นมากกว่าอัจฉริยะที่ประกาศตัวเองออกมาด้วยซ้ํา หวังเฉินกั๋วรู้สึกโล่งใจและภูมิใจเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้สูญเสียความสุขุมของเขาไป เขากล่าวต่อว่า แต่เราต้องบอกคนอื่นว่าเต็งน้อยของเราทํางานหนักมากที่บ้าน ด้วยวิธีนี้มันก็จะไม่ฟังดูน่าสงสัย
ถูกต้อง ถ้าเขาเป็นจุดสนใจมากเกินไป เขาก็อาจจะถูกจับและนั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อการวิจัยก็ได้ ท้ายที่สุดแล้วสมองของเขาก็เริ่มทํางานดีขึ้น มันจะเสียเปล่าถ้ามันถูกหันไป หลี่ซิ่วเหม่ยพยักหน้าเห็นด้วยขณะที่เธอลูบศีรษะของหวังเต็ง
หวังเต็ง: …
รู้สึกไม่ดีเลยแหะ
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเขาก็เพิกเฉยต่อเขาและยังคงชมเชยผลลัพธ์บนหน้าจอแล็ปท็อปต่อ
ลูกพ่อ มันเกิดอะไรขึ้นกับผลการตรวจสอบระดับและการประเมินการต่อสู้จริงของลูกกัน? หวังเฉินกั่วถามด้วยความสงสัย
ในระหว่างการตรวจสอบระดับ ผมก็แสดงแค่พลังของศิษย์นักสู้ชั้นยอดเท่านั้น แต่ในระหว่างการประเมินการต่อสู้จริง ผมก็ได้ปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงของผมในฐานะนักสู้ และเมื่อผู้ว่าราชการเจียงเห็นดังนั้น นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาจึงเพิ่มวงเล็บด้านหลังผลลัพธ์ หวังเต็งอธิบาย
ลูกได้พบกับผู้ว่าราชการเจียงด้วยหรอ? หวังเฉินกั๋วรู้สึกประหลาดใจ
ถูกต้อง
พ่อยังไม่เคยเห็นหน้าผู้ว่าราชการเจียงมาก่อนเลย
โอ้พระเจ้า ลูกเส้นใหญ่กว่าพ่อด้วยซ้ํา หวังเฉินกั่วคร่ําครวญด้วยความอิจฉา
ผู้เฒ่าหวัง โลกของคุณมันจะแคบเกินไปแล้ว เดี๋ยวถ้าฉันว่างๆแล้วฉันจะพาคุณไปเปิดโลกนะ หวังเต็งตบไหล่หวังเฉินกั่วราวกับผู้อาวุโส
เอามือออกไปซะไอ้หนู กล้าดียังไงมาหัวเราะเยาะพ่อตัวเอง หวังเฉินกั่วตีมือของหวังเต็งด้วยความโกรธ
จากนั้นเขาก็ถามต่อไปว่า แล้วเรื่องผลการประเมินการต่อสู้จริงล่ะ? ทําไมมันถึงมีเพิ่มมา 20 คะแนน?
หวังเต็งลูบคางของเขาและพูดว่า บางทีพวกมันก็อาจจะเป็นคะแนนจากตอนนี้ผมฆ่าสัตว์อสูรดารา
อันที่จริงเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
สัตว์อสูรดารา! หวังเฉินกั่วและหลี่ซิ่วเหม่ยอุทานออกมา ทําไมถึงมีสัตว์อสูรดาราถึงได้ปรากฏขึ้นในการประเมินการต่อสู้จริงกัน?
มันเป็นอุบัติเหตุ หวังเต็งยิ้มอย่างเชื่องช้าและเล่าเรื่องทั้งหมด
โอ้พระเจ้า ดูเหมือนว่าผู้เข้าสอบหลายคนจะถูกฆ่าตาย ฉันไม่คิดมาก่อนว่าการประเมินการต่อสู้จริงนั้นมันจะอันตรายขนาดนี้ นี่ลูกเป็นอะไรไหม? หลี่ซิ่วเหม่ยเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเธอฟังเรื่องราวที่หวังเต็งเล่า
ผมสบายดี มองผมสิ นั่นเป็นอุบัติเหตุแรกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้เข้าสอบเพิ่งแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น มันไม่มีใครเสียชีวิต หวังเต็งรีบปลอบแม่ของเขา
งั้นก็ดี หวังเฉินถั่วพูดขึ้นจากด้านข้าง
ในขณะนี้ โทรศัพท์ของหวังเต็งก็ดังขึ้น มันเป็นสายเรียกเข้าจากหลินซัวหาน
เขารับสาย สวัสดี หัวหน้าห้อง ผลงานของเธอเป็นยังไงบ้าง?
หวังเต็ง ฉันผ่าน! ฉันได้รับ 80 คะแนนสําหรับการประเมินการต่อสู้จริงของฉัน 80 คะแนน ได้ยินไหมว่าฉันได้ 80 คะแนน!
เสียงของหลินซัวหานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเต็งเห็นเธอสูญเสียความสงบเช่นนี้
หวังเต็งเองก็ตกตะลึงเช่นกัน หลินซัวหานสามารถฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ได้เพียงห้าตัวเท่านั้น และสี่ตัวในนั้นก็อยู่ในระดับต่ําด้วยซ้ํา มันมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่เป็นสัตว์กลายพันธุ์ระดับกลาง
นอกจากนี้ เธอก็ไม่ได้พึ่งพาความสามารถของเธอในการฆ่าพวกมันด้วยซ้ํา วิธีการของเธอนั้นถือเป็นการวางกับดักซะมากกว่า
อย่างไรก็ตาม เธอก็สามารถได้รับผลลัพธ์ที่ดีได้ ดูเหมือนว่าผลลัพธ์นี้จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับจํานวนสัตว์กลายพันธุ์ที่ถูกฆ่าเท่านั้น แต่มันยังมีองค์ประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีก