ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 808

ตอนที่ 808

เฉินเฟิงกำลังยกมือขึ้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนของสือโพ่จุน

“คุณชายเฉิน ได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตด้วยเถอะ”

เฉินเฟิงมองไปที่เขาด้วยสีหน้าสงสัย ทำไมสือโพ่จุนถึงได้มาขัดขวางเขาด้วยล่ะ เมื่อเปรียบเทียบกับชิงชิวแล้ว เขายินยอมที่จะฟังความคิดเห็นของสือโพ่จินมากกว่า โดยเขาทั้งสองคนรู้จักสนิทสนมกันมานาน เขารู้ดีว่าสือโพ่จุนไม่มีเหตุผลใดที่จะให้ร้ายเขา

“ทำไม? ” เฉินเฟิงถามขึ้น

สือโพ่จุนพูดอย่างหนักแน่น

“ข้าไม่ได้ต้องการที่จะขัดขวางคุณชายเฉิน แต่มีความคิดบางอย่างที่ต้องการจะพูดคุยกับท่านถ้าหากว่าท่านรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม อย่างนั้นค่อยลงมือจัดการก็ไม่เสียหายอะไร แต่หากว่าท่านคิดว่ามันเหมาะสม ข้าก็ถือว่าได้ช่วยเหลือคุณชายเฉินเพื่อลดการเกิดปัญหาความยุ่งยากอื่น ๆ ที่จะตามมา”

เจ้านี่มันช่างพูดเก่งเสียจริง เฉินเฟิงยิ้มและกล่าวขึ้น

“อย่ามามัวชักช้าอยู่เลย ข้าจะไม่รู้นิสัยของนายได้อย่างไร มีอะไรก็รีบพูดออกมาเดี๋ยวนี้”

ทว่าไม่เพียงแค่เฉินเฟิงเท่านั้นที่แปลกใจ ขนาดไอ้อ้วนที่มีท่าทางกังวลรวมถึงคนอื่น ๆ ก็แปลกใจเช่นกันว่าสือโพ่จุนจะมีความคิดเห็นอย่างไร แต่พวกเขาก็ผิดหวังไปตามกัน โดยที่สือโพ่จุนเดินเข้าไปที่ด้านข้างของเฉินเฟิง และกระซิบพูดที่ข้างหูของเขา แล้วเฉินเฟิงก็หัวเราะดังขึ้น

“นายมีความคิดที่ดีจริง ๆ ตกลง ฟังนายก็แล้วกัน ข้าสามารถที่จะปล่อยไว้ชีวิตไอ้คนนี้ไปได้”

สือโพ่จุนก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน

“อย่างนั้นเท่ากับว่าข้าก็ได้ทำเรื่องที่ดีแทนคุณชายเฉินแล้วเรื่องหนึ่ง”

แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่าสือโพ่จุนนั้นพูดอะไรบ้าง แต่ได้ยินว่าเฉินเฟิงจะปล่อยไว้ชีวิตหวางลั่วปิง ไอ้อ้วนกับคนอื่น ๆ ก็ดีอกดีใจยกใหญ่ และกล่าวขอบคุณ

แต่เฉินเฟิงกลับพูดขัดขวางขึ้นไว้

“พวกนายยังไม่ต้องรีบร้อนที่จะกล่าวขอบคุณข้า นอกจากสิ่งของที่พวกนายตกลงจะให้ข้าแล้วนั้น ข้ายังต้องการสิ่งของอีกชิ้นหนึ่ง”

ไอ้อ้วนกับคนอื่น ๆ ต่างก็หวาดระแวงขึ้นอีก โดยเงื่อนไขที่เสนอให้เมื่อครู่นั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาได้ยินยอมเสนอให้อย่างที่สุดแล้ว หากว่าจะต้องการอะไรอีก ต่อให้พวกเขาขายตนเองทิ้งก็เกรงว่าจะไม่มีทางที่จะให้ได้ตามที่ต้องการแล้ว

เฉินเฟิงยิ้มแล้วก็ชี้ไปยังไอ้อ้วน

ไอ้อ้วนมองไปที่เฉินเฟิงด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร

“ก็นายนั่นแหละไอ้เจ้าอ้วน ข้าชื่นชอบในตัวของนาย”

ไอ้อ้วนตกใจถึงขนาดคุกเข่าลงบนพื้น ตะโกนร้องขอชีวิตเสียงดัง

“คุณชายเฉิน ท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าเป็นเพียงสิ่งของที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย ท่านจะเอาชีวิตข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยังจะเป็นการทำให้มือของท่านสกปรกเสียอีก ท่านไว้ชีวิตข้า ข้าจะสวดมนต์ไหว้พระขอพรให้ท่านทุกวัน ขอให้ท่านมีชีวิตยืนยาวอายุนับร้อยปี”

ไอ้อ้วนที่กลับกลอกผู้นี้นึกไม่ถึงว่าจะเกรงกลัวความตายขนาดนี้ เฉินเฟิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“ข้าไม่ได้ต้องการชีวิตของนาย ต่อไปนายมาติดตามข้า หากว่าซื่อสัตย์ไม่คดโกง ข้ารับรองว่านายจะปลอดภัยไร้ความกังวลไปตลอดชีวิต”

แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ไอ้อ้วนก็ยังคงร้องขออ้อนวอน

เฉินเฟิงทนรำคาญไม่ไหวและพูดขึ้นว่า

“หากกล้าที่จะพูดมากอีก ข้าจะเอาชีวิตของนายเดี๋ยวนี้”

คำข่มขู่นี้ทำให้ไอ้อ้วนตกใจกลัวจนไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก โดยสีหน้าที่ร่ำไห้เสียใจนี้ ดูไม่ดีดูย่ำแย่เอาเสียมาก

เรื่องราวในสวนซวนหยวนก็ได้สิ้นสุดลง

เฉินเฟิงก็ไม่ได้ไปสืบเสาะรับฟังเรื่องราวของคนเหล่านั้นอีก แต่ทราบว่าหวางลั่วปิงถูกนำตัวกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนชิงชิวนั้นก็หาบสาบสูญไป ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่แห่งใด

ในส่วนของไอ้อ้วนที่ถูกเฉินเฟิงนำตัวกลับมานั้น ก็ได้ส่งตัวไปให้กับสือโพ่จุน โดยเฉินเฟิงก็ไม่ได้ใช้งานอะไรเขาสักเท่าไหร่

ส่วนเรื่องอื่นที่เหลือ ก็คือหินพิเศษที่เฉินเฟิงนำกลับมานั่นเอง

เขาศึกษาพิจารณาอยู่ทั้งวัน ก็ทราบได้ว่าที่จริงแล้วส่วนที่มีความพิเศษก็คือกล่องใบนั้นต่างหาก ซึ่งก็เป็นคลื่นสัญญาณที่ออกมาจากกล่องใบนั้นที่รบกวนความคิดของเขา ส่วนหินก้อนนั้นก็เป็นเพียงแค่หินธรรมดาเท่านั้นเอง

การค้นพบครั้งนี้เกือบที่จะทำให้เฉินเฟิงต้องบินไปยังตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อไปจับตัวยอดฝีมือจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับมา

แต่ผ่านไปสองวัน เขาก็คลายความโกรธลง ก็ยิ้มหัวเราะต่อตนเอง เดิมทีก็เป็นแค่คำเล่าลือ ทำไมจะต้องเชื่อกันอย่างง่ายดายขนาดนี้ล่ะ จะต้องโทษตนเองที่โลภมากจนเกินไป

สวนซวนหยวนที่ได้รับจากหวางลั่วปิงถือเป็นสถานที่ที่ดีงามอย่างมาก คลับด้านหน้าทั้งหมดและภูเขาด้านหลังต่างก็เป็นพื้นที่ของสวนนี้ทั้งหมด

ไม่มีไอ้พวกคนที่น่ารำคาญเหล่านั้นเข้ามาด้านใน เฉินเฟิงก็ได้พาหลินหวั่นชิวเข้ามาพักผ่อนอย่างสบายใจ

“ทำไมคุณถึงคิดที่จะมาหาฉันแล้วล่ะ ฉันคิดว่าคุณได้หลงลืมฉันไปแล้วเสียอีก”

เมื่อพบเจอหน้ากันหลินหวั่นชิวก็ได้พูดบ่นขึ้นบ้าง

“ฉันก็แค่ยุ่งบ้างเล็กน้อย นี่เมื่อมีเวลาแล้วก็รีบมาหาคุณเลยไม่ใช่เหรอ? คุณยังจะมาบ่นว่าฉันอีก ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว”

“คุณอย่ามาทำเป็นว่าไม่ได้รับความชอบธรรมอะไรอย่างนี้นะ”

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงแสดงท่าทางที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมออกมา หลินหวั่นชิวก็ชกหมัดเข้าไปที่ร่างของเฉินเฟิง

เฉินเฟิงก็ยิ้มรับหมัดที่ชกออกมานี้ และก็ทำทีเป็นว่าเจ็บปวดรุนแรงอย่างมาก

หลังจากที่หยอกล้อกันกับหลินหวั่นชิวแล้ว ก็ได้ดื่มด่ำชื่นชมกับบรรยากาศและความสุขสบายของสวนแห่งนี้อย่างเต็มที่

ขณะที่เฉินเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิงข้างสระว่ายน้ำและกำลังเคลิ้มหลับนั้น ก็ได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายขึ้น

เขารู้สึกแปลกใจ จึงเดินไปตามทิศทางที่เสียงดังขึ้นมาโดยที่สวมใส่เพียงแค่กางเกงขาสั้น

เดินจนใกล้ที่จะถึงประตูทางเข้า จึงเห็นว่ายามกำลังขัดขวางห้ามไม่ให้คนภายนอกเข้ามาด้านใน

ซึ่งก็เหมือนกับตอนแรกที่ขัดขวางเฉินเฟิงอย่างนั้น แต่หลังจากที่เฉินเฟิงเป็นเจ้าของสวนแห่งนี้แล้วก็ไม่ได้ที่จะไปคิดหาเรื่องอะไรกับเขาอีก

เพียงได้ฟังสองสามคำ เฉินเฟิงก็พอจะทราบแล้วว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

เขาเดินเข้าไป หลินหวั่นชิวก็เดินตามมาด้วยพอดี

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ”

“ฉันก็เพิ่งมาถึง เราเดินไปดูพร้อมกันเถอะ! ”

เมื่อมาถึงด้านข้างของยามผู้นั้น เฉินเฟิงจึงได้เห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม

ผู้ชายสามคนกับผู้หญิงสองคน อายุใกล้วัยกลางคน โดยคนในกลุ่มนี้ที่โวยวายเอะอะมากที่สุดก็คือผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวแบบทันสมัย

“ทำไมถึงไม่ให้พวกเราเข้าไปด้านใน พวกเราเป็นสมาชิกของที่นี่”

“การเป็นสมาชิกของพวกคุณนั้นได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงให้พวกคุณเข้าไปไม่ได้”

หลังจากที่เฉินเฟิงครอบครองสวนแห่งนี้แล้ว แน่นอนว่าไม่อนุญาตให้พวกคนอื่นที่วุ่นวายเหล่านั้นเข้ามาด้านในได้อีก ดังนั้นเขาจึงได้สั่งคนให้จัดการยกเลิกผู้ที่เป็นสมาชิกทั้งหมด โดยที่ได้จ่ายเงินชดเชยตามที่สัญญาระบุเอาไว้

แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาหาเรื่องสร้างความวุ่นวายอีก

“ยกเลิกอะไรกัน ฉันเป็นสมาชิกของที่นี่ พวกคุณไม่มีสิทธิที่จะยกเลิก คุณไม่รู้หรืออย่างไรว่าพวกเราเป็นใคร? ”

เฉินเฟิงไม่ได้พูดอะไร เขาต้องการจะดูว่ายามผู้นั้นจะปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนกันกับที่เคยปฏิบัติต่อเขาหรือไม่

ดีที่ว่ายามผู้นี้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด เขาพูดว่า

“เบื้องบนมีประกาศออกมาแล้ว ฉันก็ไม่มีสิทธิอะไร และฉันก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้พวกคุณเข้าไปด้านในได้”

“นายไปตามหัวหน้าของพวกนายมา ฉันไม่เชื่อว่าวันนี้ฉันจะเข้าไปด้านในไม่ได้ ทั่วทั้งยันเจียงไม่มีผู้ใดที่กล้าจะไม่เห็นแก่หน้าของฉัน ซึ่งฉันไม่เคยพบเจอมาก่อน”

ผู้หญิงคนนั้นพูดจาโอ้อวดเป็นอย่างมาก

หลินหวั่นชิวเริ่มใจอ่อนลงบ้างแล้ว เธอรู้สึกว่ายามที่แบกรับความกดดันมากขนาดนี้นั้นน่าสงสาร จึงได้ดึง ๆ แขนเฉินเฟิง

“คุณไม่แสดงตัวหรอกเหรอ? ”

“รออีกสักครู่ พวกคนเหล่านี้มักจะใช้อำนาจบาตรใหญ่อยู่เป็นประจำ ปล่อยให้พวกเขาถูกเล่นงานบ้างก็ถือเป็นเรื่องดี”

ในเมื่อเฉินเฟิงพูดขึ้นอย่างนี้แล้ว หลินหวั่นชิวจึงทำได้เพียงยืนเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้าง

หลายคนในนั้นเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างจะโอ้อวดเกินไปแล้ว ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูค่อนข้างหนักแน่นจึงได้ดึงตัวของผู้หญิงวัยกลางคนนี้เอาไว้

ชายที่สวมแว่นตาได้เดินอ้อมฝ่ายตรงข้ามไป และได้มายืนอยู่เบื้องหน้าของยาม

เขาค่อย ๆ พูดกับยามผู้นั้นอย่างช้า ๆ ว่า

“นายอยู่ในตำแหน่งหน้าที่นี้ไม่รู้จักพวกเรานั้นก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแค่นายไปเชิญผู้จัดการของนายมา พวกเราก็จะไม่ทำอะไรนาย ฉันคิดว่าหากเป็นแบบนี้คงจะไม่มีปัญหาอะไร”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท