ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 832

ตอนที่ 832

บทที่ 832 ความวุ่นวาย
  และในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าอีกไม่นานที่นี่ก็จะเหลือเพียงศพอันไร้วิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้น
  ด้านนอกก็มีการเคลื่อนไหวก่อนที่จะมีเสียงบางอย่างโดนทุบเสียงดัง เฉินเฟิงก็นึกถึงคนที่เขาได้เจอในคุกใต้ดินคนนั้นทันที
  เป็นไปได้ว่าเขาจะมาช่วยพวกเขาสองคน
  “เกิดอะไรขึ้น ออกไปดูสิ” เซวี่ยผิงเองก็ประหลาดใจกับเสียงวุ่นวายที่ดังขึ้น จึงรีบสั่งการให้คนออกไปตรวจสอบทันที
  เพียงไม่นานเสียงนั้นก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
  เฉินเฟิงที่ถูกมัดเอาไว้จึงไม่มีทางที่จะหันไปด้านหลังได้เลย แต่เมื่อสักครู่นี้ที่มีเงาของคนบินฝ่าร่างของเขาไปทำให้เขารู้ได้ทันทีว่ามีคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นคนที่มา แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องสิ้นหวังอีกต่อไป
  เสียง” ปัง” ดังขึ้นอีกครั้ง
  เซวี่ยผิงมองเห็นคนที่เข้ามาอย่างชัดเจน แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จึงกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
  “คุณคือ?”
  “ฉันเองไงล่ะ ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครได้อีก?”
  เสียงอันคุ้นเคยนั้น สุดท้ายเขาก็ปรากฏตัวแล้ว แต่ทำไมเขาถึงได้กล้าเผชิญหน้ากับเซวี่ยผิงโดยตรงแบบนี้กัน เฉินเฟิงถึงกับคิดกังวลอยู่ในใจ
  ทันใดนั้นเองเซวี่ยผิงก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้งก่อนจะพูดอย่างเย้ยหยัน
  “เป็นคุณแล้วจะทำอะไรได้?จะช่วยสองคนนี้ไปจากเงื้อมมือของผมงั้นสิ?เรื่องแบบนี้สำหรับคุณมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
  อีกฝ่ายจึงตอกกลับทันที
  “นักบวช คุณทำเรื่องโหดเหี้ยมไร้ซึ่งจิตสำนึกมามากมาย เพียงแค่กรรมนั้นยังไม่มาเอาคืนเท่านั้น แต่ไม่ช้าไม่นานกรรมจะต้องตามสนองคุณ ต่อให้ช้าแต่มันจะมาเอาคืนแน่นอน ตอนนี้ต่อให้ผมจะเอาชนะคุณไม่ได้ แต่ผมจะไม่ปล่อยให้คุณได้ทำตามอำเภอตัวเองอีกแล้ว” เขาพูดไปพลางพุ่งเข้าใส่เซวี่ยผิง
  ในขณะที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ชายร่างผอมสูงที่เตรียมจะดูดเลือดของชิงจือก็หายไปหลบซ่อนตัวที่ไหนแล้วโดยที่ไม่มีใครรู้
  แต่ทางด้านเฉินเฟิงพวกเขาสองคนยังคงไม่มีทางช่วยอื่นใด พวกเขาจึงทำได้เพียงเฝ้ามองดูอยู่อย่างนั้น
  โต๊ะและเก้าอี้ถูกเตะจนกระเด็นพลิกคว่ำ กระจกที่ถูกทุบจนแตก ทั้งยังโคมระย้าที่ถูกแขวนก็หล่นลงมา ในขณะที่ทุกอย่างเสียหาย พวกเขาสองคนยังคงไม่สามารถประเมินผลแพ้ชนะได้เสียที
  แต่มีบางจุดที่พอจะดูออกได้เลยว่าชายชุดดำคนนั้นมีความอ่อนแอกว่าเซวี่ยผิงอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้การแพ้ชนะล้วนขึ้นอยู่กับเวลาแล้วเท่านั้น
  เฉินเฟิงอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้เขาไม่มีกำลังเลแม้แต่น้อย เขาคงจะให้ชายชุดดำคนนั้นแก้มัดเขาออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ต่อให้เขาจะสามารถขยับตัวได้ เขาก็คงทำได้เพียงล้มฟุบไปกับพื้นดังเดิม เพราะแม้แต่จะยืนให้มั่นคงนั้นยังนับว่าเป็นเรื่องยากเลย
  เดิมทีอาจต้องเผชิญหน้ากับความตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องมาเฝ้ารอความตายอยู่อย่างนี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังมากไปกว่าเดิมอีก แต่ว่าในเมื่อยังมีเวลาให้ใช้ชีวิตก็จงมีชีวิตอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป!
  เฉินเฟิงครุ่นคิดด้วยความเอือมระอา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหยุดคิด ข้างกายของเขาก็มีเสียงขยับตัวเกิดขึ้น
  เฉินเฟิงมองไปยังชิงจือที่หลุดพ้นออกมาจากพันธนาการด้วยความตกตะลึง เธอยืนอยู่ตรงนั้นราวกับว่าไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น
  เมื่อรับรู้ถึงสายตาของเฉินเฟิง ชิงจือจึงพูดด้วยความนิ่งเฉย
  “แค่ความสามารถของแดนมหาปรมาจารย์เท่านั้น”
  เฉินเฟิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขาจึงได้เพียงแต่มองตาค้างอยู่อย่างนั้น
  ชิงจือค่อยๆ เดินไปทางเซวี่ยผิงอย่างช้าๆ ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นเธอ แต่ทันทีที่เขาเห็นชิงจือ เขาก็แสดงท่าทีหวาดกลัวราวกับหนูที่เจอเข้ากับแมวเสียอย่างนั้น ซึ่งความหวาดกลัวนั้นเกิดขึ้นมาจากแรงกดดันของมหาปรมาจารย์
  ชิงจือพูดด้วยความเย็นชา
  “ฉันไม่ได้มีความโหดร้ายขนาดนั้น ฉะนั้นฉันจะให้คุณตายด้วยวิธีการง่ายๆ แล้วกัน”
  เสียงของเธอยังไม่ทันได้ขาดคำ เซวี่ยผิงก็หันหลังหนีทันที สิ่งที่เขาคิดตอนนี้คือการหนีให้สุดชีวิต ซึ่งนั่นเป็นความคิดเดียวกับเฉินเฟิงในตอนที่ได้เจอกับเน่หวาเฟิง เพราะการอยู่ต่อหน้าของมหาปรมาจารย์ การหนีเอาชีวิตรอดคือหนทางที่ชัดเจนที่สุด
  แต่เขาแย่กว่าเฉินเฟิงเป็นร้อยเท่า เพราะยังไม่ทันที่เขาจะหนีออกไปทางประตูหลัง ชิงจือก็กระโจนเข้าไปอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
  และในตอนที่เซวี่ยผิงคิดที่จะต่อสู้กลับ เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะไร้เรี่ยวแรงถึงขนาดนี้ได้
  เขาเหมือนกับกำลังมองดูว่าตัวเองกำลังจะตายอย่างไร ยังไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงร้องออกมา บริเวณหน้าอกของเขาก็ว่างเปล่าไปซะแล้ว หัวใจที่เดิมทีเต้นทำงานอยู่ตรงนั้น ตอนนี้กลับถูกชิงจือจับเอาไว้ในมือ
  ในขณะที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตายที่เกิดขึ้นเร็วเกินไปหรือสาเหตุอื่นใด ทันทีที่เซวี่ยผิงได้เห็นหัวใจของตัวเองกำลังเต้นอยู่ตรงนั้น แต่ยังไม่ทันที่หัวใจจะหยุดเต้น เขาก็ไร้ซึ่งความรู้สึกแล้วตายไปเสียอย่างนั้น
  ทันทีที่เซวี่ยผิงล้มลงไปกองกับพื้น ชิงจือก็โยนหัวใจที่อยู่ในมือทิ้งไปด้วยความขยะแขยง พร้อมกับสะบัดเอาคราบเครียดเหนอะหนะออกไป ก่อนที่จะมองไปยังร่างไร้วิญญาณนั้นอย่างเยือกเย็น
  “ฉันเคยบอกไว้แล้วว่าจะให้คุณตายอย่างไม่ต้องเจ็บปวด”
  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นความน่าหวาดกลัวของมหาปรมาจารย์ แต่เขาก็ยังคงตื่นตกใจทุกครั้งที่ได้เห็น
  ความตกใจเกิดขึ้นมาจากการออกแรงครั้งเดียวแต่กระทบถึงจิตวิญญาณโดยตรงนั้น ซึ่งนั่นนับเป็นพลังที่น่านับถืออย่างมาก
  ตอนนี้เซวี่ยผิงตายแล้ว ส่วนคนที่เหลือต่างก็หนีหายหัวไปตั้งนานแล้ว เฉินเฟิงถูกชายชุดดำพยุงให้ลุกขึ้นยืน ในระยะที่ใกล้กันเขาถึงสังเกตเห็นว่าชายชุดดำได้สวมหน้ากากสีดำคลุมหน้าเอาไว้ด้วย เหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยใบหน้าของตัวเองออกมา
  แต่นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ฉะนั้นเฉินเฟิงจึงไม่สนใจที่จะไปไถ่ถามเขาให้มากความ
  “นี่คือยาถอนพิษ”
  ชายชุดดำยื่นขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวอันเล็กมาให้เขา
  เฉินเฟิงจึงรับเอาไว้ เขาสูดดมกลิ่นเข้าไป แม้ว่ากลิ่นของมันมีความฉุน แต่เขาก็หยิบยาเม็ดหนึ่งในนั้นออกมากินโดยไม่สงสัยอะไร
  ส่วนเรื่องของรสชาตินั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะรสชาติของมันเหมือนกับอาหารที่เน่าปูดไปแล้วอย่างนั้น แต่ประสิทธิภาพของมันก็โดดเด่นเช่นกัน เมื่อสูดดมกลิ่นนี้เข้าไป เฉินเฟิงก็รู้สึกได้ว่าแขนขาของเขาเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมา
  และเพียงเวลาไม่นาน เขาก็สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
  “นี่มันคือพิษอะไรกันแน่ ถึงทำให้มหาปรมาจารย์ยังต้องหมดแรงแบบนี้ได้ ?” เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัย
  ชายชุดดำจึงตอบกลับ
  “ยาพิษเฉียนจี เป็นสูตรลับเฉพาะของตระกูลถังแห่งเขตทิศตะวันตกเฉียงใต้ นักบวชแค่ไปแย่งชิงบางส่วนมาจากตระกูลถังที่เดินทางผ่านโม่เป่ย(เป็นเขตที่อยู่ทะเลทรายทางตอนเหนือจีนและเขตที่ตั้งแต่ทิษเหนือเป็นต้นไป) มาก็เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเอามาใช้บนร่างกายของพวกคุณสองคน และที่ผมคิดไม่ถึงที่สุดก็คือเธอสามารถต่อต้านยาพิษนั่นได้ด้วยตัวเอง”
  ชายชุดดำมองไปยังแผ่นหลังของชิงจือ
  ในตอนที่เฉินเฟิงได้เห็นชิงจือหลุดออกมาจากพันธนาการที่มัดเธอเอาไว้ นั่นทำให้เขารู้สึกตกใจมากพออยู่แล้ว แต่เป็นอย่างที่ชิงจือได้พูดเอาไว้เพราะเธอเป็นมหาปรมาจารย์
  “เธอเป็นถึงมหาปรมาจารย์เชียวนะ”
  ชายชุดดำเองก็พยักหน้า ในระหว่างทางที่พวกเขาเตรียมตัวจะไปจากที่นี่ เฉินเฟิงก็ถามขึ้นอีกครั้ง
  “จริงด้วยสิ คุณมีความแค้นกับเขางั้นหรอ ?แล้วทำไมคุณถึงเรียกเขาว่านักบวชตลอดด้วย นั่นเป็นชื่อของเขาหรอ ?”
  ชายชุดดำที่เดินอยู่ข้างกายของเฉินเฟิงกลับนิ่งเงียบ คงเป็นเพราะว่าเขาถามคำถามที่เขาไม่อยากที่จะกล่าวถึงมันอีก เขาเลยมองไปยังชิงจือที่เดินนำหน้าแก้เก้อ จากนั้นเฉินเฟิงก็พูดแย้งขึ้นมาอีกครั้ง
  “คุณไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ ผมแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น”
  แต่ถึงอย่างนั้นชายชุดดำก็ขยับปากพูดขึ้นมาแล้ว
  “ผมมีความแค้นกับเขา ทั้งยังเป็นแค้นที่ฝังลึกอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโชคดี เมื่อสิบสามปีที่แล้วผมก็คงจะตายไปแล้วล่ะ แต่สวรรค์มีตาให้ผมได้เห็นเขาถูกฆ่าตายต่อหน้าผมในวันนี้”
  ถึงแม้จะมองไม่เห็นสีหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากนั้น แต่เฉินเฟิงที่เห็นแววตาของเขาก็รับรู้ได้เลยว่าเขากำลังยิ้ม เมื่อแค้นใหญ่ได้รับการชำระแล้ว แน่นอนว่าสามารถยิ้มดีใจได้แล้ว
  “เขาก่อการอาละวาดขนาดนี้ ไม่มีใครที่อยู่ในทะเลทรายนี้มาเอาโทษเขาเลยหรอ พวกโรงเรียนต่อสู้ทั้งหมดของที่นี่ไม่มีใครรู้เรื่องเลยงั้นหรอ?”
  เฉินเฟิงที่นึกถึงความโหดร้ายของเซวี่ยผิง กล่าวถามอีกครั้งด้วยความโกรธเคือง
  จากนั้นชายชุดดำจึงต้องอธิบายให้กับเขา
  “ในทะเลทรายอันกันดารแบบนี้ พวกนักต่อสู้เหล่านั้นจะยอมมาอยู่ที่นี่เพื่อทนความลำบากไปทำไมกัน พวกเขายินยอมที่จะหลบซ่อนตัวเสพสุขในแสงสีสถานบันเทิงยามค่ำคืนซะมากกว่า เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจสำหรับความเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกฝนวิชาการต่อสู้ ส่วนคนอื่นๆ ……หึ!”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท