ลูกเขยมังกร – บทที่ 917 การซื้อหยกที่แสนวุ่นวาย

บทที่ 917 การซื้อหยกที่แสนวุ่นวาย

แต่สิ่งที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงเลยนั้นก็คือเฉินเฟิงจะกล่าวปฏิเสธ

“อันนี้ไม่เอาดีกว่าครับ ในเมื่อเธอไม่กล้าที่จะเอา งั้นผมก็จะไม่บังคับให้เธอพกติดตัว”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเฉินเฟิง พนักงานขายสาวถึงกับผิดหวังเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงแสดงสีหน้ายิ้มแย้มออกมา: “ถ้าเกิดว่าทั้งสองชื่นชอบ ฉันจะเก็บเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ รอจนกระทั่งทั้งสองอยากจะซื้ออีกครั้ง ส่วนลดนี้ก็ยังคงให้เหมือนเดิม”

เฉินเฟิงได้เพียงพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะพาเสี่ยวเย่เดินออกมาจากที่นั่น

แต่ในตอนนั้นเองที่มีหญิงสาวสวมใส่รองเท้าส้นสูงคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆ เข้ามาด้านในร้าน

ทันทีที่เธอเดินเข้ามาก็ตะโกนใส่พนักงานว่า: “หยกแขวนอันนั้นที่ฉันถูกใจคราวที่แล้วเล่า”

พนักงานที่ได้ยินจึงรีบเดินก้าวเข้าไปหาทันที : “คุณหวางนี่เอง!ต้องขออภัยอย่างยิ่งเลยนะคะ หยกชิ้นนั้นของคุณถูกขายออกไปแล้วค่ะ ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็เดือดดาลขึ้นมาทันที: “ฉันบอกให้เก็บเอาไว้ให้ฉันก่อนไม่ใช่หรือไง?ทำไมเธอถึงเอาขายไปได้ นี่ฉันไม่ได้บอกว่าตัวเองจะกลับมาซื้อหรอกหรอ ?”

พนักงานขายสาวถึงกับประหม่าขึ้นมา: “คุณบอกให้ฉันเก็บเอาไว้ให้ก็จริงค่ะ แต่นี่ก็ผ่านมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วนะคะ การจะให้พวกเราไม่ขายมันออกไปคงจะไม่ได้หรอกค่ะ!”

ทันใดนั้นน้ำเสียงของหญิงสาวคนนั้นก็สูงขึ้นมา: “ความหมายของเธอก็คือฉันมาสายเกินไปงั้นสินะ ฉันบอกตกลงไปแล้วนี่ว่าอีกหนึ่งสัปดาห์ฉันจะหาเงินมาซื้อได้แน่นอน แต่พวกเธอกลับเอามันขายไปก่อนซะแล้ว นี่พวกเธอเปิดร้านการแบบนี้งั้นหรอ ?”

พนักงานถึงกับไปต่อไม่ถูกกันเลยทีเดียว

ทางด้านเฉินเฟิงพอจะดูออกแล้วว่าเป็นเพราะพวกเธอคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่มีทางหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาได้ ดังนั้นในตอนที่สามารถขายได้ พวกเธอจึงได้ขายออกไป

และแน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเฉินเฟิงเลย

ซึ่งในตอนที่กำลังจะบอกเสี่ยวเย่ว่าให้ทั้งสองออกไป ทางด้านหลังกลับมีเสียงของหญิงสาวตะโกนแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“พวกคุณสองคนหยุดเดี๋ยวนี้นะ”

ทั้งเฉินเฟิงและเสี่ยวเย่ต่างก็พากันหันหลังกลับไปมอง

ซึ่งปรากฏว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังเรียกพวกเขาอยู่

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?” เฉินเฟิงถามด้วยความแปลกใจ

หญิงสาวคนนั้นสังเกตมองเฉินเฟิงและเสี่ยวเย่ ก่อนจะถามกลับ “หยกแขวนชิ้นนั้นพวกคุณเป็นคนซื้อไปแล้วใช่หรือเปล่า ?”

“หยกแขวนอะไร?” เฉินเฟิงกล่าวถาม ถึงแม้ว่าตัวเขาพอจะคาดเดาได้แล้วก็ตาม

“ก็หยกแขวนลายมังกรนั่นไง”

เฉินเฟิงตวาดสายตามองไปยังพนักงานขาย แต่พวกเธอไม่กล้าที่จะมองมาทางเขาทั้งยังพากันหลบหน้าอีกต่างหาก

ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าพวกเธอได้ขายให้กับเฉินเฟิงไปแล้วจริงๆ

“คุณมองอะไรกัน?ฉันถามว่าคุณซื้อหยกชิ้นนั้นไปแล้วใช่ไหม”

เฉินเฟิงที่ได้ยินอย่างนั้นจึงหันกลับมามองเธออีกครั้งก่อนจะตอบ: “ใช่ ผมเอง”

“ขายมันให้ฉันซะ ฉันจะเพิ่มเงินให้คุณอีกหนึ่งพัน ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

เฉินเฟิงยิ้มตอบ: “คุณคิดว่าผมดูเหมือนคนขาดเงินหนึ่งพันนั้นหรอครับ?”

แต่หญิงสาวกลับไม่ได้สนใจ: “ห้าพัน ให้เยอะกว่านี้ไม่ได้แล้ว ฉันไม่อยากไปหาเรื่องให้กับคนเบื้องหลังของฉัน ถ้าหากว่าคุณยังไม่ยินยอมอีก ฉันจะไปเรียกคนอื่นให้มาคุยกับคุณ ”

เฉินเฟิงใช้สายตามองไปที่เธอราวกับมองดูคนปัญญาอ่อน: “ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ อย่างนั้นคุณก็ไปหาคนที่มีสมองมาคุยกับผมแทนเถอะ ผมไม่อยากจะคุยกับคุณ ”

แน่นอนว่าคำพูดแบบนี้ใครฟังก็เข้าใจได้ทันทีว่าเฉินเฟิงกำลังด่าว่าเธอไม่มีสมอง แม้แต่เสี่ยวเย่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ยังต้องแอบกระตุกแขนเขา ด้วยความไม่ต้องการที่จะให้เฉินเฟิงสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา

แต่เฉินเฟิงกลับไม่ได้สนใจเลยสักนิด

“คุณกล้าด่าฉันงั้นหรอ นี่คุณคงจะเบื่อการมีชีวิตแล้วสินะ”

ถึงอย่างนั้นเฉินเฟิงยังคงไม่สนใจเธอ ทั้งยังดึงตัวเสี่ยวเย่เตรียมจะออกไป

แต่หญิงสาวคนนั้นกลับรีบวิ่งเข้ามาตรงหน้าเฉินเฟิง แล้วขวางทางพวกเขาเอาไว้

“พวกคุณจะไปไม่ได้”

เฉินเฟิงเริ่มรู้สึกหมดความอดทนขึ้นมา: “หลีกไป!”

“ฉันไม่หลีก” หญิงสาวคนนั้นตะโกนออกมาอย่างไร้เหตุผล

เฉินเฟิงยื่นมือออกไปขยับตัวหญิงสาวออกไปอีกทาง แต่ทว่ากำลังของเขามากเกินไปเสียหน่อย จึงทำให้หญิงสาวมีอาการโซเซเล็กน้อยจนเกือบจะล้มไปกับพื้น

หลังจากที่เธอยืนจนมั่นคงก็ร้องตะโกนลั่นออกมา : “รีบเข้ามาดูเร็ว คนทำร้ายผู้หญิง ”

คำพูดนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนตามท้องถนนเป็นอย่างมาก เพียงไม่นานคนที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ต่างหันมามองยังพวกเขา ซึ่งนั่นทำให้เฉินเฟิงรู้ได้เลยว่ากำลังเจอกับปัญหายุ่งยากแล้ว ถ้าหากว่าตัวเขายังถูกรั้งเอาไว้ที่นี่ต่อไป สำหรับเขาแล้วนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายและไร้หนทางที่จะทำให้คนกลุ่มนี้เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ซึ่งปัญหาไร้สาระพวกนี้เป็นเรื่องที่เฉินเฟิงไม่สามารถจัดการได้ด้วยมากที่สุด

เฉินเฟิงจึงหันไปกระซิบกับเสี่ยวเย่ที่อยู่ข้างๆ : “พวกเราต้องวิ่งแล้ว คุณจับมือผมเอาไว้ให้ดีล่ะ”

เสี่ยวเย่ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็ถูกเฉินเฟิงจับมือเอาไว้ ก่อนจะวิ่งหนีออกมาท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของผู้คนเหล่านั้น

เมื่อวิ่งมาได้หลายร้อยเมตร เสี่ยวเย่ก็เหนื่อยจนแทบจะวิ่งต่อไม่ไหว

“คุณชายเฉิน ฉันวิ่งต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว” เธอใช้มือทั้งสองข้างยันหัวเข่าเอาไว้พร้อมกับหายใจหอบอย่างหนัก

แน่นอนว่าไม่มีใครวิ่งตามหลังมา และหญิงสาวคนนั้นก็ไม่มีทางวิ่งตามมาทันอีกด้วย ดังนั้นเฉินเฟิงจึงหยุดเท้าลง

“ทำไมคุณถึงได้อ่อนแอแบบนี้นะ!” เฉินเฟิงยืนหัวเราะเยาะอยู่ข้างๆ

“คุณชายเฉิน ฉันเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งนะคะ ฉันวิ่งไม่ไหว มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอคะ ?” เสี่ยวเย่พูดไปพลันหอบไป ใบหน้าเล็กๆ นั้นของเธอแดงขึ้นมา พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง ทำให้น่าเอ็นดูอย่างมาก

“เป็นผู้หญิงแล้วยังไง จะบอกว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปงั้นหรอ ?” เฉินเฟิงตอบกลับ

เสี่ยวเย่ถึงกับมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความสงสัย: “แล้วฉันไม่ใช่หรอคะ?ฉันคิดมาตลอดว่าตัวเป็นแค่คนธรรมดานะคะ”

ทันใดนั้นสีหน้าของเฉินเฟิงก็จริงจังขึ้นมา: “คุณจะเป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไปได้ยังไงกัน เท่าที่ผมเคยเจอมาคุณน่ะเป็นผู้หญิงที่ …… ”

เฉินเฟิงหยุดชะงักลงแล้วมองไปยังเสี่ยวเย่ ซึ่งนั่นทำให้เสี่ยวเย่แทบจะอดอยากรู้ไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นคนแบบไหนในสายตาของเฉินเฟิง เธอเฝ้ารอคำตอบก่อนจะถามออกไปด้วยความเขินอาย: “คุณชายเฉิน……น่าเกลียดเกินไปแล้ว”

“เสี่ยวเย่ คุณเข้าใจผมผิดแล้ว อันที่จริงคุณเป็นผู้หญิงที่พูดเยอะที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยต่างหาก ”

เสี่ยวเย่ที่ได้ยินก็จ้องเฉินเฟิงด้วยความโกรธทันที

ถึงแม้ว่าเสี่ยวเย่จะเป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์ขัน สามารถพูดหยอกล้อได้ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มีอารมณ์โกรธเช่นกัน และเมื่อเป็นแบบนี้คำพูดหยอกล้อนี้จึงทำร้ายจิตใจเสี่ยวเย่เข้าไปอย่างจัง

เธอโกรธขึ้นมา และด้วยความน้อยใจจึงทำให้เธอมองไปยังเฉินเฟิงอย่างไม่พอใจและไม่พูดอะไรเลยสักคำ

ส่วนเฉินเฟิงนั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าคำหยอกล้อของตัวเองนั้นมีความเกินเลยไปแล้ว เขาจึงรีบหุบยิ้มของตัวเองลงแล้วหันไปกล่าวขอโทษอย่างจริงจัง : “เสี่ยวเย่ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรจะพูดล้อเล่นแบบนี้กับคุณ ”

แต่ว่าน้ำตาของเสี่ยวเย่นั้นกลับเอ่อล้นขึ้นมาและพร้อมจะร่วงลงมาได้ทุกเมื่อแทน

“คุณยกโทษให้คุณชายเฉินเถอะนะ คุณชายเฉินสำนึกผิดแล้ว ” เฉินเฟิงใช้คำเรียกที่เสี่ยวเย่มักใช้เรียกตัวเองขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเสี่ยวเย่ก็ยังไม่ยอมพูดกับเขาอยู่ดี

และในตอนนั้นเอง หญิงสาวสวมรองเท้าส้นสูงคนนั้นก็วิ่งเข้ามาทางพวกเขา

“พวกคุณอย่าวิ่งหนีนะ ” เธอหอบหนักจนแทบไม่ไหว จึงทำให้เสียงตะโกนนั้นเบาลงไปด้วย

แต่ถึงอย่างนั้นเฉินเฟิงและเสี่ยวเย่ก็พอจะได้ยินเสียงนั้นอยู่ดี

เฉินเฟิงหันไปดึงมือเสี่ยวเย่ทันที แต่เสี่ยวเย่กลับไม่มีการตอบสนองใดๆ และเพียงปล่อยให้เฉินเฟิงดึงตัวไว้อย่างนั้น

แต่ในขณะเดียวกันตัวเธอเองก็วิ่งต่อไม่ไหวอีกแล้ว จึงร้องออกมา : “ฉันวิ่งต่อไม่ไหวแล้วค่ะ”

เฉินเฟิงหันไปมองเพียงแวบเดียวก็อุ้มตัวเธอขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะสาวเท้าวิ่งอีกครั้ง

และด้วยความเร็วของเฉินเฟิง ทำให้เพียงไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็นำห่างมาได้สามสี่ไมล์แล้ว

โดยที่หญิงสาวคนนั้นที่วิ่งตามหลังมาก็ถูกสลัดทิ้งไปได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าเฉินเฟิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับยังอุ้มเสี่ยวเย่เอาไว้ไม่ปล่อย

“วางฉันลงได้แล้วค่ะ” เสี่ยวเย่พูดพลางผลักแผ่นอกของเฉินเฟิง

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท