ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 895

ตอนที่ 895

เปิดผ้าห่มออกมา แล้วคลานลงมาจากเตียง

ข้างเตียงวางมีรองเท้าแตะไว้หนึ่งคู่ ทำจากผ้าสำลี สวมใส่ขึ้นมาแล้วรู้สึกอบอุ่นดี

เฟิ่งซีใส่รองเท้าแตะแล้วเดินสำรวจภายในห้องนั้น

ดูเหมือนเป็นห้องรับรองแขกห้องหนึ่ง ไม่มีเครื่องใช้ส่วนตัวของเจ้าของบ้านเลย มีเพียงภาพสีน้ำไม่กี่ภาพแขวนอยู่บนผนังห้อง ห้องทั้งหลังแลดูสะอาดสะอ้านสว่างตา เรียบง่ายดี

มองออกไปนอกหน้าต่าง เป็นสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตมาก สวนดอกไม้นั้นก็มองไม่เห็นผู้คนเลย แต่ก็น่าจะมีการทำความสะอาดเป็นประจำ ต้นไม้ใบหญ้าล้วนดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

ในห้องนั้นไม่พบสิ่งของอะไรเลย เฟิ่งซีจึงเดินมาจนถึงหน้าประตูห้อง

ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาจากประตูด้านนอก ดูเหมือนว่าไม่เพียงแค่คนเดียว

จากนั้นประตูห้องของเธอก็ถูกเปิดออก เฟิ่งซีตกใจจนถอยไปยังข้างฝาผนังห้อง

ส่วนคนที่เดินเข้ามาเป็นผู้หญิงสองคนที่ใส่ชุดเสื้อผ้าเหมือนกัน ด้านหน้าใส่ผ้ากันเปื้อนไว้ ท่าทางอายุราวประมาณสามสิบกว่า ดูเหมือนเป็นเพียงแค่คนรับใช้ภายในบ้านหลังนี้เท่านั้น

เมื่อพวกเธอมองเห็นเฟิ่งซีแล้ว ดูเหมือนไม่ได้ตกใจอะไรเท่าไหร่นัก หนึ่งในนั้นที่รูปร่างผอมบาง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูตื่นแล้วเหรอคะ”

เฟิ่งซีก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ดูแล้วสองคนนี้ไม่น่าจะทำร้ายเธอได้ จึงกล้าที่จะถามว่า “ที่นี่เป็นสถานที่อะไรเหรอ?”

ผู้หญิงที่ผอมบางพูดว่า “ที่นี่คือคฤหาสน์ของคุณท่านเฉียน”

เฟิ่งซีพูดซ้ำว่า “คุณท่านเฉียน?”

แต่ผู้หญิงสองคนนั้นไม่ได้ตอบเธอ เพียงแต่เดินเข้าไปเพื่อนำเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วกลับเข้ามาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้อง จากนั้นก็พูดกับเฟิ่งซี “ถ้าคุณหนูหิวล่ะก็ เดินออกไปที่ห้องอาหารที่อยู่ข้างนอก ที่นั่นมีอาหารให้รับประทานมากมายเลยค่ะ”

เฟิ่งซีก็พยักหน้า

เมื่อรอให้ผู้หญิงทั้งสองคนจากไปแล้ว เฟิ่งซีก็เดินออกมาจากห้อง

ที่นี่เป็นบ้านหลังที่ใหญ่โตมาก ขนาดระเบียงทางเดินก็ยาวประมาณสิบกว่าเมตรแล้ว

ระเบียงทั้งสองข้างยังมีห้องหลายห้องอยู่ ประตูห้องก็ถูกปิดไว้ เฟิ่งซีกลับไม่ได้ไปใส่ใจ ได้แต่เดินไปตามระเบียงทางเดินจนไปถึงสุดปลายทาง

ที่นั่นดูเหมือนเป็นห้องอาหารที่ผู้หญิงสองคนนั้นพูดถึง มีโต๊ะอาหารยาวประมาณสี่ห้าเมตรวางอยู่ตรงกลางห้องอาหาร ทั้งสองข้างก็มีเก้าอี้วางเรียงรายมากมาย ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นที่ว่างทั้งนั้น มีเพียงที่นั่งด้านหน้าสุดที่มีคนนั่งอยู่สี่ห้าคน

เฟิ่งซีจำได้หนึ่งในนั้นได้ ชายชราที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะคนนั้น ก็คือคนที่มาหาที่บ้านวันนั้น

ชายชราเมื่อเห็นเฟิ่งซีแล้ว ร่างที่หลังค่อมก็ลุกขึ้นยืน พูดกับเฟิ่งซีว่า “คุณหนูฉาง”

เฟิ่งซีพยักหน้า แต่ไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอก็ยังคงจำได้ว่าหลานชายของชายชราคนนี้บุกเข้าไปในบ้านของเธอ

ชายชราค่อยๆเดินมาตรงหน้าเฟิ่งซี เฟิ่งซีกลับรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย คิดจะเดินถอยหลังออกไป

แต่ชายชราเมื่อมาถึงตรงหน้าเธอ กลับโค้งตัวลงคำนับให้เธอ เดิมทีรูปร่างที่หลังค่อมอยู่แล้ว กลับแลดูยิ่งโค้งลงมากขึ้นไปอีก

“ต้องขอโทษจริงๆ สำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับคุณหนูทั้งสอง ฉันจะขอรับผิดชอบทั้งหมดอย่างเต็มที่”

เฟิ่งซีก็นึกถึงหลงหลินขึ้นมา จึงรีบถามว่า “แล้วพี่สาวฉันล่ะ? พวกคุณทำอะไรกับพี่สาวฉัน?”

เมื่อพูดถึงหลงหลินขึ้นมา เฟิ่งซีก็แทบจะไม่เกรงกลัวชายชราที่อยู่ตรงหน้าเธออีกแล้ว

ชายชรายืดตัวตรงขึ้น แล้วพูดว่า “คุณหนูหลงหลินเพียงแต่ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเท่านั้น ก็อยู่ห้องข้างๆกับห้องท่านนั่นแหละ”

เฟิ่งซีได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่สนใจชายชราที่ยืนพูดอยู่ตรงหน้าเธออีก หันหลังกลับแล้ววิ่งกลับไป

ด้านซ้ายขวาของห้องเธอก็มีห้องอยู่ทั้งสองข้าง เมื่อเปิดดูห้องแรกแล้ว เห็นมีคนนอนอยู่บนเตียง เฟิ่งซีวิ่งเข้าไปดู เห็นเป็นหลงหลินจริงๆด้วย

เธอจึงรีบตรวจดูอาการทั่วไปของหลงหลิน การหายใจที่สม่ำเสมอ ชีพจรก็เต้นปกติ ไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย

จึงทำให้เฟิ่งซีวางใจได้

ส่วนชายชราคนนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง แล้วพูดกับเฟิ่งซีว่า “สำหรับเรื่องนั้นแล้ว รอให้คุณหนูหลงหลินฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วฉันจะอธิบายให้ทั้งสองได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลย”

พูดพลางเขาก็หันหลังกลับแล้วกำลังจะจากไป เฟิ่งซีจึงตะโกนเรียกเขาไว้ “กรุณารอสักครู่ค่ะ”

ชายชราก็หันหน้ากลับมามองเธอ เฟิ่งซีถามว่า “แล้วเฉินเฟิงล่ะ? เฉินเฟิงตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว?”

แต่ว่าดูเหมือนเมื่อพูดถึงเฉินเฟิงแล้ว สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนสีทันที ดวงตาทั้งคู่ส่องประกายความเยือกเย็นออกมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ขอให้คุณหนูเฟิ่งซีดูแลคุณหนูหลงหลินให้ดีก็แล้วกัน”

พูดเพียงแค่นี้ก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป

เฟิ่งซียังอยากจะถามต่อไปอีก แต่ประตูห้องกลับถูกปิดเรียบร้อยแล้ว

ส่วนเฉินเฟิงในตอนนี้ อยู่ในห้องใต้ดินที่มืดมิดและเปียกชื้นแห่งหนึ่ง รอบๆบริเวณมิดชิดไม่มีอากาศถ่ายเทเลย ได้ยินแต่เสียงน้ำหยดท่ามกลางความมืดมิดเท่านั้น

เฉินเฟิงยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย มือทั้งสองข้างของเขาถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กที่แขวนไว้แน่นหนา ขาทั้งคู่ก็ถูกมัดไว้เช่นกัน

สุดปลายทางของห้องใต้ดินนั้น ประตูไม้ที่ผุพังบานหนึ่งค่อยๆเปิดออก ชายชราเมื่อครู่ที่อยู่ในห้องอาหารตอนนี้ก็ได้พาไอ้หนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำคนหนึ่งเดินเข้ามา

ชายชราถามว่า “เขายังไม่ฟื้นเลยเหรอ?”

ชายร่างกำยำคนนั้นก็ตอบว่า “สลบไปหนึ่งวันกว่าแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย”

ชายชราพยักหน้า แล้วถามว่า “แล้วอะสี่ล่ะ?”

“ขาหักไปข้างหนึ่งแล้ว เดิมทีวรยุทธ์ที่เขาฝึกฝนก็ถนัดแต่การใช้ขาเตะ ตอนนี้ก็คิดว่าคงเป็นได้แค่คนพิการคนหนึ่งเท่านั้น” น้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นก็ยังคงราบเรียบเหมือนเดิม ราวกับว่าอะสี่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย

แต่แท้ที่จริงแล้ว อะสี่เป็นน้องชายแท้ๆของเขาเอง

ชายชราพูดปลอบใจว่า “ไปหาหมอที่เก่งที่สุดมาช่วยต่อขาให้เขาด้วย ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ใช้ขาเทียมแทน จากนั้นก็มาเป็นยามรักษาความปลอดภัยที่บ้านตระกูลเฉียนก็แล้วกัน”

เมื่อชายชราพูดจบ ชายร่างกำยำก็รีบตอบขอบคุณว่า “อะซานขอบคุณแทนน้องชายด้วยครับ”

ชายชราโบกมือแล้วพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรจะต้องทำอยู่แล้ว เพราะมันเกิดจากอะเจ๋ที่เป็นคนก่อเรื่องเอาไว้เอง”

ขณะที่พูดคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินมาถึงที่ที่กักขังเฉินเฟิงไว้

อะซานเดินไปข้างหน้าช่วยชายชราเปิดประตูออก

แสงไฟจากดวงไฟตรงระเบียงทางเดินสาดส่องเข้าไปในห้องที่มืดมิดนั้น สามารถเห็นหน้าของเฉินเฟิงได้ ซึ่งอยู่ในสภาพที่ยับเยินน่าสยดสยอง มองไม่ชัดแม้แต่รูปลักษณ์เดิม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบาดแผลตามร่างกายเลย

แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ เฉินเฟิงยังไม่ตาย การหายใจของเขายังคงอยู่เช่นเดิม เพียงแต่ว่าแผ่วเบามากเท่านั้น

อะซานยืนอยู่ตรงหน้าเฉินเฟิง แล้วถามคนชราว่า “นายท่าน ต้องการปลุกให้เขาตื่นไหมครับ”

ชายชราพยักหน้า อะซานก็เลยไปหิ้วถังน้ำจากในห้องมาหนึ่งถัง แล้วสาดไปยังใบหน้าของเฉินเฟิง

น้ำที่หนาวเย็นบาดลึกถึงกระดูกถังหนึ่งก็สาดใส่หน้าของเฉินเฟิง กระตุ้นให้เฉินเฟิงฟื้นจากสลบไสล

เขาสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว ร่างกายอ่อนแอมาก น้ำเย็นถังนี้ก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว

อะซานกลับยังไม่พอใจ เดินตรงไปตบหน้าเฉินเฟิงไปหลายฉาก จึงทำให้เฉินเฟิงรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา

หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้ว มองเห็นทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า เฉินเฟิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว

“แกฆ่าอะเจ๋ ชีวิตของแกตอนนี้ไม่ใช่ของแกอีกต่อไปแล้ว ที่ฉันยังไม่ฆ่าแกตอนนี้ เพียงแต่ยังไม่ได้ให้แกลิ้มรสความเจ็บปวดเท่านั้นเอง”

น้ำเสียงของชายชราเต็มไปด้วยความเคียดแค้น คิดว่าอะเจ๋ที่ถูกฆ่าตายนั้น เขาก็คือหลานชายของชายชรานั่นเอง

เฉินเฟิงกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่อย่างไร มองไปยังชายชราแล้วแสยะยิ้ม “ถึงแม้จะให้โอกาสฉันอีกครั้งหนึ่ง ฉันก็ยังต้องฆ่าเขาเหมือนเดิม”

เมื่อสิ้นเสียงพูด อะซานก็ชกหน้าเฉินเฟิงไปหนึ่งที

“รนหาที่ตาย”

เฉินเฟิงหันหน้ากลับมา จ้องมองอะซานด้วยสายตาเยือกเย็น ราวกับว่าอยากจะกัดเนื้อตรงใบหน้าของอะซานให้หลุดออกมาเป็นชิ้น

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท