บทที่141กระดูกหักทั้งท่อน
เงาร่างนี้คือเฉินเป่ย
แววตาเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความเย็นชา แววตาคมกริบดุจฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เขายืนอยู่ตรงนั้น มองไปทางชายที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ภายในตัวตลบอบอวลไปด้วยแรงอาฆาต
“แม่งเอ๊ย เรื่องดีๆพังหมด แกจบเห่แน่!”ชายยิ้มเจ้าเล่ห์คนนั้นรีบสวมกางเกงเลคกิ้งขึ้น ในมือถือมีด บาดแผลเต็มตัว เลือดท่วม ดูตระหนก
แววตาของเฉินเป่ยคมกริบ เขามองไปที่ผู้หญิงคนนั้น ด้วยแววตาที่ลุ่มลึกขึ้น
“รีบไป คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”เธอพยายามตะโกนให้เฉินเป่ย
“ยังคิดจะไปอีกเหรอ ตายที่นี่ให้หมดแหละ!”ชายหนุ่มเอ่ยปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเชือดเฉือน
เฉินเป่ยจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้น พอเขาเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ในแววตาของเขายิ่งตลบอบอวลไปด้วยความบ้าคลั่ง
เฉินเป่ยก้าวเท้าออกไป สีหน้านิ่งสงบ แต่ว่าน้ำเสียง กลับดูเยือกเย็น“ปล่อยเธอไป แกจะได้เจ็บน้อยหน่อย”
“ฮ่าๆๆๆ ให้กูปล่อยอีนี่งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!กว่าจะจับมันได้กูใช้แรงไปเท่าไหร่ หลังเอาท์ดอร์เซ็กสเสร็จแล้วค่อยเอากลับไปมีความสุขต่อที่โรงแรม แต่มึงคงไม่มีชีวิตที่จะไปเห็นอีนี่มันปรนนิบัติกู!”ชายคนนั้นกุมมีดแน่น ปลายมีดที่ขาวดุจหิมะนั้น คมกริบ!
“ไปสิ ไป!”หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอโดนผู้ชายคนนี้ทรมานมาอย่างเต็มที่แล้ว เธอเกิดมาในตระกูลที่ดี แต่กลับต้องมาโดนย่ำยีในค่ำคืนนี้!
เธอไม่อยากให้เฉินเป่ยต้องมาตายเปล่าเพราะเธอ แต่ว่าเธอ รู้จักเฉินเป่ยดีพอหรือ
สีหน้าของเฉินเป่ยเย็นชา ความระอุในสวนสาธารณะลดลง ราวกับได้รับผลกระทบจากรังสี
พิฆาตนี้!
“ไปไม่พ้นหรอก”ชายเจ้าเล่ห์แค่นเสียงเย็นชา ทะยานไปหาเฉินเป่ย
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิม มองชายคนนั้นอย่างเย็นชา แล้วเว
ลามีดของผู้ชายที่พุ่งทะยานยังใบหน้าเขา เฉินเป่ยเอี้ยวตัวหลบ แล้วหายไปจากจุดเดิม!
มีดของชายผู้นั้นแทงทะลุเงาของเขา ในขณะที่ชายคนนั้นมึนงง เฉินเป่ยก็ได้มาปรากฏตัว ขึ้นอยู่ด้านหลังเขา
“ปัง!”เฉินเป่ยทะยานเท้าออกไป ปล่อยแรงออกไปทางช่วงขาเต็มที่ รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ชายคนนั้นหลังพุ่งเข้าปะทะกับต้นไม้ใหญ่ สีหน้าเจ็บปวดปรากฏขึ้นโดยฉับพลัน เขารู้สึก ราวกับหลังขาดเป็นท่อนๆ!
“ถุย!”
ชายคนนั้นพ่นเลือดออกมา เฉินเป่ยก้าวเท้าออกไป ตัวพุ่งทะยาน วินาทีถัดไปจึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าชายคนนั้น แล้วปล่อยหมัดออกไป!
ชายคนนั้นคิดกระโจนหลบ แต่เขาช้าเกินไป ความฝันของเขากึกก้องอยู่ในหัว สีหน้าของชายผู้นั้นขาวซีด หน้าอกบุ๋มลงไป เส้นเอ็นปูดโปนขึ้น!
ชายผู้นั้นสีหน้าตระหนก เขาจะไปคิดได้ไงว่า เฉินเป่ยจะมีความสามารถขนาดนี้ !นี่มันเกินกว่าที่เขาคาดคิดด้วยซ้ำ!
เฉินเป่ยหายตัวลับราวกับฟ้าแลบ หญิงสาวที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก ยืนดูอย่างงุนงง จนแทบลืมหายใจ !
เฉินเป่ยรวดเร็วมาก ทำให้เมื่อมองมาจากทางไกล ก็แทบจะจับเงาเขาไม่ทัน เห็นเป็นเพียงเงาแวบๆ!
เสียงกระดูกหักกร๊วบๆดังมา ทำให้คนรู้สึกใจแขวน ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
ชายผู้นั้นอกสั่นขวัญแขวน เฉินเป่ย……จะต้องเป็นปิศาจแน่นอน!
ชายผู้นั้นไม่มีแม้แต่โอกาสจะวิงวอน เฉินเป่ยรวดเร็วเกินไป ทำให้คนคาดการณ์ไม่ถูก!
“ปัง!”
เงาๆหนึ่งพุ่งออกมา แล้วตกลงบนสนามหญ้า สั่นไหว แล้วเกิดเป็นหลุมหลุมหนึ่ง!
เฉินเป่ยมองเขาอย่างเย็นชา ชายผู้นั้นคิดจะตะกายขึ้นมา แต่ก็ค้นพบอย่างน่าตระหนกว่า ตัวเองไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย!ราวกับดินโคลนบนพื้น ที่เละเทะไปหมด
“กระดูกคนมีทั้งหมด206ท่อน หักไปท่อนสองท่อนพอรับได้ ทั้งหมด206ท่อนนี่ ฉันจะคอยดูว่าแกจะต่อยังไง”น้ำเสียงเฉินเป่ยราบเรียบ แต่ราวกับเสียงที่ส่งมาจากนรกอเวจี ทำให้ชายผู้นั้นตกใจ!
ในที่สุดชายผู้นั้นก็เข้าใจ ว่าคนที่ตัวเองไปล่วงเกินนั้น ต้องเป็นปิศาจที่น่าสะพรึงแน่นอน ไปล่วง เกินไม่ได้!
กระดูก206ท่อน โดนเฉินเป่ยทุบซะแหลกละเอียด เขาเองไม่มีแรงแม้แต่น้อย!
“ชาตินี้ทั้งชาติก็อยู่นิ่งๆบนเตียงเถอะนะ”เฉินเป่ยพูดจบ จึงหมุนตัวเดินกลับไป
“รอก่อน!”เสียงออดอ้อนดังมาจากข้างหลัง เฉินเป่ยชะงักฝีเท้า หันกลับไป แล้วมองเห็นใบหน้าที่สวยสดงดงามดวงนั้น
ในตอนที่เห็นเธอที่บาร์เหล้านั้น เธอแต่งหน้าได้เซ็กส์ซี่เหลือแสน วันนี้แต่งหน้าจางๆ กลับดูสวย สดงดงามยิ่งกว่าเดิม
เฉินเป่ยไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ในมือกำมีดที่มีเลือดหยดติ๋งๆ แล้วจ้องไปที่ถังโหรว
กลื่นอายพิฆาตของเฉินเป่ยค่อยๆจืดจางลง ค่ำคืนที่มืดสนิท ขอบฟ้าค่อยๆมืดลง บดบังดวงหน้าของเขา ทำให้ดูเลือนราง
เงาแห่งต้นโพธิ์ ที่มีแสงจันทร์สาดส่อง ถังโหรวยืนห่างออกไป เห็นเพียงเฉินเป่ยที่ก้มหัวลง
สีหน้าถังโหรวซับซ้อน ร่างที่ขาวนวลดุจงาช้าง ภายใต้การบิดพลิ้ว ช่างดูเย้ายวน สำหรับมวลหมู่ชายแล้ว นั่นคือความเย้ายวนยิ่งชีวิต
ถังโหรวคิดไม่ถึง คนที่ช่วยตนเองนั้น คือเฉินเป่ย
ก่อนหน้าเธอยังพร่ำบ่นเฉินเป่ย แต่ในเวลานี้ การพร่ำบ่นนั้นไม่มีอีกแล้ว
เธอไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าเฉินเป่ยอย่างไรดี และก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดกล่าวอย่างไรดี
เฉินเป่ยยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ผ่านไปสักครู่ เขาจึงหมุนตัวกลับมา เดินไปในทิศทางที่ไกลออกไป
“หยุด!”
ถังโหรวเห็นเฉินเป่ยคิดอยากจะไป ในใจร้อนรนขึ้น ตะโกนหยุดรั้งเฉินเป่ยไว้
ฝีเท้าเฉินเป่ยหยุดชะงัก ถังโหรวกัดฟันกรอด ตัดสินใจ วิ่งเข้าไปหาเฉินเป่ย
เสื้อผ้าของเธอโดนชายผู้นั้นกระชากหลุดลุ่ย ไม่มีแม้อะไรปิดบังสรรพางค์กาย พอวิ่งขึ้นมา จึงกลายเป็นเงาใต้แสงที่งดงามเกินพรรณนา
เฉินเป่ยสีหน้าราวต้องมนต์สะกด หากแต่สำแดงสีหน้าอ่อนใจ
ถังโหรว……นี่เท่ากับกำลังยั่วยวนเขาอยู่นะนี่!
เฉินเป่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย กระตุกขาทั้งสอง แล้ววิ่งจากไปอย่างสายฟ้าแลบ!
“หยุด!”ถังโหรวตะโกนเสียงก้อง แต่เฉินเป่ยกลายเป็นเพียงจุดดำเล็กๆที่ห่างออกไป เขาไวปานจรวด ถังโหรวตามไม่ทัน
ถังโหรวหยุดฝีเท้า เห็นบนพื้นมีเสื้อคลุมตัวโตทิ้งไว้ตัวหนึ่ง ดวงหน้าสวยงามตกตะลึง เธอเก็บเสื้อคลุมนั้นขึ้น คลุมทับร่างกาย และดื่มด่ำกับไออุ่นและกลิ่นบุหรี่จางๆที่ทิ้งคราบไว้บนเสื้อคลุม ทำให้ดวงตางดงามคู่นั้น แวววาวเป็นประกาย มีหยดน้ำตาใสๆหยดออกมา
…………
คฤหาสน์ตระกูลหลี มีเงาดำแฉลบผ่าน ผลุบๆโผล่ๆ และกระโดดข้ามกำแพงที่มีประจุไฟฟ้าล้อม เอาไว้ไปได้อย่างสบาย แล้วหล่นตุ๊บลงบนพื้นหญ้า
เฉินเป่ยเดินเล่นอยู่ในคฤหาสน์รอบหนึ่ง พอยามรักษาการณ์เห็นเฉินเป่ยเข้า จึงกุลีกุจอตีวงล้อมเข้ามา ส่งบุหรี่ให้มวนหนึ่ง“พี่เฉิน สักมวนสิ!”
เฉินเป่ยโบกปัดมือ“เมียไม่ให้สูบ สูบไม่ได้”
“พี่เฉิน พี่วางแผนได้เฉียบมาก หมู่นี้มักมีคนมาด้อมๆมองๆอยู่นอกคฤหาสน์ ตอนกลางคืนพวกเราจับพวกแมวขโมยได้หลายคนแล้ว”หัวหน้ายามรู้สึกเลื่อมใสเฉินเป่ย เขาเคารพนบน้อมเฉินเป่ย ราวกับเฉินเป่ยเป็นคัมภีร์เซียนสักเล่ม!
เฉินเป่ยยิ้มจางๆ ถ้าหากยามพวกนี้รู้ว่าเฉินเป่ยเคยเป็นทหารกองทัพที่เมืองนอกมาก่อนหน้านี้แล้ว เคยวางแผนและเขียนตำรายุทธศาสตร์การรบมามากมายแล้วล่ะก็ คงจะคุกเข่าลงกับพื้นให้!
เฉินเป่ยยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับยืนโม้กับยามอยู่พักหนึ่ง แววตาที่ลุ่มลึกสอดส่ายมองต้นหญ้าใบไม้อย่างไม่ตั้งใจ แววตาที่สะท้อนไกล มีความเยิอกเย็นอยู่ในตัว!
แววตาอันร้ายกาจของเฉินเป่ยได้สำรวจกวาดดูซากปรักหักพังเข้ามาอยู่ในแววตา แววตาของเขาทอดไปไกล มีแววเฉียบคมสะท้อนเป็นประกาย
ในความเป็นจริง ใบหญ้าที่โดนเหยียบย่ำอยู่บนพื้น รอยฝ่ามือบนกำแพง รอยขี้เถ้าบุหรี่ตามซอกมุมกำแพง……สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยามสังเกตได้ว่าเป็นร่องรอยของผู้มีฝีมือชั้นสูงทิ้งเอาไว้!
ถ้าเฉินเป่ยไม่ได้ค้นพบ ผู้มีฝีมือเหล่านี้ ต่อให้เข้าไปในคฤหาสน์ ก็ไม่มีใครรู้!ส่วนหลีชิงเยียนกับซูเสี่ยวหยุน ตกอยู่ในอันตราย!
เฉินเป่ยกวาดตาไปรอบๆ แววตายิ่งลุ่มลึกลงทุกที เวลาสองวันนี้ เข้าไปในคฤหาสน์ มีคนหลายคนอยู่ เยอะกว่าก่อนหน้านี้เยอะ น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าเฉินเป่ยยังไม่กลับมา จึงอาละวาด
แววตาของเฉินเป่ยเฉียบคม หลังจากที่เบนสายตาพวกยามแล้ว จึงก้มหน้าโทรหาชิงเหนียนคนนั้น“ตรวจหาว่ามีที่ไหนที่ข่มขู่ตระกูลหลี อบรมสั่งสอนพวกมันหน่อย”
“ครับ”
เฉินเป่ยผลักประตูเข้าไปในคฤหาสน์ เห็นด้านในคฤหาสน์ หลีชิงเยียนกับซูเสี่ยวหยุนกำลังสวมชุดอาบน้ำ นอนเอนกายอยู่บนโซฟาหนานุ่มตัวใหญ่ กำลังดูโทรทัศน์
หลีชิงเยียนกับซูเสี่ยวหยุนสองคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมดำขลับยาวประหลัง หยดน้ำประดุจคริสทัลเกาะบนแพผม กลิ่นน้ำยาสระผมหอมกำจาย
เฉินเป่ยกวาดตามอง หลีชิงเยียนกับซูเสี่ยวหยุนทั้งคู่ได้เปลือยน่องเรียวขาวโชว์แบบนั้น โดยที่ไม่สนใจว่าเฉินเป่ยได้ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น
“กลับมาแล้วเหรอ”ซูเสี่ยวหยุนมองไปทางเฉินเป่ยทีหนึ่ง“ดึกขนาดนี้ไปบาร์มาอีกละสิ”
“เปล่า กินเสร็จหาทางกลับมาไม่เจอ เลยเสียเวลาไปมาก”เฉินเป่ยยิ้มเก้อเขิน
“ปัญญาอ่อน”หลีชิงเยียนหยิบรีโมตขึ้นมา จ้องเขม็งไปที่โซฟา พูดตาไม่กะพริบว่า“อยู่ที่เมืองหู้ไห่มาตั้งนานยังจะหลงทาง ปัญญานิ่มเหรอ”
เฉินเป่ยเบ้ปากทีหนึ่ง เห็นได้ชัดว่า หลีชิงเยียนยังเคืองเรื่องที่เขาไม่ได้กลับมาคืนก่อน มาถึงตอนนี้ก็ยากที่จะปล่อยวาง
“ประธานหลีครับ ผมล้างเท้าให้นะครับ”เฉินเป่ยกุลีกุจอไปเอาน้ำร้อนออกมาให้หลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนส่งสายตาแปลกประหลาด แต่ไม่นานเธอก็เข้าใจ จึงแค่ยิ้มเย็นชาออกมาทีหนึ่ง ตาบ้านี่ ดูออกว่าตัวเองโกรธแล้ว ก็เลยมาเอาใจเหมือนหมา
เธอยืนเท้าสะโอดสะองออกไป เฉินเป่ยนวดคลึงเท้านั้น ปล่อยน้ำร้อนลง ความอุ่นของน้ำทำให้คิ้วที่ขมวดตึงของหลีชิงเเยียนคลายออก แล้วเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า
แต่ไม่นาน ผ่านไปไม่นาน สีหน้าของหลีชิงเยียนแดงก่ำ จ้องมองเฉินเป่ยเขม็ง ด้วยสายตาพิฆาต
“คุณทำอะไรน่ะ?!”
“รักษาโรคให้ประธานหลีไงครับ ประธานหลีไม่ได้นวดนานแล้ว”เฉินเป่ยพูดอย่างเปิดเผย