สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 140

ตอนที่ 140

บทที่ 140 ปรากฏตัวได้ทันเวลา

“ตกใจหรอ?” หลีชิงเยียนแสยะยิ้ม ดวงตาคู่สวยจับจ้องช่างกล้องไว้ รอยยิ้มเย็นชาเต็มไปด้วยการดูถูก

หลีชิงเยียนกอดอกไว้ แขกทั้งหมดที่มาทานข้าวที่ร้านอาหาร จึงรู้สึกคาดคิดไม่ถึงที่หลีชิงเยียนปรากฏตัว ผู้หญิงที่เทพธิดาแห่งโลกธุรกิจสวมแว่นดำไว้ แล้วกำลังทำตัวเหมือนคนธรรมดาแล้วนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารเดียวกัน……นี่สำหรับพวกเขา ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก!

“ฉันได้ยินมาว่าคุณยังเคยถ่ายรูปบุคคลที่ถ่ายศิลปะของร่างกายใช่ไหม?” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงเรียบ แล้วช่างกล้องคนนั้นก็ทำตัวเกร็ง ทำให้เขาตกใจจนต้องคุกเข่าลงบนพื้น

“หมิ่นประมาทท่านประธานหลี เขาซวยแน่นอน” แขกที่มาทานข้าวพูดขึ้น

“ชอบเห็นเขาหลอกหญิงสาวที่ร้านอาหารแนวนี้อยู่บ่อยๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้ผู้หญิงหลายคนมาอยู่ในมือแล้ว สุดท้ายก็ได้มาเจอกับท่านประธานหลี จะได้สั่งสอนให้หลาบจำหน่อย” คนอื่นพูดขึ้นอย่างโมโห แล้วเกือบจะปรบมือแสดงถึงความดีใจ

“ท่านประธานหลี……ผม…….คุณฟังผมอธิบายก่อน…….” ช่างกล้องคนนั้นรู้สึกกระวนกระวายเข้าแล้วจริงๆ ทำให้เหงื่อเย็นเขาแตก

เขารู้สึกเสียใจมาก…….เขาแค่เป็นช่างกล้องธรรมดาๆ คนหนึ่ง และตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา คือท่านประธานหลีในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เป็นบุคคลที่เขาผิดใจไม่ได้เลยนะ!

“ต่อหน้าท่านประธานหลี แกนินทาคนอื่นเยอะขนาดนี้ แกคงไม่ใช่คนดีอะไร หลีชิงเยียนไม่มีทางอภัยให้แกง่ายๆ แน่นอน!”

“หมาป่าที่สวมหนังแกะ แล้วยังทำเป็นบุคคลประสบความสำเร็จแล้วมาตามหลอกผู้หญิง”

หลังจากที่รู้ฐานะที่แท้จริงของหลีชิงเยียน ในร้านอาหาร มีแขกที่มากินข้าวในร้านอาหารต่างก็ก่นด่าด้วยความโมโห สีหน้าของช่างกล้องดูแย่มาก วันข้างหน้าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในแผ่นดินนี้ยังไง?

“มีอะไรน่าอธิบายอีก” หลีชิงเยียนเหลือบตามองช่างกล้อง นัยน์ตาโหดเหี้ยม แม้กระทั่งเธอไม่อยากฟังคำพูดใดๆ ของช่างกล้อง

หลีชิงเยียนหันหลัง แล้วทิ้งท้ายคำคำหนึ่งให้กับเฉินเป่ย “นายดูเองว่าจะตัดสินใจยังไง”

“ครับ” เฉินเป่ยทำสีหน้าที่นิ่งเฉย แล้วเดินไปตรงหน้าช่างกล้อง

“แกอยากทำอะไร?” ช่างกล้องรู้สึกสะดุ้งตกใจในใจทันที ทำให้เขารู้สึกถึงว่าเคราะห์ไม่ดีกำลังเกิดขึ้น

“แล้วแกคิดว่าล่ะ? ” เฉินเป่ยทำสีหน้าที่นิ่งเฉย นัยน์ตาลุ่มลึก และฉายแววของความเลือดเย็นออกมา

วินาทีต่อมา ขายาวข้างหนึ่งของเฉินเป่ยเหมือนดั่งงูพิษและฟ้าแลบนั้นกระทืบลงตรงหน้าอกของช่างกล้อง! เรือนร่างร่างหนึ่งจึงกระเด็นออกไปไกลๆ เหมือนลูกศรธนูที่หลุดออกมาจากสาย!

หลังจากนั้น ด้านนอกร้านอาหารจึงมีเสียงอันน่าเวทนาส่งมา เสียงร้องทุกข์นั้นทำให้คนรู้สึกขนลุก!

ด้านนอกร้านอาหาร ช่างกล้องกำลังอยากจะคลานไปด้วยลำตัวที่สั่นเทา กลับถูกเฉินเป่ยถีบแรงๆ ไปหนึ่งที ทำให้แขนจองเขามีเสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน สีหน้าของเขาดูน่าสงสารมาก

“ลวนลามใครไม่ลวนลาม กลับมาลวนลามภรรยาของฉัน” เฉินเป่ยเปะปะ ช่างกล้องคนนั้นถูกกระทืบจนรันทดมาก ทั้งตัวของเขาเขียวคล้ำ โดยเฉพาะส่วนหน้าของเขาบวมเหมือนหัวหมู!

เฉินเป่ยลงมืออย่างรุนแรงเกินไป คำโบราณได้กล่าวไว้ว่า ตีหน้าอย่าตีหน้า แต่เฉินเป่ยกลับจะทักทายเขาด้วยหน้า และอัดหมัดไปเต็มแรงๆ!

“แก…….แกรอไว้! ” ช่างภาพทำนัยน์ตาทั้งสองข้างที่ดูโหดเหี้ยม แล้วเปล่งประกายความโหดเหี้ยมและร้ายกาจออกมา!

“ปึง! ”

เฉินเป่ยใช้เท้ายันหน้า บนใบหน้าของช่างกล้องมีรอยรองเท้าอันหนึ่งอย่างชัดเจน!

ช่างกล้องเลือดกำเดาไหล ทำดูอาภัพจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน

สุดท้ายเฉินเป่ยก็กวาดสายตามองไปด้วยความเย็นชา จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหาร

ช่างกล้องพยายามลุกขึ้น แล้วจ้องแผ่นหลังของเฉินเป่ยไว้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและอาฆาต

เขาควักมือถือออกมา แล้วมองไปยังเลนส์กล้อง แล้วรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาทันที

และนี่ยังเป็นเขาเอง?

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่มีอีกแล้ว มันบวมเหมือนหัวหมู จมูกเขียวหน้าบวม สภาพไม่เหมือนคน!

…….

ในร้านอาหาร หลังจากที่ช่างกล้องถูกเตะออกไป แล้วทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิมเหมือนตอนแรก เฉินเป่ยกลับไปนั่งตรงที่นั่ง ทั้งสามคนเริ่มกินอาหารเมนูที่ดูน่ารับประทาน

ร้านอาหารจีนร้านนี้ทำอาหารออกมาได้น่ารับประทานมาก มีกับข้าวของหู้ไห่อยู่หลายเมนู ทำให้อาหารอร่อยมากยิ่งขึ้น เฉินเป่ยเลยรู้สึกเจริญอาหาร จากนั้นก็ใช้สายตากวาดมองอาหารที่ดูน่ารับประทานแต่ละจาน

“นายกินช้าหน่อยก็ได้” หลีชิงเยียนเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อบนใบหน้า และก็พยายามทำให้เสียงเคี้ยวอันแผ่วเบา ไอ้หมอนี่ แม้แต่กินข้าวยังเหมือนตัวเอง……

“รบกวนทุกท่านหน่อยได้ไหมครับ” จู่ๆ พวกเขาทั้งสามที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็มีเสียงอันอ่อนโยนและสุภาพบุรุษดังขึ้น แค่เห็นชายหนุ่มหล่อเหลาและมีเสน่ห์คนหนึ่งสวมใส่ชุดสูท แล้วกำลังจับแก้วไวน์ ท่าทีของเขาดูเป็นสุภาพบุรุษมาก

แค่นัยน์ตาคู่นั้นเผยความเร่าร้อนออกมา ทำให้เฉินเป่ยขมวดคิ้ว และท่าทางดูไม่พอใจ

“ท่านประธานหลี ไม่เจอกันทั้งนาน” ตั้งแต่ที่หลีชิงเยียนมีฐานะที่กระจ่างแจ้ง ฐานะตอนอยู่กินข้าวในร้านอาหารนี้ จึงไม่ได้เป็นคนธรรมดาแน่นอนอยู่แล้ว จากนั้นก็มีคนบางกลุ่มค่อยๆ รู้สึกอิจฉา แล้วคิดหาวิธีที่จะเข้าไปประจบสอพลอ

“อืม” ตอนนี้หลีชิงเยียนกำลังดื่มน้ำซุปคำเล็กๆ ทันใดนั้น ก็มีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น “ท่านประธานหลี ผมจำได้ว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ในงานเลี้ยงคืนนั้นท่านบอกกับผมว่า ท่านไม่ชอบกินน้ำซุปผักฝูหรง ทำไมตอนนี้ถึงชอบล่ะ? ”

“เหอะๆ …….” หลีชิงเยียนถูกคำพูดของชายหนุ่มทำให้ถึงกับสำลัก แล้วเธอจึงไอแรงๆ …….ภายในใจกำลังจะเป็นบ้า

ตนเองตอนอยู่ในงานเลี้ยงเมื่อแปดปีก่อนก็แค่จับอะไรมาพูดขึ้นอย่างผิวเผินเท่านั้น จนถึงตอนนี้เขากลับจำได้

“คนอื่นเขาอยากกินอะไรก็กินอันนั้น ไม่จำเป็นต้องให้แกมาคอยกังวล” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเรียบ

ชายหนุ่มกวาดสายตามองเฉินเป่ยเพียงพริบตาเดียว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชา และสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของเฉินเป่ยไม่ค่อยพอใจมากนัก จึงทำได้เพียงออกจากที่นั่น

ไม่นาน คนที่ต้องการเข้ามาคุยก็ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ แม้กระทั่งคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงบางคนยังมา ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลต้องรีบนั่งรถหรูมาที่นี่

หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนจึงทนไม่ได้กับการถูกรบกวนแบบนี้ หลังจากที่กินไม่นานก็เช็กบิลออกจากร้าน เหลือไว้แต่เพียงเฉินเป่ยที่ยังคงกินอิ่มดื่มอิ่มอยู่ในนั้น จากนั้นก็ออกจากร้านอาหารอย่างพอใจ

เพิ่งจะเดินออกจากร้านอาหาร เฉินเป่ยก็ทำสีหน้าที่เอ๋อกว่าเดิม หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนบอกเขา พวกเธอจะไปรอที่รถ สุดท้ายรถไมบัคที่จอดอยู่ข้างถนน กลับหายไปอย่างไม่มีร่องรอย!

“แม่งเอ้ย! ” เฉินเป่ยจึงอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความหยาบ ผู้หญิงสองคนนี้กลับทิ้งเขาไว้ที่นี่!

เฉินเป่ยเดินไปตามข้างถนน แล้วที่ไม่ไกลจากนั้นก็มีที่รอรถแท็กซี่ แค่เดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่กรีดร้องด้วยเสียงแหลม เสียงกำลังผ่าผ่านอากาศตอนกลางดึก แล้วส่งมาจากที่ไกลๆ

เฉินเป่ยทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที เสียงร้องขอความช่วยเหลือนี้ มันส่งมาในหูของเขา ทำให้เขารู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย

เฉินเป่ยไม่ได้รู้สึกลังเล สีหน้าเคล้าด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ส่งไปตามทิศทางที่เสียงร้องขอความช่วยเหลือส่งมา!

เสียงลมเย็นยะเยือกพัดผ่านข้างหู เฉินเป่ยเหมือนดั่งคนที่กลายร่างเป็นคมดาบ แล้วผ่าอากาศมา จากนั้นก็พุ่งมาด้านหน้าโดยเร็ว ทันใดนั้นก็พุ่งไปยังสี่แยก!

จากนั้นก็มีคนขับรถที่รอไฟจราจรอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงที่นับไม่ถ้วนต่างก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่าขึ้น ทันใดนั้น ก็มีเสียงอันบ้าคลั่งดังขึ้นตามมา จากนั้นก็พุ่งเข้ามาอย่างบ้าเลือด ทำให้พวกเขาสูดลมหายใจเย็นๆ เข้า สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง!

นั่น……เหมือนเป็นเงาคนสีดำตัวหนึ่ง……ความว่องไวนั้นน่ากลัวมาก แทบจะแวบผ่านเพียงพริบตา!

ในรถเก๋งคันหนึ่ง มีคู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังทำเรื่องที่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันอยู่ จู่ๆ พื้นก็คำรามและสั่นสะท้าน มีลมกระโชกพัดผ่านมา เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้น พวกเขาก็เห็นเงาดำในระยะไกลหายไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นคืออะไรกัน มันกลับ……เร็วขนาดนี้เลยหรอ?! ”

“นั่นคือ……สิ่งมีชีวิตอะไรกันแน่? ”

คู่รักหนุ่มสาวสองคนนั้นถูกทำให้ตกใจ ใจจึงเต้นรัวขึ้นไม่หยุด ทำให้รู้สึกตื่นเต้นกว่าตอนที่พวกเขากำลังมีอะไรกันอีก!

เฉินเป่ยรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ได้เข้าใกล้เป้าหมาย นั่นเป็นสวนสาธารณะที่ไม่ไกลจากร้านอาหาร

ตอนค่ำๆ ก็ได้เวลาตกดึก กลางสวนสาธารณะจึงปกคลุมไปด้วยสีดำ ไม่

ในกลางสวนหย่อม มีผู้ชายอายุอ่อนเยาว์คนหนึ่งที่มีหุ่นที่เซ็กซี่ได้รูปคนหนึ่ง กำลังถูกกระชากเสื้อผ้า ผิวพรรณอันขาวผ่องเหมือนหิมะ มือใหญ่ข้างหนึ่งกำลังฉีกเสื้อเชิ้ตอย่าบ้าคลั่ง

ผมดำเงานั้นยุ่งเหยิง ใบหน้าดูกระวนกระวาย ดวงตางดงามฉายแววความผิดหวัง

“ปล่อยฉัน ช่วยด้วย! ” ผู้หญิงพยายามสู้สุดชีวิต ใบหน้าที่ดูงดงามนั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา

“เรียกเถอะ สาวสวย ต่อให้ร้องจนเสียงแตกก็ไม่มีใครมาหรอก! ” เงาดำนั่นยิ้มอย่างโหดเหี้ยม “ฉันได้มาสำรวจสถานที่มานานแล้ว ต่อให้แกร้องไห้ดังยังไง นอกสวนสาธารณะก็ไม่มีคนได้เห็นอยู่แล้ว! ”

“นอกจาก” นัยน์ตาของคนคนนั้นเคล้าด้วยความเร่าร้อน ผู้ชายที่เต็มไปด้วยความต้องการทางอารมณ์กำลังใช้ดาบสั้นค่อยๆ ตบหน้าที่ขาวผ่องของอย่างเบาๆ “แกให้ความร่วมมือกับฉันดีๆ …….ฉันจะทำให้แกรู้สึกสบาย จะไม่เจ็บเลยสักนิด”

“ไสหัวไป! รอให้ปู่ของฉันรู้ ต่อให้แกหนีไปบนฟ้าหรือเหวก็ไม่มีประโยชน์! ” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม แล้วกัดฟันแน่นๆ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ฉันจะไปสนทำไมว่าปู่แกเป็นใคร ฉันแค่รู้ว่าคืนนี้แกหนีไม่รอดกำมือฉันหรอก” ผู้ชายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และเริ่มถอดเสื้อตัวหลวม ไม่นาน สาวใช้ที่เปราะบางคนนั้นก็เหลือแต่เพียงสิ่งที่ปกคลุมจุดลับ

“ปู่ของฉันเป็นข้าราชการคนใหญ่คนโตของเยี่ยนจิง……แกทำแบบนี้ไม่ได้……ปู่ฉันรู้แล้วไม่มีทางปล่อยแกไปแน่นอน! ” ผู้หญิงตะโกนด้วยเสียงแหบ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง……ยิ่งไปกว่านั้นคือความเสียใจ

“ฉึก! ” จากนั้นผู้ชายก็ยื่นมือกำลังจะไปกระชากเสื้อผ้าที่ปิดจุดลับ แล้วจึงได้ยินเสียงฉีกขาดดังขึ้นชัดเจน ผ้าแผ่นนั้นที่กำลังปิดจุดลับก็ถูกฉีกเป็นเศษผ้า

ผู้หญิงหลับตาคู่สวยลง แล้วกำลังละทิ้งความหวัง

ผู้ชายหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม แล้วกดลำตัวลงขึ้นบนเรือนร่างผู้หญิง

แต่เวลานี้ ในสวนสาธารณะที่ไม่ได้แม้แต่ต้นไม้ถูกลมพัด ก็มีเสียงของใบไม้ดังขึ้น

ผู้ชายทำสีหน้าที่เย็นชา แล้วก็สามารถสัมผัสได้ว่ามีความเย็นยะเยือกหนึ่งส่งมาอย่างแปลกพิลึก แล้วกำลังปกคลุมไปทั่วที่นี่

“ใคร! ” ผู้ชายพูดด้วยเสียงเข้ม แล้วกำลังจับดาบบนพื้น สีหน้าดูป้องกันตัว

จู่ๆ ผู้ชายก็รู้สึกขนลุก แล้วก็มีแสงสีดำสว่างขึ้น จากนั้นก็แวบออกมาอย่างเงียบๆ จากสถานที่มืดมิดที่ไร้ขอบเขต แล้วยิงไปที่ด้านหลังของชายคนนั้นอย่างรุนแรง!

“ฉึก! ”

รอให้ผู้ชายคนนั้นได้สติกลับมาก็สายเกินไปแล้ว จากนั้นก็มีดาบทรงฟันมังกรทำให้แสงสีดำที่เหมือนฟ้าแลบ แทงทะลุเรือนร่างของผู้ชาย ทำให้เลือดหลั่งไหลออกมา!

จากนั้นก็มีเรือนร่างคนคนหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกลๆ สีหน้าดูโหดเหี้ยม และก็มีเสียงสะท้อนอันเรียบเฉยและเย็นชาดังขึ้นในสวนสาธารณะ “หาที่ตายหรือไง! ”

ผู้ชายหันหลังไป แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เห็นใบหน้าของคนที่เต็มไปด้วยความอาฆาต จึงนิ่งงันไป

ในสวนสาธารณะเต็มไปด้วยความมืดมิด เธอแค่พึ่งพาแสงจันทร์อ่อนๆ มองใบหน้านั้น แล้วเห็นเพียงหน้าที่ไม่ชัดเจน

ทว่าเธอจำใบหน้านี้ได้อย่างชัดเจน สีหน้าของเธอตกตะลึง ต่อให้นึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าการปรากฏตัวของเขา คือได้การมาช่วยชีวิตตน!

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท