Bringing Culture to a Different World – ตอนที่ 121

ตอนที่ 121

ตอนที่ 121 หลุดการควบคุม

หลังจากมาโรงเตี้ยมใจหินเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว เมสซาจึงรู้สึกหวาดกลัวการ “ร้องเพลง”

เหตุผลก็เพราะคนแคระเหล่านั้นมักจะร้องเพลงในโรงเตี้ยม พวกเขามักจะร้องเพลงด้วยความตื่นเต้นทุกครั้งที่เปิดการ์ดในตํานานได้

แต่เสียงร้องของคนแคระนั้นแย่มาก ทุกครั้งที่เมสซาได้ยินพวกเขาร้องเพลง นางอยากจะพลิกโต๊ะ ตะโกนใส่พวกเขา และขอดวลกันนอกโรงเตี้ยม!

ด้วยเหตุนี้เมสซาจึงมักจะไปที่โรงเตี้ยมเพื่อเล่นใจหินสองรอบตอนเช้าถึงเที่ยง

เมื่อถึงเวลากลางคืน พวกคนแคระทํางานเสร็จ และมาที่โรงเตี้ยมเพื่อดื่มและเล่น ไพ่กันกลุ่มใหญ่ ในช่วงเวลานั้นดีไซเลสอาจารย์ของนางจะมาคอยเฝ้าปีศาจโกลาหล

แต่ในช่วงสองสามวันนี้ดีไซเลสอยู่ในสํานักงานสิทธิบัตร และศึกษาความรู้ใหม่” กับเพื่อนเก่าของเขา เมื่อไม่มีทางเลือกแล้วเมสซาก็จําเป็นต้องมอบภารกิจติดตามปีศาจโกลาหลให้กับเทมพลาร์คนอื่น

ในที่สุดเทมพลาร์เหล่านั้นก็เสพติดเหมือนกันกับนาง

เมสซาเข้าไปในโรงเตี้ยมพร้อมกับผู้สอบสวน นางเห็นเพื่อนร่วมงานของนางกําลังต่อสู้กับผู้วิเศษ นอกจากนี้เขายังใช้วารีล่า ฮีโร่สายโจร เขากําลังจะชนะ

ไม่! นี่ไม่ใช่เวลาที่นางจะจดจ่ออยู่กับเรื่องนั้น

เมสซากวาดสายตามองไปทั่วโรงเตี้ยมใจหิน ตั้งแต่ที่งานนิทรรศการโลกก็มีผู้วิเศษจํานวนมากกลายมาเป็นลูกค้าของโรงเตี้ยม ในช่วงเช้าลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้วิเศษ

ในไม่ช้าเมสซาก็มองเห็นที่มาของเสียงร้องที่นางได้ยินนอกโรงเตี้ยม

มันคือเอลฟ์ เอลฟ์ยืนอยู่บนเวทีตรงมุมของโรงเตี้ยม เวทีนั้นดูเหมือนจะเพิ่งถูกสร้างขึ้น ผลึกออริจินั่มที่จารึกอักษรรูนส่องสว่างอยู่เหนือเวที

เสียงกระจายผ่านผลึกออริจินั่ม เสียงของนางค่อยๆดังก้องไปทั่วโรงเตี้ยม

เมสซาไม่เคยได้ยินเพลงที่เอลฟ์ร้องเลย

เสียงร้องของนางมีพลังเวทย์พิเศษ เพลงนี้ทําให้ความโกรธของเมสซาจากการพบกับผู้สอบสวนที่หยาบและไร้เหตุผลของศาลนอกรีตสงบลง

เมสซาเคยได้ยินแต่เสียงร้องเพลงในเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักร

มันเป็นเพลงสวดของคณะนักร้องประสานเสียงของนักบุญหญิงเฮโรเลีย เมื่อใดก็ตามที่เมสซาได้ยินพวกเขาร้องเพลงในเมืองแสงศักดิ์สิทธิ์ นางจะรู้สึกว่าอารมณ์ด้านลบทั้งหมดถูกขับออกจากจิตใจของนาง

สายตาของเมสซาไม่ได้อยู่ที่เอลฟ์คนนั้นนานเกินไป เพราะในไม่ช้านางก็มองเห็นโจชัว

แม้ว่าเทมพลาร์ที่เป็นศัตรูของปีศาจจะอยู่ในโรงเตี้ยมของเขา โจชัวก็ยังคงปรากฏตัวในโรงเตี้ยมโดยไม่คํานึงถึงอะไร

โจชัวยังสังเกตเห็นเมสซามองมาที่เขา เขาหันมามองนาง

เมสซาละสายตาจากเขาทันที นางรู้สึกซับซ้อนมาก ในใจนางมีเสียงบอกนางว่า “โจชัวไม่ ควรอยู่ที่นี่ หากเขาไม่อยู่ที่นี่ ศาลนอกรีตจะไม่สามารถทําอะไรเขาได้”

แต่ความชอบธรรมในใจของนางกําลังบอกนางว่า “ปีศาจที่อันตรายควรถูกนําตัวส่งศาลโดยเร็ว!”

เมื่อเห็นการจ้องมองของเมสซาที่ละไปจากเขา โจชัวก็มองผ่านนางไป เขาสังเกตเห็นว่าอัศวินหญิงดูเหมือนจะชี้บางอย่างให้เขาดูโดยไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสังเกตเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยสามคนปรากฏในโรงเตี้ยม

“ชิริวันนี้เจ้าอยู่ที่นี่ และดูแลโรงเตี้ยมได้ไหม?”

โจชัวหันกลับมาพูดกับผู้วิเศษหญิง

“อะไร? ท่านหญิงเมลิน่าไม่อยู่ที่นี่หรอ?”

