ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 891

ตอนที่ 891

“ของชิ้นนี้เดิมทีเป็นมรดกตกทอดมาหลายยุคหลายสมัยของตระกูลฉันแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะว่าที่บ้านเกิดภัยพิบัติขึ้นมากะทันหันละก็ พวกเราคงไม่มารบกวนอาจารย์ของพวกคุณหรอก…….”

ในขณะที่ชายชราคนนั้นกำลังจะเริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น ทันใดนั้นก็มีคนมาตบไหล่ของเฉินเฟิง

เป็นเพราะว่าเขากำลังใจจดใจจ่ออยู่ที่ห้องข้างๆ ถึงกับละเลยสิ่งรอบข้างตัวไป แต่พอรู้สึกตัวสะดุ้งขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าของเฟิ่งซีที่จ้องมองเขาด้วยความสงสัย

เธอพูดด้วยเสียงที่ต่ำว่า “คุณกำลังแอบฟัง ฉันจะไปบอกพี่สาว”

แล้วทำท่าว่าจะเข้าไปในห้องโถง เฉินเฟิงก็รีบดึงมือเธอไว้ จึงหยุดยั้งเธอไว้ได้ แล้วถามอย่างแตกตื่นว่า “คุณจะทำอะไรเนี่ย?”

เฟิ่งซีหัวเราะที่กลลวงสำเร็จจึงพูดว่า “คุณแอบฟังพี่สาวคุยกัน ฉันก็ต้องไปบอกพี่สาวเป็นธรรมดาสิ”

เฉินเฟิงเกรงว่าเธอจะไปจริง จึงรีบอธิบายว่า “คนแก่และเด็กหนุ่มสองคนนั้น ฉันรู้สึกว่าไม่ใช่เป็นคนดีเท่าไหร่เลย ฉันกำลังเป็นห่วงว่าหลงหลินจะเสียเปรียบหรือเปล่า?”

เพราะว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องสองสาวลึกซึ้งมาก เฟิ่งซีฟังแล้วหน้าก็เปลี่ยนสีทันที จึงรีบเข้าใกล้แล้วถามว่า “คุณเห็นอะไรเหรอ หรือว่าพวกเขาเจตนาแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกว่าได้ฝากของไว้กับอาจารย์ จากนั้นก็จงใจจะมาใกล้ชิดพวกเรา”

เฉินเฟิงยิ้มฝืดๆแล้วพูดว่า “คุณคิดมโนเก่งจังเลยนะ ฉันก็เพียงแต่รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆเท่านั้นเอง ก็ต้องคอยสังเกตดูก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ไง คุณกลับรีบสรุปเลยว่าพวกเขาเป็นคนร้ายไปแล้ว”

เมื่อเฉินเฟิงพูดจบ เฟิ่งซีก็หัวเราะขำออกมา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คุณนั่นแหละกำลังแอบฟังอยู่ ยังจะหาเหตุผลอะไรมาแก้ตัวอีก”

เฉินเฟิงก็จนปัญญาได้แต่พูดว่า “เอาล่ะ ถือว่าฉันแอบฟัง แต่ว่าฉันก็กำลังปกป้องหลงหลินอยู่นะ คุณก็อย่ามาก่อกวนซิ”

เฟิ่งซีเดิมทีก็แค่คิดจะหยอกเฉินเฟิงเล่นเท่านั้น ก็ย่อมไม่เดินเข้าไปห้องโถงอย่างแน่นอน จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินกลับไปที่ห้องครัว ดูว่าน้ำเดือดแล้วหรือยัง

เพิ่งจะถูกขัดจังหวะไป ก็ไม่รู้ว่าพลาดอะไรไปแล้วบ้าง เฉินเฟิงจึงได้แต่เริ่มต้นฟังใหม่

พอดีเป็นช่วงจังหวะที่หลงหลินกำลังพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ละก็ เรื่องนี้อาจเป็นไปได้ที่ อาจารย์พวกเราคงจะลืมไปจริงๆ แต่ว่าพวกเราสองคนพี่น้องก็ไม่เคยได้ยินอาจารย์สั่งเสียอะไรไว้เลย ดังนั้นของชิ้นนี้ที่คุณท่านถามถึงนั้น พวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ยิ่งไม่รู้ว่าเขาจะเก็บไว้ที่ไหนได้บ้าง”

ชายชราดูเหมือนถอนหายใจเบาๆ

ส่วนชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้นดูเหมือนอารมณ์ฉุนเฉียวไปหน่อย “ฉันว่าพวกคุณไม่ใช่ไม่รู้เรื่องหรอก พวกคุณเจตนาที่จะยักยอกไว้ ของที่อยู่ในนั้นพวกคุณไม่เกิดกิเลสอยากได้ ก็เป็นเรื่องน่าแปลกแล้วล่ะ”

ชายชรามองไปยังชายหนุ่ม พูดต่อว่าด้วยเสียงเข้ม “เจ๋เอ๋อ อย่าเสียมารยาท”

ดูเหมือนชายหนุ่มคนนั้นก็ยำเกรงคนชราอยู่เหมือนกัน เมื่อคนชราพูดจบ เขาก็เงียบเสียงไปเลยได้แต่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองหน้าหลงหลินด้วยความโกรธเคือง จนลูกตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

จากนั้นชายชราก็พูดกับหลงหลินด้วยความเสียใจว่า “ทำให้คุณหนูฉางหัวเราะเยาะแล้วหวังว่าคงให้อภัย ในเมื่อคุณหนูฉางก็ไม่รู้ว่าของชิ้นนี้อยู่ที่ไหนกันแน่ งั้นฉันก็คงไม่อยู่รบกวนทั้งสองท่านต่อไปแล้ว เพียงแต่หวังว่าจากนี้ไปขอให้ท่านทั้งสองช่วยใส่ใจสังเกตให้มากขึ้น หากได้พบเจอของสิ่งนั้นแล้ว ช่วยกรุณาติดต่อกลับมาหาฉันด้วย ก็จะซาบซึ้งในบุญคุณอย่างเหลือล้นทีเดียว”

เมื่อเทียบกับชายหนุ่มคนนั้นแล้ว การควบคุมสติอารมณ์ของชายวัยชรานับว่าล้ำเลิศกว่ามากเลย ไม่เย่อหยิ่งไม่เกรี้ยวกราด สมเป็นบุคลิกของผู้ที่มีสกุลรุนชาติ

ในใจของหลงหลินก็รู้สึกผิดบ้างเล็กน้อย นี่ตามหลักแล้วพวกเธอสมควรที่จะต้องเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่า อย่างน้อยสิ่งของนั้นได้หายไปจากมือของพวกเธอ แต่ว่าชายชรากลับพูดเช่นนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกละอายใจมากขึ้น จึงรีบลุกขึ้นยืน พูดด้วยน้ำเสียงที่สำนึกผิดว่า “คุณท่านพูดอะไรเช่นนี้ล่ะ เดิมทีควรจะเป็นเพราะพวกเราที่ไม่เก็บรักษาไว้ให้ดีเอง คนที่ต้องขอโทษคือพวกเราต่างหาก ถ้าพวกเราหาเจอเมื่อไหร่แล้วก็จะรีบแจ้งข่าวให้ท่านทราบโดยเร็วที่สุด”

แต่ว่าชายชราก็ได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไรอีก

เดิมทีตั้งใจเชิญชวนให้ดื่มน้ำชาก่อน แต่ว่าชายชรากลับปฏิเสธ แล้วพาชายหนุ่มคนนั้นอำลาจากไป

หลงหลินก็ได้พูดเชิญชวนให้อยู่ต่อ แต่สุดท้ายแล้ว ก็ได้แต่เดินออกไปหน้าประตูเพื่อส่งสองคนนั้นกลับไป

รอให้หลงหลินกลับมาถึงห้องโถง ก็พอดีที่เฟิ่งซีกำลังยกน้ำชาออกมา เมื่อเห็นว่าสองคนนั้นกลับไปแล้ว เธอก็บ่นพึมพำสองสามคำ แต่ก็ถามหลงหลินด้วยความอยากรู้ว่า “พี่ พวกเขาทำไมกลับไปง่ายๆอย่างงี้ล่ะ ฉันก็เพิ่งชงน้ำชานี้เสร็จพอดี”

หลงหลินพูดอย่างเรียบๆว่า “กลับไปแล้วก็กลับไปสิ ก็คิดว่าคงเป็นเพราะไม่ได้ของที่ต้องการคืน ในใจจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่ว่าปัญหานี้ก็ไม่ใช่เกิดจากพวกเรา อาจารย์ไม่เคยพูดเรื่องราวเกี่ยวกับของสิ่งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว”

เฉินเฟิงก็ได้เดินออกมา เมื่อกี้เขารู้สึกสงสัยว่านั่นคืออะไร ดังนั้นจึงถามหลงหลินว่า “นั่นเป็นสิ่งของอะไรเหรอ?”

หลงหลินมองดูเฉินเฟิง ลังเลอยู่สักครู่หนึ่ง หลังจากคิดดูแล้วก็พูดว่า “ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเม็ดไข่มุกขนาดเท่ากับเม็ดบัว แต่ว่าในความทรงจำของฉันกลับไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” เธอมองไปเฟิ่งซี แล้วถามว่า “เฟิ่งซี แกพอจะนึกออกบ้างไหม?”

เฟิ่งซีก็คิดดูอย่างจริงจัง แต่ก็ได้แต่ส่ายหน้า “นึกไม่ออก”

ถึงแม้เฉินเฟิงได้ฟังบ้างแล้ว ก็เป็นเพียงสิ่งที่ไม่สำคัญเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจมาก พี่น้องสองสาวตระกูลฉางก็ได้แต่จำไว้ ถ้าหาสิ่งของชิ้นนี้ได้จริงๆเมื่อไร ค่อยติดต่อชายชราคนนั้นก็ยังไม่สาย

แต่แล้ว เรื่องราวมันก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น

ดึกดื่นค่ำคืนอันเงียบสงัด

เฉินเฟิงกลับลืมตาขึ้นมาทันที เมื่อฝีมือของเขาถึงระดับชั้นนี้แล้ว การนอนหลับเป็นเพียงวิธีการรักษาพลังภายในของร่างกายอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งจำเป็นเสียทีเดียว ดังนั้น สำหรับเรื่องที่อยู่รอบตัวนั้นก็ยังคงเพิ่มความระแวดระวังภัยมากขึ้นเสมอ

เสียงแผ่วเบาที่ดังแว่วมาสักพักหนึ่งแล้ว ในที่สุดก็ทำให้เฉินเฟิงเกิดระแวงขึ้นมา เขาลุกขึ้นนั่ง แล้วเงี่ยหูฟังเสียงบริเวณรอบนอกอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ในไม่ช้าเขาก็มั่นใจว่าบริเวณรอบนอกนั้นต้องมีคนอยู่แน่นอน ในใจก็ย่อมเป็นห่วงพี่น้องสองสาวตระกูลฉางเป็นธรรมดา เกรงว่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไหวตัวทันเสียก่อน พวกเขาจะทำสิ่งชั่วร้ายขึ้นมาได้ เฉินเฟิงได้แต่ค่อยๆเปิดประตูห้องตัวเอง แล้วเดินย่องออกมาข้างนอก

กวาดสายตามองไป รอบๆบริเวณข้างนอกดูเหมือนมีเงาร่างคนเคลื่อนไหวอยู่ และยังอยู่บริเวณลานบ้านในส่วนที่พี่น้องสองสาวตระกูลฉางพักอยู่ เฉินเฟิงก็ได้มองเห็นคนพวกนั้นแล้วเช่นกัน เขายิ่งไม่กล้าให้ฝ่ายตรงข้ามสังเกตเห็นตัวเองได้ ในใจก็คิดว่า จะรอให้แน่ใจว่าพวกเธอทั้งสองคนพี่น้องปลอดภัยก่อน แล้วเขาจึงจะลงมือ

สภาพมืดมิดเช่นนี้ ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีทางที่จะมองเห็นได้ชัดเจนชั่วขณะหนึ่ง เฉินเฟิงจึงเดินลัดเลาะไปตามกำแพงอย่างรวดเร็วมุ่งตรงไปยังลานบ้านฝั่งตรงข้าม

แล้วก็มาถึงห้องนอนของเฟิ่งซีอย่างรวดเร็ว เฉินเฟิงเดิมทีคิดจะเคาะประตูเรียก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่โง่เขลามาก

ลองเอามือขยับลูกบิดประตู เฟิ่งซีถึงกับไม่ได้ใส่กลอนประตูไว้ ในใจเฉินเฟิงคิดว่า หรือว่าตัวเองไม่มีความหื่นกามแฝงอยู่บ้างเลยเหรอไง ถึงได้ไว้วางใจกันขนาดนี้

แต่ว่าเขาก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงเรื่องเช่นนี้ ประตูไม่ได้ล็อกไว้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาที่จะต้องงัดประตู จึงค่อยๆแง้มประตูห้องของเฟิ่งซีออก จากนั้นอาศัยความมืดก็รีบมุดเข้าไปในห้องเฟิ่งซีอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งซีรู้สึกว่ามีคนเขย่าตัวเธออยู่ มีเสียงเรียกชื่อเธอดังแว่วอยู่ข้างหู เดิมทีนึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน แต่หลังจากแรงเขย่ายิ่งหนักขึ้น เธอก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแล้ว จึงรีบลืมตาขึ้นมา

เงาร่างคนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอตกใจกำลังจะส่งเสียงร้องตะโกนออกมา แต่ว่าเสียงยังไม่ทันออกจากลำคอเลย อีกฝ่ายก็เอามือปิดปากเธอเอาไว้แล้ว เธอดิ้นรนไปสักพัก พละกำลังของเงาร่างนั้นก็ยิ่งแรงขึ้น ต่อให้เธอขยับอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท