ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 849

ตอนที่ 849

หญิงสาวแต่งตัวเซ็กซี่จ้องมองเฉินเฟิงราวกับอยากจะเข้าไปกัดเขาให้ตาย ส่วนทางด้านหลี่จื่อเยว่เองก็รู้สึกว่าเขากำลังทำเกินเลย

เธอจึงกระตุกเสื้อของเฉินเฟิงเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อน : “ไม่ต้องไปรังแกเธอแบบนี้แล้ว แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว”

เฉินเฟิงจ้องหลี่จื่อเยว่พร้อมกับพูด: “เธอนี่ยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาอยู่วันยังค่ำเลยนะ เหมือนเธอจะลืมไปแล้วนะว่าเมื่อกี้นี้ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับเธอไว้”

แต่เมื่อดูท่าทีของหลี่จื่อเยว่แล้ว เฉินเฟิงได้เพียงหันไปพูดกับหญิงสาวคนนั้นอย่างผ่อนคลายเท่านั้น : “ดูสิ หล่อนดีขนาดไหนเชียว ยังไม่รู้จักขอบคุณหล่อนอีก แต่ช่างเถอะ คุณรีบไปเถอะ”

เมื่อเฉินเฟิงพูดจบ พี่เหมยก็สะอึกสะอื้นเดินออกไป

เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นดั่งพายุฝนอันเรียบง่าย และนั่นทำให้พนักงานในร้านคนนั้นต้องมองเฉินเฟิงด้วยสายตาที่อึ้งตะลึงกับการกระทำของเขา จากนั้นในตอนที่เข้าไปชำระเงินเธอก็ยิ้มให้กับพวกเขาตลอด

ทั้งยังนำเสนอเสื้อผ้าอื่นๆ ในร้านให้กับเฉินเฟิงอย่างไม่หยุดหย่อนอีกด้วย เหมือนกับกำลังบอกให้เฉินเฟิงซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดในร้านไป

ทว่า ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะร่ำรวยแต่เขาก็ไม่คิดที่จะทำเรื่องแบบนี้จริงๆ อีกอย่างก็ไม่ได้มีการพนันแล้วด้วย

จนกระทั่งพวกเขาเดินจากไปเขาก็ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดนั้นจริงๆ ทำให้พนักงานคนนั้นได้เพียงส่งสายตาคร่ำครวญออกมาเท่านั้น

แต่ในความรู้สึกของหลี่จื่อเยว่ที่มีต่อเฉินเฟิงนั้นเขาดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว เธอรู้สึกว่าเขากับผู้ชายขี้เกียจคนนั้นในความทรงจำของเธอพวกเขาสองคนมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความไม่เข้าใจบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงทำเพียงเดินตามเฉินเฟิงไปอย่างเงียบๆ เท่านั้น

ส่วนเฉินเฟิงที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ จึงคิดแค่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้คงจะทำให้เธอตกใจไปบ้าง

เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หลี่จื่อเยว่ก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างนิ่งเงียบ โดยที่เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร

และแล้วค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปอย่างเงียบสงบ

เฉินเฟิงคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องกลับไปเดินทางอีกครั้งแล้ว เขาไม่อยากปล่อยให้ชิงจือรอนานเกินไป ไม่อย่างนั้นหลังจากนั้นเธออาจจะทำเรื่องบางอย่างที่ทำให้เขาต้องเจ็บปวดก็เป็นได้

เขาเดินไปเคาะประตูห้องของหลี่จื่อเยว่ วันนี้เหมือนว่าเธอจะอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย เพราะทันทีที่เห็นเฉินเฟิงเธอก็ยิ้มให้เขาทันที

เธอลากกระเป๋าใบหนึ่งพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบเดิมที่เธอพกมาด้วยตั้งแต่แรก พร้อมกับเฝ้าคอยการเดินทางของพวกเขาที่กำลังจะเริ่มขึ้น

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไร ทั้งยังไม่คิดที่จะเข้าไปช่วยเธอยกกระเป๋าอีกด้วย เขาเพียงแต่เดินออกมาด้านหน้าตัวเปล่าอย่างนั้น

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของหลี่จื่อเยว่

“หื้ม!ยังไงซะเขาก็ยังเป็นแค่คนนิสัยไม่ดีเหมือนเดิม”

แต่เขาได้ยินคำพูดประโยคนี้

เมื่อขึ้นมาบนรถ ทุกอย่างล้วนถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ขาดเพียงอย่างเดียวคือชิงจือ การขาดเธอไปก็เหมือนขาดอะไรบางอย่าง ถึงแม้ว่าชิงจือจะไม่ชอบพูด แต่การมีเธอนั่งอยู่ตรงนั้นมันทำให้รู้สึกว่าการมีใครอีกคนเพิ่มเข้ามายิ่งทำให้มีความสบายใจมากขึ้น

เฉินเฟิงไม่ได้คิดมาก ก่อนที่จะสตาร์ทรถขับเข้าสู่ถนนใหญ่อีกครั้ง

ทางด้านหลี่จื่อเยว่เหมือนว่าตั้งแต่เมื่อวานนี้เธอจะลืมความทุกข์ใจที่ตัวเองหนีออกจากบ้านมาแล้ว เธอชื่นชมบรรยากาศริมทางพร้อมด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

และนั่นก็ทำให้เฉินเฟิงรู้ว่าที่จริงแล้วเธอเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง ไม่มีความสงบเสงี่ยมเลยแม้แต่น้อย จนถึงขนาดที่มีแวบหนึ่งที่เขาคิดอยากจะเอาเธอโยนทิ้งไว้ข้างทางเสีย

แต่สุดท้ายความคิดนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง

“นั่นอะไรหน่ะ?” จู่ๆ หลี่จื่อเยว่ก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังเมื่อได้เห็นกองไฟขนาดใหญ่ที่กำลังปะทุ

เฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงตะโกนของเธอถึงกับตกใจ ก่อนที่เขาจะหันไปดูทางที่กองไฟนั้นตั้งอยู่ ราวกับว่าตรงนั้นจะมีผู้คนจำนวนมากล้อมรอบกองไฟเอาไว้พร้อมกับกำลังทำกิจกรรมอวยพรบางอย่าง

เฉินเฟิงส่ายหน้า : “ไม่รู้ และฉันก็ไม่สนใจด้วย”

แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้หลี่จื่อเยว่ไปที่นั่น แต่หลี่จื่อเยว่นั้นกลับถูกสิ่งนั้นดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นไปแล้ว เธอพูดกับเขาต่อด้วยเสียงที่อ้อนวอน : “พวกเราเข้าไปดูหน่อยจะได้ไหม?เสียเวลาไม่เยอะหรอก”

แต่เฉินเฟิงยังคงคัดค้าน: “ไม่ได้ก็คือไม่ได้”

แต่ว่าหลี่จื่อเยว่กลับกระโจนขึ้นมาอยู่ตรงไหล่ของเฉินเฟิง เธอพยายามนวดไหล่ของเฉินเฟิงอย่างตั้งใจพร้อมกับพูดอีกครั้ง : “พวกเราเข้าไปดูหน่อยนะ แค่ครู่เดียวจริงๆ ”

เฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงมืออันอ่อนโยนทั้งสองที่ให้ความรู้สึกลื่นไหลที่แนบชิดอยู่บนไหลของเขา ทำให้หัวใจของเขาเกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นมา

แต่ด้วยทิฐิเมื่อสักครู่นี้ของเขาทำให้ไม่สามารถตอบตกลงไปโดยตรง เขาจึงตอบกลับได้เพียง: “แค่ครู่เดียวต้องกลับมา”

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ หลี่จื่อเยว่ก็ไม่ได้คิดมากอะไรอีกเพราะแค่อยากไปดูเพียงครู่เดียวก็กลับมา จากนั้นเธอจึงตะโกนร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

สุดท้ายเฉินเฟิงก็ต้องขับรถมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น

และที่นั่นก็มีรถจำนวนมากจอดเรียงรายอยู่ข้างทาง อีกทั้งยังมีรถหรูจำนวนไม่น้อยรวมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งล้วนเป็นรถที่มีมูลค่าทั้งนั้น

เฉินเฟิงขับรถไปเรื่อยๆ จนหาที่ว่างสำหรับจอดรถได้ ทันทีที่จอดรถหลี่จื่อเยว่ก็รีบลงรถไปอย่างรอไม่ไหว จากนั้นเฉินเฟิงจึงเดินตามลงมา

กองไฟนั้นอยู่ใจกลางทุ่งโล่ง บริเวณโดยรอบถูกล้อมเอาไว้ด้วยโขดหิน พร้อมทั้งมีพืชพรรณที่ดูเหมือนจะไม่มีทางเติบโตได้อีกจำนวนมากที่กระจัดกระจายอยู่ตรงนั้น

ซึ่งมีหนุ่มสาวจำนวนมากมายกำลังล้อมรอบกองไฟนั้นเอาไว้ ซึ่งดูแล้วน่าจะมีมากกว่าร้อยคน และแต่ละคู่ก็กำลังเต้นรำอยู่หน้ากองไฟนั้น ส่วนคนที่อยู่นอกวงก็ยืนเป็นกลุ่มคอยมองดูอยู่อย่างนั้น

กระทั่งในตอนที่เฉินเฟิงพวกเขาสองคนเดินเข้าไปก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจผู้คนเหล่านั้นเลย ราวกับว่าพวกเขาคุ้นชินกับการที่มีคนเข้าออกที่นี่ไปแล้ว

หลี่จื่อเยว่เดินแหวกฝูงคนตรงเข้าไปดูข้างในเพื่อชื่นชมการเต้นรำอันแสนสนุกข้างในนั้น

ส่วนเฉินเฟิงก็เดินไปอยู่ข้างๆ ชายร่างบางคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในพร้อมกับเริ่มสนทนากับอีกฝ่าย : “ที่นี่คือกิจกรรมอะไรงั้นหรอ?”

อีกฝ่ายหันมามองเฉินเฟิงแล้วตอบกลับ: “พวกเรากำลังทำการสวดภาวนา และการเต้นรำก็คือการถวายพระพร”

“สวดภาวนาอะไร?”

“ส่วนมากจะเป็นเรื่องความรัก และก็มีเรื่องอื่นๆ บ้าง”

เฉินเฟิงกล่าวขอบคุณเขา ก่อนจะหันไปหาหลี่จื่อเยว่ แต่แค่เขาละสายตาเพียงครู่เดียว เธอก็ไม่ได้อยู่ข้างกายเขาเสียแล้ว

เขาตามหาอยู่ครู่ถึงค่อยเห็นว่าเธอนั้นเบียดไปถึงข้างหน้าสุดนั่นแล้ว

เธอมองดูทุกอย่างด้วยรอยยิ้มอันสดใส ราวกับว่าอยากเข้าไปด้านในนั้น

เฉินเฟิงเดินไปยังข้างกายเธอแล้วบอกกับเธอ: “ตอนนี้ก็ได้ดูแล้ว พวกเรากลับกันได้แล้ว”

แต่หลี่จื่อเยว่กลับทำปากขมุบขมิบแล้วพูดกับเฉินเฟิงด้วยท่าทางออดอ้อน: “พวกเรารอดูอีกสักหน่อยนะ ดูอีกครู่หนึ่ง”

เฉินเฟิงรู้ตัวว่าเขาเหมือนจะไม่มีทางปฏิเสธได้อีก เขาจึงได้เพียงตอบตกลงเธอไปอีกครั้งเท่านั้น

ทันใดนั้นหลี่เยว่ก็มีความสุขอีกครั้ง

เธอเอนตัวเข้าหาเฉินเฟิง: “คุณดูสิพวกเขาเต้นรำได้สวยมากเลย กองไฟนั้นส่องสะท้อนเงาของพวกเขา ดูแล้วมันสง่ามากเลย”

ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะรู้สึกว่ามันสวย แต่ก็ไม่ได้น่าหลงใหลเหมือนกับที่หลี่จื่อเยว่ได้พูดมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร

จนผ่านไปสักพัก ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลี่จื่อเยว่จะไม่อาจสะกดความต้องการในใจของตัวเองได้อีกต่อไป เธอดึงแขนของเฉินเฟิงพร้อมกับบอกกับเขา : “พวกเราเข้าไปร่วมเต้นรำกันเถอะ จะต้องสนุกมากแน่ๆ ”

ดูเหมือนว่าเธอจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุกขึ้นมา โดยไม่สนใจว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ คนเหล่านั้นกำลังสวดภาวนาให้กับความรัก

เฉินเฟิงที่กำลังจะพูดอธิบายให้กับเธอ แต่หลี่จื่อเยว่กลับลากตัวเขาเข้าไปตรงใจกลางนั้นแล้ว

เมื่อหมดปัญญา เฉินเฟิงจึงไม่คิดที่จะอธิบายอะไรอีก

และหนุ่มสาวที่กำลังเต้นรำอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงพวกเขาสองคนเดินเข้ามาก็ยิ้มรับพร้อมกับเว้นที่ว่างให้กับพวกเขาอีกด้วย ราวกับว่าได้แบ่งปันความสุขของตัวเองให้กับคนที่อยู่รอบข้าง

เมื่อมองดูท่วงทำนองอันสนุกสนานของผู้คนเหล่านั้น เฉินเฟิงก็ค่อยๆ เริ่มขยับตัวเต้นขึ้นมา ส่วนหลี่จื่อเยว่ดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ เธอเพียงมองดูแค่รอบเดียวก็สามารถเต้นตามได้อย่างชำนาญแล้ว

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท