สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 132

ตอนที่ 132

แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน

บทที่ 132 ผู้บัญชาการมาเยือนถึงที่ด้วยตัวเอง

เฉินเป่ยไม่ได้ไปสนใจพูดถึงดูถูกของ รปภ. เขาเงยหน้าแล้วมองตึกสูงจนแตะก้อนเมฆที่เป็นตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป

แม้แต่เขายังไม่ได้หน้าแดง เหมือนเมื่อกี้เรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องปกติ ภายในใจของเขาไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจเลยสักนิด

จากนั้น เขาก็หันหลังเดินจากไป

“ผมก็คิดว่าเขาจะปีนจริงๆ ซะอีก” รปภ.สองคนนั้นเห็นเฉินเป่ยเดินจากไป ก็เผยยิ้มออกมา แล้วเอ่ยพูดอย่างแปลกใจ

“คนเหนือมนุษย์ก็ยังปีนไม่ขึ้น แล้วเขา? ก็คงจะปีนขึ้นไปตอนฝันเท่านั้น”

“อย่าพูดแบบนี้เลย ระวังถ้าเขาได้ยิน เขาเป็นตั้งสามีของท่านประธานหลีเลยนะ”

“ชิ ก็แค่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลคนหนึ่ง จะดีเลิศเลอขนาดนั้นได้ยังไง” รปภ.ทั้งสองจึงสนทนากันไปมา แล้วค่อยๆ พูดขึ้นอย่างไร้ยางอายขึ้นมา

เฉินเป่ยหยุดฝีเท้าลงแล้วกระตุกมุมปากจนทำให้ริมฝีปากโค้งขึ้น

ไม่นาน เฉินเป่ยก็หายตัวไป แล้วปรากฏตัวอยู่ในประตูหลังอีกบานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ที่นี่เป็นประตูที่ใช้ในการขนของของบริษัท

เฉินเป่ยเงยหน้าขึ้น แล้วมองตึกสูงที่หรูหราตึกนี้ จู่ๆ ขาทั้งสองข้างก็กระโดดขึ้น ทั้งตัวของเขาจึงกระโดดขึ้นสูงๆ!

จากนั้นตรงพื้นดินก็เกิดเรื่องสั่นสะเทือน เฉินเปิ่ยเป็นเหมือนลูกธนูที่ดีดออกจากสายธนู จากนั้นก็ลอยอยู่บนอากาศ!

แม้กระทั่ง แรงของขาของเฉินเป่ยน่ากลัวเกินไปจริงๆ พื้นดินยังถูกแรงกระแทกของเขาทำให้ยุบ และกลายเป็นรูที่ลึกลงไป ข้างบน……ยังมีรอยรองเท้าหนึ่งคู่ที่เห็นอย่างชัดเจน!

ทันใดนั้น ก็มีพนักงานขนของอยู่มากมายต่างก็รู้สึกตกตะลึง แต่ละคนจึงเดินออกไปมองความผิดปกตินี้

“โอ้พระเจ้า นั่นมันคนเหนือมนุษย์หนิ! ” จู่ๆ ก็มีคนอุทานขึ้นด้วยเสียงตกใจ! เขาสามารถลอยตนไปถึงชั้นบนของตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปได้

จากนั้นก็มีคนไม่น้อยมองไปยังทิศทางนิ้วชี้ของเขา ระหว่างนั้นก็เห็นเงาดำที่คืบคลานอยู่บนกระจกของตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปกำลังไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว!

มีคนนับไม่ถ้วนกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ทันที สีหน้าดูตกตะลึง…..นี่มัน…..ตัวอะไรกัน? เป็นคนหรอ?!

พนักงานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปต่างก็มองฉากฉากนี้อย่างเหม่อลอย อีกทั้งยังมีคนไม่น้อยที่เอามือถือออกมาถ่าย ทว่าเงาดำนั้นว่องไวมาก รอให้เอามือถือถ่ายไว้เสร็จก็เห็นแม้ภาพที่ไม่ชัดเจน แค่รู้สึกเหมือนเป็นเงาคนสีดำเท่านั้น

“คนปกติจะสามารถปีนขึ้นไปได้ยังไง งั้นเป็นมุมที่เป็นเส้นตรงลงมา อีกอย่างกระจกก็ลื่นขนาดนั้น…..” คนวัยกลางคนหนึ่งที่เจออะไรมากมายก็พึมพำขึ้น ตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปใช้กระจกใสสร้างขึ้นทั้งหมด ต่อให้เป็นจิ้งจกหรือแมลงวันยังปีนยากเลย…..ตอนนี้กลับมีเงาคนหนึ่งสามารถปีนขึ้นไปได้!

ไม่เพียงแต่แบบนี้ คนคนหนึ่งมีน้ำหนักที่หนักขนาดนั้น ต่อให้ไม่ได้ทำให้กระจกเกิดรอยแตก…..แต่นี่มันกำลังขัดกับกลไกทางฟิสิกส์อยู่!

ถ้าบนโลกใบนี้ผู้ที่เป็นนักวิจัยฟิสิกส์ที่เก่งกาจที่สุดมาเห็นฉากฉากนี้ ก็คงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ และคงจะสงสัยในสิ่งที่ตัวเองได้วิจัยออกมาทั้งชีวิตนี้!

ภายในออฟฟิศของท่านประธาน หลีชิงเยียนจึงนั่งอยู่บนเก้าอี้ออฟฟิศ ผมยาวอันเงาดำพาดอยู่ตรงไหล่ ใบหน้าที่สวยและเรียบเนียนนั้นเผยความเย็นชาและโมโหออกมาไม่หยุด

“ไอ้คนเลวนี้! ” หลีชิงเยียนกัดฟัน เธอเป็นห่วงไอ้หมอนั่นมาทั้งคืน แม้แต่หลับยังไม่ได้หลับดีๆ สุดท้ายกลับรู้ว่าไอ้หมอนั่นไปดื่มด่ำอยู่ที่บาร์!

ซูเสี่ยวหยุนนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ แล้วกอดอกไว้ ความโมโหภายในใจยากที่จะลบร้าง

“คุณดักให้เขาอยู่ข้างนอก ไม่คิดว่าจะให้อภัยเขาหรอ? ” ซูเสี่ยวหยุนถามขึ้น

“อภัยให้ไอ้หมอนี้ทำไม ยังไงมีเขาอยู่ก็เหมือนไม่มี ไม่มีเขาก็อยู่ได้” หลีชิงเยียนพึมพำด้วยเสียงเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ย่ำแย่

“ไอ้หมอนี่ รนหาที่ตายจริงๆ กลับวิ่งไปนอนค้างคืนที่บาร์! ” ซูเสี่ยวหยุนพูดด้วยความโกรธเคือง

“วันนี้ถ้าเขาปีนขึ้นมาไม่ได้ ตั้งแต่วันนี้อย่าคิดว่าให้ได้รับการให้อภัย! ” หลีชิงเยียนพูดด้วยความเย็นชา

“งั้นถ้าเขาปีนขึ้นมาได้ล่ะ? ”

“งั้นฉันจะให้อภัยเขาทันที” หลีชิงเยียนพูดขึ้นอย่าไม่ลังเลและไม่ยั้งคิด

“ทำไม คุณรู้สึกว่าเขาสามารถปีนขึ้นมาได้หรอ? ” หลีชิงเยียนมองไปยังซูเสี่ยวหยุน แล้วยิ้มพูดด้วยเสียงเบา “ซูเสี่ยวหยุน คุณฝันกลางวันแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ทุกอย่างไม่กลัวว่าสิ่งที่คาดคิดถึงจะเกิดขึ้นเป็นครึ่งครั้ง แต่ว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดจะเกิดแค่ครั้งเดียว” ซูเสี่ยวหยุนทำสีหน้าที่หนักใจ เหมือนกำลังตั้งใจพิจารณาเกี่ยวกับปัญหานี้

“ถ้าเขาสามารถปีนกระจกข้างนอกนี้ขึ้นมาจริงๆ ให้ฉันยกน้ำมาล้างเท้าให้เขาก็ได้” หลีชิงเยียนจึงเบะปากทรงสวย แล้วน้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“นี่คุณพูดเองนะ” ซูเสี่ยวหยุนคลายยิ้ม

หลีชิงเยียนเพิ่งจะเอ่ยจบ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามาเถอะ” หลีชิงเยียนพูดขึ้น

ประตูออฟฟิศจึงถูกผลักออก ก็เห็นเรือนร่างที่คุ้นเคยเดินเข้ามา

หลีชิงเยียนทำนัยน์ตาที่เปล่งประกายด้วยความไม่น่าเชื่อ นัยน์ตาคู่นั้นเบิกกว้าง และเปล่งประกายความสงสัยออกมา

ซูเสี่ยวหยุนเงยหน้าขึ้น หลังจากที่มองเห็นเฉินเป่ย ใบหน้าสวยๆ คาดคิดไม่ถึง เหมือนเธอกำลังเห็นผี

จู่ๆ ซูเสี่ยวหยุนจึงเรียกด้วยเสียงตกใจ แล้วมองเฉินเป่ย จากนั้นก็พูดขึ้น “เฉินเป่ย?! ”

เฉินเป่ยหัวเราะเหอะๆ หลีชิงเยียนเหมือนกำลังตาฝาดไป ใบหน้าดูเหม่อลอย และจับจ้องเฉินเป่ยไม่หยุด จากนั้นก็พึมพำ “ไม่มีทางเป็นไปได้……นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้……”

“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเรียบ

“คุณ…..” หลีชิงเยียนขึงตาดวงสวยขึ้น แล้วมองท่าทางแบบนี้ของเฉินเป่ย กลับเป็นท่าทางที่ดูหน้าด้านขนาดนั้น!

“คุณยังมีหน้ามายืนที่นี่อีก? ” หลีชิงเยียนเอ่ยพูดด้วยความเย็นชา บรรยากาศของออฟฟิศจึงต่ำลงทันที จากนั้นความเย็นยะเยือกจึงครอบคลุมสภาพอากาศของที่นี่

“อือ……” เฉินเป่ยทำสีหน้าที่ลำบากใจ ภายในใจรู้สึกหม่นหมองเล็กน้อย ให้ตายเถอะ…..ก่อนหน้านี้ตัวเองช่วยเธอไว้ แล้วพยายามขัดขวางอุปสรรคทุกอย่าง สุดท้ายหลีชิงเยียนกลับไม่รู้จักซาบซึ้งใจ แม้แต่สีหน้าที่ดียังไม่ให้เขาเห็น!

“ท่านประธานหลี คุณฟังผมอธิบายก่อน…..” เฉินเป่ยยิ้มอย่างเบิกบาน แล้วเข้าไปใกล้เธออย่างหน้าด้าน

“อธิบาย? ” หลีชิงเยียนแสยะยิ้มอย่างเย็นชา มือเรียวยาวและขาวผ่องเหมือนหยกกำลังเขียนเอกสารอยู่ จากนั้นก็โยนใส่เฉินเป่ยอย่างเต็มแรง ใบหน้าสวยเผยไฟแห่งความโมโหออกมา “ไสหัวไป ไอ้สารเลว! ”

หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่แดงก่ำ ไม่รู้ว่าถูกเฉินเป่ยทำให้เครียดหรือเพราะคำพูดเมื่อกี้ของตัวเองกำลังตบหน้าตัวเองอยู่ ทำให้ใบหน้าของเธอแดงมาก

เฉินเป่ยเป็นคนที่มือไว เขาเลยรับแฟ้มเอกสารไว้ หลีชิงเยียนจึงยืดอกที่อวบอิ่มสูงขึ้น ทำให้กลายเป็นรูปทรงที่ยั่วยวนคนอื่น

“ไสหัวไป! ถ้ายังไม่ไสหัวไป ฉันจะเรียกรปภ.มาไล่คุณออกไป! ” หลีชิงเยียนตำหนิด้วยเสียงเย่อหยิ่ง

หลังจากนั้น เฉินเป่ยจึงนั่งอยู่ตรงหน้าออฟฟิศด้วยความน่าเวทนา และรู้สึกหม่นหมองใจมาก

และยังโชคดีที่เป็นหลีชิงเยียนที่ไล่เขาออกมา ถ้าเป็นคนต่างชาติ ต่อหน้าเฉินเป่ย คิดว่าไม่มีใครกล้าโวยวายกับเขาแบบนี้!

ในออฟฟิศของท่านประธาน หลีชิงเยียนกัดฟันกรอด ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆ ก็ปลอบโยนเธอ “ผู้ชาย ยังไงต้องคงมีไม่กี่วันที่ทนไม่ไหว อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

หลีชิงเยียนพึมพำด้วยเสียงเย็นชา แล้วพูดสวนกลับ “สถานที่ที่มั่วสุมแบบนั้น เขายังสามารถอยู่ในนั่นหนึ่งวันหนึ่งคืน คุณรู้ได้ยังไงว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น? ”

หลีชิงเยียนพูดคำพูดที่เย็นชาออกมาหนึ่งประโยค “ถ้าเขากล้าไปที่แบบนั้นอีก ฉันจะตัดอัณฑะของเขา! ”

ตอนนี้ เฉินเป่ยยังคงเอาตัวแนบชิดกับประตูออฟฟิศ และกำลังแอบฟังคำสนทนาในออฟฟิศ

ตอนที่ได้ยินหลีชิงเยียนพูดคำพูดที่อาฆาตแบบนี้ เฉินเป่ยจึงรู้สึกหนาวจนตัวสั่นไปทั้งตัว แล้วรู้สึกเย็นยะเยือกตรงท่อนล่าง

…….

ในกลาโหมโซนของหู้ไห่ ภายในออฟฟิศแห่งหนึ่ง มีผู้บัญชาการยืนอยู่ข้างหน้าต่าง นัยน์ตาแววใสดูลุ่มลึกมา เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอย่างเงียบๆ

ในออฟฟิศ มีเสียงมือถือดังขึ้นอย่างเร่งเร้า จากนั้นผู้บัญชาการเงยหน้าขึ้น แล้วกวาดไปยังโทรศัพท์ออฟฟิศ แล้วเปลี่ยนนัยน์ตาที่ลุ่มลึก กลายเป็นนัยน์ตาที่เย็นชา

ผู้บัญชาการรับสาย จากนั้นในสายก็ดังขึ้น “ไม่มีเงื่อนงำอะไร หลีชิงเยียนเป็นคนเยี่ยนจิง และเกิดในตระกูลหลีแห่งเยี่ยนจิง ทว่าไม่ได้ไปมาหาสู่กับคนต่างชาติบ่อยๆ และไม่มีเหตุใดอะไรที่ให้เขาไปประกันตัว”

ผู้บัญชาการทำสีหน้าที่ยิ่งอยู่ยิ่งเลือดเย็น ต่อให้พวกเขาจะเป็นน่าสืบที่ทรงพลังที่สุดของกลาโหมโซนของหู้ไห่ ก็ยังไม่สามารถตรวจสืบเหตุผลใช่ไหม? ”

“แล้วคนที่อยู่รอบตัวเธอล่ะ? ”

“ดูปกติทุกคน มีแค่คนที่เรียกว่าเฉินเป่ย มีที่มาที่ไปที่ไม่ชัดเจน สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวกับเขานั้นไม่มีอะไรเลย เหมือนจะถูกลบทิ้งหมด” เสียงทางโน้นดังขึ้นจากสาย นัยน์ตากลายเป็นน้ำเสียงที่แปลกพิลึกและรู้สึกกลัวขึ้นมา

“ลบทิ้ง? ” ผู้บัญชาการทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก แล้วสูดลมหายใจเย็นๆ เขาลึกๆ ลำตัวสั่นเทา!

“ทำไมแล้ว ผู้บัญชาการ? ”

“เรื่องนี้ตามนี้ไปก่อน ห้ามหลุดออกไปแม้แต่นิดเดียว ทำเป็นไม่เคยเกิดอะไรขึ้น” ผู้บัญชาการกำชับขึ้น

“ทำไม นั่นเป็นสวะคนหนึ่งของตระกูลหลีเชียว แล้วเป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูล ฐานะที่มาก็ไม่ชัดเจน” ทางสายพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

“คุณไม่ต้องรู้อะไรมากมาย แค่ทำแบบนี้ลงไปก็พอ ไม่งั้นคุณอาจจะซวยจนถูกฆ่าตาย! ” ผู้บัญชาการพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วพูดด้วยการตักเตือน

“ครับ” คำพูดของที่คนที่พูดในสายหยุดลง แค่ลูกเขยที่แต่งเข้าฝ่ายหญิงคนหนึ่ง จะสามารถนำพาภัยอันตรายอะไรมาได้?!

หลังจากที่วางสายไป สีหน้าของผู้บัญชาการแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ

เขาเคยได้ยินบางอย่างที่ถูกลือจากเยี่ยนจิง แต่ก่อนเยี่ยนจิงเคยฝึกฝนหน่วยงานลับพิเศษ……ไม่มีชื่อ ไม่มีฐานะ เหมือนเป็นแค่วิญญาณร้ายในบนโลกนี้!

คนพวกนี้เหมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ ร่องรอยทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้ของพวกเขาจะถูกลบร้างไปหมด!

ทว่า นั่นเป็นเพียงข่าวลือที่เป็นเพียงข่าวเล็กๆ ของเยี่ยนจิงเท่านั้น ไม่มีใครเคยไปทำการตรวจสอบ ความน่าเชื่อถือต่ำมาก

ผู้บัญชาการยังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตาจับจ้องไปยังนอกหน้าต่าง สีหน้าดูไม่สื่ออารมณ์อะไรออกมาอย่างชัดเจน

ข้อมูลไฟล์ต่างๆ ของคนคนหนึ่งถูกลบลงไปหมด วิธีแบบนี้แม้แต่เขายังไม่สามารถทำได้

คนที่ชื่อเฉินเป่ย ก็แค่ลูกเขยที่แต่งเข้าฝ่ายหญิง ถึงตอนนี้ยังดูไม่มีความน่าแปลกอะไร ในตัวเขาหรือจะมีความลับอะไรแอบซ่อนอยู่?

ผ่านไปสักพัก ผู้บัญชาการจึงเดินออกจากออฟฟิศ แล้วพูดด้วยเสียงเข้ม “ไปเตรียมรถให้ฉันหนึ่งคัน แล้วรีบมุ่งหน้าไปยังบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป! ”

“ครับ! ” จู่ๆ ก็มีทหารคนหนึ่งรับคำบัญชา ไม่นาน ก็มีรถไมบัคสีดำขับออกจากลานจอดรถใต้ดิน จากนั้นก็จอดตรงหน้าผู้บัญชาการ

ผู้บัญชาการนั่งลงในรถ รถไมบัคสีดำขับเคลื่อนขึ้น แล้วกลายเป็นภาพลวงตาสีดำ จากนั้นก็ขับไปยังถนนที่อยู่แสนไกล และขับเคลื่อนไป

…….

“ปัง! ”

ประตูออฟฟิศถูกเปิดออก หลีชิงเยียนเปิดประตูออก แล้วเห็นเฉินเป่ยนั่งยองๆ อยู่ตรงประตู สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ท่านประธานหลี ผมรอคุณมาครึ่งวันแล้ว” เฉินเป่ยยิ้มอย่างประจบ รอยยิ้มนั้นดูเอาใจเธอมาก

หลีชิงเยียนไม่ได้ให้สีหน้าที่ดีกับเฉินเป่ย แล้วทำเสียงเย็นชาในลำคอ จากนั้นก็ออกจากออฟฟิศ

ทันใดนั้น ซูเสี่ยวหยุนก็เดินออกจากออฟฟิศ แล้วก็เดินเคียงไหล่กับหลีชิงเยียน พวกเธอพูดคุยเล่นกันอย่างมีความสุข

ทั้งสองกำลังคุยกันว่าจะออกไปกินอะไร

เฉินเป่ยจึงตามหลังพวกเธอไปอย่างไม่มีศักดิ์ศรี เขาดูน่าเวทนาจนชิงเหนียนรูปหล่อไม่กล้าเชื่อ ราชาหลงผู้ยิ่งใหญ่ กลับมีเวลาที่กลายเป็นคนที่ต่ำต้อยด้วย!

เฉินเป่ยเหมือนขี้ข้าคอยติดตามสองคนนั้นไป ทว่าหลีชิงเยียนกับซูเสี่ยวหยุนไม่ได้เห็นว่าเขามีตัวตนอยู่เลย รอบข้างก็มีพนักงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจับตามอง ทุกคนต่างก็แอบหัวเราะเยาะ

“ไงล่ะ นี่ก็คือจุดจบของขี้ประจบ ฉันว่าแล้ว ท่านประธานหลีจะไปชอบเขาได้ยังไง! ”

“ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นสามีของท่านประธานหลีอีก บอกว่าเป็นคนใช้ยังถือว่าพอรับได้”

สายตาของแต่ละคนเผยความเย้ยหยันดูถูกออกมา เฉินเป่ยกลับทำสีหน้าที่นิ่งเฉย เขาได้ชินกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ไปนานแล้ว

หลังจากที่ออกจากตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เฉินเป่ยก็เดินไปขับรถที่ลานจอดใต้ดินอย่างขยัน

พอเห็นเฉินเป่ยที่วิ่งช้าๆ ไปยังลานจอดรถ ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆ จึงพูดและยิ้มขึ้น “คุณเห็นท่าทีที่เขารู้สึกผิดก็ดีอยู่ไม่ใช่หรอ”

หลีชิงเยียนทำเสียงเย็นชาในลำคอ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอยังคงไม่ได้หายโกรธ

ทันใดนั้นก็มีรถไมบัคสีดำปรากฏอยู่ตรงท้ายถนน จากนั้นก็ขับเคลื่อนมา เหมือนเป็นแสงของฟ้าแลบสีดำ!

รถไมบัคสีดำคันนี้ดูวางอำนาจเกินไป จากนั้นก็พุ่งมาที่นี่โดยตรง ไม่แม้แต่จะสนใจรถจราจรและกฏของจราจรเลย

จากนั้นเจ้าของรถนับไม่ถ้วนต่างก็รู้สึกโมโห นี่มันเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก!

ทว่าตอนที่พวกเขาเห็นป้ายทะเบียนรถไมบัคสีดำ ทันใดนั้นก็อยู่อย่างเงียบกริบ สีหน้าดูขาวซีด!

ทั้งถนนสายนี้ จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ และปล่อยให้รถไมบัคสีดำคันนี้ขับเคลื่อนไปตามอำเภอใจ

จู่ๆ รถไมบัคจึงลดความเร็วลง แล้วค่อยๆ จอดลงตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป

ทันใดนั้น ก็มีผู้ชายที่ใส่ชุดทหารสีเขียวออกมา ทั้งเรือนร่างเต็มไปด้วยความสง่าและองอาจ ทุกก้าวของเขาเหมือนกำลังกระแทกลงตรงกลางใจของทุกคน ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่น!

ผู้ชายกวาดสายไป สีหน้าดูลุ่มลึกเหมือนกำลังตามหาอะไรอยู่

สายตาของผู้ชายจึงหยุดอยู่ที่หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุน จากนั้นก็เดินไปหาพวกเธอด้วยก้าวใหญ่

หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ในใจจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท