ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 865

ตอนที่ 865

ดังนั้นเขาย่อมอยากรู้เป็นธรรมดา จึงถามว่า “หมาป่าทะเลทรายนี้จะร้ายกาจมากขนาดนั้นเลยหรือ?”

เชียนสวนยี่คาดเดาว่าเฉินเฟิงจะต้องไม่รู้จักหมาป่าทะเลทรายมากนัก ดังนั้นก็จึงพูดเตือนไป ส่วนเฉินเฟิงตอนนี้ถามเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ จึงตอบว่า

“ถ้าพูดถึงหมาป่าทะเลทรายแล้ว ก็ย่อมต้องพูดถึงฝูงหมาป่าก่อน”

“ฝูงหมาป่าคืออะไร?”

เชียนสวนยี่พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฝูงหมาป่าก็คือลูกน้องของหมาป่าทะเลทราย เป็นเครื่องมือฆ่าคน พวกเขาอยู่ได้ก็อาศัยการฆ่าคนเป็นอาชีพ ขอเพียงสามารถฆ่าคนได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีเล่ห์เหลี่ยมกลยุทธ์อะไร แม้แต่เอาชีวิตแลกชีวิตพวกเขาก็กล้าทำอย่างไม่เสียดาย”

เฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจมาก จึงถามอีกว่า “น่ากลัวขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

“ก็เพราะว่าน่ากลัวอย่างนี้ หมาป่าทะเลทรายถึงได้อาศัยพวกฝูงหมาป่าจนสามารถมีฐานะยืนหยัดอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ส่วนพวกที่เคยขัดขวางคนของพวกเขานั้นก็ล้วนตายจมเขี้ยวของพวกฝูงหมาป่าทั้งนั้น”

เฉินเฟิงถามอีกว่า “ถ้ามันน่ากลัวขนาดนี้ ตระกูลเชียนอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ก็แทบจะอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้วใช่มั๊ย? พวกเขาคงไม่อยากจะสยบอยู่ใต้อิทธิพลของตระกูลเชียนตลอดไป ตระกูลเชียนตอนนี้ก็เหมือนศัตรูที่ขวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว”

เชียนสวนยี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณท่านถามได้ตรงประเด็นมากเลย แต่ว่าตระกูลเชียนเราก็ไม่ได้หวั่นกลัวง่ายดายเช่นนั้น ต่อให้พวกเขาเหิมเกริมขนาดไหน ก็เป็นเพียงแค่หมาป่าฝูงหนึ่งเท่านั้นเอง”

ความมั่นใจของเขาก็เหมือนมาจากความเชื่อมั่นที่กลั่นออกมาจากใจ นั่นเป็นเพราะความยิ่งใหญ่ของตระกูลเชียนจึงทำให้เขามั่นใจได้ถึงเพียงนี้

ในเมื่อตระกูลเชียนปฏิเสธคำขอร้องของเฉินเฟิงแล้ว เฉินเฟิงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อไปอีก

“ขอบคุณที่ให้คำชี้แนะ แต่ผมกับหมาป่าทะเลทราย ตอนนี้ก็คงเลิกแล้วต่อกันไม่ได้แล้ว หากต้องเผชิญหน้ากับพวกฝูงหมาป่าพวกนั้น ก็คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วล่ะ แต่ว่าวันนี้ได้มารบกวนมากแล้ว หวังว่าคงให้อภัย”

เชียนสวนยี่กลับพูดว่า “ในเมื่อคุณท่านได้มาถึงบ้านตระกูลเชียนเราแล้ว งั้นก็นับว่าเป็นแขกคนหนึ่ง ถ้าไม่รังเกียจขอให้อยู่พักที่นี่สักสองสามวันก่อน จะได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านในการต้อนรับแขกบ้าง คืนพรุ่งนี้พอดีบ้านตระกูลเชียนเราจัดงานหมั้นลูกสาว ถ้าเช่นนั้นก็อยู่ร่วมดื่มเหล้ามงคลก่อน แล้วค่อยกลับก็ยังไม่สาย”

เฉินเฟิงคิดดูแล้ว ตอนนี้หลี่จื่อเยว่ก็เพียงแค่ถูกพากลับไปเท่านั้น คงไม่มีอันตรายถึงชีวิต อย่างมากก็แค่ถูกขังไว้สองวัน ไม่มีอิสรภาพเท่านั้น

ส่วนวันนัดหมายของชิงจือนั้น เขาก็ยังหวังที่จะพาหลี่จื่อเยว่ไปด้วย ดังนั้นก็ยิ่งไม่ต้องรีบร้อนอะไร

จึงรับปากตอบตกลงไป

เชียนสวนยี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มีโอกาสได้รับคำอวยพรจากคุณท่านแล้ว เชื่อว่าน้องสาวกระผมคงจะต้องดีใจมากเลย”

เฉินเฟิงก็ยิ้มด้วย ถึงแม้ว่าเขายังไม่รู้ว่าใครแต่งงานกันแน่ก็ตาม

เมื่อร่ำลากับเชียนสวนยี่แล้ว ก็มีคนนำทางพาไปยังเขตบริเวณลานบ้านที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง ทิวไผ่เขียวเป็นแถวรายล้อมระเบียงทางเดิน ดอกกุ้ยฮวาส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว ถ้าได้พักอยู่ที่นี่ก็น่าจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจทีเดียว

หลังจากที่พาเฉินเฟิงมาส่งแล้ว คนนั้นก็เดินจากไป ภายในห้องนั้นมีทุกสิ่งครบถ้วนไม่แพ้โรงแรมชั้นหนึ่งเลย ทำให้รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น

เพียงแต่นั่งไปสักพักก็รู้สึกเซ็ง จึงเตรียมตัวจะออกไปเดินเล่นบ้าง

เมื่อออกจากประตูทางเข้าลานบ้าน ก็มีคนมาสอบถาม ดูเหมือนเป็นคนที่ยืนเฝ้าอยู่ที่นี่เพื่อคอยบริการเฉินเฟิงว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมบ้าง

เฉินเฟิงจึงบอกกับเขาว่าอยากจะไปเดินเล่น คนนั้นจึงแนะนำว่า

“ถ้าท่านอยากจะเดินชมทางนี้ละก็ ฤดูนี้ควรจะไปชมสวนป๋ายกุ้ย ที่นั่นดอกกุ้ยฮวาเพิ่งเปล่งบานไม่นานมานี้ เหมาะสำหรับไปเดินชมมากเลย”

ด้วยความอย่างรู้อยากเห็น เฉินเฟิงก็พยักหน้าแล้วเดินตามเขาไปยังสวนป๋ายกุ้ย

สวนภายในบ้านตระกูลเชียนใหญ่โตมาก เดินอ้อมถนนไปมาตามทางเจ็ดแปดสาย ในที่สุดก็ได้กลิ่นดอกกุ้ยฮวาโชยมา กลิ่นหอมแตะจมูก ทำให้รู้สึกดื่มด่ำเคลิบเคลิ้มไปด้วย

“นี่ก็คือสวนป๋ายกุ้ย ท่านสามารถเดินเข้าไปเองได้เลย หากกระผมไปด้วยจะทำให้เสียบรรยากาศการชมทิวทัศน์ ข้างในนั้นยังมีพวกเครื่องดื่มอาหารว่าง ท่านสามารถใช้บริการได้เลย”

พูดจบ เขาก็เดินหันหลังจากไป

เฉินเฟิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินมุ่งหน้าเข้าไปในสวนนั้น

สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือสวนดอกกุ้ยฮวาที่ปลูกสลับสีขาวกับสีเหลืองเต็มไปหมด สวนดอกไม้นี้ใหญ่โตมาก บนพื้นเต็มไปด้วยกลีบดอกที่ร่วงโรยปกคลุมไปทั่วทั้งสวนแห่งนี้

เฉินเฟิงค่อยๆเดินเข้าไปอย่างช้าๆ สงบเงียบมากราวกับสัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายทั้งกายใจ

เดินไปยังไม่ถึงร้อยก้าว ในที่สุดก็ได้เห็นอาหารว่างที่ชายคนนั้นเอ่ยถึง มีโต๊ะเก้าอี้หวายสี่ห้าชุดวางอยู่ ไม่ได้ทำลายบรรยากาศที่นี่เลย กลับเพิ่มความสงบนิ่งในบรรยากาศมากขึ้น เฉินเฟิงจึงเดินเข้าไปนั่งลง แล้วหยิบขนมบนโต๊ะขึ้นมาชิ้นหนึ่ง มองดูก็รู้ว่าเป็นขนมดอกกุ้ยฮวา ลองชิมไปคำหนึ่ง รู้สึกรสชาติก็ไม่เลวเลย

จึงนั่งสบายอารมณ์ที่นี่ เพื่อรอเวลาอาหารเย็น

สายลมยามฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านมา กลีบดอกราวกับสายฝนสีเหลืองทองโปรยปรายลงมา แลดูช่างตระการตายิ่งนัก ร่วงหล่นลงมาตรงข้างกายของเฉินเฟิง เฉินเฟิงใช้มือปัดกลีบดอกบนไหล่ออกไป กลับเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาหาจากด้านหลัง

เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เฉินเฟิงเพ่งมองดูก็จำได้ว่าเป็นหญิงสาวที่อยู่กับเซียงหลันคนนั้น

ส่วนเชียนเสี่ยวหยุนก็นึกไม่ถึงว่าในสวนป๋ายกุ้ยก็ยังมีคนอื่นอยู่อีก เดิมทีคิดจะเดินจากไปแล้ว แต่เห็นว่าไม่ใช่คนอื่น เคยพบหน้ากันครั้งหนึ่งแล้ว

ในเมื่อไม่ใช่คนตระกูลเชียน เธอก็ยิ่งไม่มีความคิดที่จะหลบหน้า จึงเดินเข้าไปหา

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ?” เมื่อมาถึงข้างตัวเฉินเฟิงแล้ว เชียนเสี่ยวหยุนถาม

“พบกันคราวที่แล้ว ฉันยังไม่ได้ถามชื่อแซ่คุณเลย นึกไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนของตระกูลเชียน” เฉินเฟิงมองหน้าเธอ คราวที่แล้วยังไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจึงมองอย่างละเอียด

ตาโตจมูกโด่ง ริมฝีปากบางสีแดงเรื่อ ผมยาวดกดำเป็นเงา งามอย่างสาวงามโบราณ

เฉินเฟิงไม่ได้จ้องอย่างเสียมารยาท ได้แต่กวาดสายตาผ่านไปเท่านั้น

เชียงเสี่ยวหยุนนั่งตรงเก้าอี้ด้านข้างของเฉินเฟิง นั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย แล้วจึงพูดกับเฉินเฟิงว่า “ฉันชื่อเชียนเสี่ยวหยุน แล้วคุณล่ะ?”

เฉินเฟิงพูดว่า “เฉินเฟิง”

เชียนเสี่ยวหยุนมองดูขนมกุ้ยฮัวบนโต๊ะ ถามเหมือนชวนคุยว่า “ขนมดอกกุ้ยฮวานี้ คุณรู้สึกรสชาติเป็นยังไงบ้าง อร่อยรึเปล่าล่ะ?”

เฉินเฟิงชะงักเล็กน้อย เมื่อได้ยินเธอถามอย่างกะทันหันเช่นนี้ แต่ว่าก็ได้ชิมแล้วรสชาติดีจริงๆ จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ของบ้านตระกูลเชียน ก็ต้องเป็นของดีทั้งนั้นแหละ”

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเฉินเฟิงพูดอะไรผิดไป สีหน้าของเชียนเสี่ยวหยุนเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที พูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนักว่า “ขนมดอกกุ้ยฮวานี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านตระกูลเชียนเลยแม้แต่นิดเดียว”

เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้นแล้ว เฉินเฟิงก็เดาออกว่าระหว่างเธอกับตระกูลเชียนจะต้องมีอะไรบาดหมางกันแน่นอน จึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุยว่า “ทิวทัศน์ในสวนป๋ายกุ้ยนี่งดงามเช่นนี้ ก็มีแต่คุณและฉันสองคนเท่านั้นที่ชื่นชม ก็นับว่ามีวาสนาต่อกันอย่างหนึ่ง ฉันก็แค่รู้สึกเหงาๆ ดังนั้นจึงออกมาเดินเล่นแถวนี้”

เชียนเสี่ยวหยุนมองไปยังที่ห่างไกลออกไปกลีบดอกกุ้ยฮวาร่วงหล่นไปทั่ว พูดด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “ถึงแม้จะเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามยังไงก็ต้องมีวันที่เลือนหายไป เพียงแต่ว่ายามที่พวกเขาจากไปนั้น กลับไม่มีใครไปสนใจเลย มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก”

เฉินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “พวกเขาคงไม่ได้หวังให้ใครมาชื่นชมความงดงามของพวกเขาหรอก เพียงแต่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น หวังว่าจะได้สืบทอดขยายออกไปให้มากที่สุด”

เชียนเสี่ยวหยุนมองไปยังเฉินเฟิงอย่างสงสัย ราวกับว่าคำพูดของเฉินเฟิงกำลังเตือนสติเธออยู่ จึงพูดอย่างโกรธเครืองว่า “คุณไม่รู้อะไรเลย คุณเป็นแค่ผู้มาเยือนเท่านั้น เรื่องที่ทุกข์ทรมานพวกนั้นคุณก็ไม่เคยเห็น กลับมาพูดจาอย่างนี้ออกมา คุณมันคนเฮงซวย”

เฉินเฟิงก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องถูกด่าด้วย

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท