บทที่ 88: กบฏ
ไอ้โง่เปาเจ๋อชิงมันมาสร้างปัญหาแล้ว!
ไม่มีปัญหา เขาจะแก้แค้นความแค้นทั้งเก่าและใหม่ในวันนี้นี่แหละ
สายตาเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของหวังเต็ง เขาเดินไปที่ห้องประชุมโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
“ นายน้อยหวัง รอฉันด้วย เปาเจ๋อชิงมันเอาคนมาด้วยนะ ดังนั้นให้ฉันไปด้วยเถอะ เดี๋ยวฉันเรียกคนก่อน”
เฒ่าซุนไล่ตามเขาไปอย่างเร่งรีบ ในเวลาเดียวกัน เขาก็หยิบอินเตอร์คอมออกจากร่างกายแล้วตะโกน “ ฮัลโหล เฉินเอ๋อโกว เฉินเอ๋อโกว แกได้ยินฉันไหม?”
“ ครับบอส คุณมีอะไรอย่างงั้นหรอ?” เสียงหยาบปรากฏขึ้นที่ปลายอีกด้านของอินเตอร์คอมบุคคลคนนั้นดูเหมือนจะชอบประจบสอพลอเฒ่าซุน
“ รีบมารวมตัวกันที่ชั้นแปดเร็ว ศัตรูของเรามาถึงหน้าประตูของเราแล้ว แต่แกไม่ได้สังเกต” เฒ่าซุนตะโกนด้วยความโกรธ
“ ไอ้สารเลวตัวไหนกันที่กล้ามาสร้างปัญหาในซินเต็งของเรา? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากเฉินเอ๋อโกววางสายอินเตอร์คอม เฉินเอ๋อโกวก็ตะโกนว่า “ได้เวลาทํางานแล้วเด็กๆ!”
เฒ่าซุนหัวเราะอย่างเชื่องช้า “ นายน้อยหวัง นี่คือหลานชายของฉันเอง เขาไม่ค่อยมีการศึกษา แต่เขาก็กล้าหาญและขยันขันแข็ง คุณสามารถรอชมความสามารถของเขาได้เลย”
หวังเต็งไม่ตอบ เขาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับเฒ่าชันและขึ้นไปที่ชั้นแปด
เขามองดูโครงสร้างที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคยรอบๆตัวเขา และมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมตามความทรงจําที่อยู่ลึกในจิตใจของเขา
ทันทีที่เขาไปถึงทางเข้าห้องประชุม เขาก็ได้ยินเสียงโกรธของหลี่ซิ่วเหม่ยอยู่ข้างใน
“เจียกุ่ยเหลิน สามีของฉันปฏิบัติต่อคุณเป็นอย่างดี แต่คุณจกลับไปสมรู้ร่วมคิดกับบุ คคลภายนอกเพื่อยึดหุ้นของบริษัทได้อย่างไร”
“ คุณนายหวัง คุณไม่จําเป็นต้องทําให้เรื่องมันแย่ลงไปหรอก ประธานหวังปฏิบัติต่อฉันเป็นอย่างดี และฉันก็รู้สึกขอบคุณเขา อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะต้องพยายามปีนปายให้สูงขึ้น ประธานเปาเป็นคนที่มีความสามารถและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล และบริษัทของเขามีศักยภาพมากกว่า ด้วยเหตุนี้เอง ฉันจึงเต็มใจที่จะทํางานร่วมกับเขามากกว่า”
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงผู้ชาย เขาฟังดูเจ้าเล่ห์มากจนหวังเต็งขมวดคิ้วอย่างควบคุมไม่ได้ การแสดงออกของเขาเย็นขึ้นเรื่อยๆ
“ รองเจียดูเหมือนจะเป็นคนดี ฉันไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นไข่เน่า” เฒ่าซุนกล่าวด้วยความรังเกียจ
หวังเต็งไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ผลักประตูห้องประชุมเข้าไป
ทันใดนั้น ทุกคนก็มองมาที่เขา
“ เต็งน้อย ลูกมาที่นี่ทําไม?” หลี่ซิ่วเหม่ยถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นหวังเต็ง สภาพของเธอตอนนี้ดูเหนื่อยมาก
“ ผมได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นผมเลยมาดู”
หวังเต็งเดินเข้าไปในห้องประชุม เขาเหลือบมองผู้ชายที่ดูเหมือนคนที่เจ้าเล่ห์ พวกเขาสวมสูทและนั่งบนเก้าอี้อย่างสงบ
“ นายน้อยหวัง นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ คุณไม่จําเป็นต้องเข้ามายุ่งหรอก” ชายคนหนึ่งอายุราวๆ 40 ปีกล่าว เขาสวมแว่นตาขอบทอง
“ เจียกุ่ยเหลิน!”
หวังเต็งยิ้มอย่างสงบและนั่งลงข้างๆหลี่ซิ่วเหม่ย เขาดึงเก้าอี้ออกมาให้เธอ “ แม่ นั่งลงก่อนเถอะ ยืนไม่เหนื่อยหรอ?”
ขณะที่เขาพูด เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปีนั่งอยู่ทางขวาของหลี่ซิ่วเหม่ย
เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ “ อา คุณอยู่ที่นี่ด้วยหรอ”
“ หลานชาย”
หวังหยานพยักหน้าให้หวังเต็ง “ ท่านปูรู้สึกกังวลเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ดังนั้นท่านจึงขอให้ฉันมาดูเผื่อว่าฉันจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง”
ผู้หญิงคนนี้เป็นอาของหวังเต็ง ลูกสาวของหวังเฉินหง เธอจบการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยชั้นนํา และหลังจากที่เธอสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท เธอก็ได้เข้าร่วมกลุ่มหรงเฉิงที่ปู่ของหวังเต็งได้ก่อตั้ง ความสามารถของเธอนั้นโดดเด่น และเธอก็ได้รับการยอมรับจากคนระดับสูงภายในระยะเวลาเพียงแค่สองปี
เธอสามารถทํางานทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว
เห็นได้ชัดว่าปูของเขาส่งเธอมาช่วยเพราะเขาเชื่อมั่นในความสามารถของเธอ
เจียกุ่ยเหลินขมวดคิ้วเมื่อเห็นหวังเต็งไม่สนใจเขา ความโกรธปรากฏบนใบหน้าของเขา ในอดีตหวังเฉินกั่วเคยเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับความขี้เล่นของหวังเต็ง และเขาก็เคยฟังเรื่องนี้จนหูชาแล้ว
คนที่เย่อหยิ่งและไร้ประโยชน์คนนี้ช่างไม่สนโลกซะจริง!
“ หืม นายน้อยหวังยังคงเหมือนเดิม คุณยังคงไม่เคารพผู้อาวุโสอย่างฉันเหมือนเดิมเลย”
แววตาที่น่ากลัวแวบผ่านดวงตาของเจียกุ่ยเหลิน เขาใช้โอกาสนี้ในการโน้มน้าวความคิดของผู้บริหารระดับสูงในบริษัท
ดูสิ นี่คือทายาทในอนาคตของซิงเต็ง เขาไม่เคารพผู้อาวุโสและผู้บังคับบัญชาของเขาอย่างงี้ แล้วคุณยังจะฝากความหวังไว้กับเขาไหม?
สมาชิกผู้ก่อตั้งบริษัทหลายคนขมวดคิ้วเล็กน้อย
พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับหวังเต็งมาก่อน มันไม่เป็นไรถ้าเขาจะเย่อหยิ่งและขี้เล่น เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังเด็กอยู่ ดังนั้นมันจึงเข้าใจได้ว่าเขาจะจงใจเพราะความรักของพ่อแม่ หลังจากที่เขาโตเต็มที่แล้ว ทุกอย่างก็จะดีเอง
แต่ถ้าเขาไม่เคารพผู้อาวุโสของเขา นั่นก็น่าผิดหวังเล็กน้อย
หลี่ซิ่วเหมียและหวังหยานสายหัวอย่างลับๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันและอ่านสีหน้าที่ทําอะไรไม่ถูกของกันและกัน
การมาถึงอย่างกะทันหันของหวังเต็งนั้นทําให้พวกมันไม่ทันระวังตัว
พวกเขาเสียเปรียบอยู่แล้ว แต่เจียกุ่ยเหลินก็กําลังสร้างประเด็นเกี่ยวกับตัวละครของหวังเต็งและปัญหาเล็กๆนี้ก็สามารถขยายและกระตุ้นหัวใจของสมาชิกผู้ก่อตั้งบริษัทได้ พวกเขาอยู่ในตําแหน่งที่ไม่โต้ตอบ
“ นายน้อยหวัง เรากําลังจะมีการประชุม ถ้าคุณไม่มีอะไรก็ออกไปก่อนเถอะ” สมาชิกผู้ก่อตั้งคนหนึ่งพูดอย่างไม่พอใจ ดูเหมือนเขาจะคิดว่าหวังเต็งกําลังเริ่มเอะอะและทําให้พวกเขาอับอาย
“ ทําไมฉันต้องออกไป” หวังเต็งวางโลงศพบรรจุอาวุธลงบนพื้นแล้ววางมือขวาไว้บนนั้นขณะที่เขาพูดอย่างเฉยเมย
“ ฮีม คุณนายหวัง ดูเหมือนว่าการศึกษาของครอบครัวคุณจะแย่มากเลยนะ นายน้อยหวังของเราถึงไม่รู้จักมารยาทของเขาและไม่เคารพผู้อาวุโสของเขาเลย ความสามารถของประธานหวังต้องถูกจํากัด เนื่องจากเขาไม่สามารถสอนลูกได้อย่างถูกต้อง”
“ นอกจากนี้ เจ้านายตัวน้อยของพวกเราก็ไม่ใช่เด็กๆอีกต่อไปแล้ว มันถึงเวลาที่จะให้ความรู้แก่เขาแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็จะต้องสร้างปัญหาอย่างแน่นอนในอนาคต!” ชายร่างอ้วนวัยกลางคนที่นั่งข้างเจียกุ่ยเหลินหัวเราะในขณะที่เขาพูด
“ ถ้าคุณทนไม่ได้ งั้นให้ฉันสอนเขาก็ได้นะ”
เจียกุ่ยเหลินเองก็หัวเราะออกมาราวกับว่าเขาเคยได้ยินเรื่องตลกขบขัน
สมาชิกผู้ก่อตั้งคนอื่นๆของบริษัทยังคงเฉยเมย บางคนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สถานการณ์ก็ยังไม่แน่นอน และพวกเขาก็ไม่ต้องการโดดเด่นมากเพราะเปาเจ๋อชิงก็อาจจะเล็งเป้ามาที่พวกเขาได้
คราวนี้ เปาเจ๋อชิงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี และหวังเฉินกั่วก็กําลังมีปัญหา มันไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาเลย และนั่นก็ทําให้บริษัทกําลงตกอยู่ในอันตราย
ไม่มีใครรู้ว่าบริษัทจะอยู่รอดได้หรือไม่
ถ้าเปาเจ๋อชิงซื้อไปจริงๆ พวกเขาก็จะต้องทํางานภายใต้เขา ดังนั้นมันจึงไม่ฉลาดเลยที่จะโดดเด่นในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ชายวัยกลางคนตัวเตี้ยก็ลุกขึ้นยืนและชี้ไปที่เปาเจ๋อชิงอย่างโกรธจัด “ เปาเจ๋อชิง คุณเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง กระนั้นคุณก็กําลังพยายามเข้ายึดซิงเต็งในขณะที่ประธานหวังของเราไม่อยู่ นอกจากนี้คุณก็ยังมีหน้ามารังแกและทําให้ภรรยาและลูกชายของเขาต้องขายหน้า นี่คืออะไร?”
เปาเจ๋อชิงมองเขาอย่างเย้ยหยัน แต่ก่อนที่มันจะพูด เจียกุ่ยเหลินก็เปิดปากของเขาก่อน “ ฮ่าฮ่า ผู้เฒ่ากั่ว ฉันไม่รู้มาก่อนว่าคุณจะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์เช่นนี้”
“ แก” กั่วหมิงต้าโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไร
แม้แต่สตรีผู้ปราดเปรื่องอย่างหลี่ซิ่วเหม่ยก็ยังสั่นสะท้านด้วยความโกรธ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยย่น ขณะที่เธอกําลังจะฟิวส์ขาด หวังเต็งก็จับมือของเธอไว้และตบมันเบาๆเพื่อปลอบโยนเธอ
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆและนั่นก็ทําให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เขา
เขากดฝามือลงบนโต๊ะประชุมหินอ่อนตรงหน้าเขา จากนั้นพลังฟอร์สก็ไหลซึมออกมาจากร่างกายของเขา และพลังของเขาก็ระเบิดขึ้น
บูมมมมมมมมมมมม!
รอยแตกปรากฏขึ้นบนโต๊ะหินอ่อนทั้งหมด ทันทีหลังจากนั้น มันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆและกระแทกเข้ากับพื้นต่อหน้าทุกคน