ตอนที่100 เทพธิดานักปราชญ์
ในเวลาเดียวกันเฉินเป่ยไม่รู้ตัวเลย ว่าตัวเองกำลังถูกตามสืบข้อมูลอยู่
เขายังคงทำตัวเหมือนปกติ ช่วยพวกหลีชิงเยียนปอกผลไม้ใส่จาน
หลังจากปอกแตงโมใส่จานแล้วยื่นให้หลีชิงเยียน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา
เฉินเป่ยกดรับสาย เมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือหลีหง
พอเฉินเป่ยกดรับสาย ปลายสายก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดังนั้น ฉันเป็นแค่เครื่องมือของคุณใช่ไหม”
“ขอโอกาสให้ผมได้อธิบายก่อน พวกเราล้วนถูกหลอกใช้ทั้งนั้น” เฉินเป่ยพูด
“อธิบายอะไรอีก”น้ำเสียงของหลีหงไม่มีความเซ็กซี่อีกต่อไป แต่เสียงเธอแหบมาก “คุณใช้ฉันเป็นเครื่องมือเล่นงานผู้ชายคนนั้น ดีมาก คุณในร้ายมาก”
เฉินเป่ยจนใจ “ถ้าคุณได้เห็นข่าวที่เพิ่งปล่อยออกมา คุณจะรู้ว่าเราทั้งสองคนล้วนถูกจู่โจม เป็นฝีมือของผู้ชายคนนั้น ผมแค่ล้างแค้นในสิ่งที่เขาทำกับพวกเราเท่านั้นเอง”
“คนเลว” ไม่ว่าจะอธิบายยังไงก็ไร้ประโยชน์ เพราะหลีหงไม่ยอมฟังที่เขาพูดเลย หลังจากเธอด่าเสร็จ เธอก็กดวางสายไปเลย
เฉินเป่ยส่ายหน้าอย่างจนใจ ทันใดนั้นเอง มีเสียงหญิงสาวดังขึ้นมาจากด้านหลัง “โอ๊ะโอ ในบ้านมีตั้งสองคนไม่เอา ยังคิดจะไปหาข้างนอกอีกเหรอ”
เฉินเป่ยหันกลับไปมอง จึงเห็นว่าซูเสี่ยวหยุนกำลังยืนกอดอกพิงขอบประตูอยู่ แล้วมองมาทางเฉินเป่ย
“คุณอย่าล้อผมเลย” เฉินเป่ยยิ้มแห้ง
“ไม่ได้ล้อนะคะ ฉันแค่จะช่วยถามแทนเสี่ยวเยียน ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ซูเสี่ยวหยุนเดินเข้าหาเฉินเป่ย
“แค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่งครับ”เฉินเป่ยขนลุกไปทั้งตัว อดที่จะคิดในใจไม่ได้ ว่านี่เป็นคำถามที่ไม่ควรจะถามเขาเลย
“แค่เพื่อนธรรมดาอย่างนั้นเหรอคะ”ซูเสี่ยวหยุนยิ้มย่อง
“ใช่ครับ แค่เพื่อน” เฉินเป่ยยิ้มกว้าง
“สวยไหมคะ” ซูเสี่ยวหยุนถามต่อ
“สวยไม่เท่าพวกคุณสองคนหรอกครับ” เฉินเป่ยตอบด้วยสีหน้าแน่วแน่ ไม่มีแววโกหกหลอกลวงเลย
“ถ้าคุณกล้าออกไปหาสาวข้างนอก ฉันกับเสี่ยวเยียนไม่ปล่อยคุณไว้แน่” ซูเสี่ยวหยุนถลึงตาใส่ ก่อนจะเตือนไว้ก่อน
…………
ช่วงนี้ หลังจากที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปผ่านอุปสรรคอยู่หลายระลอก ในที่สุดก็สงบลงได้สักที
ในช่วงนี้ หลีชิงเยียนพยายามออกตามหาบุคคลปริศนาคนนั้น เธอว่าจ้างสำนักงานนักสืบหลายๆบริษัท จากหมายเลขบัญชีต่างประเทศ เธอพยายามตามหาบุคคลปริศนาที่โอนเงินให้เธอหนึ่งพันล้านคนนั้นให้เจอ หลีชิงเยียนอยากจะขอบคุณเขาด้วยตัวเอง
ถ้าไม่มีบุคคลปริศนาคนนั้น บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปคงจะไม่ฟื้นตัวเร็วถึงขนาดนี้
บุคคลปริศนาที่ช่วยบริษัทไว้ แต่หลีชิงเยียนคิดไม่ถึงเลย ว่าอีกฝ่ายจะไม่ทิ้งเส้นทางติดต่อกลับไว้ให้เธอเลย เหมือนไม่คิดจะได้เงินคืน
บ่ายวันหนึ่ง เฉินเป่ยที่กำลังกวาดพื้นอยู่ ก็มีเงาดำพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว
เสียงรถยนต์ดังแสบแก้วหู รถโรลส์-รอยซ์สุดหรูแล่นเข้ามา แล้วหยุดอยู่หน้าบ้าน
คนที่เปิดประตูเดินลงมาจากรถ แล้วเดินเข้ามาหาเฉินเป่ย ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือชิงเหนียนสุดหล่อนั่นเอง
“ลูกพี่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”ที่แตกต่างไปจากเดิมคือสีหน้าท่าทางที่รีบร้อนของชิงเหนียน
“เกิดอะไรขึ้น” สีหน้าของเฉินเป่ยสงบนิ่ง แต่ในแววตากลับตั้งใจฟังมาก
เรื่องที่แม้แต่ชิงเหนียนยังจัดการไม่ได้ คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
“โลกมือทางฝั่งทิศตะวันตก ดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหว จำเป็นต้องให้ลูกพี่กลับไปควบคุมสถานการณ์ที่นั่นครับ”ชิงเหนียนพูด
สีหน้าของเฉินเป่ยยังเรียบนิ่ง เขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ไม่มีทาง คนที่จ้างวานนักฆ่ามาฆ่าเมียฉันยังหาตัวไม่เจอ ฉันไปจากที่นี่ไม่ได้”
“ที่ผมสืบได้ตอนนี้คนที่จ้างวานนักฆ่าเป็นคนในตระกูลใหญ่ของเมืองเยี่ยนจิง แต่เป็นตระกูลไหน ผมยังต้องสูบต่อไปอีก” ชิงเหนียนนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “ลูกพี่ ครั้งนี้ลูกพี่ต้องออกโรงจริงๆ ช่วงที่ลูกพี่กลับมาที่นี่ สถานการณ์ในต่างประเทศไม่เคยสงบเลย พี่น้องในกองทัพ ต่างเริ่มรู้สึกได้ว่าจะต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นแน่ๆ”
“มีแค่ลูกพี่คนเดียว ที่จะควบคุมสถานการณ์ในตอนนี้ได้ ควบคุมเจ้าพวกโลภมากพวกนั้นได้”
สีหน้าของเฉินเป่ยเคร่งขรึม สายตามองออกไปนอกหน้าต่างนิ่ง
“ลูกพี่ ผมขอรายงานเรื่องทั้งหมดเลยก็แล้วกัน มีข่าวรายงานมาว่ามีเครื่องบินลำหนึ่งของโลกมืดบินตรงมาที่หัวเซี่ย บนเครื่องบินลำนั้น คือเทพธิดานักปราชญ์”ชิงเหนียนเน้นย้ำ “ผมตรวจสอบมาแล้ว เป้าหมายของเทพธิดานักปราชญ์คือเมืองหู้ไห่แห่งนี้”
ฉับ
สีหน้าที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงถึงจะเกิดอะไรขึ้นของเฉินเป่ย เปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินชื่อเทพธิดานักปราชญ์
“เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นมาทำอะไรที่นี่ ทำไมนายไม่บอกเรื่องนี้ก่อน”เฉินเป่ยหันหน้ากลับมามองด้วยแววตาคมกริบ
แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเฉินเป่ยไม่ใช่น่ากลัวธรรมดา แม้แต่ชิงเหนียนเองยังหน้าซีดไปเลย
“ผมเองก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาที่นี่ เรื่องที่ลูกพี่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แม้แต่พี่น้องในกองทัพยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย”ชิงเหนียนพูดเสียงเบา
เฉินเป่ยส่ายหน้า สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมาก เขาเอ่ยปากพูด “ไม่ใช่ความผิดของนาย ถึงจะโกหกทุกคนบนโลกนี้ได้ ก็ไม่มีทางโกหกผู้หญิงคนนั้นได้”
ชิงเหนียนหวั่นใจ เขาจำได้ว่าเฉินเป่ยเคยพูดไว้ เทพธิดานักปราชญ์ ไม่ใช่แค่หน้าตางดงาม แต่เธอกลับเป็นผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในต่างประเทศ แม้แต่เฉินเป่ยเอง ก็ป้องกันแทบไม่อยู่
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว ที่เฉินเป่ยเกือบถูกเธอฆ่าตาย ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเป่ยดวงดี คงจะตายไปนานแล้ว
“เธอมาที่นี่ เราจะทำยังไงกันดีล่ะ” ชิงเหนียนเอ่ยพูด “ตอนนี้ทำการเคลื่อนย้ายลูกน้องมาที่นี่ก็น่าจะไม่น่าจะทันเวลา”
“ไม่” เฉินเป่ยส่ายหน้า “จำนวนคนมากน้อย ไม่ทำให้เราได้เปรียบจากเธอได้ ถ้าเธอตั้งใจจริง ทหารเป็นล้าน เธอก็ทำลายลงไปได้”
ชิงเหนียนตกตะลึง ยืนอ้าปากค้าง “แล้วเราจะทำยังไงกันดี”
“แก้ไขไปที่ละก้าวก็แล้วกัน” เฉินเป่ยตอบกลับช้าๆ แล้วมองไปด้านนอกอย่างไร้ทิศทาง
ชิงเหนียนหันกลับ แล้วเดินออกจากบ้านพักไป ตอนที่เดินขึ้นรถโรลส์-รอยซ์ ซูเหลยบังเอิญยืนอยู่ข้างหน้าต่างพอดี จึงเห็นถาพตรงหน้ากับตา
ซูเหลยมองแผ่นหลังของชิงเหนียน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงรู้สึกคุ้นหน้าเขามาก
แต่ซูเหลยพยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก ในความทรงจําของเธอ ไม่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้เลย
…………
สนามบินนานาชาติหู้ไห่
หญิงสาวผมยาวเดินออกมาจากสนามบิน ผมยาวสีเงินระบายบ่า ใบหน้าที่แสนงดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ นัยน์ตาสีฟ้ามรกต
ร่างเพรียวเดินลากกระเป๋าไปทางโถงทางเดิน เธอใส่แว่านดำปกปิดไว้ ก่อนจะมองไปรอบด้าน แล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“หลง คุณต้องตาย” ร่างเพรียวบ่นพึมพำ ภายใต้แว่นกันแดดแววตาของเธอคมกริบและดุดันมาก
“คนสวย คุณมาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ ต้องการให้ผมช่วยยกกระเป๋าให้ไหม” ทันใดนั้นเองก็มีผู้ชายมายืนขวางทางร่างเพรียว ก่อนจะจ้องหน้าด้วยสีหน้าหยาดเยิ้ม
ร่างเพรียวเดินเข้าไปหา แล้วยืนมองชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะยื้มยั่วยวน
เธออ้าปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงภาษาจีนแปร่งๆ “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันมาเที่ยวที่นี่เป็นครั้งแรก ฉันไม่รู้ว่าใกล้ๆนี้มีโรงแรมที่พักไหมคะ”
ชายหนุ่มคนนั้นจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทางตื่นเต้น นี่เขาได้สาวฝรั่งเลยนะเนี่ย
อ๊าก
เขาโชคดีจริงๆที่เจอสาวฝรั่งแบบนี้
ชายหนุ่มมองสำรวจถนนทั้งสาย ร่างผู้หญิงคนนี้หุ่นดีที่สุด เธอใส่เสื้อตัวใหญ่ คอกว้าง แต่กลับได้เห็นเทือกเขาที่สูงตระหง่านขึ้นๆ ลงๆ ใส่กางเกงยีนส์รัดรูป ก้นกลมอย่างสวยงาม
พอรวมเข้ากับใบหน้าที่แสนสวย นี่มันเหยื่อชั้นเยี่ยมเลย
ชายหนุ่มคนนั้นตื่นเต้นดีใจ คิดว่าตัวเองดวงดีมาก ที่เจอเหยื่อชั้นดีแบบนี้
“คุณวางใจได้ ผมรู้ว่าโรงแรมอยู่ที่ไหนบ้าง เดี๋ยวผมพาคุณไป”ชายหนุ่มรับกระเป๋ามาถือไว้เอง ในใจคิดวางแผน ว่าจะพาเธอไปโรงแรมห้าดาว จะได้สนุกกันให้เต็มที่
ผู้หญิงสวยแบบนี้ เขาไม่ยอมพลาดโอกาสอยู่แล้ว เขาจะเรียกพวกเพื่อนของเขามาร่วมวงด้วย
“ขอบคุณมากนะคะ คุณเป็นคนดีจัง”หญิงสาวพูดออกไป ชายหนุ่มหัวเราะออกมา ในใจคิดว่า: “หึหึ ผมไม่ใช่แค่ดีตอนนี้นะ ตอนอยู่บนเตียงผมยิ่งดีกว่า คุณไม่ต้องขยับตัวอะไรเลยล่ะ”
ทั้งสองคนเดินไปพร้อมกันได้แค่ไม่กี่ก้าว หญิงสาวที่ผมยาวทักกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามบิน “สวัสดีครับ ฉันขอความช่วยเหลือหน่อยนะคะ”
ชายหนุ่มหยุดเดิน พอเห็นว่าหญิงสาวถูกเจ้าหน้าที่เรียกตัวไว้กะทันหัน จึงเริ่มงงงวย ไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร
หญิงสาวผมยาวคุยกับเจ้าหน้าที่แค่ไม่กี่คำ สีหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที เจ้าหน้าที่หันไปทางชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
ทันใดนั้นเอง สองข้างทางเดิน ถูกตำรวจล้อมไว้ ในมือจับปืนไวแน่น ปืนกระบอกสีดำตั้งการ์ดเหมือนกำลังจับคนร้าย
“วางอาวุธลงซะ แล้วยกมือยอมมอบตัว”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามบินเอ่ยปากพูด ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปจับชายหนุ่มคนนั้น
ชายหนุ่มคนนั้นสับสนมึนงงไปหมด ต้องมาโดนจับกุมตัวไว้
“ปืนอยู่ตรงเอวเขาค่ะ” หญิงสาวคนสวยพูดขึ้นมา พอพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบค้นตัวชายหนุ่ม ก่อนจะค้นเจอปืนหนึ่งกระบอก
ชายหนุ่มมองปืนกระบอกนั้นด้วยสีหน้ามึนงง
เขาจับปืนไม่เป็นด้วยซ้ำ แล้วปืนกระบอกนี้มาอยู่ที่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาไม่รู้สึกตัวเลย
ชายหนุ่มดิ้นรนต่อต้าน ก่อนจะตะโกนออกมา “ปืนนี่ไม่ใช่ของผมนะครับ ผมไม่เคยจับปืนเลยด้วยซ้ำ”
ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็มองไปทางหญิงสาว ก่อนจะเข้าใจทันที เขาถูกใส่ร้ายแล้วเรียบร้อย
“ปืนนี่เป็นของผู้หญิงคนนั้นนะครับ มันไม่ใช่ของผม”ชายหนุ่มตะโกนบอก สถานการณ์ในสนามบินเริ่มวุ่นวายกันใหญ่
หญิงสาวยกยิ้มบาง ก่อนจะหันหลัง แล้วเดินลากกระเป๋าออกไป