คนขี้สงสัยอย่างชิริสังเกตเห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงเบื้องหลังคําพูดของโจชัวในทันที นางกําไม้เท้าแน่นและพูดกับโจชัวเบาๆว่า “มาพูดกันอย่างมีเหตุผล ข้าคิดว่าถ้าอยู่กับเจ้าในโรงเตี้ยมจะปลอดภัยกว่า ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น ข้าก็จะลากเจ้าไปด้วยได้”

โจชัวและซิริต่างก็กระซิบกัน

ยืนอยู่บนเวทีที่โจชัวเพิ่งจะสร้างขึ้น ไทลีนสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าจํานวนมากในร้านเหล้าได้ตั้งแต่ที่นางเริ่มร้องเพลง

นางกําลังร้องเพลง Let It Go’ แบบช้าๆ

แม้ว่าการแสดงจะค่อนข้างกะทันหัน แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างคาดไม่ถึง

เสียงร้องเพลงของเอลฟ์น้ําแข็งมี “พลังเวทย์มนตร์” จริงๆการร้องเพลง “Let It Go แบบช้าๆ คุณลักษณะทั้งหมดของเสียงของนางได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่ออัศวินหญิงเดินเข้ามา ไทลีนก็ร้องใกล้จะจบเพลงแล้ว

ทันทีที่เอลฟ์น้ําแข็งร้องเพลงของนางจบ ลูกค้าจํานวนมากก็เริ่มปรบมือให้กับการร้องเพลงของนาง

ไทลีนค่อยๆเดินลงเวที นางกระสับกระส่ายเล็กน้อย นางเดินมาหาโจชัวและรอคําตอบจากเขา

นางไม่ลืมว่านี่คือการทดสอบที่เขาให้นาง

“การร้องเพลงของเจ้าเหนือกว่าเพลงต้นฉบับ ข้ากําลังพูดถึงเพลงที่เบลล์ร้องในการแสดง แต่เมื่อเทียบกับเพลงต้นฉบับจริงๆ เจ้ายังขาดดนตรีที่โดดเด่นที่จะมาประกอบกับการร้องเพลงของเจ้า”

เอลฟ์น้ําแข็งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้รับการดูแลในฐานะนักร้อง เสียงร้องของนางช่างวิเศษ

ลูกค้าในโรงเตี้ยมดูเหมือนจะอยากได้ยินเสียงร้องเพลงของไทลีนมากกว่านี้ แม้ว่าไทลีนไม่ได้บอกว่านางเป็นใคร แต่นางก็สัมผัสได้ว่าเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกได้รับสารอาหารบางอย่างจากตอนที่นางแสดง

น่าเสียดายที่อาหารที่ได้จากการแสดงในร้านเหล้านั้นน้อยเกินไป ไทลีนต้องการแสดงบนเวทีที่ยิ่งใหญ่กว่านี้มาก

“เจ้ามีคุณสมบัติ มันถึงเวลาถ่ายทําเรื่อง “ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ” เจ้าควรกลับไปบอกเพื่อนๆว่าเจ้าปลอดภัยดี”

โจชัวไม่ได้คิดที่จะอยู่ในโรงเตี้ยมต่อ แต่มีลูกค้าหลายคนไม่พอใจที่จะปล่อยให้เอลฟ์น้ํา แข็งออกไป

“ข้าขอสั่งเจ้าไม่ให้หยุด..!”

ทันใดนั้นเสียงหงุดหงิดก็ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของโรงเตี้ยม ชายคนหนึ่งยืนขึ้น เขาจับหน้าผากด้วยสีหน้าเจ็บปวด

เสียงดังที่บ้าคลั่งและชัดเจนทําให้เอลฟ์น้ําแข็งข้างโจชัวถอยหลังไปหลายก้าว

แต่ก่อนที่โจชัวจะทําอะไรได้ ผู้วิเศษชราที่นั่งอยู่ข้างๆ ชายคนนั้นก็ตบไหล่ของเขา “หนุ่มน้อย อย่าหงุดหงิดอย่างนี้”

เสียงเย้าแหยู่ชายคนนั้นเริ่มดังขึ้นในโรงเตี้ยม แต่เป็นความจริงที่ไทลืนมีเสียงร้องที่ไพเราะมาก ผู้วิเศษบางคนในปัจจุบันอาจทําเหมือนเขาหากพวกเขาอายุน้อยกว่านี้สักสิบปี

อันที่จริงผู้วิเศษรุ่นเยาว์บางคนกําลังวางแผนที่จะโจมตีไทลืนแล้วด้วยซ้ํา

หุบปาก!”

แต่ชายคนนั้นดูเหมือนจะไร้เหตุผลใดๆ เขาสะบัดมือของชายชราออกจากไหล่ และเดินมาที่เอลฟ์น้ําแข็ง

ในขณะนี้ ผู้เล่นใจหินเกือบครึ่งในโรงเตี้ยม ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือคนแคระ ต่างก็หยุดเล่นและยืนขึ้น บรรยากาศในโรงเตี้ยมตึงเครียดขึ้นในทันที

Bringing Culture to a Different World

Bringing Culture to a Different World

Status: Ongoing

โจชัวพบว่าตัวเขามาอยู่ในร่างของเจ้าชายปีศาจในต่างโลก เจ้าชายผู้ถูกมองว่าเป็นพวกแหกคอก

เขาไม่สนใจการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์หรือกังวลถึงอนาคตของเผ่าปีศาจ แต่เขากลับตัดสินใจนำวัฒนธรรมของโลกเกิดเขามายังโลกนี้และพิชิตโลกใหม่นี้ผ่าน…สิ่งบันเทิง!

ก้าวแรก สร้างภาพยนตร์เพื่อเปลี่ยนความประทับใจของปีศาจเสียก่อน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท