สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 86

ตอนที่ 86

บทที่ 86 ชวนคุย!!

เช้าตรู่ของวันถัดไป ในห้องนอนที่หรูหราฟุ้งเฟ้อห้องหนึ่งได้มีเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น หลีเช่าเทียนที่สวมใส่ชุดนอนระดับสูงไว้ก็ได้ลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องนอนออกแล้ว

“มีอะไร?” หัวคิ้วและสีหน้าของหลีเช่าเทียนได้มีความไม่พอใจเล็กน้อย

“คุณชายหลี เมื่อคืนโจวโจ้แห่งเชียนเย่ได้ไปลอบสังหารหลีชิงเยียนกับเฉินเป่ยคนนั้นแล้ว” ลูกน้องได้พูด

“หลังจากนั้นล่ะ?” สีหน้าของหลีเช่าเทียนมีความสงบเงียบ

“โจวโจ้แห่งเชียนเย่ได้ล้มเหลวแล้ว วันนี้ตอนเช้าได้พบศพของเขาอยู่ที่ข้างแม่น้ำใหญ่ที่หนึ่ง เป็นการเซ็ปปูกุ” ลูกน้องพูด

“การเซ็ปปูกุ……น่าสนใจ……” สีหน้าของคุณชายหลีได้มีความอืดอาดเชื่องช้าเล็กน้อย มุมปากก็ได้ยกโค้งขึ้น จนมีความลึกซึ้งอย่างเพียงพอ

“นักดาบคนแรกของประเทศหมู่เกาะ แท้ที่จริงแล้วคือมีเหตุผลอะไร คาดไม่ถึงว่าจะทำให้เขาตัดหน้าท้องจนเสียเลือดมากจนตายล่ะ……” หลีเช่าเทียนพูดพึมพำ ลูกตาดำก็ไม่หยุดที่จะมีนัยคลุมเครือแปลกๆ

“เกมส์ฉากนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งน่าสนใจแล้ว……” หลีเช่าเทียนพูดกับตัวเอง “เอ๋อตงเฉิน……คิดไม่ถึงว่าท้ายสุดนายจะให้ความประหลาดใจกับฉันได้มากเช่นนั้น”

“คุณชายหลี พวกเราควรทำยังไง?” ลูกน้องได้พูดถามด้วยความเคารพนับถือ

“ไม่ใช่ว่าถังเกอยังมีลูกสาวตัวน้อยคนหนึ่ง? ครั้งที่แล้วถูกพวกเขาแย่งเอาไปแล้วรอบหนึ่ง ครั้งนี้จะต้องง้างดึงกลับมา……” บนใบหน้ารูปหล่อของหลีเช่าเทียนได้เต็มไปด้วยความสงบเงียบ

“ได้ยินมาว่าปกติถังเกอรักและเอ็นดูลูกสาวตัวน้อยคนนี้อย่างยิ่ง ลูกสาวที่พ่อแม่รักอย่างสุดจิตสุดใจคนนี้ ปกติแล้วได้ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก เกรงว่าจะจัดการได้ยาก” ลูกน้องพูด

“ถังโหรวเป็นแก้วตาดวงใจที่สำคัญที่สุดของถังเกอ จัดการเธอก็เหมือนกับได้ควบคุมถังเกอไว้แล้ว” หลีเช่าเทียนพูด “เพียงแค่สามารถทำแรงกดดันให้ถังเกอได้ ก็แม้ว่าหลีชิงเยียนคนสารเลวคนนั้นจะแข็งแกร่งอีกแค่ไหน ก็ต้องส่งมอบอำนาจสิทธิประโยชน์ในการบุกเบิกท่าเรือกับสนามบินอย่างเชื่อฟัง”

“ไม่เพียงแต่เช่นนี้ ฉันยังมีโอกาสนำตระกูลถังมากุมอยู่ในฝ่ามือ ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว” หลีเช่าเทียนพูดอย่างจืดจาง ทันทีหลังจากนั้นก็ได้กำชับ “ไปหยิบเอาเสื้อผ้าของฉันเข้ามา ตรวจสอบถึงกิจกรรมการทำงานและการพักผ่อนโดยปกติของถังโหรวให้ชัดเจน”

“รอฉันจัดการกับบุตรสาวของตระกูลถังได้แล้ว บ้านหลียังนับว่าเป็นของอะไร ก็แม้ว่าจะได้รับหลีชิงเยียน ก็คือง่ายดังพลิกฝ่ามือ”

…………

เฉินเป่ยที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของผู้อำนวยการ ก็ได้จามติดต่อกันกี่ครั้งแล้วโดยฉับพลัน

“แม่งเอ้ย ไอเหี้ยลูกวัวตัวไหนกำลังสาปแช่งฉัน” เฉินเป่ยแอบด่าอยู่ภายในใจ ด้วยความเข้มแข็งองอาจของเนื้อแท้ร่างกายของเขาอะไร คาดไม่ถึงว่ายังจะจาม คาดคิดไม่ถึงเกินไปแล้ว

“ไสหัวออกไป อย่ารบกวนการทำงานของฉัน!” หลีชิงเยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน และได้เงยลูกตาดำที่สวยงามขึ้น จากนั้นก็ได้แสร้งโกรธพูดตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

ตั้งแต่หลังจากที่หลีชิงเยียนได้เห็นถึงฉากนั้นของเฉินเป่ยกับถังโหรวที่มีความคลุมเครือเป็นอย่างมาก จากนั้นลักษณะท่าทีต่อเฉินเป่ยก็ได้เปลี่ยนไปจนแย่อย่างที่สุด ลักษณะท่าทางแสดงอำนาจบาตรใหญ่รังแกคน เดิมทีก็ไม่มองเฉินเป่ยเป็นเหมือนคน!

เฉินเป่ยที่ได้รู้สึกเสียใจและหดหู่คนนั้นนี่……แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ใครให้หลีชิงเยียนเป็นเมียของตัวเองล่ะ……

ทำได้เพียง ตีก็ไม่สวนมือ ด่าก็ไม่สวนปาก มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มน่าคบหาสมาคมมาโดยตลอด ถึงได้ทำให้สีหน้าของหลีชิงเยียนมีความผ่อนคลายนิดหน่อยแล้ว

“ประธานหลี ตรงด้านนอกไม่มีที่นั่งนี่” เฉินเป่ยพูดยิ้มเยาะ และได้ตัดสินใจที่จะหาเหตุผลหนึ่งตลอดเพื่อที่จะหน้าด้านอยู่ที่นี่ไม่ไปแล้ว

“ไม่มีที่?” หลีชิงเยียนได้หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ดูเหมือนว่าจะคาดการณ์ได้ตั้งนานแล้วว่าเฉินเป่ยจะพูดเช่นนี้

ภายในใจของเฉินเป่ยได้เต้นอย่างฉับพลัน มีความรู้สึกประเภทที่ไม่สงบอย่างเบาบาง……

หลีชิงเยียนยื่นมือที่เล็กและเรียวยาวที่นุ่มนวลงดงามออกมา จากนั้นก็ได้หยิบโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมา ไม่ช้าก็ได้พูดกับในโทรศัพท์ “ย้ายเก้าอี้เข้ามาตัวหนึ่ง วางตรงหน้าประตูห้องทำงานของฉัน”

สีหน้าของเฉินเป่ยแข็งทื่อไม่ขยับ ได้แข็งตัวแล้วไปชั่วขณะ!

ช่วงเวลาหลังจากนั้น เฉินเป่ยถึงได้หัวเราะหน้าเหวอ จากนั้นพูด “ชิงเยียน แบบนี้เกรงว่าจะไม่ค่อยดีมั้ง? เธอไม่ใช่ว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของฉันกับเธองั้นเหรอ?”

ลูกตาดำที่งดงามของหลีชิงเยียนได้ถลึงตาใส่เฉินเป่ยไปทีหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็ได้พูดด้วยความเยือกเย็น “นายยังมีหน้าพูด? ตอนนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปกี่คนที่ไม่รู้? ทุกวันก็วิ่งมาที่ฉันที่นี่ ยังต้องการจะปิดบังอีก?”

“เอ่อ……” เฉินเป่ยเงียบงันพูดไม่ออก หลังจากนั้นกี่นาที พนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งก็ได้ถือเก้าอื้ตัวหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว

“วางตรงหน้าประตูก็พอ” หลีชิงเยียนได้พูดกำชับ

“ชิงเยียน……อย่าเถอะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามฉันก็คือสามีของเธอ ทำเช่นนี้ ก็เป็นการขายหน้าต่อเธอนะ……” เฉินเป่ยมีความพะอืดพะอมกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่กลุ่มหนึ่ง หลีชิงเยียนพูดได้ทำได้ คาดไม่ถึงว่าจะให้เขานั่งอยู่ตรงประตูจริงๆ และได้อดกลั้นทนรับต่อสายตาแต่ละคู่ที่ได้เพ่งมองดู!

“นายยังรู้จักไว้หน้าให้กับฉัน?” หลีชิงเยียนได้ส่งเสียงไม่พอใจออกมาด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็ได้พูดอย่างเย็นชา “นายออกไปด้วยตัวเองหรือว่าให้ฉันตะโกนเรียกคนเชิญนายออกไป?”

…………

หลังจากนั้นห้านาที ตรงประตูห้องทำงานของผู้อำนวยการได้มีเก้าอี้เพิ่มมากขึ้นตัวหนึ่งแล้ว เฉินเป่ยนั่งอยู่ด้านข้างประตู ภายในใจนั่นเรียกว่ารู้สึกเสียใจและหดหู่เลยนะ

เขานี้ถึงได้เข้าใจเจตนาของหลีชิงเยียนแล้ว……หลีชิงเยียนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าคือต้องการให้เขาเหมือนกับหมาเฝ้าประตูที่เฝ้ารักษาอยู่ตรงประตู……ความพิเศษนี้คือการแก้แค้นตอบโต้อย่างโจ่งแจ้ง!

ผู้คนที่ขวักไขว่ไปมามากมายตรงประตูห้องทำงานของผู้อำนวยการ พนักงานงานบริษัทจำนวนไม่น้อยก็ได้พากันทยอยตระหนักถึงเฉินเป่ยที่ได้นั่งไว้อยู่ตรงประตูห้องทำงานของผู้อำนวยการแล้ว จากนั้นก็ได้พากันทยอยจับผิดนินทาแอบดูพูดคุยซุบซิบอยู่ห่างๆ

ตำแหน่งนี้ของเฉินเป่ย ช่างเหมือนกับหมาเฝ้าประตูมากจริงๆ

เฉินเป่ยได้นั่งไปครู่หนึ่งแล้ว ก็อดกลั้นทนรับต่อรอยยิ้มที่เหยียดหยามที่แขวนอยู่บนใยหน้าของพนักงานพวกนั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็อยู่ในเวลานี้ที่โทรศัพท์ของเฉินเป่ยได้ดังขึ้น

เฉินเป่ยรับสาย โทรศัพท์สายนั้นได้มีเสียงที่มีลักษณะที่เป็นแม่เหล็กเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์มนต์ขลังหนึ่งดังขึ้นแล้ว “ทำไมไม่วางสายโทรศัพท์ของฉันแล้ว?”

“มีอะไร?” มุมปากของเฉินเป่ยได้ยกขึ้น โทรศัพท์สายนั้นไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นถังโหรว

“แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครที่กล้าวางโทรศัพท์ฉัน นายคือคนแรก” ถังโหรวพูดอย่างมีความหมายแฝงบางประการ

“ใช่เหรอ ถ้าเช่นนั้นได้เป็นคนแรกของเธอก็โชคดีจริงๆ” เฉินเป่ยได้ส่งเสียงหัวเราะแหะๆ “ฉันเป็นคนแรกของเธอกี่ครั้งแล้ว?”

“นายอยู่ที่ไหน?” ถังโหรวพูดถาม

“อยู่บริษัท” เฉินเป่ยเปิดปาก

“ออกมาดื่มสักแก้ว?”

“ได้” เฉินเป่ยได้พูดตอบรับ เขาเพิ่งจะคิดออกจากที่นี่ ถังโหรวก็โทรศัพท์เข้ามาให้โอกาสครั้งนี้กับเขา

“คลับ Yalo ไม่เจอไม่จาก”

หลังจากที่เฉินเป่ยวางสายโทรศัพท์ ก็ได้โล่งใจไปแล้วฟอดหนึ่ง และได้รีบก้าวเดินไปทางประตูลิฟต์ของอาคารตระกูลหลี

ช่วงเวลานี้ เลขาหลินเฉว่ก็ได้ผลักประตูและเข้ามา และได้พูดถามไปทางหลีชิงเยียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานกำลังทำงานยุ่ง

“ประธานหลี เฉินเป่ยไปรับลูกค้าแล้วเหรอ? ทำไมถึงขี่รถจักรยานไป?”

“รับลูกค้า?” คิ้วสีดำของหลีชิงเยียนได้ขมวดขึ้น “ไม่มีนะ ฉันไม่ได้มอบภาระหน้าที่ให้กับเขา เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไร เมื่อกี้ฉันเห็นถึงเฉินเป่ยขี่รถจักรยานออกไปจากอาคารตระกูลหลี ฉันคิดว่าเป็นคุณที่ได้มอบหน้าที่ให้กับเขา” หลินเฉว่พูด

เวลานี้หลีชิงเยียนได้คิดพิจารณา จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นอย่างพรวดพราด เดินเข้าไปใกล้ตรงหน้าต่าง ประจวบกับได้มองเฉินเป่ยที่ขี่รถจักรยานไว้อย่างพอดี และได้ขี่โยกไปโยกมาออกไปทางด้านบนถนนที่อยู่ระยะไกลออกไป

“น่ารังเกียจหน้าด้านไร้ยางอาย!” ใบหน้าที่สวยงามของหลีชิงเยียนได้เหมือนกับเกล็ดน้ำแข็งที่เยือกเย็น จากนั้นก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่มีความลังเลเลยสักนิด ไม่มีคำอธิบายใดๆ…..ปิดกั้น!

…………

รถจักรยานได้หยุดอยู่ที่ข้างถนน หลังจากที่เฉินเป่ยเดินเข้าไปในคลับบาร์ ก็ได้หาถังโหรวที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์เจอแล้วอย่างรวดเร็ว

วันนี้ถังโหรวสวมใส่ได้ยิ่งร้อนแผดเผา เสียงหนึ่งที่ปรากฏให้เห็นชุดเกาะอก ไหล่กว้างที่ขาวราวกับหยกหิมะได้เปิดออกมา ด้านหนังที่ขาวสะอาดเรียบเนียน ทำให้คนคอแห้งมากเกินไป อดที่จะเตรียมพร้อมที่จะลงมือบุกไว้ไม่ไหว

สายตาทั้งหมดของเฉินเป่ยได้กวาดมองคล้อยตามไปทางความเว้านูนที่มีเสน่ห์น่าสนใจในรูปร่างถังโหรวไว้ ขายาวๆเล็กๆบางๆคู่หนึ่งได้บินฉวัดเฉวียนกวัดแกว่งยั่วยวนคนอยู่ภายใต้กระโปรงสั้น ทำให้สายตาของคนจำนวนไม่น้อยรอบด้านก็ล้วนมองตรงแล้ว

“เรียกฉันมาทำไม?” หลังจากที่เฉินเป่ยนั่งลงก็ได้พูดถาม

ถังโหรวกวาดมองเฉินเป่ยทีหนึ่ง “นายน่าสนใจมาก แน่นอนว่าคือดื่มเหล้าสิ ยังสามารถทำอะไรได้?”

“ฉันยังคิดว่าเธอต้องการทำเรื่องราวที่คุณชอมทำ” เฉินเป่ยได้จ้องมองผมลอนไว้ด้วยความคิดใคร่ครวญ ความเซ็กซี่อรชรอ้อนแอ้นของรูปร่างที่สวยงามนั้น

“ฉันกลัวว่านายจะมีจิตใจชั่วร้าย ได้แค่พูดแต่ไม่กล้าได้ทำจริง” ถังโหรวได้ควานหาบุหรี่สำหรับผู้หญิงแท่งหนึ่งออกมา จากนั้นก็ได้สูบไปแล้วคำหนึ่ง และได้หันไปทางใบหน้าของเฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมาช้าๆ

“ดื่มเหล้าอะไร?” ถังโหรวพูดถาม

“บลัดดี้ แมรี่แก้วหนึ่ง” เฉินเป่ยพูดลวกๆ

ถังโหรวได้มองเฉินเป่ยมากขึ้น “ฉันคิดว่านายไม่มีความรู้ต่อเหล้าแม้แต่น้อย”

เฉินเป่ยได้อมยิ้ม “รู้นิดหน่อย”

ที่ไม่ไกลออกไป มีคนที่เอ้อระเหยไปวันๆหลายคนที่ได้ย้อมสีผมสีสันต่างๆ กำลังล้อมโต๊ะตัวหนึ่งไว้ และได้สนุกสนานสุดเหวี่ยงอย่างไม่หยุด บนโต๊ะน้ำชาก็ได้วางเหล้าลังหนึ่งก็อีกลังหนึ่งที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยไว้

“ชน!” คนเอ้อระเหยหลายคนได้คว้าขวดเหล้าไว้ จากนั้นก็ได้ตะโกนเสียงดังด้วยความคึกคัก และได้เอาปากจุกขวดไปตรงๆ จากนั้นก็ได้รินน้ำอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด!

ในคลับบาร์ได้เปิดเสียงจากซอฟต์แวร์เพลงความบันเทิงไว้ หลังจากที่ดื่มจนเมาแล้วบนใบหน้าของพวกเอ้อระเหยไปวันๆได้มีสีหน้าที่คึกคักแดงขึ้นลอยปรากฏออกมา และหัวก็ได้ส่ายคล้อยไปตามเสียงเพลงความบันเทิงอย่างบ้าคลั่ง!

ทันใดนั้น สายตาของคนเอ้อระเหยไปวันๆคนหนึ่งก็ได้หยุดอยู่ที่บนตัวของถังโหรว และได้เรียกตะโกนเสียงดังด้วยความคึกคัก “รีบดูสาวคนนั้น!”

สายตาแต่ละคู่ก็ได้ชำเลืองมองไปทางถังโหรว ตอนที่เห็นถึงรูปร่างที่ร้อนแรงแผดเผาที่สุดนั้นของถังโหรว กับตอนที่ได้เอียงหน้าที่อ่อนช้อยสวยงามน่ารัก ในชั่วพริบตาก็ทำให้พวกเอ้อระเหยไปวันๆพวกนั้นได้ยิ่งคึกคักดีใจมากขึ้นแล้ว!

“เชรด! สาวที่สวยมาก!”

“แม่งเอ้ย ที่ใส่ทั้งหมดเช่นนั้น ขานี้……เล่นไปสิบปีก็ไม่เบื่อเลยนะ!”

“สาวสวยคนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะถูกหมูตัวอื่นโอบล้อมแล้ว……ฉันไม่ยอมนะ!”

พวกเอ้อระเหยไปวันๆพวกนี้ก็ใกล้ที่จะเดือดพล่านแล้ว ใบหน้าร้อนจัด สายตาได้จ้องมองถังโหรวไว้อย่างโจ่งแจ้ง ก็แทบจะทะลุเสื้อผ้าที่บางเหมือนกับปีกของจักจั่นนั้นไป มองไปทางยอดของเทือกเขานั้นแล้ว!

“แม่งเอ้ย พี่ใหญ่ มองอย่างเดียวมีประโยชน์อะไร รีบไปแย่งสาวคนนั้นเข้ามาสิ!” คนเอ้อระเหยไปวันๆคนหนึ่งที่ได้เมาแล้วได้พูดตะโกนเสียงดัง

“ไป!” คนเอ้อระเหยไปวันๆที่มีขนสีทองหนึ่งในนั้น ได้พาคนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาจากบนโซฟาอย่างฉับพลัน จากนั้นก็ได้เดินโซซัดโซเซไปทางเฉินเป่ย!

กลุ่มคนเอ้อระเหยไปวันๆกลุ่มหนึ่ง ผ่านไปไม่นานก็ได้เดินไปถึงด้านข้างของถังโหรวแล้ว สายตาของคนหลายคนนี้ก็ได้จ้องถังโหรวไว้อย่างโจ่งแจ้ง สีหน้าที่มีความเฉื่อยชาปัญญาอ่อน กลิ่นเหล้าทั่วตัวตลบไปทั่วทุกสารทิศ

“คนสวย ดื่ม……ด้วยกันสักแก้วไหม?” ผมทองได้หัวเราะโง่ๆเหอะๆ

“ฉันไม่ดื่ม” ถังโหรวกวาดตามองผมทองไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ได้ปฏิเสธไปอย่างจืดจาง

และคนเอ้อระเหยไปวันๆหลายคนนี้ เมื่อเห็นถังโหรวปฏิเสธแล้วก็ได้มีท่าทางที่ไม่ได้จะจากไปเลยแม้แต่น้อย สายตาได้สังเกตรูปร่างที่สวยงามของถังโหรวไว้ตามอำเภอใจตั้งแต่บนลงล่าง สายตาที่กำเริบเสิบสาน น้ำลายก็ใกล้จะไหลออกมาแล้ว

“สาวสวย……เธอชื่ออะไรล่ะ?” ผมทองไปส่ายหัวไปมา ทำให้ตัวเองสร่างเมาสักหน่อย จากนั้นก็ได้พูดถามด้วยความยึดติด

“ขอโทษ ฉันไม่ต้องการจะบอก” หัวคิ้วของถังโหรวได้ขมวดขึ้นอยู่ในคลับบาร์มักจะได้พบกับเรื่องราวประเภทนี้

ผู้หญิงที่เปิดกว้างมากเหมือนกับถังโหรวประเภทนี้ ก็จะมีคนที่มีความคิดที่ซ่อนอยู่มาชวนคุยมากมายอย่างเป็นธรรมดา

“สาวสวย ถ้าเช่นนั้นขอวิธีการติดต่อก็ได้เนาะ” ทันใดนั้น ผมทองคนนั้นก็ได้ยื่นมือพราดพราด ยื่นหันออกไปยังไหล่ของถังโหรว!

“เผียะ!” ข้อมือของผมทองได้ถูกจับไว้อย่างไม่ได้นึกมาก่อน เฉินเป่ยได้เปิดปากอย่างเฉยเมย “เธอคือเพื่อนของฉัน หม้อหญิงโปรดแยกแยะ”

“เย็ดแมร่ง! นายเป็นใครล่ะ! รู้ว่าพี่ใหญ่ของพวกเราคือใครไหม ยังไม่รีบไสหัวออกไป!” คนเอ้อระเหยไปวันๆหลายคนที่ด้านหนึ่งก็ได้ตะโกนตวาดด้วยความโกรธ

“ไสหัวออกไป?” เฉินเป่ยได้ชะงักงัน ทันทีหลังจากนั้นลูกตาดำที่ลึกซึ้งก็ได้ปรากฏถึงรอยยิ้มหนึ่งออกมา

วินาทีถัดไป เฉินเป่ยก็ได้ใช้เท้าหนึ่งยิงถล่มออกไปโดยฉับพลัน ถีบไปอยู่บนท้องน้อยของคนผมทองอย่างโหดเหี้ยมแล้ว และได้เอาเขาทั้งคนถีบจนบินออกไปตรงๆ กระทุ้งไปอยู่บนกำแพง ขุดก็ล้วนขุดไม่ลงมา!

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท