บทที่ 139 เจ้าตัวปรากฏตัว
เสียงตบครั้งนี้ดังและฟังชัดจนไม่มีใครเทียบเทียม จู่ๆ เฉินเป่ยก็รู้สึกโมโห และใช้ฝ่ามือตบหน้าช่างภาพ!
ช่างภาพจับแก้มที่แดงก่ำ แก้มหนึ่งข้างบวมขึ้นมาทันที เฉินเป่ยตบหน้าเขาหนึ่งทีก็ทำให้แก้มของเขาร้อนระอุขึ้นมา
ทันใดนั้น ก็มีแขกของร้านอาหารต่างก็จับจ้องมาที่เขา
“แกกล้าตบฉัน?! ” ช่างภาพจับแก้มที่แดงก่ำไว้ แล้วกัดฟัน “แกรู้ไหมว่าฉันคือใคร?! ”
“ฉันไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์กับหลีชิงเยียน แล้วยังเป็นน้องชายบุญธรรมของภรรยาผู้กำกับของสถานีตำรวจด้วย แล้วแกคือตัวอะไร กลับกล้ามาตบฉัน! ” ช่างภาพฟังด้วยน้ำเสียงโมโห แล้วใช้นัยน์ตาเย็นชาจับจ้องเฉินเป่ย
เฉินเป่ยทำสีหน้าที่เรียบเฉย “ฉันตบแกไง”
“ดี งั้นแกรอฉันไว้! ” ช่างภาพพูดข่มขู่คำคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม จากนั้นก็หันไปมองหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุน แล้วพูดขึ้น “ทั้งสองท่าน ไม่งั้นเราเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอื่นมาคุยกันเถอะ ถึงเวลาฉันจะให้มันชดใช้ในสิ่งที่ทำ”
“ชดใช้? ” เฉินเป่ยหัวเราะด้วยเสียงดูถูก และหลีชิงเยียนก็ทำสีหน้าที่เย็นชาอย่างมาก จากนั้นก็มองไปยังช่างภาพ แล้วเผยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
“เขากลับรู้จักหลีชิงเยียนด้วย? หรือเขามีที่มาที่ไม่ธรรมดา? ”
“โกหกหรือเปล่า ภรรยาของผู้กำกับเป็นเทพมังกรที่ไม่เคยโผล่ให้เห็นหางมาตลอด ได้ข่าวว่าแม้แต่เหล่านายกเทศมนตรียังไม่มีโอกาสได้เจอ เขาจะรู้จักได้ยังไง? ”
ทันใดนั้น ก็มีคนที่อยู่ในร้านอาหารสุดท้ายต่างก็วิจารณ์ขึ้น ช่างภาพจับแก้มไว้ สีหน้าเคล้าด้วยความโหดเหี้ยมและความเย็นชา
“กล้าตบฉัน แกจบแล้ว! ” ช่างกล้องจึงทำน้ำเสียงที่เย็นชา
เฉินเป่ยหันหน้าไปแล้วมองหลีชิงเยียน จากนั้นก็ฝืนยิ้มขึ้น “เขาบอกว่าเคยถ่ายรูปให้ท่านประธานหลี คุณเชื่อไหม? ”
หลีชิงเยียนถอดแว่นดำลง จากนั้นก็กระตุกมุมปากที่แดงฉ่ำขึ้น เหมือนกำลังขี้เกียจไปสนใจเฉินเป่ย
“ท่านประธานหลีมีหน้าตาที่ถล่มเมืองแบบนี้ เขายังเคยถ่ายรูปให้หลีชิงเยียนด้วยหรอ? ” ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มพลางพูดขึ้น
ช่างภาพคนนั้นจับแก้มของตัวเองไว้ พอได้ยินซูเสี่ยวหยุนพูดแบบนี้ จึงเงยหน้าแล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง “แน่นอน ฉันเป็นช่างภาพที่หลีชิงเยียนเรียกใช้ตลอด ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอมาก ดังนั้นเลยมีสิทธิ์ถ่ายรูปบุคคลที่ให้เห็นศิลปะทางร่างกายของเธอ”
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ ซูเสี่ยวหยุนที่ทำสีหน้าที่หม่นหมอง ใบหน้าที่สวยงามเผยความไม่พอใจออกมา ฟันขาวของเธอกัดแน่น
และแขกที่มาทานข้าวแล้วไม่รู้เรื่องอะไรต่างก็รู้สึกตกตะลึง ภาพบุคคลที่โชว์ศิลปะของร่างกาย……ของหลีชิงเยียน ทำให้พวกเขาต่างก็คุยกันอย่างวุ่นวาย!
“ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม หลีชิงเยียนเป็นคนดังของเมืองหู้ไห่ กลับภาพรูปประเภทนี้?! ”
“โอ้พระเจ้า ยากมากที่หลีชิงเยียนจะเป็นเทพธิดาที่บริสุทธิ์ผุดผ่องของเมืองหู้ไห่ สุดท้ายกลับไอ้เลวนี้ถ่ายรูปบุคคลที่ให้เห็นถึงศิลปะของร่างกาย? ไม่น่าเชื่อ! ”
ท่านใดนั้น ในร้านอาหารจึงมีเพลงเพลงหนึ่งที่เสนาะหูเปิดดังขึ้น ทันใดนั้นก็ทำให้เสียงวิจารณ์ของแขกที่ห้องอาหารถูกปกคลุม ทีแรกแขกที่มาทานอาหารแล้วไม่ได้สนใจเขา ความจดจ่อของพวกเขาจึงถูกดึงดูดทันที นัยน์ตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปยังช่างภาพคนนั้น
ช่างภาพคนนั้นก็ถูกสายตาของคนนับไม่ถ้วนจับจ้อง ยืนอยู่ที่ไกลๆ และจับแก้มของตัวเอง แล้วเผยใบหน้าที่เย่อหยิ่งออกมา! จากนั้นก็มองผู้หญิงทั้งสองคนนั้นพร้อมกับยิ้มพลางพูดขึ้น “ถ้าทั้งสองท่านยินยอม ผมสามารถถ่ายรูปภาพบุคคลที่ดูดีและยอดเยี่ยมที่สุดให้พวกคุณได้ จากนั้นก็แนะนำแมวมองให้ แล้วพวกคุณจะได้กลายเป็นคนดังในเมืองหู้ไห่โดยเร็ว! ”
“ฟังแล้วเหมือนจะน่าสนใจ” ซูเสี่ยวหยุนอดกลั้นรอยยิ้ม แล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่ทำให้เสน่ห์และความเป็นคุณภาพลดน้อยลง
“อย่ากินแล้ว เราเปลี่ยนร้านกันเถอะ” เฉินเป่ยสังเกตเห็นถึงหลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ไม่ค่อยปกติ จึงเบะปากพูดขึ้น
“จะไปหรือไม่ไปก็เรื่องของสองสาว ไม่ได้เกี่ยวกับนาย นายจะไป ก็ไสหัวไปเอง! ” ช่างภาพคนนั้นทำเสียงเย็นชาในลำคอ แล้วแสยะยิ้มขึ้น
“เพี๊ยะ! ”
ช่างภาพเพิ่งจะพูดจบ เฉินเป่ยก็ตบหน้าเขาทันทีอีกครั้ง! แก้มของช่างภาพบวมขึ้นอีกครั้ง เขาจับแก้มเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ แล้วรู้สึกโมโหเป็นไฟ!
“แกไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ ใช่ไหม! แกรู้ไหมว่าฉันแค่โทรออกสักสายก็สามารถทำให้แกไปอยู่ในคุกตลอดชีวิต! ” ช่างภาพทำนัยน์ตาทั้งสองข้างที่ดูโมโห แล้วพูดด้วยเย็นชา
“เหอะ” เฉินเป่ยยิ้มอย่างดูถูก “คุก? งั้นแกรู้ไหมว่าตอนนี้คำพูดที่แกพูด มันทำให้แกไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ของพรุ่งนี้ในเมืองหู้ไห่แน่นอน”
เฉินเป่ยทำสีหน้าที่นิ่งเฉย และช่างภาพคนนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “ทำให้ฉันไม่เห็นแสงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ในเมืองหู้ไห่……แกคิดว่าตัวเองคือใคร? ”
“ฉันก็คือสามีของหลีชิงเยียนไง” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเรียบเฉย แล้วพูดคำคำนี้ออกมา
เฉินเป่ยพูดแบบนี้ออกมาปุ๊บ ก็ทำให้หลีชิงเยียนที่อดทนอยู่ยิ่งโมโหกว่าเดิม……ดวงตาคู่สวยจ้องมองเฉินเป่ย กำลังเผยความเย็นชาที่ดูนิ่งเฉย ไอ้หมอนี่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?
ตัวเองได้เตือนเขาไปนานแล้วว่าห้ามให้เขาพูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาตอนอยู่ข้างนอก ไอ้หมอนี้ ตอนนี้กำลังไม่สนใจอะไรสักอย่าง!
ในร้านอาหาร หลังจากที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบกริบไปเพียงเวลาสั้นๆ ช่างภาพก็ยิ้มอย่างดูหมิ่น “ไม่ฉี่ราดก้มหน้าส่องดูตัวเองหน่อยหรอ ว่าตัวเองเกิดมาหน้าตายังไง กลับกล้าพูดว่าตัวเองเป็นผู้ชายของท่านประธานหลีอย่างหน้าไม่อาย แกดื่มเหล้าจนเมาหรือเปล่า? ”
“ฉันยังได้ยินว่า สามีของหลีชิงเยียนเป็นไอ้สวะที่แต่งเข้าตระกูลของเธอ ทั้งวันก็เอาแต่ไปซื้อผักทำอาหาร แล้วทำงานบ้าน…….ที่แท้แกนี่เองที่ยินยอมว่าตัวเองเป็นไอ้สวะ” ช่างภาพตำหนิด้วยเสียงอันน่าแปลกพิลึก
“ก็ยังดีกว่าแกที่ตาบอด” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเรียบ ทำให้คนที่มาทานข้าวในร้านอาหารยิ่งทำสีหน้าที่คาดไม่ถึงกว่าเดิม
ใครก็นึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะยอมรับออกมาแบบนี้ ไม่เพียงแต่ชอบหลีชิงเยียน แล้วยังยอมทำตัวต่ำต้อยถึงขนาดนี้?
แท้จริงแล้ว ถ้าพวกเขารู้ว่าเฉินเป่ยเคยทำเรื่องมากมายเพื่อหลีชิงเยียน จึงจะถูกทำให้ตกใจแน่นอน
พวกเขายากที่จะคาดคิดถึง เฉินเป่ยต้องเผชิญหน้ากับหลีชิงเยียนด้วยท่าทีภายในใจที่ดีขนาดนี้ และยอมเสียสละเพื่อเธออย่าเงียบๆ แบบนี้ นับว่าเป็น “ขี้ข้า” จริงๆ
ทว่าถ้าพวกเขารู้ว่าผู้บุญคุณที่ชีวิตเธอในครั้งนั้นตอนหลายปีก่อน และหลังจากที่ถูกความมีเสน่ห์ที่เผยออกมาทั้งเรือนร่างของหลีชิงเยียนดึงดูด คาดว่าก็คงจะไม่คิดแบบนี้
“สุดท้ายก็ยอมรับแล้วจริงๆ คาดคิดไม่ถึงว่าแกจะคาดหวังและเผชิญกับผู้หญิงที่แกโหยหาและเอื้อมไม่ถึง แล้วยอมทำตัวต่ำต้อยขนาดนี้ ถ้าเธอยอมให้แกเลียเท้า แกก็คงจะตื่นเต้นดีใจแล้วเป็นลมเลยใช่ไหม? ” ช่างภาพยิ่งอยู่ก็ยิ่งอยู่ยิ่งไร้ยางอายมากขึ้น ทำให้ซูเสี่ยวหยุนและหลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ แล้วยังไม่ออกหน้าออกตาตลอดทนดูไม่ไหวอีกต่อไป
“พอเถอะ! ” จากนั้นหลีชิงเยียนที่ใส่แว่นดำที่บดบังดวงตาคู่สวยนั้นพูดขัดจังหวะ
มีคนมากินอาหารไม่น้อยกระตุกยิ้มขึ้น พวกเขาสามารถเดาออก ส่วนมากก็หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนก็ได้ยินเฉินเป่ยทำตัวต่ำต้อยขนาดนี้ เพื่อผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น จึงสามารถอดทันได้ แล้วก็จากไปพร้อมกับช่างภาพ
“คุณผู้หญิงทั้งสองคน เมื่อกี้พวกคุณได้ยินสิ่งเขาพูดแล้ว คนแบบนี้ แม้แต่จะเป็นเพื่อนของพวกคุณยังไม่คู่ควร ไม่งั้นก็ถือโอกาสตัดความสัมพันธ์กับคนแบบนี้เถอะ” ช่างภาพยิ้มพูดขึ้น
“หุบปาก! ” หลีชิงเยียนอดทนไม่ไหวอีกต่อไป ใบหน้าสวยจึงเผยความโมโหออกมา แล้วผุดลุกขึ้นทันที
ช่างภาพถูกหลีชิงเยียนว่ากล่าวตำหนิ ทันใดนั้นจึงหยุดชะงักไปทันที “นี่คุณ คุณเป็นอะไรไป? ”
หลีชิงเยียนเปล่งประกายนัยน์ตาคู่สวย แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “คุณไสหัวไปได้แล้ว”
ช่างภาพคนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมก่อนหน้านี้หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนยังดูสนใจ ทว่ากลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเร็วขนาดนี้
“ให้แกไสหัวไปไง ยังไม่ได้ยินอีก? ” เฉินเป่ยที่อยู่ข้างๆ ทำนัยน์ตาที่ทนไม่ไหว
“ฉันกับคุณผู้หญิงสองคนนี้กำลังคุยกัน ไม่ถึงตะแกพูด” ช่างภาพตอบด้วยเสียงเย็นชา
จู่ๆ! หลีชิงเยียนยื่นมืออันอ่อนนุ่มและขาวผ่องเหมือนดั่งต้นกล้าที่เพิ่งงอกขึ้นใหม่หนึ่งข้างออกมา แล้วตบหน้าช่างกล้อง!
“เพี๊ยะ……” เสียงตบดังขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ช่างกล้องโดนตบจนตะลึงงันไป!
เขานึกไม่ถึง หลีชิงเยียนกลับกล้าลงไม้ลงมือกับตัวเอง!
ทั้งร้านอาหารจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบกริบ แขกที่มากินข้าวมากมายต่างก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ การหักหลังของหลีชิงเยียน ทำให้ทั้งเรื่องเปลี่ยนเป็นน่าสนใจมากขึ้น
“ก็ตีไอ้เลวร้ายอย่างแกไง! ” หลีชิงเยียนถอดแว่นดำลง แล้วเผยใบหน้าที่สะสวยและดวงตาคู่สวยที่ลุ่มลึกและเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้เห็นถึงนัยน์ตาไม่เห็นใครในสายตา
นัยน์ตาแววใสคู่สวยนี้หลีชิงเยียนเต็มไปด้วยเซ็กซี่ ตอนนี้กลับเคล้าด้วยความเย็นชาและความนิ่งเฉย สำหรับเธอที่เผชิญกับช่างกล้องคนนี้ รู้สึกดีก็หายไปหมด และรู้สึกรังเกียจมาก!
และตอนที่เห็นใบหน้าของนี้ ทั้งร้านอาหารจีนที่มีแขกนับไม่ถ้วน ต่างก็รู้สึกตะลึงงัน!
ใบหน้าที่สะสวยจนน่าตกใจของหลีชิงเยียน ต่อให้อยู่ในหู้ไห่ก็ยังจะพบเจอได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบเหมือนทองคำ และความมีเสน่ห์ที่ไม่มีใครเทียบได้ แน่นอนว่าต้องเป็นเทพธิดาที่เพอร์เฟคที่สุดในนี้!
มีแขกจึงมองหลีชิงเยียน สีหน้าดูตื่นตะลึง จากนั้นก็เรียกด้วยเสียงตกใจ “หลีชิงเยียน?! เป็นไปได้ยังไง? ”
ทั้งร้านอาหารเต็มไปด้วยเสียงอันวุ่นวาย และสถานที่แทบจะระเบิดแล้ว แขกที่มากินข้าวที่ร้านอาหารนี้ ต่อให้สมองจะถูกทุบให้แตกก็นึกไม่ถึง สาวสวยที่สวมแว่นดำคนนี้ กลับเป็นเทพธิดาโลกธุรกิจแห่งหู้ไห่!
“ไม่มีทางเป็นไปได้…….เป็นคุณได้ยังไง?! ” ช่างภาพรู้สึกสะดุ้งตกใจ หัวสมองของเขาเหมือนช็อตจนว่างเปล่า!
“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้? ” หลีชิงเยียนถามกลับด้วยเสียงเรียบ ริมฝีปากสวยและแดงก่ำกระตุกขึ้น เหมือนเขากำลังได้รับการดูถูกเหยียบย่ำ!
ช่างภาพพยายามอดกลั้นอารมณ์จนแก้มแดงเหมือนเปลวไฟที่ร้อนรน สีหน้าดูตกตะลึง สื่อให้เห็นว่าเขายากที่จะเชื่อจริงๆ!
เขาเดินถอยหลังไม่หยุด ทั้งตัวสั่นเทาเหมือนดั่งฟ้าผ่า!
สีหน้าของเขาขาวซีด ความเร่าร้อนบนใบหน้าค่อยๆ ร้อนขึ้นเรื่อยๆ! ต่อให้ตายไปเขาก็นึกไม่ถึง ผู้หญิงที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา กลับเป็นเทพธิดาโลกธุรกิจที่เขาพูดอย่างน้ำไหลไฟดับและโม้จนเกินจริงคนนั้น!
เมื่อกี้เขายังโม้อยู่ ตอนนี้เจ้าตัวกลับนั่งอยู่ที่นี่ แล้วฟังเขา……โม้ไปเรื่อยเปื่อย!
“ไม่มีทาง……ทำไมถึงเป็นคุณได้……ผมไม่เชื่อ! ” ช่างภาพเขาหัวไปชนฝา ตอนนี้เขาอยากจะหารูมุดใจจะขาด!
เจ้าของปรากฏตัว เขานึกไม่ถึงว่าเขาจะมีวันที่รถคว่ำแบบนี้! การปรากฏตัวของเจ้าตัว กลับเอาชนะสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดก่อนหน้านี้โดยตรง โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องโจมตีเขาเลย แต่เขาก็ทำลายมันทิ้งด้วยตัวเขาเอง!