ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 833

ตอนที่ 833

บทที่ 833 เด็กน้อย
  เฉินเฟิงเข้าใจความหมายของเขา
  หลังจากที่โลกนี้ถูกกลืนกินด้วยเงินทอง เหล่านักต่อสู้ต่างก็ต่างลุ่มหลงในกลิ่นเหม็นเน่าของเงิน
  พวกเขาทำการแลกเปลี่ยนกับเหล้าเจ้านายผู้ร่ำรวย เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของพวกเขา หรือใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงถึงความสำเร็จ พวกเขาใช้เงินเพื่อที่จะเสพสุขกับความสะดวกสบายในโลก หรือใช้ในการเพิ่มจำนวนสมาชิกของตน คนในโลกใบนี้ล้วนกลายเป็นสินค้าสำหรับค้าขายไปแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือเส้นทางของเหล่านักต่อสู้ พวกเขาไม่ได้มีจิตวิญญาณแห่งนักสู้ที่แท้จริงอีกแล้ว
  “ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว สวรรค์ย่อมมีตา ตอนนี้หมอนั่นตายไปเพราะความโลภแล้วงั้นสินะ?” เฉินเฟิงพูด
  “คงจะเป็นอย่างนั้น แต่เขาเป็นเพียงแค่คนเดียวที่ล้มไปเท่านั้น อีกไม่นานก็จะมีนักบวชคนใหม่มาปรากฏที่ทะเลทรายแห่งนี้อีกครั้ง และบางทีอาจจะมีความโหดร้ายและไร้ซึ่งความเป็นคนมากกว่าเขาอีก”
  เมื่อเห็นท่าทีท้อแท้ของเขา เฉินเฟิงจึงเงียบลง ความลำบากของเขานั้นยากเกินที่จะเข้าใจ คำพูดเกลี้ยกล่อมทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์
  เพียงไม่นานทั้งสามคนก็ออกมาจากทะเลทรายจนถึงชายแดนตัวเมือง
  “ผมส่งพวกคุณมาได้ถึงที่นี่เท่านั้น” ชายชุดดำพูด
  ด้านหลังของพวกเขาคือป้ายรถเมล์ จากตรงนี้ไปสามารถที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองได้โดยตรง ถ้าหากเร็วกว่านี้สักหน่อยพวกเขาจะสามารถไปขึ้นรถไฟที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อเดินทางกลับไปยังหุบเขาของชิงจือได้
  เมื่อเห็นว่าชายชุดดำเตรียมที่จะไปแล้ว เฉินเฟิงจึงถามขึ้น
  “คุณตัดสินใจที่จะทำอะไรต่อไป ตอนนี้เซวี่ยผิงก็ตายไปแล้ว ความแค้นของคุณก็ถูกชำระแล้ว ตอนนี้คุณไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ดินแดนรกร้างแบบนี้อีกแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่ว่าอะไร ผมสามารถหาที่สำหรับใช้ชีวิตในยันเจียงให้กับคุณได้”
  แต่เขากับตอบปฏิเสธ “ผมคุ้นชินกับที่นี่แล้วล่ะ ถ้าหากออกไป ผมคงจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่”
  เขายิ้ม “วันข้างหน้าผมคิดว่าจะพยายามเปลี่ยนแปลงทะเลทรายแห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่ขาวสะอาด บางทีตอนนี้กำลังของผมยังมีไม่มากพอ แต่ว่าผมยังคงยินยอมที่จะทำเรื่องที่ตัวเองต้องการอย่างสุดกำลัง”
  เฉินเฟิงรู้สึกชื่นชมเขาอย่างมาก อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่ยินยอมที่จะต่อสู้เพื่อความคิดของตัวเอง
  “ก่อนที่จะกลับไป ฉันมีที่ที่หนึ่งที่อยากจะไปสักหน่อย” จู่ๆ ชิงจือก็หันมาพูดกับเฉินเฟิง
  เฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหลังจากที่ออกมาจากสถานที่นั้น เธอก็นิ่งเงียบมาตลอดทาง เดินนำหน้าอยู่คนเดียวไม่สนใจเฉินเฟิงและชายชุดดำเลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดกับเฉินเฟิงก่อน
  เฉินเฟิงเลยถามกลับด้วยความสงสัย “อยู่แถวนี้หรอ?”
  “อืม!” ชิงจิพยักหน้า
  “จะให้ผมไปด้วยหรือเปล่า?” เขาถามอีกครั้ง
  แต่ชิงจือกลับใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองมายังเขา ก่อนจะพูดต่อ
  “คุณเก่งกว่าฉันหรือไง?”
  เดิมทีเขาแค่ต้องการแสดงน้ำใจเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเหมือนการดูหมิ่นชิงจือไปซะอย่างนั้น
  ด้วยความนิ่งเงียบตลอดทางของชิงจือก่อนหน้านี้เกือบจะทำให้เขาเข้าใจว่าชิงจือเป็นคนถ่อมตนแล้ว
  เขาจึงรีบกล่าวขอโทษทันที
  “เปล่า ผมก็แค่……”
  แต่ชิงจือกลับพูดขัดคำของเขา “ถึงแม้ว่าคุณจะไปด้วยหรือไม่มันก็ไม่ต่างกัน แต่คุณติดตามฉันเอาไว้น่าจะดีกว่า”
  หลังจากที่เดินวนไปได้พักหนึ่ง สุดท้ายเฉินเฟิงก็ไปกับชิงจือ ถึงแม้การร่วมทางแบบนี้จะเหมือนกับการถูกบังคับก็ตาม
  พวกเขาขับรถคันหนึ่งที่ไปเช่ามาจากร้านเช่ารถ เฉินเฟิงเหลียวมองไปยังชิงจือที่เอาแต่เก็บตัวเงียบ เขาอยากจะถามว่าพวกเขากำลังจะเดินทางไปที่ไหนกันแน่ แต่สุดท้ายกลับไม่กล้าที่จะถาม
  ทุกครั้งที่เกิดคลื่นลมก็มักจะนำเอาพายุทรายขนาดใหญ่พัดมาด้วย กระทั่งพายุทรายสงบลง พวกเขาก็สามารถมองเห็นคนเดินจูงฝูงวัวค่อยๆ เดินผ่านไป และหลังจากที่ขับรถบนถนนสายนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เฉินเฟิงก็ไม่อาจเก็บความรู้สึกสงสัยของเขาได้อีกต่อไปจึงได้ถามขึ้นมา
  “คุณควรจะบอกผมหน่อยสิว่าเรากำลังจะไปที่ไหน นี่คุณจะให้ผมขับรถตรงไปเรื่อยๆ แบบนี้อีกเดี๋ยวก็จะไปถึงอีกเมืองแล้วนะ”
  ชิงจือหันมาจ้องเขาด้วยสายตานิ่งขรึม “รอให้ถึงที่แล้ว ฉันจะบอกคุณเอง”
  เมื่อถูกมองด้วยสายตาแบบนี้ เฉินเฟิงจึงได้เพียงแต่ปิดปากเงียบ แล้วกลับไปเป็นคนขับรถอย่างเงียบๆ
  หลังจากผ่านสิบกว่านาที ชิงจือก็เปิดปากพูดขึ้นมา “เข้าไปตรงนี้”
  “แต่ว่าตรงนี้ดูเหมือนจะไม่มีถนนนี่หน่า?”
  เฉินเฟิงถามอย่างประหลาดใจ แต่กลับได้รับเพียงความเฉยชาของชิงจืออย่างเคยเท่านั้น
  ผ่านไปไม่นานนัก พวกเขาก็เจอกับหมู่บ้านแห่งหนึ่งในภูเขารกร้างแห่งนี้ โดยมีชายแก่หลังค่อมคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงข้างทาง เมื่อได้ยินเสียงรถขับเข้ามา เขาก็ค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก จากนั้นเฉินเฟิงจึงจอดรถลงข้างๆ ชายแก่พร้อมกับถาม
  “คุณปู่ ที่นี่คือที่ไหนหรอครับ?”
  ในเมื่อชิงจือไม่ยอมบอกกับเขา อย่างนั้นเขาก็ทำได้เพียงถามคนอื่นเท่านั้น
  ชายแก่เงยหน้าขึ้นมองเฉินเฟิงชายแก่ตอบกลับอย่างเชื่องช้า
  “ที่นี่คือหมู่บ้านยางซูตุนนะ พวกคุณเป็นใครกัน!”
  เมื่อมองดูชายแก่อายุเยอะพูดด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง จู่ๆ ตะโกนเสียงดังข้างหูของเฉินเฟิง ทำเอาเฉินเฟิงตกใจไปไม่น้อย
  “อ๋อ ขอบคุณครับ พวกเรามาเที่ยวเล่นเฉยๆ ครับ”
  “มาหาหยางสิงอี้สินะ เขาไม่อยู่บ้านหรอก เข้าไปในเมืองนุ่นแล้ว”
  ถึงแม้เฉินเฟิงไม่รู้ว่าทำไมชายแก่คนนี้ถึงได้ยินว่าพวกเขามาตามหาหยางสิงอี้อะไรนั่น แต่เขายังคงยิ้มพลางกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
  “คุณคงไม่ได้มาหาหยางสิงอี้อะไรนั่นหรอกนะ?”
  ในขณะที่ทั้งสองขับรถเข้าไปตามถนนของหมู่บ้าน เฉินเฟิงก็ถามขึ้นมา
  “ไม่ใช่” ชิงจือตอบกลับ
  “ฉันมาหาพ่อของเขา”
  เฉินเฟิงกำลังจะบอกว่าคงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก แต่ชิงจือกับพูดประโยคนั้นออกมาแล้ว
  “พวกเขาสองคนเป็นใครกัน ถึงทำให้คุณต้องเดินทางมาหาพวกเขาด้วยตัวของคุณเองแบบนี้”
  แต่คำถามนี้ก็เป็นเหมือนกับคำถามก่อนๆ ที่เขาเคยถามคือถูกเมินเฉยอีกครั้ง
  เฉินเฟิงได้เพียงขมุบขมิบปากไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะจอดรถลงตรงบริเวณลานว่างของหมู่บ้าน
  พอลงรถมา พวกเขากลับไม่รู้ว่าบ้านของหยางสิงอี้อยู่ที่ไหน ตอนแรกเขาคิดว่าชิงจือคงจะรู้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยคุ้นชินกับที่นี่มากนัก
  คงจะเป็นเพราะเวลาผ่านไปนาน หรือที่นี่มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก เลยทำให้เธอหลงลืมไปแล้ว
  เด็กสองสามคนที่พิงอยู่ตรงท่อนไม้วิ่งเข้ามาตรงหน้าของเฉินเฟิง
  “พวกคุณมาจากข้างนอกหรอครับ?”
  เด็กน้อยอ้วนท้วมที่อยู่ข้างหน้าถามกับเฉินเฟิง
  เฉินเฟิงมองเด็กชายอ้วนท้วมคนนี้พลางรู้สึกสนุกขึ้นมา เขาเลยกลับไปหยิบเอาลูกอมที่ซื้อมาตอนแวะเติมน้ำมันออกมา ก่อนที่เขาจะนั่งหยองๆ ลงแล้วพูดกับพวกเด็กๆ
  “ถ้าหากว่าพวกเธอพาฉันกับพี่สาวคนนี้ไปหาบ้านของหยางสิงอี้ ลูกอมพวกนี้เอาให้พวกเธอเลย”
  เด็กชายอ้วนท้วมมองดูลูกอมในมือของเฉินเฟิงด้วยความอยาก ก่อนที่เด็กที่อยู่ข้างๆ เขาอีกคนจะใจกล้าเสนอตัวอาสาพาพวกเขาไป
  “ผมรู้ว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน ผมจะพาพวกคุณไปเอง จะให้ลูกอมผมเพิ่มอีกอันได้ไหมครับ”
  แต่ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ทำให้เด็กชายอ้วนท้วมเกิดความไม่พอใจขึ้น
  “ผมก็รู้เหมือนกัน ผมจะพาพวกคุณไปเอง ไม่ต้องให้เขาพาไปหรอก”
  เฉินเฟิงหัวเราะออกมา
  “ได้ๆ ให้คนละอัน แบ่งให้ทุกคน”
  ชิงจือใช้สายตาแปลกประหลาดมองไปที่เฉิงเฟิงอีกครั้ง
  “ที่แท้คุณก็ไม่ใช่คนดี”
  เฉินเฟิงถึงกับตะลึงงัน ด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมชิงจือถึงพูดแบบนี้ แล้วในตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปากถาม ชิงจือก็ได้เดินตามเด็กพวกนั้นไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงรีบเดินตามพวกเขาไปอย่างเร่งรีบเท่านั้น ด้วยความที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ฉะนั้นการหาบ้านของหยางสิงอี้จึงเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากที่ผ่านโค้งข้างหน้าไปนิดเดียว พวกเด็กๆ ก็บอกกับเฉินเฟิงว่าถึงแล้ว

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท