เฉินเฟิงทำได้เพียงจำต้องเอ่ยถามขึ้น : “ไม่ทราบว่าเจ้าตระกูลโจวอยากจะพูดอะไร?”
โจวสุนขยับริมฝีปาก พลางเอ่ย : “ทำไมผมถึงคิดไม่ถึงเหมือนกันนะ ว่าน้องชายแท้ๆของผมจะทำเรื่องทรยศวงศ์ตระกูลได้ เรื่องที่เขาทำกับคุณชายเฉิน ผมเองก็ได้ยินโจวจื่อเอ๋อบอกแล้ว เรื่องนี้ตระกูลโจวต้องขอโทษคุณชายเฉินด้วย คุณชายเฉินอยากจะให้ทำอย่างไร ก็เอ่ยปากออกมาได้เลย ตระกูลโจวจะพยายามชดเชยให้มากที่สุดอย่างแน่นอน”
เฉินเฟิงมองไปยังโจวจื่อเอ๋ออีกครั้ง ในรอยยิ้มของเธอราวกับมีความล้อเล่นมากขึ้นไปด้วย
เฉินเฟิงพอจะเข้าใจแล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าโจวสุนรู้ได้อย่างไร แต่โจวสุนก็ยอมรับความจริงนี้ได้จริงๆ นั่นก็คือน้องชายของเขานั้นเป็นหูเป็นตาให้กับหมาป่าทะเลทราย อีกทั้งยังลงมือกับเฉินเฟิงอีกด้วย
เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงเอ่ยพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา : “นี่มันไม่เกี่ยวกับตระกูลโจว แต่เป็นหมาป่าทะเลทราย คุณเองก็ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกครับ เดิมทีเป็นเพราะผมไม่ระวังเองมากกว่า ถึงได้ติดกับเข้า”
แต่โจวสุนยังคงรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง เขาเอ่ยขึ้น : “คุณชายเฉิน แต่โจวฟ่างเป็นน้องชายแท้ๆของผม เขาทำเรื่องที่ผิดต่อคุณชายเฉิน ผมจะไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไร”
ท่าทางของโจวสุนมีความนอบน้อมและจริงใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่าต้องการจะชดใช้ให้ มิเช่นนั้นแล้วในใจชองเขาก็คงจะสงบลงได้ยาก
และเวลานี้เฉินเฟิงเองก็ได้รับรู้ถึงสายตาที่มาจากโจวจื่อเอ๋อ เธอกำลังมองตัวเองด้วยแววตาที่เป็นประกาย ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยพูดออกมา แต่เฉินเฟิงก็เข้าใจความหมายของสายตานั้นขึ้นมาทันที
แต่เฉินเผิงกลับทำเป็นมองไม่เห็น เขาเอ่ยขึ้น : “ถ้าหากผมรับของๆคุณจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่ผมฆ่าโจวฟ่างจะนับอย่างไรล่ะ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นน้องชายแท้ๆของคุณ ผมจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตตัวเองด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“นี่……”โจวสุนไม่รู้จะโต้อย่างไร : “แต่คุณชายเฉิน…….”
เฉินเฟิงกลับไม่รอให้เขาพูดจบ จึงชิงพูดมาก่อน : “แบบนี้แล้วกัน คุณคิดถึงเรื่องที่ว่าจะจัดการเรื่องของตระกูลโจวอย่างไรดีกว่า ไม่ต้องไปคิดถึงที่ว่าจะจัดการอะไรกับหมาป่าทะเลทราย ตอนนี้โจวฟ่างตายไปแล้ว หมาป่าทะเลทรายจะต้องหันมาสนใจกับตระกูลโจวอีกครั้งอย่างแน่นอน พวกคุณมีพิรุธใดๆออกมา ก็จะทำให้เกิดการแก้แค้นของหมาป่าทะเลทรายขึ้นอีก”
เฉินเฟิงเอ่ยพูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว โจวสุนเองก็ทำได้เพียงต้องยอม
ไป๋จิ้งเฟิงไม่รอให้ถึงวันรุ่งขึ้น ช่วงบ่ายที่โจวสุนทั้งสองคนออกไป เขาก็ขึ้นเขามาเพียงลำพัง
เฉินเฟิงเองก็เอ่ยถามออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน : “คุณท่านไป๋ คุณคิดได้อย่างไรบ้างแล้วครับ”
ไป๋จิ้งเฟิงนั่งลงอย่างช้าๆ เขาถอนหายใจพลางเอ่ยขึ้น : “คุณชายเฉิน ฉันรู้สึกว่าฉันแก่มากแล้ว แม้กระทั่งลืมวันที่ต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อความคิดแบบนั้นไปตั้งนานแล้วล่ะ”
เฉินเฟิงได้ยินความหมายในคำพูดของเขา ก็คิดว่าเขาจะปฏิเสธ แต่คิดไม่ถึงว่าไป๋จิ้งเฟิงจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา : “ดีที่ฉันมีลูกชายดีๆทั้งสองคน พวกเขายังกล้าสู้ ฉันเองก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้วเช่นกัน แพ้ชนะก็ล้วนแต่เป็นเรื่องของตัวพวกเขาเองแล้ว”
เฉินเฟิงกลับคิดไม่ถึงในความเป็นไปได้นี้ แต่ขอเพียงแค่ไป๋จิ้งเฟิงยอมรับปาก เรื่องนี้ก็จะง่ายขึ้นมากแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ผมคิดว่าแผนของพวกเราสามารถรีบดำเนินการได้แล้ว” เฉินเฟิงยิ้ม
……….
เฉินเฟิงและโจวสุน ไป๋จิ้งเฟิงแอบกวาดล้างภายในตระกูลไป๋และตระกูลโจว รับประกันว่าภายในไม่ได้ถูกคนของหมาป่าทะเลทรายแทรกซึมเข้าไป
ในขณะเดียวกันเวลานี้ ก็เอากำลังไว้ที่ตระกูลเชียน จับตามองทุกๆการเคลื่อนไหวของพวกเขา
เวลาผ่านไปทีละวันๆ บรรยากาศของตระกูลเชียนนั้นกลับค่อยๆตึงเครียดขึ้น ภายในมีการแพร่ออกมาว่ามีคนต้องการจะเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลเชียน
บรรยากาศที่ตึงเครียดนี้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ผู้แทนในการแถลงข่าวในโลกธุรกิจของตระกูลเชียนจู่ๆก็ถูกฆ่าในตอนที่กำลังออกงานสังคมอยู่
เรื่องนี้ดูเหมือนกับเป็นการทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา เป็นการจุดไฟความโมโหของตระกูลเชียน ปฏิกิริยาของตระกูลเชียนนั้นรุนแรงมาก
ตระกูลเชียนดำเนินการตรวจสอบกันอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด เบาะแสปรากฏขึ้นจากการพินิจวิเคราะห์และชี้ไปยังหมาป่าทะเลทราย
การประชุมภายครอบครัวที่ตระกูลเชียนนั้นดำเนินการขึ้นอย่างเงียบๆ คนนอกไม่รู้ถึงขั้นตอนโดยสังเขป แต่หลังจากการประชุม ตระกูลเชียนก็ลงมือกับหมาป่าทะเลทรายโดยตรง
ไม่ใช่เพียงแค่สงครามทางธุรกิจเพียงเท่านั้น แต่เป็นการลงมือพร้อมกันกับกำลังป่าเถื่อนทางเศรษฐกิจอีกด้วย
เสียงดังสะเทือน ตระกูลเล็กๆก็พากันระมัดระวัง กลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้กันของตระกูลเชียนและหมาป่าทะเลทราย แล้วจะตายอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เฉินเฟิงนั่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ที่ตระกูลไป๋ แล้วออกคำสั่งเป็นครั้งเป็นคราว ให้ไปดำเนินการโดยไป๋ซิง ไป๋ซู โจวจื่อเอ๋อ
เฉินเฟิงอยู่เบื้องหลัง คอยวางกรอบดักศัตรู คอยกุมสถานการณ์การต่อสู้เอาไว้เป็นบางครั้ง บีบคอของหมาป่าทะเลทรายให้แน่นขึ้นทีละนิดๆ
ภายใต้การกดขี่อำนาจของตระกูลเชียน และกลยุทธ์ลับของเฉินเฟิง อิทธิพลอำนาจของหมาป่าทะเลทรายก็ค่อยๆพังพินาศลง
ราชาหมาป่าที่เคยมีหน้ามีตาอย่างไร้ขีดจำกัดแห่งหมาป่าทะเลทราย ในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับความสามารถที่แข็งแกร่งของเฉินเฟิง
หมาป่าทะเลทรายล่มลงแล้ว อิทธิพลอำนาจของตระกูลเชียนก็ได้รับความเสียหายไปไม่น้อยเช่นกัน ตระกูลไป๋ ตระกูลโจวก็ถือโอกาสโผล่ขึ้นมากันอย่างฉับพลัน กลายเป็นผู้แถลงของเฉินเฟิงที่ทะเลทรายอันเวิ้งว้างนี้
เรื่องทะเลทรายอันเวิ้งว้าง เฉินเฟิงเองก็นำอำนาจแห่งชัยชนะกลับมายังยันเจียงด้วยเช่นกัน แทบจะกดให้ครอบครัวอื่นไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้เลย
ผ่านมาอีกซักช่วงหนึ่ง เฉินเฟิงจึงไปพบเสี้ยเมิ่งเหยา
เมื่อทั้งสองคนเจอกันแล้ว เฉินเฟิงก็พบว่าเสี้ยเมิ่งเหยาดูผอมแห้งไปอยู่บ้าง
ในช่วงเวลาที่แยกกันนี้ เสี้ยเมิ่งเหยาคิดอะไรมากมายเหลือเกิน
การได้มารู้จักกับเฉินเฟิงเธอมักจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน จนแต่งงานกัน หย่ากัน แล้วกลับมาแต่งงานกันใหม่อีกครั้ง ทุกๆช่วงเวลาทั้งหมดนี้ เขาก็เหมือนกับช็อคโกแลตที่พอค่อยๆเปิดกล่องออกมา แต่ละอันก็ล้วนแต่มีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป
“เมิ่งเหยา ผมคิดที่จะรอให้พวกเราแก่ลง ผมประคองคุณ นั่งลงบนเก้าอี้ยาวในลานบ้าน ดูลูกของเรา ลูกเล่นอยู่ตรงนั้น หลังจากที่คุณเหนื่อยแล้ว ก็พิงไหล่ของผมหลับไป ผมกลัวว่าคุณจะหนาว แล้วถอดเสื้อคลุมมาคลุมลงให้คุณ”
ได้ยินคำพูดรักๆใคร่ๆแบนบี้แล้ว จินตนาการถึงฉากที่อบอุ่นแบบนั้นแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาก็หน้าแดงขึ้นมา
ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน เดินไปด้วยกันตามกาลเวลาเหมือนกับยามไม้ใกล้ฝั่ง
…………
เวลาจะกำจัดหลายๆสิ่งไป เช่นความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ระหว่างเฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยา ชีวิตของทั้งสองคนมีความสุขและชื่นมื่นเป็นอย่างมาก
เวลาสามารถทำให้คนรู้สึกเสียใจ เช่นความแค้นของรุ่นพี่เย่หนานเทียน รอจนเฉินเผิงสืบเรื่องฆาตกรได้อย่างชัดเจนแล้ว ทางฝ่ายนั้นก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว เหลือเพียงคนร้ายที่สมรู้ร่วมคิดบางคน จนสุดท้ายเฉินเฟิงเพียงแค่ลงโทษไปเพื่อเป็นการตักเตือน ไม่ได้กำจัดทิ้งไป
และเวลาก็สามารถพาอะไรหลายๆสิ่งมา เช่น หลังจากผ่านประสบการณ์ต่างๆมา ความสามารถของเฉินเฟิงก็ก้าวกระโดดไปได้อย่างรวดเร็ว
รอจนความสามารถของออกัสตัสผู้นำสภามืดก้าวหน้ามากขึ้น พากงปุ่นเหย่อู่ โซโล หงเทียนป้าและคนอื่นๆมาหาเฉินเฟิง ต้องการกำจัดอุปสรรคเพื่อให้ความทะยานอยากของพวกเขาเป็นจริงนั้น กลับพบว่าเฉินเฟิงแข็งแร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงแต่ไม่มีคนที่สามารถกำจัดอุปสรรคไปได้เท่านั้น แต่กลับเสียชีวิตแทน
ผู้รอดชีวิตกระจัดกระจายของสภามืดก็ถูกคูเรียและองค์กรศิลปะการต่อสู้ร่วมมือกันปราบปราม จนหายวับไปกับตา
…….
“ที่รัก ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วไปส่งลูกที่โรงเรียนนะ”
“ครับ ทานเสร็จเดี๋ยวนี้ล่ะ” เฉินเฟิงดื่มนมที่เหลือ “แต่ก่อนจะออกจากบ้านขอจูบคุณก่อนนะ”
“อื๋อ หนูรับไม่ได้จริงๆ” ลูกสาวที่อยู่ข้างๆเอ่ยแขวะขึ้น
เฉินเฟิงหัวเราะออกมา แล้วพาลูกสาวออกจากบ้านไป
เฉินเฟิงที่ได้กลายมาเป็นพ่อคนเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ชีวิตที่มีการต่อสู้ฆ่าแกงกันลดน้อยลง มีความอบอุ่นและความธรรมดาเพิ่มมากขึ้น
เป็นความธรรมดาแต่กลับดูยิ่งใหญ่ยิ่งนัก!