ลูกเขยมังกร – บทที่ 918 การให้อภัยและถูกอภัย

บทที่ 918 การให้อภัยและถูกอภัย

แต่ว่าเฉินเฟิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะยอมวางเสี่ยวเย่ลงเลย ทั้งยังยิ้มให้กับเสี่ยวเย่ด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ : “อย่างนั้นคุณก็พูดมาว่าจะยกโทษให้ผมหรือเปล่า ”

ตอนนี้พวกเขาทั้งสองยังคงอยู่บนถนนใหญ่ มีผู้คนเดินอยู่รอบๆ อย่างไม่ขาดสาย จึงทำให้มีผู้คนคอยเหลียวหันมามองยังพวกเขาอยู่ตลอด

เสี่ยวเย่มีหรือจะทนรับสถานการณ์แบบนี้ได้ สายตาที่มองมายังพวกเขาเป็นเหมือนดั่งเข็มที่ทิ่มแทงลงไปบนร่างกายของเธอ แต่ถึงอย่างไรในใจของเธอยังคงโกรธเคืองเฉินเฟิงอยู่ ดังนั้นจึงไม่ยอมที่จะพูดคำว่ายกโทษให้เขาออกมา

“อย่างนั้นผมก็จะอุ้มคุณกลับไปทั้งอย่างนี้แหละ” เมื่อมองดูเสี่ยวเย่กำลังลังเลอยู่ตรงนั้น เฉินเฟิงจึงอุ้มเธอเดินก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว เพื่อต้องการที่จะบังคับให้เธอยอมจำนน

“ไม่เอาค่ะ” เสี่ยวเย่พึมพำ: “คุณวางฉันลงเถอะนะคะ”

“อย่างนั้นคุณจะยกโทษให้ผมหรือเปล่า?หากผมวางคุณลง คุณจะต้องยกโทษให้ผม”

ตอนนี้ใบหน้าของเสี่ยวเย่นั้นแดงจนกลายเป็นลูกแอปเปิลไปแล้ว และเมื่อเฉินเฟิงกล่าวถามย้ำอีกครั้ง เธอจึงได้เพียงแค่ยอมจำนนเท่านั้น

“คุณวางฉันลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เสี่ยวเย่พูดด้วยเสียงเบาๆ

“แต่ผมกลัวว่าคุณจะเปลี่ยนใจ”

“ฉันยกโทษให้คุณก็สิ้นเรื่องแล้ว คุณรีบวางฉันลงได้เถอะค่ะ มีคนมองมาเยอะมากแล้ว ”

เฉินเฟิงเหลียวหันไปมองรอบๆ ก็เห็นว่ากำลังมีสายตาจับจ้องมาที่พวกเขาอยู่จริงๆ

“พวกเขาอยากมองก็ให้พวกเขามองไป ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร ”

เสี่ยวเย่ทนรับสายตาแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปจึงต้องร้องขอความเมตตา: “คุณชายเฉิน ฉันขอร้องล่ะ คุณวางฉันลงเถอะนะคะ ฉันสัญญาว่าจะไม่โกรธคุณแน่นอน”

ทางด้านเฉินเฟิงก็รู้ดีว่าไม่สามารถเล่นแบบนี้ต่อไปได้อีก ดังนั้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมเขาจึงไม่ลังเลที่จะรับคำขอนั้น

เขาวางขาของเสี่ยวเย่ลงก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ให้เธอยืนกับพื้น

แต่อย่างว่านิสัยของผู้หญิงมักจะกลับกลอกไปมา พอทันทีที่เสี่ยวเย่ยืนบนพื้นได้อย่างมั่นคง เธอก็หันหน้าหนีและไม่สนใจเฉินเฟิงอีกครั้ง

“คุณสัญญากับผมแล้วนะ ว่าจะไม่โกรธผมแล้ว” เฉินเฟิงแย้งขึ้นมา

“คุณชายเฉินนิสัยไม่ดี”

เสี่ยวเย่เบ้ปากด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ

“เอาน่ะ ผมสำนึกผิดแล้ว จากนี้ไปจะไม่ล้อเล่นอะไรแบบนี้กับเสี่ยวเย่อีก ”

เสี่ยวเย่ไม่สนใจเฉินเฟิงอะไรทั้งสิ้น พร้อมกับเดินไปยังทางป้ายรถเมลเพียงลำพัง

เฉินเฟิงเห็นอย่างนั้นจึงรีบตามไป โดยไม่พูดอะไรเช่นกันพร้อมกับเดินเคียงข้างเสี่ยวเย่ไปอย่างนั้น

กระทั่งทั้งสองขึ้นไปบนรถเมล เฉินเฟิงก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ

ในขณะที่เสี่ยวเย่นั่งลงอยู่บนเก้าอี้ เฉินเฟิงก็จะคอยยืนอยู่ข้างๆ และไม่สนใจเก้าอี้ตัวอื่นที่ว่างอยู่เลยแม้แต่น้อย

เสี่ยวเย่จ้องมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความขุ่นเคือง ภายในจิตใจก็อยากจะถามเฉินเฟิงว่าเขากำลังทำอะไร แต่ก็รู้ดีว่าหากเธอเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนก็จะตกหลุมกับดักของเฉินเฟิงทันที ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะไม่พูดออกมา

แต่หลังจากที่รถเมลขับผ่านไปแล้วสี่ห้าป้ายรถ ในที่สุดเสี่ยวเย่ก็ไม่อาจอัดอั้นความรู้สึกได้อีกต่อไป : “คุณชายเฉิน ทำไมคุณถึงต้องทำอย่างนี้ด้วย ”

เฉินเฟิงถามกลับอย่างอ่อนโยน: “ผมทำอะไร?”

“หื้ม!” เสี่ยวเย่อุทานออกมาเพียงคำเดียว จากนั้นก็ไม่คิดจะให้คำอธิบายที่ชัดเจนให้กับเฉินเฟิงอีก

เมื่อนั่งรถมาจนถึงป้ายสุดท้าย บนรถตอนนี้ก็เหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น หลังจากลงมาจากรถพวกเขายังต้องเดินขึ้นเขาไปอีกสักระยะ

และตรงบริเวณเชิงเขาก็เป็นหมู่บ้านของเสี่ยวเย่ ซึ่งตัวเธออยากจะเชิญชวนเฉินเฟิงให้เข้าไปดูเสียหน่อย แต่เมื่อยืนอยู่ตรงนั้นเธอกลับไม่รู้ว่าควรจะเปิดปากพูดอย่างไรดี

ส่วนเฉินเฟิงก็ได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไรเช่นกัน

เสี่ยวเย่เปิดปากพูดด้วยเสียงเบาๆ : “คุณชายเฉิน!”

“อืม!” เฉินเฟิงตอบกลับ

“ฉันไม่โกรธคุณแล้ว”

“จริงหรอ?”

“อืม”

“ผมรู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวเย่หน่ะดีที่สุด” เฉินเฟิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

เสี่ยวเย่ยิ้มออกมาเช่นกัน ก่อนที่มุมปากจะขยับเบาๆ : “คุณชายเฉิน ข้างหน้านั่นคือบ้านของฉัน คุณอยากลองเข้าไปดูหน่อยหรือเปล่าคะ ?”

เฉินเฟิงมองตามทิศทางที่เสี่ยวเย่ชี้ไป ก็เห็นว่ามีประตูทางเข้าหมู่บ้านอยู่จริงๆ

“จะให้เข้าไปมือเปล่าแบบนี้ คงไม่ดีหรอกมั้ง ” เฉินเฟิงตอบอย่างลังเลใจ

แต่เสี่ยวเย่กลับสะบัดมือ: “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณเป็นแขกคนแรกที่ฉันพาเข้าบ้าน ไม่จำเป็นต้องเตรียมของขวัญอะไรหรอกค่ะ ”

เฉินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบกลับ: “อย่างนั้นก็ได้ ผมเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าบ้านของเสี่ยวเย่เป็นยังไง ”

เมื่อได้ยินคำตอบของเฉินเฟิง เสี่ยวเย่ก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้น จากนั้นเธอจึงเป็นฝ่ายจูงมือเฉินเฟิงวิ่งไปยังทางเข้าหมู่บ้าน

ภายในหมู่บ้านนั้นเงียบสงบอย่างมาก และตรงบริเวณสี่แยกก็มีเหล่าคุณลุงกำลังนั่งล้อมวงเล่นหมากรุกกันอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อเห็นเสี่ยวเย่กลับมา ชายคนหนึ่งในนั้นก็หันมากล่าวทักทายเสี่ยวเย่ด้วยรอยยิ้ม

“กลับมาแล้วหรอเสี่ยวเย่!”

ทางด้านเสี่ยวเย่ก็กล่าวทักทายทุกคนกลับเช่นกัน

และในตอนที่พวกเขาหันมาเห็นเฉินเฟิงนั้นก็จงใจจ้องมองเขาอยู่นานสองนาน

จากนั้นเมื่อเดินตรงเข้ามาด้านในเรื่อยๆ จนข้ามสะพานลอยหนึ่งมา ในที่สุดก็เดินถึงบ้านของเสี่ยวเย่เสียที

เด็กสาวที่กำลังเดาะลูกขนไก่อยู่หน้าบ้านเมื่อเห็นว่าเสี่ยวเย่กลับมา เธอก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่ดีใจ

“ พี่สาว ”

เธอเข้ามากอดเสี่ยวเย่เอาไว้

เด็กสาวตัวไม่ได้สูงมาก เธอสูงเพียงแค่ช่วงอกของเสี่ยวเย่เท่านั้น ซึ่งจากการคาดเดาของเฉินเฟิงเด็กคนนี้น่าจะเป็นน้องสาวคนนั้นของเสี่ยวเย่แน่นอน น้องสาวคนนั้นที่มีหยกหนึ่งชิ้นที่เสี่ยวเย่ไม่มี

“พอได้แล้ว พ่อแม่ล่ะ?”

เด็กสาวตอบกลับ: “พ่อกับแม่ไปนาแล้ว ยังไม่กลับมาเลย”

เธอพูดไปพลางมองมายังเฉินเฟิง ราวกับกำลังสงสัยชายที่เพิ่มเข้ามาคนนี้

ทางด้านเฉินเฟิงได้เพียงแต่ยิ้มให้เธอเบาๆ

ซึ่งนั่นทำให้เด็กสาวเขินอายขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะดึงตัวเสี่ยวเย่เข้าไปในบ้าน

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นจึงเดินตามเข้าไปด้วย และนั่นก็ยิ่งทำให้เด็กสาวเกิดความสงสัยมากขึ้น แต่กลับไม่กล้าที่จะถามออกมา

บ้านของเสี่ยวเย่นั้นเป็นบ้านสองชั้น บริเวณหลังบ้านมีลานว่างตั้งอยู่ ส่วนด้านหน้าบ้านก็มีการปลูกดอกไม้และพืชพรรณหลากหลายชนิดเอาไว้ รวมทั้งพวกพืชผักสวนครัวด้วย

เฉินเฟิงถูกเสี่ยวเย่เชิญให้เข้าไปนั่งรอด้านในบ้าน ซึ่งความจริงบ้านของเธอก็ไม่ยากจนขนาดนั้นตามที่เฉินเฟิงเคยคิดเอาไว้ เพราะไม่ว่าจะเป็นโซฟาหรือของเครื่องใช้ที่จำเป็นล้วนถูกจัดวางเต็มไปหมด และการตกแต่งก็ถือว่ามีความสวยงามเลยทีเดียว แต่นั่นกลับทำให้เฉินเฟิงไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเย่ถึงได้อยากได้เงินมากขนาดนั้น

“คุณไปคุยกับน้องสาวคุณดีกว่า ผมอยู่คนเดียวได้ ไม่เป็นอะไร ”

เฉินเฟิงเหลียวมองไปยังเด็กสาวที่จ้องมองมายังเขาตลอดเวลา แล้วกล่าวกับเสี่ยวเย่ด้วยความหวังดี

ส่วนเสี่ยวเย่นั้นก็รู้ดีว่าน้องสาวของตนนั้นกำลังจ้องมองเฉินเฟิงอยู่เช่นกัน จึงได้เพียงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม : “เธอคงจะคิดว่าคุณชายเฉินหน้าตาดี ดังนั้นก็เลยเขินหน่ะค่ะ ”

เฉินเฟิงถึงกับนิ่งชะงัก แล้วหัวเราะแห้งๆ ออกมา

ผ่านไปได้สักพักใหญ่ ในที่สุดพ่อแม่ของเสี่ยวเย่ก็กลับมา พวกเขาที่ได้เห็นเฉินเฟิงซึ่งเป็นเจ้านายของเสี่ยวเย่ ก็ทำตัวเหมือนกับผู้ปกครองที่ได้เจอกับครูประจำชั้นเสียอย่างนั้น และมักจะคอยกังวลว่าเสี่ยวเย่ไม่ได้ตั้งใจทำงาน ดังนั้นจึงบอกให้เฉินเฟิงช่วยอบรมสั่งสอนเธอให้ดี

เสี่ยวเย่ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็โกรธอย่างมาก แต่กลับไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรกับพ่อแม่ได้ จึงได้เพียงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเท่านั้น

ทว่าทางด้านเฉินเฟิงนั้นกลับกล่าวชื่นชมไปยกใหญ่ว่าเสี่ยวเย่นั้นมีความขยันขันแข็ง ไม่ว่าอะไรก็ดีไปหมด ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องกังวลใจอะไร และแบบนี้จึงทำให้เสี่ยวเย่กลับมายิ้มได้อีกครั้ง

จนกระทั่งลืมแม้ความไม่พอใจที่มีต่อเฉินเฟิงก่อนหน้านี้ไปจนหมด พร้อมกับหันไปมองเฉินเฟิงด้วยความซาบซึ้งใจ

และหลังจากที่ทานอาหารเย็นเรียบร้อยพวกเขาทั้งสองก็เตรียมตัวกลับ

น้องสาวของเสี่ยวเย่คนนั้นทำใจไม่ได้ที่จะให้เสี่ยวเย่จากไปอีกครั้ง เสี่ยวเย่จึงให้คำมั่นสัญญากับเธอไปว่าจะกลับมาในไม่ช้านี้ จากนั้นเธอจึงยอมปล่อยให้เสี่ยวเย่จากออกมาด้วยความอาลัยอาวรณ์

“เอาเป็นว่าหลังจากนี้ผมจะให้คุณหยุดสัปดาห์ละหนึ่งวันดีหรือเปล่า ยังไงเสียที่นี่ก็อยู่ใกล้ด้วย คุณจะได้กลับมาเยี่ยมพวกเขาบ้าง ” เฉินเฟิงกล่าวแนะขึ้นมา

แต่เสี่ยวเย่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ: “ฉันให้คำมั่นกับคุณชายไป๋แล้วว่าจะต้องดูแลคุณเป็นอย่างดีที่สุด และฉันก็จะรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อีกอย่างฉันไม่ต้องการให้คุณชายเฉินมาเห็นใจฉันแบบนี้หรอกนะคะ การที่ฉันสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเองอย่างนี้ มันน่าภูมิใจมากๆ ”

เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเย่แน่วแน่อย่างนี้ เฉินเฟิงจึงไม่พยายามให้เธอทำตามคำพูดของเขาอีก

และเพียงพริบตาเดียว วันเฉลิมฉลองของตระกูลไป๋ก็มาถึงเสียแล้ว

เหล่าคนที่เดินทางไปยังบ้านตระกูลไป๋นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทางด้านไป๋จิ้งเฟิงเป็นเพราะอายุอานามที่ค่อนข้างเยอะมากแล้ว จึงได้ส่งให้ไป๋ซิงและไป๋ซูเป็นตัวแทนตนไป ส่วนที่เหลือก็คือไป๋เฉิงหลินและเฉินเฟิงอีกสองคน

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท