ตอนที่99 หลีเช่าหง
หลีชิงเยียนใจสั่น รู้สึกขนลุกซู่
เฉินเป่ยกุมมือเธอไว้ ทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้น
หลีชิงเยียนไม่เคยยอมให้ผู้ชายจับมือของเธอมาก่อนเลย จึงไม่ค่อยคุ้นชินกับการกระทำแบบนี้ และค่อนข้างต่อต้าน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ครั้งนี้หลีชิงเยียนกลับทนได้ อีกทั้งยังปล่อยให้เฉินเป่ยกุมมือเธอไปหยุดตรงโต๊ะหนึ่งในร้าน
ด้วยความที่เป็นร้านเล็กๆข้างถนน โต๊ะเก้าอี้จึงเป็นแบบพลาสติก ที่นั่งได้พอดี
“นั่งเถอะครับ”เฉินเป่ยชี้ไปที่เก้าอี้พลาสติก
หลีชิงเยียนมองบรรยากาศรอบด้าน ที่เต็มไปด้วยควัน สกปรก บรรยากาศก็แย่มาก
โต๊ะตรงหน้าเธอ ดูเหมือนจะไม่ค่อยสะอาดด้วย
สภาพแวดล้อมแบบนี้ จะให้กินข้าวอย่างวางใจได้ยังไงกัน
หลีชิงเยียนสงสัยมาก ส่วนเฉินเป่ย ดูเหมือนจะดูออกว่าหลีชิงเยียนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงยกยิ้ม แล้วดึงกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมา แล้ววางลงบนเก้าอี้พลาสติก
“นั่งเถอะครับ ท่านประธานสุดสวยของผม”เฉินเป่ยพูดยิ้มๆ
หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ย ก่อนจะพับกระโปรงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เธอนั่งไขว่ห้างแล้วมองไปรอบด้าน
“เมนูอาหารล่ะคะ” หลีชิงเยียนมองไปรอบๆ แล้วถามออกมาอย่างสงสัย
“เมนูอาหารอะไรครับ”เฉินเป่ยชะงักงัน ก่อนจะพูดอธิบาย “ที่นี่ไม่มีเมนูอาหารหรอกครับ”
เฉินเป่ยพูดจบ ก็กวักมือเรียกเจ้าของร้าน “พี่ครับ ขอกุ้งเครย์ฟิชผัดหมาล่าหนึ่งถาดครับ เอาพิเศษเลยนะครับ”
“ได้เลย”
“ที่นี่ ไม่มีเมนู แล้วจะสั่งอาหารยังไงกัน” หลีชิงเยียนมองไปทางเฉินเป่ยอย่างงุนงง ดูจากท่าทางก็รู้แล้วว่าเธอไม่เคยมาร้านอาหารข้างทางแบบนี้
“ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาที่นี่จะมีเมนูอยู่ในใจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องดูเมนูครับ” เฉินเป่ยพูด “ร้านนี้ผมอ่านเจอในเน็ต เมนูกุ้งเครย์ฟิชของเขามีชื่อเสียงมากเลยล่ะ”
“มีชื่อเสียง ทั้งที่สภาพแวดล้อมรอบๆเป็นอย่างนี้เหรอคะ”หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว มองไปรอบๆอย่างรังเกียจ
“แค่อาหารอร่อยก็พอแล้ว บรรยากาศสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอครับ”เฉินเป่ยยิ้มบาง “เดี๋ยวคุณก็รู้ว่าอาหารร้านนี้อร่อยมากแค่ไหน”
หลีชิงเยียนลังเลใจ ก่อนจะมองไปทางเฉินเป่ยอย่างแปลกใจ
ไม่นาน กุ้งเครย์ฟิชผัดหมาล่าถาดใหญ่ร้อนก็ถูกยกออกมา
หลีชิงเยียนเห็นกุ้งสีแดงในถาดก็ชะงักไป
“เชิญทานได้แล้วครับ ท่านประธานสุดสวย” เฉินเป่ยยื่นถุงมือพลาสติกให้หลีชิงเยียน ก่อนจะพูดยิ้มๆ
“นี่… กินได้ด้วยเหรอ”หลีชิงเยียนใช้มือขาวเนียนหยิบกุ้งตัวสีแดงขึ้นมา ก่อนจะหน้าซีดเผือด ประธานสาวสุดแกร่งต้องมากลัวกุ้งเกรย์ฟิชผัดหมาล่าเนี่ยนะ
“มันกินไม่ได้ตรงไหนกันครับ” เฉินเป่ยชะงักงัน
“นี่มัน…”หลีชิงเยียนมองไปที่กุ้งเกรย์ฟิช เปลือกแข็งแล้วยังมีดวงตาสองลูก ทำให้หลีชิงเยียนอย่าจะถอยหนี
ในขณะที่หลีชิงเยียนกำลังลังเลว่าจะกินหรือไม่กินอยู่นั้น เฉินเป่ยก็เริ่มแกะเปลือกกุ้ง แล้วลิ้มลองรสชาติแสนอร่อยของเนื้อกุ้งเรียบร้อยแล้ว
“อร่อยจัง เนื้อนุ่มมากเลย” ตอนที่เฉินเป่ยเคี้ยวอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น หลีชิงเยียนกำลังทำความเข้าใจกับกุ้งชนิดนี้อยู่
“ทำไมคุณถึงไม่กินล่ะครับ”เฉินเป่ยมองไปทางหลีชิงเยียน
“ฉันแกะเปลือกกุ้งไม่เป็น”หลีชิงเยียงลังเลใจสักพัก ถึงยอมพูดออกมา
“แกะ… ไม่เป็นเหรอครับ”เฉินเป่ยหมดคำพูด เขามองไปทางหลีชิงเยียน “นี่คุณคงไม่ได้คิดจะให้ผมช่วยแกะให้หรอกใช่ไหม”
เฉินเป่ยสัมผัสได้ถึงความโชคร้าย และพอหลีชิงเยียนพยักหน้าให้ ดวงตากระพริบตาปริบๆ มองมาทางเขา
สุดท้าย เฉินเป่ยที่เพิ่งได้กินกุ้งไปครึ่งตัว ก็ต้องยอมช่วยแกะกุ้งให้หลีชิงเยียนกินไปโดยปริยาย
ที่สำคัญ เฉินเป่ยยังต้องอดทนต่อกลิ่นที่แสนยั่วยวนของอาหาร แล้วนั่งช่วยแกะกุ้งให้หลีชิงเยียนกิน
ส่วนหลีชิงเยียน หลังจากปลุกความกล้าของตัวเองแล้วเริ่มกินเนื้อกุ้ง พอลิ้มลองความนุ่มของเนื้อกุ้งรวมไปถึงความเผ็ดร้อนจนลิ้นชาของหมาล่า ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
รสชาติไม่เลวเลยที่เดียว หลีชิงเยียนกระพริบตาปริบๆ มองไปทางเฉินเป่ยที่กำลังช่วยแกะกุ้งให้เธออยู่ ก่อนจะเร่งเร้าให้เขาแกะเร็วๆ
เฉินเป่ยอึดอัดใจ เดิมทีเขาคิดจะให้ประธานคนสวยเลี้ยงข้าวเขา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเขาเลี้ยงข้าวเธอแทน พอมาถึงที่นี่ เขากลับต้องกลายเป็นคนแกะกุ้งให้เธอซะงั้น
ทำไมเขาถึงได้โชคร้ายขนาดนี้นะ…
เฉินเป่ยได้แค่นั่งมองถาดกุ้ง แล้วจินตนาการถึงรสชาติของมัน แล้วแกะเนื้อกุ้งให้หลีชิงเยียนกิน…
หลีชิงเยียนส่งเสียงฮู้ฮ่าอย่างเผ็ดร้อน จนริมฝีปากเริ่มชา
ไม่มีความรู้สึก ทำให้หลีชิงเยียนกินได้มากขึ้น จากปกติที่กินข้าวได้น้อย แค่ข้าวชามเล็กชามเดียวเธอก็อิ่มแล้ว วันนี้ เธอกลับกินกุ้งได้หนึ่งถาดใหญ่จนหมดได้
“ยังมีอีกไหมคะ”หลีชิงเยียนแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนจะมองมาทางเฉินเป่ย
“มีครับ” เฉินเป่ยถอนหายใจออกมา ก่อนจะเรียกเจ้าของร้านมาสั่งอาหารอีกครั้ง
หลังจากนั้นหลีชิงเยียนก็กินกุ้งไปอีกหลายถาด เฉินเป่ยแกะเปลือกกุ้งในจนนิ้วมือแทบล็อก หลีชิงเยียนได้จะพอใจ แล้วเรอออกมาโดยไม่รักษาภาพพจน์ ก่อนจะพูดขึ้นมา “ฉันอิ่มแล้วค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ”
ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินกลับไปที่รถไมบัค หลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว หลีชิงเยียนก็พูดขึ้นมากะทันหัน “ครั้งหน้าเราไปที่ร้านนั้นอีกนะคะ”
เฉินเป่ยชะงักงัน ก่อนจะยิ้มแหย “ท่านประธาน คุณกินอย่างจุใจ แต่ผมแทบไม่ได้กินเลยนะ”
“เมื่อตะกี้คุณไม่ได้กินเหรอ” หลีชิงเยียนมึนงง ไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เฉินเป่ยเกือบจะเลือดพุ่งออกมาจากปาก เขาต้องช่วยเธอแกะกุ้งตั้งหลายถาด แทบไม่ได้หยุดมือเลย จะมีเวลากินได้ยังไงกัน
แต่เฉินเป่ยทำใจใส่อารมณ์กับเธอไม่ลง จึงยิ้มออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ชิงเยียน ถ้าคุณชอบกิน ครั้งหน้าเราไปกันอีกนะครับ”
“ขอบคุณนะคะ” หลีชิงเยียนพยักหน้าให้ ก่อนจะพูด “ไว้วันหลังฉันเป็นคนเลี้ยงคุณเอง”
…………
ในคฤหาสน์หรู หลีเช่าเทียนกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องหนังสือ
แววตาของเขาดูเคร่งขรึม มองไปที่โทรศัพท์ในมือ
ในคฤหาสน์แห่งนี้มีโทรศัพท์บ้านอยู่หลายเครื่อง แต่หลีเช่าเทียนรู้ดี ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้แตกต่างจากโทรศัพท์ทุกเครื่องในคฤหาสน์
เพราะโทรศัพท์เครื่องนี้ สามารถโทรติดต่อเข้าไปในพื้นที่พิเศษของเยี่ยนจิงได้
และพื้นที่พิเศษนั้นถึงจะเป็นคนของตระกูลหลีก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปข้างในได้
หลีเช่าเทียนสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดโทรออก
“เช่าเทียนเหรอ”สักพัก เสียงปลายสายก็ดังขึ้นมา
“พี่ครับ” หลีเช่าเทียนเอ่ยปากพูด เขาที่หยิ่งยโสกับคนอื่น พออยู่ต่อหน้าคนคนนี้ เขาต้องก้มศีรษะให้ เพร่ะฐานะของคนคนนี้ เป็นสิ่งที่หลีเช่าเทียนเทียบไม่ติดเลย เขาก็คือหลีเช่าหงว่าที่ผู้นำตระกูลหลี ในเมืองเยี่ยนจิงไม่มีใครไม่รู้จักเขา
ชื่อเสียงของเขาในแวดวงราชการยิ่งใหญ่กว่าเขาที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเยอะ ตอนนี้เขาเป็นบุคคลที่โดดเด่นมาในกองทัพ ถ้าไม่มีเขา ตระกูลหลีคงจะเงยหน้าขึ้นมาลำบากแน่ๆ
และในขณะเดียวกัน ตัวตนของหลีเช่าหง ทำให้ถึงแม้หลีเช่าเทียนจะทำดีมากแค่ไหน ก็สู้หลีเช่าหงไม่ได้สักที
“มีอะไรหรือเปล่า ถึงได้ติดต่อมาหาพี่แบบนี้ อยู่ที่เมืองหู้ไห่เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม”ปลายสายหลีเช่าหงอย่างไถ่อย่างอ่อนโยน
“พี่ครับ ผมเจอปัญหาที่เมืองหู้ไห่นิดหน่อยครับ” หลีเช่าเทียนเอ่ยปากพูด
อ๋อ คนมีความสามารถอย่างนาย ยังมีคนที่สามารถทำให้นายยุ่งยากได้ คนคนนี้ไม่ธรรมดาเลยสินะ”หลีเช่าหงพูดเสียงนิ่ง
“พี่ช่วยผมสืบเรื่องของคนคนหนึ่งได้ไหมครับ” หลีเช่าเทียนขอร้อง
“ไหนพูดมา ถ้าพี่ช่วยได้ พี่จะพยายามช่วย”
“เขาชื่อเอ๋รอตงเฉิน เฉินเป่ยครับ”หลีเช่าเทียนเอ่ยปากพูด แววตาแข็งกร้าวขึ้นมากะทันหัน
เขาไม่เชื่อว่าจะสืบข้อมูลของคนคนนี้ไม่ได้เลย
ถึงจะต้องให้เขาก้มหน้าขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย เขาก็ยอม ถ้าสามารถหาข้อมูลของเฉินเป่ยได้
“เฉินเป่ยอย่างนั้นเหรอ”หลีเช่าหงที่ได้ยินชื่อของเฉินเป่ยก็ตกใจเล็กน้อย
“มีอะไรเหรอครับพี่” หลีเช่าเทียนถาม
“คนคนนี้ หาข้อมูลไม่เจอ”หลีเช่าหงพูดออกมา
“เพราะอะไรครับ”หลีเช่าเทียนย่นคิัว แม้แต่คนตำแหน่งสูงอย่างหลีเช่าหงยังมีคนที่หาข้อมูลไม่เจอด้วยเหรอ
“คนคนนี้นายอย่าเข้าไปยุ่งด้วย เช่าเทียน อย่ามีปัญหากับคนคนนี้ เพราะแม้แต่พี่เอง ก็หาข้อมูลของเขาไม่เจอ”หลีเช่าหงพูดเสียงเคร่งขรึม
หลีเช่าเทียนตกใจ ฟังจากที่หลีเช่าหงพูด หมายความว่าเขาเคยสืบข้อมูลมาแล้ว
“พี่รู้จักเขาด้วยเหรอครับ” หลีเช่าเทียนถามออกไป
“พี่แอบตามติดข่าวคราวของนายอย่างเงียบๆมาโดยตลอด ทุกคนที่อยู่ข้างกายของนายทุกคนพี่มีข้อมูลหมด นอกจากคนที่ชื่อว่าเฉินเป่ยคนนี้ที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย”หลีเช่าหงพูดเสียงเข้ม “ดูไปแล้วเขาหมือนเป็นลูกเขยแต่งเข้าตระกูลธรรมดา แต่มีหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา”
“เช่าเทียน นายเข้าใจหรือยัง”หลีเช่าหงพูดเสียงเคร่งขรึม
หลีเช่าเทียนที่นั่งฟังอยู่ ด้วยสีหน้าตกใจ
ข้อมูลว่างเปล่า หมายความว่ายังไงกัน
นั่นหมายความว่าคนคนนี้อาจจะมีตำแหน่งสูงเท่าๆกับหลีเช่าหง บอกได้ว่าเบื้องหลังของเฉินเป่ย ยิ่งใหญ่ถึงขนาดไม่อนุญาตให้ใครรู้เรื่องนี้… หรืออีกความเป็นไปได้ก็คือ เฉินเป่ยเป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าตระกูลธรรมดาไม่มีอิทธิพลอะไร และไม่มีความจำเป็นอะไรบันทึกข้อมูลของเขาไว้
หลีเช่าเทียนกดวางสาย แววตาของเขาเคร่งขรึมมาก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสับสนแบบนี้ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นราดใส่เต็มหลัง คนที่ชื่อว่าเฉินเป่ย เขาเป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าธรรมดาทั่วไปกันแน่”