ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 874

ตอนที่ 874

เฉินเฟิงถูกบีบให้ถอยร่นไปติดกำแพง เมื่อเขาตั้งตัวได้ก็มองไปข้างหน้า ข้างกายของคนนั้นก็มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนแล้ว

การแต่งกายของทั้งสามคนก็เหมือนกันหมด สวมหมวกคลุมใบหน้าและเสื้อคลุมปกปิดร่างกายไว้มิดชิด

คนที่เดินนำหน้าที่บีบให้เฉินเฟิงถอยไปคนนั้น รูปร่างกำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรง กำหมัดทั้งสองไว้แน่น พร้อมที่จะชกใส่เฉินเฟิงอีกครั้งหนึ่ง

เขาพูดกับเฉินเฟิงว่า “คนบาปหนา ก็สมควรที่จะต้องได้รับการพิพากษา”

พูดจบเขาก็ไม่รอให้เฉินเฟิงตอบโต้เลย บุกเข้าไปชกหมัดไปหนึ่งที หมัดหนักเป็นตัน ราวกับจะทุบให้เฉินเฟิงกลายเป็นหมูบะช่อไปเลย แต่ว่าเฉินเฟิงในเวลานี้ก็ไม่ใช่จะมาแหย็มได้ง่ายเช่นกัน

ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ ภายในร่างกายแผ่กระจายคลื่นความร้อนออกมา ชกหมัดออกมาด้วยเหมือนกัน ชกสวนตรงเข้าไปหาฝ่ายนั้น

หมัดทั้งสองปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างรับแรงกระแทก เฉินเฟิงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยส่วนคนนั้นก็ถอยหลังออกไปเจ็ดแปดก้าว แล้วจึงหยุดลงได้

อีกสองคนที่อยู่ข้างๆเห็นว่าเพื่อนสู้ไม่ได้ ก็บุกเข้าไปพร้อมกัน

แต่ยังไม่ทันรอให้พวกเขาสามคนลงมือเลย เฉินเฟิงก็บุกเข้าไปก่อน ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต คิดแต่อยากหาทางระบายมันออกมา

ส่วนสามคนตรงหน้านี้ก็มาพานพบเจอพอดี

เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่า ทั้งสามคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น แต่ว่าเฉินเฟิงก็ยังไม่สามารถระบายความกระหายเลือดในใจของเขาได้ เขาจับร่างของหนึ่งในนั้นกดลง แล้วทุบตีลงไปในร่างที่นอนสลบนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง

ชั่วพริบตาเดียวร่างนั้นก็แหลกเหลวจนแยกชิ้นส่วนไม่ออก หมัดทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของเฉินเฟิงเองหรือว่าเป็นของฝ่ายตรงข้ามกันแน่

หลังจากที่คนนั้นหมดลมหายใจไปแล้ว เฉินเฟิงจึงหยุดมือ ยกกำปั้นที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมา เฉินเฟิงก็สะบัดมือ เพื่อสลัดเลือดออกไปจากมือของเขา

ยังดีที่ในใจยังพอมีสติเตือนเขาว่า จะต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่

จากนั้นก็วิ่งต่อไปอีก ในที่สุดก็ได้เห็นทางออกแล้ว ประตูเหล็กที่ใหญ่โตยังถูกปิดไว้อย่างหนาแน่น

ประตูเหล็กสูงใหญ่มาก ใช้กระบองโลหะท่อนหนึ่งขัดประตูเอาไว้ เฉินเฟิงก้าวเดินไปข้างหน้ายกกระบองโลหะนั้นออกไป จากนั้นก็ออกแรงลากประตูเหล็กนั้น ในที่สุดก็ค่อยๆเปิดประตูเหล็กนั้นออกไปได้

ท้องฟ้าภายนอกนั้น แผ่นฟ้าสีครามสดใส ไม่มีก้อนเมฆลอยมาปิดบังเลย

เฉินเฟิงกลับไม่มีเวลาไปชื่นชม อาการตกค้างหลังจากการใช้เคล็ดวิชาพลังสวนกลับจวนจะระเบิดออกมาแล้ว เขาไม่อยากถูกคนที่นี่จับได้อีก

แต่แล้วบริเวณรอบๆภายนอกเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ดูเหมือนเป็นโรงงานที่ถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว เดิมทีอาจจะเป็นพื้นปูนแต่ถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้าหลากหลายชนิด โดยทำให้พื้นปูนแตกร้าวเป็นริ้วรอย พวกมันก็แทรกตัวขึ้นมาตามซอกรอยร้าวนั้น

สิ่งประดิษฐ์ตกแต่งข้างทางของเดิมก็ถูกรื้อทิ้งไปหมดแล้ว เหลือไว้ให้เห็นแต่เพียงสิ่งของที่ไม่สามารถนำออกไปได้ แผ่นโลหะที่เหลือไว้ให้ก็ล้วนแต่เป็นสนิมเขลอะไปหมด เมื่อถูกแรงกระแทกแผ่นสนิมเหล็กก็จะตกลงมาเป็นแผ่นๆ

ร่างกายแทบจะทนไม่ไหวแล้ว พลังแรงก็ไม่สามารถสงบลงได้ พยุงตัวไปตามผนังกำแพงปูน เฉินเฟิงรู้ตัวว่าจำเป็นที่จะต้องหาสถานที่สำหรับพักฟื้นร่างกายเสียก่อน

แต่ว่าในที่นี้ เกรงว่าแค่ใช้ชีวิตต่อไปก็ลำบากยากเข็ญแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องอยู่พักฟื้นที่นี่อีกหลายวันเลย

แต่ว่าร่างกายกลับดูเหมือนว่าถึงขีดสุดแล้ว เกรงว่าอีกประเดี๋ยวก็คงต้องล้มลงไปแล้ว

เฉินเฟิงกัดฟันไว้แน่น เขาจำเป็นจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรจะมาสลบอยู่ที่นี่

แต่ว่าความมุ่งมั่นของคนเราก็ไม่อาจจะเอาชนะทุกสิ่งได้ เขาได้ยินเสียงคน ดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้มาก แต่เขาไม่ได้สนใจที่จะไปดูว่าอีกฝ่ายมาจากทางไหน อย่างน้อยต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน ไปหาบ้านช่องที่มีผู้คนอาศัยอยู่ เขาจึงจะปลอดภัยขึ้นบ้าง

ความเจ็บปวดในร่างกายยิ่งมายิ่งชัดเจนมากขึ้น เขาพยายามอดทนไว้ เหมือนมีมดจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนคลานออกจากโพรงหญ้าที่อยู่ข้างกายเขา แล้วมาบดเคี้ยวกัดกินบนร่างเขาอย่างเมามัน

เขาพยายามอดกลั้นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา แต่ว่าความเจ็บปวดมันทรมานเขาอยู่ บีบคั้นให้เขาต้องร้องออกมาเพื่อระบายความเจ็บปวดนั้นได้ ดูเหมือนทำเช่นนี้แล้วเขาจึงจะรอดพ้นไปได้

เสียงนั้นดูเหมือนยิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้น เพียงแต่ต้นหญ้ารกสูงมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ง่าย เฉินเฟิงหมดแรงที่จะเดินไปข้างหน้าอีกแล้ว มือทั้งสองกอดไว้ตรงหน้าอกไว้แน่น เห็นเส้นเลือดดำปูดขึ้นชัดเจน หวังจะใช้ความเจ็บปวดมาต้านความเจ็บปวด

แต่ว่าไม่เคยอดทนผ่านไปได้เลย หรือว่าคราวนี้จะสามารถทำได้

ขณะที่คนนั้นเดินมายืนอยู่ตรงหน้าเฉินเฟิง พอดียืนบังแสงแดดที่อยู่ไกลออกไปไว้ มองจากพื้นดินขึ้นไป เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายรูปร่างสูงใหญ่ขนาดนี้ เหมือนเป็นยักษ์ตนหนึ่งที่ใหญ่โตมาก เพียงแค่ยกขาขึ้นมาเบาๆ ก็สามารถเหยียบเขาให้จมดินตายไปได้เลย

แล้วต่อจากนั้น เขาจึงตะโกนร้องสุดเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวด ทนไม่ไหวกับความทรมานเช่นนี้ต่อไปได้อีกแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว ความเจ็บปวดทำให้เขาเสียความรู้สึกไปจดหมดสิ้น

เขาตื่นขึ้นมา ก็ได้กลิ่นหอมสมุนไพรจางๆปกคลุมไปทั่ว มองเห็นมุ้งสีขาวอยู่ตรงหน้า บนตัวคลุมด้วยผ้าห่มบางๆที่ปักรูปดอกโบตั๋นสีแดงเข้ม ความงดงามแบบโบราณเช่นนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนยุคไปยี่สิบสามสิบปีก่อน

ร่างกายของเฉินเฟิงตอนนี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรอีกแล้ว เขาก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้านี้เหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย

แต่ว่าคนที่ใส่ชุดเสื้อคลุมพวกนั้น ห้องใต้ดินที่มืดมิดไร้แสงสว่าง เขายังจำได้อย่างแม่นยำ

ภายในห้องนั้นบนโต๊ะแปดเหลี่ยมมีธูปหอมวางไว้ คาดว่ากลิ่นหอมสมุนไพรที่เฉินเฟิงได้กลิ่นนั้นก็แพร่กระจายออกมาจากที่นั่น

สังเกตการตกแต่งอื่นๆภายในห้องนั้นแล้ว ก็ไม่ค่อยมีอะไรแปลกประหลาดมากนัก คอมพิวเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะหนังสือนั้น ทำให้เฉินเฟิงเลิกสงสัยว่าตัวเองกำลังทะลุมิติย้อนเวลาไปแล้ว

อย่างน้อยคนก็ยังอยู่ในยุคสมัยใหม่นี้

เขาพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียง ในร่างกายเหลือเพียงแค่ขาสั้นตัวเดียว เสื้อผ้าอื่นก็หายไปหมดแล้ว หาดูรอบๆบริเวณนั้น ก็ยังไม่พบอะไรเลย

เวลานี้เอง ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา

เฉินเฟิงก็มองไปยังประตูทางเข้า หญิงสาวสะสวยคนหนึ่งกำลังยกกะละมังล้างหน้าเข้ามา รูปร่างสูงเพรียว อายุประมาณไม่เกินยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี แฝงไปด้วยกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ติดตัวมาด้วย

หญิงสาวก็เห็นเฉินเฟิงลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงแล้ว อีกทั้งยังเห็นเฉินเฟิงสวมแค่กางเกงในตัวเดียวเท่านั้น เธอก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

“คุณไม่รู้สึกว่าแบบนี้ดูไม่ค่อยสุภาพมั่งเหรอ?” หญิงสาวคนนั้นพูด

น้ำเสียงที่พูดอ้อมค้อมน่าฟัง เฉินเฟิงได้ยินเสียงของเธอก็รู้ถึงนิสัยของเธอ ต้องเป็นคนฉลาดและค่อนข้างเก็บตัว

เขาหวนคิดไปไม่กี่นาที จึงตอบว่า “แต่ฉันไม่รู้ว่าเสื้อผ้าของฉันไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”

ด้วยเหตุที่เฉินเฟิงเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ ร่างกายจึงแข็งแรงบึกบึน กล้ามเนื้อเป็นมัดเห็นได้ชัดเจน แต่ไม่ใช่เป็นแบบน่าตกใจเช่นนั้น รูปร่างของเขาให้ความรู้สึกสมส่วนพอเหมาะพอดี

อย่างน้อยเฉินเฟิงก็รู้สึกมีความมั่นใจกับรูปร่างของเขา

แต่ว่าหญิงสาวที่อ่อนโยนนั้นกลับไม่ได้ไปสนใจเลย เธอเดินไปตรงหน้าโต๊ะ แล้ววางกะละมังล้างหน้าไว้บนนั้น จากนั้นก็พูดกับเฉินเฟิงว่า “ตอนนี้ร่างกายของคุณยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นทั้งหมด ให้ดีที่สุดจะต้องพักฟื้นอีกเป็นเวลาสักระยะหนึ่ง คุณจะวางใจไม่ได้เลยนะ ความเจ็บปวดอย่างนั้นยังดีที่คุณยังสามารถอดทนไว้ได้ ถ้าหากเป็นคนทั่วไปแล้ว อาจจะเจ็บปวดจนตายไปแล้วล่ะ”

“คุณเป็นคนที่ช่วยฉันไว้เหรอ?” เฉินเฟิงถาม

หญิงสาวพูดว่า “ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นผู้ชายที่แปลกประหลาดคนหนึ่ง เขาใส่ชุดคลุมทั้งตัว ราวกับจะไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าของเขา หลังจากที่เขาส่งคุณมาที่นี่แล้ว ก็หายตัวไปเลย ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้พวกเราช่วยคุณหรือเปล่า ไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นคุณยังมีลมหายใจอยู่บ้าง สงสัยคงโยนคุณเข้าไปในโพรงป่าเขาแล้วล่ะ”

เฉินเฟิงก็นึกถึงคนพวกนั้นที่อยู่ในโรงงานร้างขึ้นมาทันที ยังไงก็แล้วแต่พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปช่วยตัวเอง

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท