ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 862

ตอนที่ 862

หลังจากที่เด็กหนุ่มคนนั้นได้ปรากฏตัวแล้ว ทางด้านของเชียนเสี่ยวหยุนและเซียงหลันก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที

“ไอ้หมอนั่นเป็นคนตระกูลเชียนของพวกแกใช่ป่าว ฉันจำได้ว่ารู้สึกเขาจะชื่อว่าเชียนหนิง น่าจะเป็นน้องชายแกล่ะสิ” เซียงหลันพูดพลางมองไปยังเชียนเสี่ยวหยุน

แต่ว่าเชียนเสี่ยวหยุนกลับรีบปฏิเสธว่า “แกอย่าพูดซี้ซั้วไป ถ้าคนที่บ้านรู้เรื่องนี้เข้าแล้ว ฉันก็คงไม่พ้นจากการโดนลงโทษอีกแน่นอน”

เมื่อเซียงหลันได้ยินคำพูดของเชียนเสี่ยวหยุนแล้ว ก็พูดอย่างโมโหว่า “ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลย ทำไมแกยังต้องไปนับญาติกับบ้านนั้นอีก ต่างก็เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน แกไม่รู้สึกมั่งเหรอว่ามันไม่ยุติธรรมเลย?”

เชียนเสี่ยวหยุนก็พูดอย่างหดหู่ว่า “แต่แล้วยังไงล่ะ อย่างน้อยฉันก็ยังเป็นสมาชิกของคนบ้านนี้อยู่ดีแหละ”

ส่วนเซียงหลันก็ล้มเลิกที่จะไปพูดเตือนเธออีกต่อไป เธอได้พูดมาหลายครั้งหลายหนแล้ว ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของเชียนเสี่ยวหยุนได้เลย

“เอาเถอะ แล้วแต่แกก็ละกัน” จากนั้นก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป จึงมองไปยังเชียนหนิง

“แต่ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ล่ะ หรือว่ารู้ว่าแกอยู่ที่นี่?”

เชียนเสี่ยวหยุนนึกดูแล้ว ก็พูดอย่างไม่แน่ใจนักว่า “เขาเคยพูดกับฉันว่าเขาสามารถได้กลิ่นตัวของฉัน ไม่ว่าจะอยู่ไกลขนาดไหนเขาก็สามารถรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน? แต่ว่า……ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะจริงหรือเปล่า?”

ถึงอย่างไรเซียงหลันก็ไม่อยากเชื่อคำพูดที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คำพูดนี้แกก็ยังเชื่อเหรอ อาจไม่แน่เขาอาจจะวางเครื่องติดตามตัวไว้ที่ตัวแกก็ได้ คนของตระกูลเชียนนี่ล้วนไม่ใช่คนดีทั้งนั้น ไม่ยกเว้นแม้แต่น้องชายแกคนนี้ด้วย”

ถึงแม้เซียงหลันจะพูดเช่นนั้นก็ตาม ก็เพียงแต่กล้าพูดต่อหน้าเชียนเสี่ยวหยุนเท่านั้นเอง หากอยู่ต่อหน้าคนตระกูลเชียนแล้ว คาดว่าก็คงพูดอะไรไม่ออกเลย

เชียนเสี่ยวหยุนก็รู้จักนิสัยเช่นนี้ของเซียงหลันดี เธอได้แต่ยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร

“เขาคิดจะสู้กับเจ้าแสบสองคนนั้นเหรอ?” เซียงหลันถามขึ้นอีก

“ไม่น่าจะใช่นะ เชียนหนิงถึงแม้มีพรสวรรค์สูงส่งก็จริง แต่ตอนนี้ยังเทียบระดับชั้นไม่เท่ากับสองคนนั้น หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วเขาก็ยังไม่แน่ว่าจะชนะได้หรือไม่ ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าคนเดียวจะสู้สองคนเลย” เชียนเสี่ยวหยุนพูดวิเคราะห์

แต่ว่าเซียงหลันกลับพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “เขาสามารถจะร่วมมือกับเฝิงเฉิงได้นะ ทั้งสองคนรวมหัวกันสู้กับตู๋กูหยุนคนเดียวอย่างนี้ ก็น่าจะมีโอกาสชนะได้นะ”

แต่ว่าเชียนเสี่ยวหยุนก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “นิสัยของเชียนหนิงนั้นค่อนข้างโดดเดี่ยวทระนง ไม่มีทางที่จะไปร่วมมือกับคนอื่นไปสู้กับอีกคนได้หรอก”

เซียงหลันแอบด่าด้วยเสียงเบาๆว่า “วรยุทธ์ยังไม่ทันได้ฝึกถึงขั้นสุดยอดเลย นิสัยกลับเย่อหยิ่งเสียเหลือเกิน ทีหลังอาจไม่แน่ต้องเสียเปรียบคนอื่นเข้าสักวันก็ได้”

ส่วนเชียนหนิงนั้นก็คงไม่ได้ยินสิ่งที่เซียงหลันพูดอย่างแน่นอน ก็เป็นอย่างที่เชียนเสี่ยวหยุนพูดไว้ว่าเขาไม่มีทางที่จะไปร่วมมือกับคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้น ดังนั้นหากจะต้องต่อสู้กันขึ้นมาละก็ งั้นก็จะต้องสู้กันแบบตัวต่อตัว หรือไม่ก็หนึ่งต่อสอง

เชียนหนิงก็เริ่มบุกเข้าไปต่อสู้กับตู๋กูหยุนก่อน แต่ขณะก่อนลงมือนั้น ก็ดูออกแล้วว่า ระดับชั้นของเขานั้นยังด้อยกว่าตู๋กูหยุนไปบ้าง หากคิดจะเอาชนะเขา อาจจะเป็นเรื่องที่ลำบากมากทีเดียว

แต่ก็เช่นเดียวกับตู๋กูหยุน เขาก็ไม่กล้าที่จะใช้พลังเต็มที่เพื่อต่อสู้กับเชียนหนิง เพราะคอยระแวงเฉินเฟิงที่ยืนดูอยู่ด้านข้างนั้น ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ขยับเขยื้อน เพียงแต่ยืนมองอย่างสงบนิ่ง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเฉินเฟิงจะฉวยโอกาสขณะที่เขาเผยช่องโหว่ออกมาให้เห็น แล้วลอบจู่โจมทำร้ายทันทีหรือไม่

ดังนั้นจึงต้องคอยแบ่งพละกำลังส่วนหนึ่งไว้เพื่อป้องกันการลอบทำร้ายจากเฉินเฟิง

หลังจากต่อสู้กันไปสักพักหนึ่ง ฝีมือการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็สูสีกันอย่างมาก แต่ว่า ตู๋กูหยุนรู้ว่าหากยังสู้กันเช่นนี้ต่อไปอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกได้ว่า เฉินเฟิงแกกำลังคันไม้คันมือรออยู่

เมื่อเห็นว่าจังหวะเหมาะแล้วก็เตรียมตัวที่จะเผ่นหนี ส่วนเฉินเฟิงก็กำลังรอคอยเวลานี้มาถึงเช่นกัน

เมื่อแรกเริ่มเดิมทีก็ยังไม่ได้ร่วมมือกับเชียนหนิง เป็นเพราะว่าเขาไม่คุ้นเคยกับเชียนหนิง กลับจะทำให้เป็นอุปสรรคในใช้กระบวนท่าในการต่อสู้ อีกอย่างคือจะต้องรอช่วงจังหวะที่ตู๋กูหยุนกำลังถอยหนี แล้วจึงซัดเข้าไปหาเขาอย่างเต็มเหนี่ยวไปเลย

ดังนั้นขณะที่ตู๋กูหยุนกำลังจะขยับตัวเพื่อจะหลบหนีไปนั้น เฉินเฟิงก็เริ่มลงมือเลย

สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ ตู๋กูหยุนภายใต้จุดบอดที่เกิดจากเชียนหนิงนั้น เฉินเฟิงจึงชกหมัดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ส่วนตู๋กูหยุนเดิมทีมุ่งแต่จะหลบหนีไป ยังไม่ทันระวังตัว ประกอบกับเขตจุดบอดที่เกิดจากเชียนหนิง ดังนั้นหมัดนั้นจึงชกลงไปตรงหน้าอกของตู๋กูหยุนได้อย่างง่ายดาย

เฉินเฟิงก็ออกแรงสุดฤทธิ์เต็มที่เช่นกัน ดังนั้นหากถูกหมัดนี้แล้วละก็ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้ว

แต่ว่าเฉินเฟิงนึกไม่ถึงว่า ตู๋กูหยุนถึงแม้จะโดนหมัดชกเข้าไปอย่างจังนั้น ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ยังคงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตเช่นเดิมจนห่างออกไปไกลจากเฉินเฟิงมากขึ้น

นี่ดูเหมือนเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจริงๆ

แต่ว่าเฉินเฟิงตั้งสติได้เร็วมาก เขาตั้งใจแล้วว่าคราวนี้จะไม่ปล่อยให้ตู๋กูหยุนหนีรอดไปได้ ดังนั้นจึงไม่สนใจว่าระหว่างเขากับเชียนหนิงนั้นจะรู้จักมักคุ้นกันหรือไม่ ก็จะร่วมมือกัน ลงมือแบบสองรุมหนึ่งแล้ว

แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่า เขากำลังคิดจะวิ่งตามไป แต่กลับถูกสายฟ้ากระบี่เข้ามาขวางเอาไว้ เฉินเฟิงจึงจำเป็นต้องถอยกลับอย่างไม่มีทางเลือก ส่วนตู๋กูหยุนนั้นได้อาศัยจังหวะที่เฉินเฟิงและเชียนหนิงกำลังขัดแย้งกันอยู่ จึงได้หลบหนีออกไปไกลเจ็ดแปดช่วงตัวแล้ว

ส่วนเฉินเฟิงนั้นก็ไม่มีทางที่จะไปไล่ล่าต่อไปได้อีกแล้ว เพราะว่าเชียนหนิงยืนขวางอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาที่โกรธแค้น

เฉินเฟิงพูดอย่างโมโหว่า “แกกำลังทำอะไรกันแน่? ฉันช่วยแก แกกลับมาสู้กับฉัน”

นึกไม่ถึงว่าเชียนหนิงจะโกรธเพราะอยากผดุงคุณธรรม พูดว่า “การกระทำของแกต่ำทรามมาก ต่อให้ลงมือเพื่อช่วยฉันก็จริง แต่ฉันก็ละอายใจที่จะได้ร่วมมือกับแก ตอนนี้ฉันไม่ฆ่าแก ก็ถือว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว”

เฉินเฟิงไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ ก็เหมือนกับได้พบกับคนเสียสติที่กำลังพูดจาไม่รู้เรื่อง

แต่ถ้าคิดจะไล่ตามตู๋กูหยุนที่หลบหนีไปนั้น จำเป็นจะต้องผ่านด่านเชียนหนิงก่อน แต่ว่าเขากับเชียนหนิงไม่เคยมีความโกรธแค้นกันเลย หากสู้ต่อไปเช่นนี้ก็มีแต่จะทำให้ตู๋กูหยุนหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย

เฉินเฟิงจึงได้แต่มองดูตู๋กูหยุนหนีจากไปเช่นนั้นอย่างไม่มีทางเลือก

รอจนไม่เห็นเงาร่างของตู๋กูหยุนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ในทุ่งหญ้าแห่งนี้ก็เหลือแต่พวกเขาสี่คนแล้ว เพราะว่าเฉินเฟิงยังไม่ได้ลงมือ เชียนหนิงก็ไม่ได้สนใจเฉินเฟิงอีกเลย ตัวเองจึงเดินเข้าไปหาเชียนเสี่ยวหยุนสองคนนั้นโดยลำพัง

“เขาคิดจะพาแกไปเหรอ?”

เมื่อมองเห็นเชียนหนิงเดินเข้ามาหา เซียงหลันจึงถามขึ้น

“น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่ว่าที่บ้านก็ไม่ได้เห็นฉันตั้งนานแล้ว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเข้ามาทำอะไร” เชียนเสี่ยวหยุนพูดอย่างเรียบเฉย ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเธอเองเลย

“แกก็อย่าตามเขาไปสิ บ้านหลังนั้นไม่มีอะไรที่น่าพิศวาสเลย” เซียงหลันพูดเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่ง

แต่ว่าเชียนเสี่ยวหยุนไม่ได้พูดจาอะไรเหมือนเดิม

และเป็นจริงเช่นนั้น เมื่อเชียนหนิงเดินเข้ามาตรงหน้าเชียนเสี่ยวหยุน ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “เชียนเสี่ยวหยุน ตามฉันกลับไป”

แทบจะไม่ได้สนใจเซียงหลันที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเชียนเสี่ยวหยุนเลย

ส่วนเชียนเสี่ยวหยุนก็มองไปยังเชียนหนิง ด้วยสายตาที่แสนจะอบอุ่น นั่นเป็นการแสดงออกถึงสายใยผูกพันทางสายเลือดที่ไม่สามารถอธิบายได้ เธอยิ้มแล้วพยักหน้า

“เออ”

ส่วนเซียงหลันเมื่อได้ยินเสียงตอบรับนี้แล้ว ก็ก้มหน้าลงอย่างจนปัญญา เชียนเสี่ยวหยุนก็ยังคงไม่สามารถที่จะตัดขาดสายใยผูกพันทางสายเลือดของเธอไปได้

ดังนั้นเชียนหนิงจึงพาเชียนเสี่ยวหยุนจากไป เธอไม่มีปัญญาที่จะไปขัดขวางได้เลย

จนกระทั่งเฉินเฟิงมาพูดอยู่ตรงข้างหูเธอ เธอจึงละสายตาจากการมองเชียนเสี่ยวหยุนที่เดินจากไป

“แกควรจะอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยนะ” น้ำเสียงของเฉินเฟิงราบเรียบมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความสงสัย

ส่วนเซียงหลันหันมามองเฉินเฟิง แล้วก็รีบเปลี่ยนสีหน้าใหม่ กลายเป็นอ่อนแอราวกับแทบจะขาดใจ ส่งเสียงเรียกที่แผ่วเบาว่า

“ท่านเฝิง…….”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน