ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 812

ตอนที่ 812

แต่คำพูดติดอยู่ที่ปาก และแต่ละคนต่างก็พอรับทราบกันดีแล้ว เจี่ยว่างเล่ที่อยู่ด้านข้างจึงพูดขึ้น

“นายจะมาเสแสร้งกันอยู่ทำไมล่ะ ถ้าหากว่ามีอุปสรรคอะไรก็พูดออกมาเลย คนกันเองทั้งนั้น หรือคิดว่าจะไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยอย่างนั้นเหรอ”

เน่เฉินกับเน่เจิ้งทั้งสองคนก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร พวกเขามาที่นี่เพราะเป็นตัวแทนของสำนัก เทียนซานเพื่อมาสานสัมพันธ์กับตระกูลเจี่ย ตระกูลผู้มีอิทธิพลอำนาจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ดังนั้นเมื่อเจี่ยตงแสดงสีหน้าที่ดูย่ำแย่ พวกเขาก็สามารถที่จะแสดงพละกำลังออกมาให้ประจักษ์ เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเทียนซานกับตระกูลเจี่ยในอนาคตมีความหนักแน่นมากขึ้น

“อย่างนั้น ข้าก็จะพูดแล้ว แต่สองพี่น้องห้ามที่จะหัวเราะเยาะเด็ดขาด”

พูดจบ เขาก็เริ่มเล่าถึงเรื่องราวที่ได้พบเจอกับเฉินเฟิงโดยที่เพิ่มเติมเนื้อหาอื่น ๆ เข้าไปมากมาย

“ไอ้คนชั่วช้าสารเลว อาศัยว่าตนเองมีพื้นฐานวิทยายุทธ์การต่อสู้ที่ดีแล้วกำเริบเสิบสานไปรังแกคนอื่นไปทั่ว ข้าคิดที่จะช่วยเหลือสาวน้อยคนนั้นจริง ๆ แต่ความสามารถด้อยกว่าฝ่ายตรงข้าม จึงได้แต่มองดูสาวน้อยคนนั้นถูกจับตัวไป ซึ่งตอนนี้เสียงร้องไห้ของเธอก็ยังคงดังวนเวียนอยู่ที่ข้างหูของข้า แต่ข้ากลับไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้”

เขาเกือบจะร้องไห้ขณะที่กำลังเล่าเรื่องราว ซึ่งก่อนที่จะทำให้ผู้อื่นซาบซึ้งใจนั้น ตนเองได้ซาบซึ้งใจไปก่อนแล้ว

ในคำบอกเล่าของเขา เฉินเฟิงก็คืออันธพาล ส่วนเขานั้นคือฮีโร่ผู้ช่วยเหลือหลินหวั่นชิว เพียงแต่ฮีโร่ไม่สามารถต่อสู้เอาชนะอันธพาลได้เท่านั้นเอง

เดิมทีก็ประทับใจในตัวเจี่ยตงอยู่บ้างแล้ว และเมื่อเน่เฉินได้ฟังเรื่องราว ก็เกิดแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมขึ้นและพูดว่า

“ไอ้พวกคนชั่วของวงการต่อสู้ ข้าที่เป็นผู้ฝึกฝนการต่อสู้รวมถึงคนอื่น ๆ ก็ควรที่จะฆ่าเขาทิ้งซะ”

เจี่ยว่างเล่เพิ่งได้ฟังเรื่องราวที่เจี่ยตงไปได้ประสบพบเจอเป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกว่า

“ทำไมนายไม่พูดบอกกับคนในครอบครัวตั้งแต่แรก แม้ว่าตระกูลเจี่ยของเราจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สมควรที่จะให้ใครมาข่มเหงรังแกกันอย่างนี้ วันหลังข้าจะตามหาเพื่อนพ้องนักบูโด เพื่อไปแก้แค้นให้กับนาย”

เจี่ยตงยังไม่ทันได้พูด เน่เจิ้งที่อยู่ด้านข้างได้พูดขึ้นว่า

“คุณลุง พี่เจี่ยตง เรื่องนี้คงไม่ต้องไปรบกวนผู้อื่นหรอก ฉันคิดว่าพวกเราสองพี่น้องเหมาะสมที่สุดแล้ว”

เขากล้าที่จะพูดออกมา เน่เฉินจึงได้ดึงตัวเขาบ้างเล็กน้อย หมายความว่าไม่ต้องการจะให้เขา ตกปากรับคำอะไรกับใครโดยง่าย

แต่เน่เจิ้งกลับไม่พึงพอใจ

“คนชั่วช้าแบบนี้ ต่อให้คนในตระกูลรับทราบ พวกเขาก็คงไม่พูดอะไรหรอก พี่ชาย การอบรมของสำนักเทียนซานของเราได้กล่าวไว้ว่าหากผ่านมาเห็นความไม่ชอบธรรม ก็ต้องชักดาบเข้าช่วยเหลือ”

“ข้าทราบ แต่ว่า……” เน่เฉินจะค่อนข้างจะลังเลเมื่อเทียบกับน้องชายของเขา

“เรื่องนี้คงไม่กล้าที่จะรบกวนพวกคุณทั้งสองหรอก เดิมทีก็เป็นเรื่องของตระกูลเจี่ยเราเอง พวกคุณทั้งสองเป็นตัวแทนของสำนักเทียนซาน หากว่าพลาดพลั้งพ่ายแพ้ขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะเรื่องนี้แล้วทำให้สำนักเทียนซานต้องเสียหน้าอับอาย ถ้าอย่างนั้นตระกูลเจี่ยของเราก็คงจะมีโทษมหันต์

แม้ว่าจะเป็นการปฏิเสธทางอ้อม แต่ก็เหมือนกลับเป็นการยั่วยุ เจี่ยว่างเล่เห็นว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้กำลังเพิ่งจะก้าวเข้าสู่สังคม จิตใจกำลังฮึกเหิม ดังนั้นจึงได้พูดอย่างนี้ออกไป

แต่เน่เจิ้งกลับหลงกลเข้าเต็ม ๆ เขาพูดขึ้นอย่างอวดดีเล็กน้อยว่า

“เป็นไปได้อย่างไรที่จะพ่ายแพ้ ฉันกับพี่ของฉันผ่านการประลองต่อสู้มาแล้วมากมายกว่าร้อยครั้ง จนถึงวันนี้ยังไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้มาก่อน เพียงแค่คนชั่วที่ฝึกฝนวิชาชั่วร้าย พวกเราสองพี่น้องจะต้องกำจัดและลงโทษกับคนชั่วช้าอย่างสาสม”

เน่เฉินก็ถูกการยั่วยุนี้ จึงทำให้ไม่ค่อยพึงพอใจ เขาฝึกฝนถึงขั้นระดับสูง ผู้คนที่พบเห็นไม่มีใครที่จะไม่ชื่นชม ตอนนี้กลับมีคนพูดว่าเขาอาจจะพ่ายแพ้ โดยไม่สนว่าจะเป็นเพราะเหตุผลอะไร เขาก็ไม่สามารถที่จะอดทนยอมรับมันได้

ครั้นแล้วจึงพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ว่า

“เรื่องนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราสองพี่น้องแล้วกัน ครั้งแรกที่เข้ามาในเมือง ก็ถือว่าสำนักเทียนซานได้มอบของรางวัลชิ้นใหญ่ให้กับกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หวังว่าต่อไปกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะดูแลให้ความสำคัญสำนักเทียนซานของเรามากขึ้น”

“ตกลงตกลง! ”

ช่วงแวบเดียว เจี่ยตงมีรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากซึ่งคงไม่มีใครที่จะสังเกตเห็น

ช่วงกลางคืนของวันที่สิบห้า ซึ่งตรงกับวันที่พระจันทร์เต็มดวง

เวลาผ่านพ้นไป ดวงจันทร์และดวงดาวก็ขยับเคลื่อนตัวไปด้วยเช่นกัน

เฉินเฟิงได้ดีดก้นบุหรี่ออกไปทางหน้าต่าง เขารออยู่ที่นี่มาสองนาทีแล้ว แต่คนที่นัดก็ยังคงมาไม่ถึง

ที่นั่งข้างคนขับในรถของเขามีเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอกำลังกินแฮมเบอร์เกอร์ที่เฉินเฟิงซื้อมาจากร้านอาหารจานด่วน

“หนูกินช้าหน่อยก็ได้ ไม่มีใครมาแย่งหนูกินสักหน่อย”

แต่เด็กน้อยที่ผอมบางน่าสงสารกลับไม่มีท่าทีที่จะช้าลง มือที่สกปรกคู่นั้นได้จับไปที่อาหาร แล้วก็ยัดอาหารคำโตเข้าไปในปาก เหมือนกับว่าไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลานานอย่างไรอย่างนั้น

เฉินเฟิงพบเจอเด็กผู้นี้ที่สี่แยกขณะที่เดินทางมาที่นี่

เวลานั้นเพิ่งออกมาจากร้านสะดวกซื้อหลังจากที่ซื้อบุหรี่ ขณะที่กำลังเปิดประตูรถ เขาก็เห็นว่าเด็กคนนี้ขดตัวอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ หากมองจากภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นได้

เฉินเฟิงตกใจ รีบถามขึ้นว่า

“หนูเป็นใครกัน? ”

แต่เด็กคนนี้กลับไม่พูดไม่จา เงยหน้าที่สกปรกมอมแมมขึ้นมามองที่เฉินเฟิง

“พ่อแม่ของหนูล่ะ? ” เฉินเฟิงลองสอบถามดูอีกครั้ง

แต่ยังคงไม่ได้รับคำตอบเช่นเคย

มองเห็นสภาพที่น่าสงสารจริง ๆ เฉินเฟิงจึงกลับเข้าไปในร้านสะดวกซื้ออีกครั้ง เพื่อซื้อน้ำและอาหาร

“หนูลงมาจากรถนะ ฉันยังมีธุระ ไม่สามารถจะพาหนูไปได้ นี่มีทั้งน้ำและอาหาร หากว่าหนูลงมาจากรถ ฉันจะให้หนูทั้งหมดเลย”

ในมือถือสิ่งของ และพูดเกลี้ยมกล่อมกับเด็กน้อย

เฉินเฟิงมองออกว่า เด็กนั้นต้องการสิ่งของอย่างมาก แต่เธอก็ยังนอนฟุบอยู่บริเวณหน้ากระจกรถ โดยไม่มีทีท่าว่าจะลงมา

เฉินเฟิงสามารถที่จะใช้กำลัง แต่ร่างกายที่ผอมบางอย่างนั้น เขาเกรงว่าหากเขาใช้แรง ก็คงจะทำให้กระดูกหักแล้ว

ดังนั้นในที่สุด จึงกลายเป็นสภาพแบบที่เห็นในตอนนี้ เขานั่งรออยู่ที่นั่น ส่วนเด็กน้อยก็นั่งกินอาหารอยู่ด้านข้าง

เห็นได้ชัดว่าอาหารคำนี้ที่กินลงไปทำให้เด็กน้อยติดคอ เขาตบไปที่หน้าอก และก็ไม่ทราบว่าน้ำวางอยู่ที่ไหนแล้ว

เฉินเฟิงจำยอมที่จะเอาน้ำที่วางอยู่บริเวณที่นั่งของเขาและเปิดฝาขึ้น แล้วส่งไปให้เด็กน้อย

เด็กน้อยรีบรับขวดน้ำมาแล้วดื่มในทันที

“หรือว่าหนูเป็นเด็กกำพร้า? ”

ขณะที่รอคอยมันน่าเบื่อ เฉินเฟิงจึงได้สอบถามขึ้น

แต่ไม่ทราบว่าเด็กคนนี้เป็นใบ้หรือเปล่า เธอไม่ยอมพูด และก็ไม่สนใจเฉินเฟิง

ต่อให้หวังดีเอาอาหารให้เธอกิน แต่ก็เหมือนว่ายังไม่สามารถทำให้เด็กน้อยลดความหวาดระแวงในตัวเฉินเฟิงลงได้

แต่เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าในที่ไม่ไกลออกไปนักมีคนสองคนในชุดสีขาวปรากฏตัวขึ้นภายใต้แสงจันทร์

สองคนนี้ก็คือพี่น้องตระกูลเน่ พวกเขามาที่ยันเจียงก็เพื่อแก้แค้นให้กับเจี่ยตง

เฉินเฟิงแน่นอนว่าไม่รู้จักพวกเขาอยู่แล้ว แต่ขณะที่อยู่บ้านอยู่ดี ๆ ก็เกิดเรื่องรำคาญใจขึ้นซึ่งไม่ทันตั้งตัวก็เกือบที่จะถูกก้อนหินปาใส่ที่ศีรษะจนได้รับบาดเจ็บ เขาจึงไม่สนใจเรื่องนี้ไม่ได้

ก้อนหินนั้นห่อด้วยกระดาษที่ด้านในเขียนที่อยู่สถานที่แห่งนี้เอาไว้

เขาหันกลับมาพูดกับเด็กน้อยนั้นว่า

“หนูนั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปที่ไหนเด็ดขาด เดี๋ยวสักครู่ฉันก็กลับมาแล้ว”

ผู้ที่กำลังมานั้นดูท่าว่าไม่ดีอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อนำเด็กมาอยู่ที่นี่แล้ว เฉินเฟิงก็หวังแต่เพียงว่าเขาคงจะไม่ซุกซนอีก

เขาลงมาจากรถเพียงลำพัง

“นายก็คือเฉินเฟิงงั้นเหรอ? ”

เน่เจิ้งถามขึ้น

“แล้วพวกนายเป็นใครกัน? ”

“ลูกศิษย์สำนักเทียนซาน มาที่นี่เพื่อกำจัดลงโทษคนที่ชั่วร้ายและส่งเสริมการทำความดี”

เฉินเฟิงตกใจ เขามองไปที่สองคนนั้นที่มีสีหน้าท่าทางจริงจัง แต่กลับไม่ทราบว่าตนเองทำไมถึงกลายเป็นคนชั่วร้ายนั้นไปได้

“ทำไม? ”

แต่ขณะที่เขากำลังถามขึ้นนั้น ลำแสงกระบี่ก็ผ่านตัวไปแวบหนึ่ง

กระบี่นั้นรวดเร็วมาก เร็วถึงขนาดเฉินเฟิงตั้งตัวไม่ทัน

ลำแสงเย็นได้พ้นผ่านไป ร่างกายที่เคลื่อนไหวช้าไปเล็กน้อยก็ถูกฟันเข้าจนเกิดรอย และเผยให้เห็นบาดแผลที่มีเลือดไหลออกมาจากข้างใน

เฉินเฟิงมองไปที่สองคนนั้นด้วยความเย็นชา นึกไม่ถึงว่ามาถึงแล้วก็จะลงมือเลย!

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท