ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 846

ตอนที่ 846

ด้วยแสงดาวที่สาดส่องเข้ามาทำให้เฉินเฟิงเห็นเพียงแค่เงาร่างของชิงจือที่กำลังกระซิบเรียกเขา

เฉินเฟิงที่กำลังจะร้องตกใจออกมาจู่ๆ ก็ชะงักลง

และเพียงไม่นานเขาก็รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นนอกตัวรถ ถึงแม้ว่าตรงนั้นจะเป็นเพียงพื้นที่อันมืดมิด แต่ด้วยแสงจากดวงดาวสามารถทำให้เห็นร่างคนกำลังเคลื่อนไหว

ซึ่งจากการสังเกตคนที่อยู่รอบๆ เหมือนจะมีจำนวนประมาณเจ็ดแปดคนก็ว่าได้ ซึ่งทุกคนล้วนกำลังมุ่งหน้ามายังตัวรถอย่างระมัดระวัง

และแน่นอนว่าการเข้ามาด้วยวิธีนี้คงจะไม่ได้มีจุดประสงค์ที่ดีกับพวกเขาเป็นแน่

แต่ว่าในเมื่อรู้ตัวแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องแสร้งทำไม่รู้อีกต่อไป อีกอย่างพวกคนที่อยู่ด้านนอกนั้นก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะชิงจือได้อีกด้วย

เฉินเฟิงหันไปอธิบายถึงแผนการของตัวเองให้กับชิงจือฟัง ชิงจือที่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงทันที

พวกเขาสองคนเดินลงจากรถ และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว

หลังจากที่เฉินเฟิงพวกเขาสองคนลงรถมา ทันใดนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายเริ่มเกิดความตระหนกขึ้นมา ก่อนที่หนึ่งในพวกเขาจะกระซิบขึ้นมา

“ใจเย็น!”

และในตอนนั้นเองพวกเขาที่เหลือก็หยุดชะงักลง

“สวัสดีเหล่าสหาย!”

เฉินเฟิงที่ลงมากล่าวทักทายกับพวกเขา

ชายคนที่พูดเมื่อกี้นี้เดินแทรกขึ้นมาข้างหน้า เมื่อได้เห็นหน้าของเฉินเฟิงเขายังคงไม่ได้มีความคิดใดๆ ที่จะลงมือทำร้าย เพียงแต่หยุดชะงักไปเท่านั้น พร้อมกับมองไปยังเฉินเฟิงพวกเขาสองคนด้วยความระมัดระวัง

“นี่จะไม่บอกจุดประสงค์ของพวกคุณหน่อยหรือไง?หรือว่าจะลงมือเลยหล่ะ” เฉินเฟิงพูดขึ้นอีกครั้ง

“ไม่มีอะไรที่จะต้องพูด ในเมื่อพวกคุณรู้ตัวแล้ว อย่างนั้นก็คงต้องลงมือให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย”

ชายคนนั้นจงใจกดเสียงต่ำลง ฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็นเสียงเดิมของเขา แต่เฉินเฟิงกลับขัดเขาเสียอย่างนั้น

“ไม่ต้องรีบร้อน ยังไงซะพวกคุณก็หนีไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ผมก็แค่สงสัยเท่านั้นว่าพวกคุณหาพวกเราเจอได้ยังไงเท่านั้น ?”

“เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องไปสนใจหรอก พวกเราก็แค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้น ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวพวกคุณเองที่ไปหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรด้วย”

เฉินเฟิงกล่าวพูดขึ้นมาด้วยความกวน: “พวกเรามีเรื่องบาดหมางกับคนตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณกำลังพูดถึงคนไหน”

ชายคนนั้นกระแอมขึ้นมาก่อนจะพูดด้วยความเย็นชา: “ใกล้จะตายแล้วยังจะมาทำปากดีอีก”

ทันทีที่เขาพูดจบ พวกเขาทุกคนก็กระโจนเข้าไปทันที

เฉินเฟิงก็เข้าไปรับมือพร้อมกับอุทานออกมา: “ในเมื่อพวกคุณไม่ยอมพูดออกมา ถ้างั้นคงต้องสู้จนพวกคุณจะยอมพูดแล้วกัน”

หมัดที่เขาปล่อยออกไปถูกอีกฝ่ายปัดป้องเอาไว้ได้ ในขณะที่ทางฝั่งของชิงจือก็กำลังรับมือกับอีกฝ่ายก่อนจะเตะจนอีกฝ่ายกระเด็นออกไป

นับเป็นครั้งแรกที่เฉินเฟิงได้ร่วมมือกับชิงจือ ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้เหมือนเป็นการที่ชิงจือช่วยให้หเขาได้เกิดความคุ้นชินกับทักษะและความรวดเร็วของดินแดนมหาปรมาจารย์ไปในตัว

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหากได้บรรลุการเป็นมหาปรมาจารย์แล้วจะเกิดความแน่นอนหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าการได้ต่อสู้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ทำให้เขาเกิดความคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถคิดหาวิธีต่อกรกับมหาปรมาจารย์ได้อีกด้วย

แต่แล้วความคิดนั้นของเฉินเฟิงก็ถูกทำลายลง จากมุมที่เฉินเฟิงไม่อาจรับรู้ได้ เท้าของชิงจือก็โผล่ขึ้นมาก่อนจะเตะเอาเขาคนนั้นล้มลงไป

นั่นถือเป็นความรวดเร็วที่สุดยอดอย่างมาก ซึ่งไม่ว่าจะพึ่งพาเทคนิคใดๆ ก็ไม่อาจทำลายความรวดเร็วนี้ได้เลย

และในระยะเวลาเพียงไม่นาน พวกเขาเจ็ดแปดคนก็ล้มกองลงไประเนระนาดกับพื้นแล้ว

“ว่าไง ตอนนี้พูดได้หรือยัง?” เฉินเฟิงหันไปถามกับเขาคนนั้น

แต่แล้วชายคนนั้นกลับปฏิเสธทันที

“ฝันไปเถอะ คุณอย่าได้คิดไปเลย ในเมื่อพวกเรารับภารกิจมา แน่นอนว่าไม่มีทางขายเจ้านายของตัวเองแน่นอน”

เฉินเฟิงยิ้มออกมาจางๆ : “คิดไม่ถึงเลยว่าพวกคุณจะมีความเป็นมืออาชีพรับผิดชอบต่อหน้าที่แบบนี้ แต่เรื่องที่ว่าพวกคุณจะตายอยู่ที่นี่หรือเปล่านั้นมันก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งแล้ว เพราะยังไงต่อให้พวกคุณตายอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี”

จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปทันที: “แต่ถ้าหากว่าใครในกลุ่มพวกคุณสามารถบอกกับผมเรื่องคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกคุณ คนคนนั้นสามารถไปจากที่นี่ได้ทันที และพวกผมจะไม่ตามไปเอาผิดอีก”

พูดจบเขาก็พูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค

“แต่ว่าอาสาสมัครคนนี้จะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นนะ”

แล้วชายที่เป็นผู้นำคนนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา: “ในกลุ่มพี่น้องของเรา ไม่มีทางที่จะทำเรื่องหักหลังทรยศแบบนี้หรอก”

แต่ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะได้พูดอะไร จู่ๆ เขาคนนั้นก็มีเลือดสดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างแล้วหันไปยังด้านหลังของตัวเองด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขากำลังใช้มีดแทงไปยังหัวใจของเขาจากด้านหลัง

เขายังไม่ทันแม้แต่จะได้พูดอะไรก็ล้มลงไปด้วยความไม่ข้องใจ

เฉินเฟิงยิ้มออกมา: “พวกคุณยังจะรออะไรอยู่อีก มีคนเริ่มลงมือแล้ว”

แต่ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะพูดจบ อีกสามคนที่เหลือก็เริ่มต่อสู้กันขึ้นมา

“คุณนี่มันคนต่ำทรามจริงๆ” ชิงจือเองก็หยุดการเคลื่อนไหว แล้วมองดูพวกเขาต่อสู้กันเองก่อนจะหันไปพูดกับเฉินเฟิงด้วยความเย็นชา

แต่เฉินเฟิงกลับไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเธอเลยสักนิด: “พวกเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร จะตายก็ให้ตายไปเถอะ”

เพียงไม่นานพวกเขาทั้งสามคนก็ต่อสู้จนรู้ผลแพ้ชนะ ชายหนึ่งในนั้นเดินมาตรงหน้าของเฉินเฟิงพวกเขาสองคน เขาที่ตอนนี้เหมือนจะได้รับบาดเจ็บแต่ยังไม่หนักถึงแก่ชีวิตพลางพูดขึ้นมา

“ที่คุณพูดไว้ก่อนยังคำไหนคำนั้นหรือเปล่า?”

เฉินเฟิงพยักหน้าพลางตอบกลับ: “แน่นอน พวกเราไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เพียงเพื่อหนึ่งชีวิต หนึ่งชีวิตที่ไร้ค่าแล้วทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเอง”

ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะกล่าวดูถูกเขา แต่เขากลับยิ้มออกมา เพราะอย่างน้อยขอเพียงแค่เขาบอกมันออกมา เขาก็ยังจะสามารถมีชีวิตต่อไปได้

จากนั้นเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะหักหลังผู้เป็นเจ้านายของตัวเอง

หลังจากที่ได้ฟังทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เฉินเฟิงได้คิดเอาไว้

เดิมทีเขาคิดว่าจะเป็นตาแก่คนนั้น หรือไม่ก็เป็นทายาทเศรษฐีที่เผอิญเจอกันบนถนน แต่ปรากฏว่ากลับเป็นชื่อของใครอีกคนที่เขาไม่รู้จักไปซะอย่างนั้น

เฉินเฟิงอยากจะถามถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นเองจะไม่รู้เหมือนกัน ทั้งชื่อที่เขาไม่รู้จักนี้เป็นเรื่องจริงกี่เปอร์เซ็นเขาก็ยังไม่มั่นใจเลย

สุดท้ายเหลือเพียงความเอือมระอาที่ไร้หนทาง ในเมื่อตัวเขาเองเป็นคนที่รักษาคำพูด เฉินเฟิงจึงได้เพียงยอมปล่อยเขาไป

แต่กระทั่งชายคนนั้นจากไป สีหน้าของชิงจือเหมือนกำลังครุ่นคิดราวกับว่ากำลังคิดถึงเรื่องบางอย่างอยู่

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นจึงถาม: “นี่คุณรู้หรอว่าเขาคนนั้นคือใคร?”

ชิงจือส่ายหน้าปฏิเสธ โดยไม่มีการอธิบายใดๆ

เฉินเฟิงที่เห็นว่าเธอไม่คิดที่จะอธิบายอะไรต่อ เขาจึงไม่คิดที่จะถามอะไรอีก ก่อนจะกลับขึ้นไปบนรถแล้วพักผ่อน

ส่วนทางด้านหลี่จื่อเยว่เหมือนจะไม่ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะการต่อสู้ที่เกิดขึ้นด้านนอก จนกระทั่งเธอตื่นขึ้นในวันถัดมาก็รู้สึกว่าเมื่อคืนนี้ได้หลับอย่างสบายไม่น้อยเลย

จากนั้นรถก็กลับมาแล่นบนถนนอีกครั้ง แสงอาทิตย์ที่สาดส่องขึ้นมาจากทิศตะวันออกจนไปตกยังทิศตะวันตก สายลมอันเงียบสงบพัดผ่านไปมา และทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างโดดเดี่ยวและน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้

และแล้วพวกเขาก็ขับรถแล่นมายังเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาตัดสินใจหาโรงแรมที่เรียบง่ายแห่งหนึ่งเตรียมพักผ่อนในค่ำคืนนี้

ทางด้านหลี่จื่อเยว่ที่เห็นว่าทั้งสามคนไม่จำเป็นต้องเบียดเสียดกันอยู่ในรถแล้วก็ดูจะดีใจอย่างมาก ราวกับลืมความเศร้าโศกที่ตัวเองจากบ้านออกมา

และด้วยความอ่อนล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน ทั้งสามคนต่างก็แยกย้ายไปพักผ่อนในห้องของตัวเอง

เฉินเฟิงปล่อยให้น้ำอุ่นโปรยปรายบนร่างกายของตัวเอง ความอุ่นจากน้ำร้อนที่กระทบกับความเหนื่อยล้าบนร่างกายทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก

จากนั้นเขาที่สวมเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แต่ไม่ทันไรเขาก็สังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาอยู่ในห้องของเขา และในตอนนี้ชิงจือก็กำลังนั่งอยู่บนเตียงของเขา

เฉินเฟิงไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงอะไรเมื่อมีคนได้เห็นเรือนร่างท่อนบนของเขาที่กำลังเปลือยเปล่า ทว่าตอนนี้เขาเพียงสงสัยว่าทำไมชิงจือถึงได้มาอยู่ที่นี่

“คุณมีเรื่องอะไรจะพูดกับผมงั้นหรอ?”

เขาเดินไปยังข้างๆ โต๊ะก่อนจะหยิบขวดน้ำที่ตั้งไว้ขึ้นมาเปิดแล้วดื่มลงไป

ชิงจือมองเขาพร้อมกับพูด: “เส้นทางต่อจากนี้ไป พวกเราต้องแยกกันแล้ว”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท