ตอนที่96 สับเปลี่ยนเรื่องราว
หลินตู้หัวหันกลับมาดู พอเห็นมามีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาในห้องเงียบๆ ก่อนจะเดินมาบั่งลงบนโต๊ะทำงาน แล้วจุดบุหรี่สูบอย่างสบายอารมณ์
ชายหนุ่มคนนั้นพ่นควันบุหรี่ออกมา ก่อนจะมองไปทางหลินตู้หัวด้วยแววตาคมเข้ม
“นายเป็นใคร ใครอยู่ข้างนอกบ้าง รีบมาไล่คนที่ไม่รู้มารยาทคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้” หลินตู้หัวลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนสั่ง
“คุณคิดว่าลูกน้องที่ไม่ได้เรื่องของคุณพวกนั้นจะตอบคุณได้อีกเหรอ”เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วยิ้มบาง
“นายเป็นใคร นายทำอะไรกับพวกเขา” หลินตู้หัวถามด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
“พวกเขาง่วงนอน ผมก็เลยทำให้พวกเขานอนหลับไปสักพัก” เฉินเป่ยพูดเสียงเรียบ
“นายเข้ามาตั้งเเต่ตอนไหน แล้วนายเป็นใคร” หลินตู้หัวโบกมือไล่เลขาออกจากห้อง แล้วปิดประตูลง
เฉินเป่ยยิ้มย่อง ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามหลินตู้หัว แล้วจ้องมองหลินตู้หัวอย่างหยอกล้อ สายตาลึกล้ำอย่างเข้าใจยาก“ประธานหลิน คุณนี่ขี้ลืมจริงๆเลยนะ เพิ่งจะลงข่าวเล่นงานพวกผมสองสามีภรรยาเสร็จ แต่ตอนนี้กลับลืมผมไปซะได้”
“นายนี่เอง” หลินตู้หัวรู้สึกว่าเฉินเป่ยคุ้นหน้ามาก พอมาสังเกตดูดีๆ ถึงได้นึกขึ้นได้
“ความสัมพันธ์แบบไม่ชัดเจนของนายกับประธานหลีไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงมีเวลามาที่นี่ได้ล่ะ”หลังจากที่รู้ฐานะของเฉินเป่ยแล้ว หลินตู้หัวก็สบายใจขึ้น ก่อนจะยิ้มเยาะเย้ย ที่แท้ก็เป็นคนที่หลีชิงเยียนส่งมานี่เอง
“ผมกับประธานหลีรู้สึกคัดค้านกับข่าวที่คุณปล่อยออกไป ก็เลยอยากมาคุยกับคุณสักหน่อย เพื่อที่คุณจะได้แก้ข่าวให้ถูก”เฉินเป่ยพูดสีหน้านิ่ง
“ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว” หลินตู้หัวยิ้มเยาะ ก่อนจะโบกมือไล่ “กลับไปบอกคุณหลีเถอะ ว่าข่าวนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่ใช่ข่าวที่แต่งขึ้นมาเอง ไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไรทั้งนั้น”
แววตาของเฉินเป่ยหรี่ตาลง “ประธานหลินปฏิเสธเร็วขนาดนี้หรือ ไม่ลองคิดทบทวนสักหน่อยเหรอครับ”
“คิดทบทวนอะไร เรื่องของคุณกับคุณหนูหลีทีมนักข่าวของสำนักพิมพ์เราเก็บรวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว ก่อนหน้านี้ผมก็งวลถึงชื่อเสียงของคุณหลีเลยไม่เผยแพร่ออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกผมจะไม่หาเงิน” หลินตู้หัวพูดเสียงเรียบ “ผมเป็นนักธุรกิจ ใครให้เงินเยอะกว่าผมก็ทำงานให้คนนั้น”
“เข้าใจแล้ว ดูท่าข้อเสนอที่คุณชายหลีให้คุณจะดีมากเลยสินะ”เฉินเป่ยเข้าใจทันที
“ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนเงินเท่านั้นนะ สิ่งสำคัญคือเขาเป็นคุณชายรองตระกูลหลีแห่งเยี่ยนจิง ฉันไม่ช่วยเขา แล้วยังกล้ามีปัญหากับเขาหรือไง” หลินตู้หัวยิ้มแล้วถามกลับ
“ถ้าคุณลบข่าวนี้ทิัง ผมจะให้ราคามากกว่าที่คุณชายหลีให้คุณสองเท่า”เฉินเป่ยพูดเสียงเรียบ
“ราคาไม่ใช่ปัญหา เพียงแค่ว่านายไม่ใช่คุณชายหลี” หลินตู้หัวโบกมือไล่อย่างหมดความอดทน “นายออกไปเถอะ ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
เฉินเป่นย่นคิ้ว แววตาเริ่มแข็งกร้าว “ประธานหลิน ข้อเสนอต่างๆเราเจรจากันได้ ผมขอเตือนคุณไว้เลย… ทางที่ดีคุณอย่าปฏิเสธข้อเสนอผมจะดีกว่า”
หลินตู้หัวมองหน้าเฉินเป่ยนิ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “นายคิดว่านายเป็นใคร คิดว่าตัวเองเป็นคุณชายหลีหรือไง อย่าเล่นละคร รีบกลับไปซะ ถ้ายังไม่ยอมกลับไปฉันจะปล่อยข่าวพวกนั้นของพวกนายออกไปให้ทุกคนที่อยู่หัวเซี่ยได้รู้หมด”
หลินตู้หัวไม่เห็นเฉินเป่ยอยู่ในสายตา ถึงแม้เฉินเป่ยจะให้ข้อเสนอที่ดีแค่ไหน แต่ในสายตาของหลินตู้หัว ฐานะของเขาเทียบกับคุณชายหลีไม่ได้เลย แล้วทำไมเขาจะต้องผูกสัมพันธ์กับคนแบบนี้ด้วย
ในสายตาของหลินตู้หัว เขาก็เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งของหลีชิงเยียน และแน่นอนว่าหลินตู้หัวไม่ฟังคำพูดของสุนัขด้วย
หลินตู้หัวเริ่มหมดความอดทน จนในที่สุด เฉินเป่ยก็ส่งสายตาเย็นชาให้ “สุราคำนับมิยอมดื่ม ต้องดื่มสุราทัณฑ์ประธานหลิน นี่เป็นเส้นทางที่คุณเลือกเองนะ”
“เหอะ ยังจะเล่นละครอะไรอีก… ฉันเลือกเองแล้วจะยังไง นายจะทำอะไรฉันได้” หลินตู้หัวยืนกอดอก “อย่างนายจะเทียบอะไรกับคุณชายหลีได้ ทำไมฉันจะต้องฟังที่นายพูดด้วย”
“ผมไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่คุณว่านั่นแหละ แต่อีกหนึ่งนาทีหลังจากนี้คุณจะต้องเสียใจ”เฉินเป่ยนั่งนิ่ง แววตาสนุกสนาน
หลินตู้หัวถูกคำพูดของเฉินเป่ยปลุกอารมณ์โมโหขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้น “ได้ ฉันจะรอดู ว่าหลังจากนี้หนึ่งนาที ฉันหรือนายที่จะเสียใจกันแน่”
“ฉันจะบอกไว้เลย ว่าในมือของฉันมีข้อมูลของนายกีบหลีชิงเยียนเยอะมาก แค่ปล่อยข่าวใดข่าวหนึ่งออกไปก็สามารถทำให้พวกนายโดนด่าจนอยู่ไม่ได้แล้ว คิดจะสู้กับฉัน” หลินตู้หัวหยิบแฟลชไดรฟ์ออกมาจากลิ้นชัก แล้วมองเฉินเป่ยอย่างได้ใจ ก่อนจะพูด “พวกนายถูกทีมนักข่าวของฉันแอบถ่ายไว้ทั้งหมด ฉันขอเตือนให้นายคุกเข่าขอโทษฉันเดี๋ยวนี้… ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำลายชื่อเสียงของหลีชิงเยียนให้ย่อยยับเดี๋ยวนี้เลย”
หลินตู้หัวพูดอย่างโอ้อวด เขามั่นใจในตัวเองมาก ว่าข้อมูลในแฟลชไดรฟ์ของเขาสามารถทำให้เฉินเป่ยกับหลีชิงเยียนอยู่ในเมืองหู้ไห่ไม่ได้อีกต่อไป
เฉินเป่ยก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์ออกมา ส่งข้อความออกไป ก่อนจะจ้องหน้าหลินตู้หัวอย่างสบายอารมณ์
“สิบ เก้า แปด…”เฉินเป่ยเริ่มนับย้อนหลัง ส่วนหลินตู้หัวก็เริ่มสีหน้าดุกร้าว
เฉินเป่ย ช่างไม่กลัวตายเสียจริงๆ
“ได้ นายอยากหาที่ตายเองนะ” หลินตู้หัวยิ้มเยาะ หยิบแฟลชไดรฟ์ขึ้นมา กำลังเตรียมจะเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานก็ดังขึ้นมาซะก่อน
พอหลินตู้หัวรับโทรศัพท์ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ไม่ เป็นไปไม่ได้” หลินตู้หัวส่ายหน้าไปมา ท่าทางของเขาดูตกใจ ไม่อยากจะเชื่อและสับสนใจผสมปนเปกันไปหมด
หลินตู้หัวสั่นไปทั้งตัว เพราะตกใจกับข่าวที่เขาได้ยินมาก เทียบเท่ากับตอนที่ได้รับข่าวบริษัทที่เจริญรุ่งเรืองอย่างสุดขีดเสมือนดวงตะวันอยู่กลางฟ้าแล้วประกาศล้มละลายอย่างกะทันหันก็ว่าได้
หลินตู้หัวสั่นไปทั้งตัว แววตาเหม่อลอยมองไปบนฟ้า
หลังจากวางสายไป หลินตู้หัวก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง สองเท้าอ่อนแรง สีหน้ามึนงงไม่อยากจะเชื่อ
“เป็นยังไงบ้าง หลินตู้หัว เสียใจไหม”เฉินเป่ยยังคงนั่งนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“นายทำได้ยังไงกัน… บริษัทของผม มีขนาดใหญ่มาก คุณซื้อได้ยังไงกัน”หลินตู้หัวมองหน้าเฉินเป่ยอย่างเคียดแค้น สองมือกำหมัดแน่น โมโหจนถึงขีดสุด
“บริษัทของคุณ ก็แค่ใหญ่ที่สุดในเมืองหู้ไห่เท่านั้นเอง”เฉินเป่ยเอ่ยพูด “ผมจะบอกคุณไว้ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน”
“นาย…”สีหน้าของหลินตู้หัวเสียมาก เขายังรับไม่ได้ ว่าสายที่โทรเข้ามา จะเป็นสายที่โทรมาแจ้งว่า บริษัทสื่อมวลชนของเขา ถูกซื้อไปแล้ว
เรื่องทั้งหมดนี้ มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว จนเขาไม่อยากจะเชื่อ
เรื่องที่แม้แต่ฝันยังไม่คิดว่าจะเจอ กลับเกิดขึ้นในความเป็นจริง
“ฉันไม่เชื่อ… นายมันก็แค่แมงดาคนหนึ่ง ถึงจะเป็นหลีชิงเยียน ก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะซื้อบริษัทฉันได้”ไม่ว่าหลินตู้หัวจะอาละวาดมากแค่ไหน เฉินเป่ยก็ยังนั่งนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
หลินตู้หัวไม่ยากยอมรับ เขาไม่ยากจะเชื่อเลย ผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไงกัน ที่เฉินเป่ยบอกว่าเขาจะเสียใจ คือความหมายนี้อย่างนั้นเหรอ
“ตอนนี้ผมขอการเลิกจ้างอย่างเป็นทางการโดยใช้อำนาจหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทและในสถานะประธาน ”เฉินเป่ยพูดเสียงเรียบ
“ไม่ได้นะ… นายทำอย่างนั้นไม่ได้นะ” หลินตู้หัวสองขาอ่อนแรง เขารู้สึกเสียใจแล้วจริงๆ เสียใจที่ไม่ยอมรับข้อเสนอจำนวนเงินสองเท่าที่เฉินเป่ยเสนอมา ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น… ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรแล้ว
“ออกไปซะ”เฉินเป่ยพูด ก่อนจะจ้องมองด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“ไม่สิ ฉันยังมีมันอยู่นี่นา ยังมีมันอยู่” หลินตู้หัวเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขารีบพลิกหาของบนโต๊ะทำงานอย่างบ้าคลั่ง
“กำลังหาสิ่งนี้อยู่หรือเปล่า”เฉินเป่ยถาม ก่อนจะโบกแฟลชไดรฟ์ในมือไปมา
หลินตู้หัวมองตาม เฉินเป่ยยิ้ม “ขอโทษด้วย ความหวังสุดท้ายของคุณ คงจะไม่มีเหลือแล้ว”
เฉินเป่ยพูดจบก็ใช้แรงมือขวาบีบ จนแฟลชไดรฟ์ในมือของเฉินเป่ยแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ปึง”
หลินตู้หัวทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง สีหน้าซีดเผือดหมดหวัง
เฉินเป่ยแบมือออก เห็นแค่เศษแฟลชไดรฟ์ที่แตกละเอียดอยู่ในมือของเขา และร่วงลงบนพื้นห้อง
“คุณจะใช้อะไรมาเป็นข้อต่อรองกับผมได้อีก”เฉินเป่ยพูดก่อนจะใช้สายตาเรียบนิ่งมองไปทางหลินตู้หัวอย่างเยาะเย้ย
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินเป่ยแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่แค่พริบตาเดียว บริษัทที่เขาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง กลับตกอยู่ในมือของคนอื่น
นี่มันแทงใจมากจริงๆ หลินตู้หัวจินตนาการไม่ออกเลย ว่าเฉินเป่ยมีเงินมากแค่ไหน ถึงได้ซื้อบริษัทหนึ่งได้ง่ายๆแบบนี้
“ท่านประธานครับ ผมผิดไปแล้ว ผมขอร้อง ให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ” หลินตู้หัวตัดสินใจอย่างลำบาก เขาจ้องมองไปที่เฉินเป่ย ก่อนจะพูดออกมาทีละคำ “ท่านประธานครับ ถึงจะให้ผมทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดผมก็ยอม นี่เป็นบริษัทที่ผมสร้างขึ้นมากับมือ ผมทำใจจากไปไม่ได้จริงๆ”
เฉินเป่ยนั่งนิ่ง ไม่มีท่าทางใดๆ
หลินตู้หัวกัดฟันทน ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วทำเรื่องที่เฉินเป่ยคาดไม่ถึงออกมา
“ปึก”
หลินตู้หัวคุกเข่าลงกับพื้น แล้วก้มคำนับ
“ท่านประธานครับ เป็นผมเองที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้ามีปัญหากับคุณ” ร่างกายของหลินตู้หัวสั่นเทา พูดขอโทษอย่างจริงจังและจริงใจ
เฉินเป่ยมองไปทางหลินตู้หัวอย่างแปลกใจ แววตาของเขานิ่งและคมกริบ
ศีรษะของหลินตู้หัวยังคงก้มคำนับอยู่บนพื้น เสียงศีรษะกระทบพื้นดังเข้ามาในหูของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยนิ่งคิด บริษัทนี้ เขาซื้อมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่จะให้เขามาบริหารเอง เขาไม่มีเวลาว่างถึงขนาดนั้น
งานบ้านในแต่ละวันก็แทบจะทำไม่ทันอยู่แล้ว จะมีเวลาที่ไหนมาสนใจเรื่องพวกนี้ล่ะ
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินเป่ยจะเอ่ยปากพูด “ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง เอารูปภาพกับวิดีโอนี้ปล่อยข่าวออกไปให้ทั่ว ผมต้องการให้รูปภาพกับวิดีโอนี้กลายเป็นข่าวดังอันดับหนึ่งของตอนนี้”เฉินเป่ยวางแฟลชไดรฟ์ไว้บนโต๊ะ รอจนหลินตู้หัวลุกขึ้นมา เฉินเป่ยก็เดินออกจากห้องทำงานไปแล้ว
“ส่วนบริษัทนี้ ขอดูผลงานของคุณก่อน แล้วค่อยว่ากัน”ตรงทางเดินหน้าห้อง มีเสียงพูดดังเข้ามา ทำให้หลินตู้หัวใจสั่น
หลินตู้หัวกลับมานั่งที่เก้าอี้ หลังจากสูดหายใจเข้าลึก เขาก็เสียบแฟลชไดรฟ์ที่เฉินเป่ยให้มาเข้าคอมพิวเตอร์ แล้วกดเปิดไฟล์ข้อมูล
รูปภาพกับวิดีโอเด้งขึ้นมา หลินตู้หัวเห็นแล้วก็มีสีหน้าตกใจทันที
หลินตู้หัวรู้ถึงจุดประสงค์ของเฉินเป่ยทันที เขาตกใจกับความคิดนี้ของเฉินเป่ยมาก
ไม้ตายสับเปลี่ยนเรื่องราวแบบนี้ เขาตั้งใจจะตอกกลับอีกฝ่ายสินะ
มือที่กำลังจับเมาส์ไว้สั่นเล็กน้อย เขาไม่อยากจะคิดเลย ถ้ารูปกับวิดีโอพวกนี้ถูกปล่อยออกไป คงจะไม่ได้มีแค่เมืองหู้ไห่เท่านั้น แม้แต่เยี่ยนจิงเองก็คงจะได้รับผลกระทบไปด้วยแน่นอน