บทที่ 134 ขอโทษตอนนี้สายไปแล้ว
การที่ต้องเผชิญการถามไถ่ของผู้บัญชาการ เฉินเป่ยทำสีหน้าที่เรียบเฉย ดูเหมือนจะไม่ถูกผู้บัญชาการทำให้ตกใจเลยสักนิด
“ฉันแกล้งทำห่าอะไรล่ะ” เฉินเป่ยพูดคำคำแรกก็ทำให้บรรยากาศนั้นเงียบกริบและไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงกา ทำให้สีหน้าของพนักงานมากมายในบริษัทตระกูลเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดูสนใจขึ้นมา
เรือนร่างผอมบางของหลีชิงเยียนสั่นเทาขึ้นมาทันที นัยน์ตาคู่ควรเต็มไปด้วยความตกตะลึง เฉินเป่ยช่างกล้าเกินไปแล้ว เขาทำตัวเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว!
ผู้บัญชาการทำสีหน้าที่ดูเกร็ง……เขานึกไม่ถึงว่าเขาจะมีวันนี้ กลับถูกไอ้สวะคนหนึ่งของตระกูลหลีก่นด่า!
เขาอยู่ในฐานะที่สูงส่งมาหลายปี ที่ผ่านมามีแค่คนเชิดชูเขา คนที่ด่าเขาแบบนี้ น้อยมากที่เขาจะได้ยิน
ผู้กัญชาการใช้สายตาที่เย็นชามองเฉินเป่ย นัยน์ตาเคล้าด้วยความเลือดเย็น และเผยสีหน้าที่เคล้าด้วยความเลือดเย็นออกมาทันที!
ความเลือดเย็นเต็มไปด้วยความอาฆาต! เขากำลังคิดจะฆ่าเฉินเป่ย!
เวลานี้ความเลือดเย็นจึงแผ่ซ่านออกมาทุกอณู อุณหภูมิของอากาศต่ำลงไปหลายองศา ทำให้เคล้าด้วยบรรยากาศแห่งความอาฆาต!
“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?! ” ผู้บัญชาการค่อยๆ ถามขึ้น สีหน้าดูลุ่มลึก ลำตัวสั่นเบาเล็กน้อย นั่นเป็นท่าทางที่แสดงให้เห็นว่ากำลังอดกลั้นความรู้สึกโมโหอยู่
“ฉันจะไปสนใจว่าคุณเป็นใครทำไม แต่แกรังแกภรรยาฉันไม่ได้” เฉินเป่ยเอ่ยพูด ทำให้ใบหน้าของหลีชิงเยียนดูเกร็ง
ภายในใจของหลีชิงเยียนกำลังก่นด่าอย่างบ้าคลั่ง……ไอ้หมอนี่สมควรตายจริงๆ ตอนนี้ยังจะมาทำเป็นเก่ง ไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปแล้วหรือไง!
ผู้บัญชาการมองเฉินเป่ย พอเห็นเขาตอบกลับแบบนี้ ภายในใจจึงรู้สึกไว้วางใจขึ้นมาบ้าง
เฉินเป่ยในตอนนี้ ท่าทีที่เขาแสดงออกมา มันแตกต่างจากคนคนนั้นอย่างสิ้นเชิง…..คนคนนั้นมีความสง่าผ่าเผย เป็นที่จับตามองของหัวเซี่ย และคนคนนี้……กลับเหมือนนักเลงที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง…..
เขาแค่เป็นสวะคนหนึ่งของตระกูลหลีเท่านั้น คนคนหนึ่งที่เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิง จะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนนั้นๆ ได้ยังไง?
ผู้บัญชาการเผยสีหน้าที่ไม่ยอมใคร จากนั้นก็ใช้สายตาที่ดูถูกกวาดมองหลีชิงเยียนและเฉินเป่ย แล้วแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “คนในเมืองหู้ไห่ ไม่ได้ลิ้มลองกับความโมโหของฉันมานานแล้ว……”
“คุณอยากจะเอายังไง? ” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงแข็ง
“พวกแกสองคนต่างก็ก้มกราบฉัน เรื่องนี้จะได้ยุติลง” ผู้บัญชาการพูดด้วยเสียงผ่อนคลาย
“ให้ต่างคนต่างก้มกราบ? งั้นก่อนหน้านี้ที่แกรังแกภรรยาของฉัน แล้วจะได้จัดการยังไง? ไม่งั้นแกก็ก้มกราบภรรยาฉันสิ” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเย็นชาอย่างสุดขีด
“แกรู้ว่าแกกำลังคุยกับใครอยู่ไหม? ” ผู้บัญชาการทำเสียงเย็นชาในลำคอ แล้วค่อยๆ ถามขึ้น
“ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร ขอโทษด้วยนะ” เฉินเป่ยเอ่ยด้วยเสียงเรียบ ครั้งนี้ น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม
ทุกคนจึงทำท่าทางที่คาดคิดไม่ถึง ทุกคนต่างก็มองเฉินเป่ยกำลังบังคับให้ผู้บัญชาการขอโทษ ใครก็นึกไม่ถึง เฉินเป่ยกลับมีความกล้าขนาดนี้!
“ฉันว่าแกคงใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วใช่ไหม เป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าตระกูลหลีคนหนึ่ง กลับกล้าออกคำสั่งฉันแบบนี้” ผู้บัญชาการทำสีหน้าที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ต่อให้เฉินเป่ยเหมือนคนคนนั้น ทว่าคนคนนี้ก็แตกต่างจากคนคนนั้นมากเกินไป เขาเป็นแค่มดสวะที่ใช้ชีวิตทิ้งๆ ขว้างๆ ไปวันๆ ……มีคนมากมายสามารถเหยียบย่ำเขาได้
ตอนนี้ กลับกล้ามาโต้เถียงกับเขา?!
“หาที่ตาย! ” ผู้บัญชาการจึงใช้ฝ่ามือที่เหมือนฟ้าแลบตบเฉินเป่ย!
“เพี๊ยะ! ”
ผู้บัญชาการฟาดลงมาเร็วอย่างฟ้าแลบ เฉินเป่ยไม่ได้หลบเลี่ยง แค่ปล่อยให้ฝ่ามือตบมาตรงหน้า!
เสียงเสียงนั้นฟังชัดเหมือนฟ้าผ่าตอนกลางฤดูใบไม้ผลิ ทำให้เกิดเสียงสะท้อน!
ทีแรกในสถานการณ์ที่ไร้เสียงใดๆ พนักงานพวกนั้นที่กำลังรอดูเรื่องสนุกๆ ใบหน้าจึงเผยยิ้มออกมา
พอเห็นเฉินเป่ยถูกทำร้าย ทำให้พนักงานชายพวกนั้นที่เคยชื่นชมหลีชิงเยียนต่างก็รู้สึกดีใจมาก
ต่อให้คุณจะเก่งแค่ไหน พอผู้บัญชาการเป็นคนลงไม้ลงมือ คุณยังกล้าเอาคืนหรือไง?
นั่นเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองหู้ไห่เชียวนะ แล้วคนคนหนึ่งที่เป็นเพียงลูกเขยแต่งเข้าตระกูลที่มีฐานต่ำต้อยในสังคมกลับขัดขืน ก็คงจะทำให้หลีหยางซวยไปด้วยแน่นอน!
หลีชิงเยียนกัดฟันเบาๆ เธอมองเฉินเป่ยที่ถูกตบ ท่าทางของผู้บัญชาการดูเย่อหยิ่ง ทำให้เธอรู้สึกเกลียดจนคันรากฟัน
เธออยากจะขัดขืน ทว่าความฉลาดของเธอบอกเธอ เธอคงทำได้เพียงนั่งนิ่งดูดายกับเรื่องนี้เท่านั้น
ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ไม่ไกลเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น สายตาที่มองผู้บัญชาการยิ่งอยู่ก็ยิ่งเย็นชา ผู้บัญชาการผู้นี้เท่ากับกำลังตบหน้าทั้งบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปอยู่!
เฉินเป่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิม แล้วยื่นมือออกไป จากนั้นก็ลูบจับใบหน้าที่ถูกตบจนแดง สีหน้าดูนิ่งเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดั่งที่คาด เขาแม้แต่ตดยังไม่กล้าตดแม้แต่ครั้งเดียว! ”
“ฉันยังนึกว่าเขาจะหน้าเลือดจนกล้าลงไม้ลงมือกับผู้ชายเมื่อกี้นี้ ที่แท้ก็แค่เท่านี้”
จึงมีเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นกลางลานกว้าง ผู้บัญชาการมองเฉินเป่ย สีหน้าดูกวนประสาท
“ฉันจะเตือนแกให้รีบขอโทษจะดีที่สุด” เฉินเป่ยเอ่ยพูด น้ำเสียงยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา
ผู้บัญชาการรู้สึกเหน็บชาที่ง่ามนิ้ว ภายในใจรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขานึกไม่ถึง ฝ่ามือเมื่อกี้ที่ตบออกไป กลับทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังตบแผ่นเหล็กอยู่ ทำให้มือของเขารู้สึกชาไปหมด
ใบหน้าของเฉินเป่ยหนายิ่งกว่ากำแพง เขารู้สึกคาดคิดไม่ถึง ลูกเขยแต่งเข้าตระกูลหลีคนหนึ่ง ทำไมถึงได้มีหนังหน้าที่หนาแบบนี้?
“นี่เป็นผู้ชายของคุณหรอ ยังเป็นคนปากแข็งขนาดนี้” ผู้บัญชาการหันไปมองหลีชิงเยียน แล้วแสยะยิ้ม
หลีชิงเยียนกัดริมฝีปากแดง ใบหน้าดูแดงระเรื่อ นี่เขากำลังดูหมิ่นและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธออยู่!
“ถ้ายังไม่ขอโทษ ก็คงจะสายไปแล้ว” เฉินเป่ยพูดขึ้น
“ฉันไม่ขอโทษ แล้วแกจะทำอะไรฉันได้? ” ผู้บัญชาการยิ้มอย่างเย็นชา
เพิ่งจะพูดจบ ก็มีทหารออกมาจากรถ แล้วยื่นโทรศัพท์ดาวเทียมมา สีหน้าดูหนักใจ “ผู้บัญชาการครับ สายจากผู้นำสูงสุดครับ! ”
“ผู้นำสูงสุด? ” ผู้บัญชาการทำสีหน้าเปลี่ยนไปทันที คนที่ถูกเรียกว่าผู้นำสูงสุดในหัวเซี่ย ก็มีแค่ไม่กี่คน ถึงแม้ผู้บัญชาการจะยิ่งใหญ่ในกลาโหมโซนหู้ไห่ ทว่ากลับไม่มีสิทธิ์ได้รู้จักกับผู้นำสูงสุดอยู่แล้ว
และตอนนี้ ผู้นำสูงสุดโทรมาแบบนี้ แล้วยังชี้ตัวว่าจะติดต่อกับเขา!
ผู้บัญชาการรู้สึกตกตะลึงในใจ ครั้งที่แล้ว ยังให้เขาไปประกันตัวหลีชิงเยียนที่สถานีตำรวจอีก!
ผู้บัญชาการเพิ่งจะจับโทรศัพท์ดาวเทียมขึ้น แล้วทางสายฝั่งโน่นจึงมีเสียงเข้มอันเย็นชาดังขึ้น “หาที่ตายหรอ! คุณรู้ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่! ”
ผู้บัญชาการทำสีหน้าที่ดูเกร็ง เสียงอันโมโหของผู้นำสูงสุดกำลังก่นด่าเขา “รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะจับตัวแกมาซักถามเรื่องที่เกิดขึ้น! ”
“ครับ! ” ในใจของผู้บัญชาการสั่นงันงก ทั้งศีรษะเปียกโชกด้วยเหงื่อ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม ผู้นำสูงสุดถึงรู้เรื่องนี้
เขายิ่งไม่เข้าใจ…..ทำไมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ กลับทำให้ผู้นำสูงสุดโทรมาด่าเขาเป็นชุดแบบนี้!
จู่ๆ ผู้บัญชาการก็ได้สติกลับมาทันที แล้วหันไปมองเฉินเป่ย
ทันใดนั้น ลำตัวของผู้บัญชาการสั่นเทาขึ้น จึงเข้าใจในบางอย่างขึ้นมา
แค่เห็นว่าผู้บัญชาการก้าวออกมาหนึ่งก้าวอย่างไม่ลังเล แล้วมองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หลีชิงเยียนรู้สึกไม่สบายใจ เธอกลัวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
จู่ๆ ผู้บัญชาการก็งอตัวลง แล้วน้อมคำนับ “ขอโทษครับ! ”
ฉึก!
ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์จึงส่งเสียงวุ่นวายขึ้น! พนักงานบริษัทที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปและกำลังยืนมองไกลๆ ต่างก็ทำสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ และทุกคนกำลังจะกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์!
ใครก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ แค่สายๆ เดียวที่โทรมา!
แม้แต่หลีชิงเยียนก็นิ่งงันไป ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความคาดคิดไม่ถึง และตอบสนองอะไรไม่ได้
“ขอโทษตอนนี้ สายไปแล้ว” เฉินเป่ยกวาดสายตามอง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย