สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 138

ตอนที่ 138

บทที่ 138 ภาพถ่ายบุคคลจริงของท่านประธานหลี

“คุณชายหลี! ” ลูกน้องทั้งสองของตระกูลหลีจึงรู้สึกตกตะลึงมาก จากนั้นก็ลุกขึ้น แล้วพยุงหลีเช่าเทียนขึ้น

ทั้งสองจึงรีบกดจุดที่ชื่อว่าเหรินจงทันที ผ่านไปสักพัก หลีเช่าเทียนจึงจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

“คุณชาย ตื่นสักที” ลูกน้องสองคนของตระกูลหลีจึงถอนหายใจออกมายาวๆ

หลีเช่าเทียนพยายามที่จะฝืนลุกขึ้น ตอนนี้เขามีแค่แขนข้างเดียว ทำให้เขาดูอาภัพและรู้สึกหม่นหมองใจมาก

“รู้ว่าใครเป็นกระจายข่าวหรือยัง? ” หลีเช่าเทียนถามขึ้น

“ได้ยินมาว่าเป็นคนในโซเชียลแพร่ครับ ตอนนั้นตรงสนามบินมีคนมุมดูมากมายเกินไป ต่อให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ครับ” ลูกน้องของตระกูลหลีคนหนึ่งพูดขึ้น

“ไป ฉันไม่หวังว่าพรุ่งนี้เช้าจะเห็นข่าวตอนเช้าในเมืองหู้ไห่อีก” หลีเช่าเทียนเหลือบตาหนังสือพิมพ์เพียงพริบตาเดียว เขาเพิ่งจะเครียดจนกระอักเลือด ตอนนี้พอดูหัวข้อหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าไม่ดี

หนังสือพิมพ์นี้โหดเหี้ยมเกินไป ชื่อของเขาร้าวฉานจริงๆ แล้วเขาจะเอาหน้าไหนกลับไปเมืองหู้ไห่อีกครั้งล่ะ!

ตั้งแต่ตอนแรกที่เพิ่งเข้าไปในหู้ไห่ก็ได้ไปคบหากับบุคคลส่วนมากที่มีอำนาจและสูงส่ง ตอนนี้ไม่มีใครออกเสียงใดๆ เลย ต่อให้พูดแค่คำคำเดียวก็ยังไม่พูด หลีเช่าเทียนพ่ายแพ้ในชั่วพริบตาแบบนี้ เขาที่เป็นผู้วางกลยุทธ์และวางแผนไว้ทุกอย่างมาตลอดเขา กลับพลาดล้มคว่ำครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้!

พอนึกถึงแต่ก่อน เขาเคยทำทุกอย่างอย่างราบรื่นให้เยี่ยนจิง สุดท้ายพอไปเมืองหู้ไห่กลับกลายเป็นพื้นที่ที่โชคร้ายของเขา

“ครับ” จากนั้นก็รีบส่งข่าวให้กับลูกน้องของตระกูลหลี แล้วรีบออกจากจวนหลี

……

ตอนกลางคืน จึงมีเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่ง บินมาจากดินแดนแดนไกล นั่นก็คือเยี่ยนจิง หลังจากที่ใกล้ถึงเมืองหู้ไห่ เมืองนี้เหมือนดั่งภาพเป็นผลงานชิ้นเอก และค่อยๆ ทำให้ภาพนั้นเป็นภาพที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียงที่เป็นดินแดนแห่งความรุ่งเรืองและยอดเยี่ยม

ในเครื่องบินลำส่วนตัวตกแต่งภายในอย่างหรูหรา ชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดสูทที่ดูสง่า กำลังนั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้สุดหรู และในมือถือแก้วไวน์ไว้ จากนั้นก็เม้มปากจิบลาฟิตพลางดูทีวีอยู่ จากนั้นมุมปากก็เผยรอยยิ้มที่ลึกลับและลุ่มลึกออกมา

ข้างๆ มีเลขาสาวสวยเรือนร่างผอมบาง ไม่รู้ว่าเธอแต่งตัวโม้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถุงน่องสีดำบางที่ดูน่าดึงดูดใจราวกับปีกจักจั่น กำลังรัดน่องขาทั้งสองข้างที่ดูเซ็กซี่มาก ทั้งเรือนร่างที่เป็นการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าลูกไม้สีดำ ตอนที่เธอแอ่นเอวก็ทำให้ยอดเขาที่สูงตระหง่านนั้นยิ่งสูงมากขึ้น จึงเพียงพอที่จะทำให้คนมองถึงกับเลือดกำเดาไหลพุ่งออกมา

เลขาสาวสวยนั่งอยู่ข้างๆ ผู้ชายอย่างเชื่อฟัง ใบหน้าดูธรรมดาและดูมีเสน่ห์ ทั้งเรือนร่างส่งกลิ่นอ่อนๆ ที่ชวนหลงใหล ทำให้ผู้ชายไม่สามารถห้ามอารมณ์จนต้องยื่นมือข้างหนึ่งออกมา จากนั้นก็ลูบไล้ไปมาบนเรือนร่างของเลขาสาว จากนั้นก็ตีบั้นท้ายของเธอไม่หยุด ทำให้เกิดเสียงดังฟังชัด รอยยิ้มเคล้าด้วยความเจ้าเล่ห์

รูปร่างที่ผอมสูงของเลขาสามอยู่ในเครื่องบินลำส่วนตัวนี้ ก็ยิ่งเหมือนเป็นของเล่นที่ผอมบางตัวหนึ่ง ทำให้บรรยากาศในที่นี่กลับทำให้คนรู้สึกอ่อนแรงลงได้

“ไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ เราใกล้ถึงแล้ว” หลีเช่าหงพูดอย่างช้าๆ

“ค่ะ” เลขาสาวยิ้มอย่างมีเสน่ห์ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปห้องแต่งตัว

หลีเช่าหงหันไปมอง แล้วมองเอกสารที่วางอยู่ข้างๆ เพียงชั่วพริบตา เขากวาดสายตามอง เอกสารที่เกี่ยวกับเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนที่ต้องใช้เงินมหาศาลเพื่อที่จะได้มันมา

รอยยิ้มของหลีเช่าหงไม่ได้ลดลง ถึงแม้เฉินเป่ยจะลึกลับมากๆ ทว่าหลีเช่าหงก็ไม่ได้กลัวอะไรมาก

ต่อให้ฐานะของลึกลับมากแค่ไหน ถ้ามองด้วยสายตาตัวเอง จะเป็นมังกรหรือเป็นงู แค่แววตาเดียวก็ดูออกมาแล้ว

หลีเช่าหงอ่านไปสักพัก สายตาจึงหยุดลงตรงข้อมูลส่วนตัวของหลีชิงเยียน แล้วสังเกตมองอย่างละเอียด

ในข้อมูลส่วนตัว ไม่เพียงแต่มีข้อมูลส่วนตัวอย่างละเอียดของหลีชิงเยียน ยิ่งไปกว่านั้นก็คือรูปถ่ายจริงที่คัดเลือกรูปที่สวยงามมาเป็นพิเศษ

รูปถ่ายจริงไม่กี่ภาพพวกนี้ เพียงพอต่อการที่ทำให้ผู้ชายมากมายอดไม่ได้ที่จะเลือดกำเดาเลือดไหลออกมา

นัยน์ตาของหลีเช่าหงจับจ้องไปยังที่เรือนร่างของหลีชิงเยียน ทันใดนั้น มุมปากของเขาจึงกระตุกขึ้น ส่วนลึกของนัยน์ตาที่นิ่งสงบนั้นเคล้าด้วยความร้อนแรงของความหิวโหย!

ไม่นาน เลขาสาวก็เปลี่ยนชุดทางการเดินออกมา แล้วนั่งอยู่ข้างๆ หลีเช่าหง จากนั้นก็ล้มลงในอ้อมกอดของหลีเช่าหงอย่างเชื่อฟัง

“สถานการณ์ที่น้องชายท่านต้องเผชิญเหมือนจะไม่ค่อยดีนะคะ” เลขาสาวพูดด้วยเสียงเบา แล้วชี้ไปยังจอทีวี

หลีเช่าหงกวาดสายตามองไปในทีวีที่กำลังรายงานข่าว แล้วกระตุกมุมปากขึ้น “เป็นไปอย่างที่ฉันต้องการพอดี เขาไม่ใช่ว่าอยากจะแทนที่ฉันหรือไง นี่ก็คือสิ่งที่เขาต้องชดใช้”

“น้องชายของท่าน ได้ยินมาว่าถูกตัดแขนไปหนึ่งข้างตอนอยู่เมืองหู้ไห่” เลขาสาวพูดขึ้น

“หาเรื่องใส่ตัวเอง เขาถูกเพิกถอนไปแล้ว ตอนนี้ตำแหน่งของฉันในตระกูลหลีก็สามารถคงไว้อย่างมั่นคงแล้ว” หลีเช่าหงพูดด้วยเสียงเรียบ “ตระกูลหลีได้เป็นสิ่งของตกอยู่ในกำมือของฉัน ฉันจะเอาหรือไม่เอา ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของฉัน”

“ยินดีกับคุณชายใหญ่ด้วยค่ะ” เลขาสาวพูดด้วยเสียงอ่อนโยน น้ำเสียงอ่อนโยนและน่าฟัง ทำให้ผู้ชายหน้าไหนก็ยากที่จะควบคุมตัวเอง!

หลีเช่าหงยิ้มอย่างมีเลศนัย มือใหญ่ข้างหนึ่งกำลังลูบไล้ไปยังแผ่นหลังดั่งหยกของเธอและลูบลงไปข้างล่างเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว

“อ๊า…….คุณชายหลี…….”เลขาสาวคนนั้นทำหน้าเกร็ง แล้วเกือบจะแดงระเรื่อขึ้น

พื้นที่หรูหราภายในเครื่องบินส่วนตัว อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กลายเป็นบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าว

……..

ตอนกลางคืน หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนกำลังพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกพลางเดินเข้าไปในตึกบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป จากนั้นก็มีรถคันดำกำลังขับเคลื่อนออกจากลานจอดรถใต้ดินของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป แล้วค่อยๆ จอดลงตรงหน้าทั้งสองคน

กระจกรถเลื่อนลง แล้วเผยให้เห็นรอยยิ้มที่หน้าด้านของเฉินเป่ย “ท่านทั้งสองขึ้นรถเถอะ วันนี้ผมเชิญพวกคุณไปกินข้าวข้างนอก! ”

“ไม่ไป” ช่วงนี้หลีชิงเยียนถูกเฉินเป่ยทำให้โมโหเป็นบ่อย จึงตอบกลับคำเดียวด้วยความเย็นชา จากนั้นก็ดึงซูเสี่ยวหยุนเดินไปข้างๆ

ส้นสูงสีแดงคู่นั้นของหลีชิงเยียนเหยียบลงบนพื้นอย่างสู้ทน เหมือนกำลังระบายไฟแห่งความโมโหออกมา ดูจากท่าทางแล้วเกือบจะเหยียบจนกระเบื้องแตก

“ไปเถอะ สองสาว ถือเป็นการไถ่โทษ” เฉินเป่ยขับรถไมบัคแล้วตามไป

“ไปเถอะ ขึ้นรถเถอะ ไม่งั้นไอ้หมอนี่ก็จะตามมาทั้งทาง” ซูเสี่ยวหยุนสะกิดหลีชิงเยียน

หลีชิงเยียนเหลือบตามองเฉินเป่ยพริบตาเดียว แล้วทำเสียงเย็นชาในลำคอ จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลัง

รถไมบัคสีดำจึงขับเคลื่อนอยู่บนถนนอย่างนิ่มและรวดเร็ว เฉินเป่ยค่อยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสองสาวนี้ผ่านกระจกด้านหลังอย่างระมัดระวัง

ทว่าพอสังเกตมองไปสักพัก นัยน์ตาของเฉินเป่ยจึงดูไม่กะล่อนขึ้นมา ตอนแรกก็สังเกตมองแล้วเปรียบเทียบดู เหมือนภรรยาของเขาหลีชิงเยียนจะมีเอวที่บาง และน่องขารูปจะสวยกว่า และดูของซูเสี่ยวหยุนจะใหญ่กว่า เหมือนมีรูปร่างที่อวบอิ่มกว่า……

เฉินเป่ยยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกไม่หวาดกลัว สุดท้ายมองจนไม่มองด้านหน้า จากนั้นก็เพิ่งพาทักษะการฟังในการขับรถ นัยน์ตาคู่นั้นเกือบจะไปแนบชิดบนเรือนร่างของท่านประธานเทพธิดาและซูเสี่ยวหยุน

“ลูกตาของนายไม่อยากได้แล้วใช่ไหม? ” จากนั้นก็มีเสียงที่เย็นชาและอาฆาตดังขึ้น ทำให้เฉินเป่ยที่เป็นคนมีไหวพริบถึงกับต้องเหลือบมองดวงตาคู่สวยที่เคล้าด้วยความอาฆาตของหลีชิงเยียน จากนั้นก็ดึงสายตากลับไป แล้วตั้งใจขับรถ

รถไมบัคจอดลงตรงหน้าร้านอาหารจีนที่หรูหราแห่งหนึ่ง

“สถานที่แบบนี้ นายมีปัญญาจ่ายหรอ? ” หลีชิงเยียนลงจากรถ แล้วสวมแว่นกันแดดให้ตัวเอง

ตามคำพูดของเธอแล้ว เหมือนเธอไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองมากินข้าวกับไอ้หมอนี่ที่นี่

“วางใจเถอะ ผมออมเงินไว้บ้าง กินมื้อเหลือเงินยังเหลือ อยากกินอะไรก็เชิญตามสบาย” เฉินเป่ยจึงพูดอย่างใจกว้าง ทว่าท่าทางแบบนี้ของ สำหรับหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนแล้วกลับเป็นการที่เขาพยายามจะทำให้ตัวเองมีศักดิ์ศรี

“ได้ เราจะเลือกสั่งของแพง ยิ่งแพงยิ่งดี” หลีชิงเยียนไม่เชื่อคำพูดของเฉินเป่ยอยู่แล้ว จึงได้คล้องแขนซูเสี่ยวหยุนแล้วพูดขึ้น

เฉินเป่ยพวกเขาทั้งสองนั่งลงแล้วสั่งอาหารเสร็จ ซูเสี่ยวหยุนมองเฉินเป่ย “นายรู้ไหมเราสั่งไปเท่าไหร่? ”

“เท่าไหร่? ” เฉินเป่ยถาม

“อาหารสำหรับคนห้าคน สองพันหยวน” ซูเสี่ยวหยุนพูดขึ้น

“สองพันหยวน?! ” เฉินเป่ยอึ้งไปทันที แล้วคลายยิ้มที่เหลือเชื่อ!

“นายไม่ได้บอกว่านายมีเงินหรอไม่งั้นเราออกจากที่นี่ตอนนี้ไหม? ” หลีชิงเยียนกะพริบตาคู่สวย น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้ดึงดูดคนมาก

“ผม……” เฉินเป่ยก่นด่าในใจ และรู้สึกเจ็บปวด! เขานึกไม่ถึงว่าหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนสั่งแค่สองพันหยวน!

เขาได้เตรียมใจไว้แล้ว หลีชิงเยียนต้องสั่งหลายหมื่นแน่นอน สุดท้ายสั่งแค่สองพัน!

รอให้เฉินเป่ยมองเมนูอาหารอีกรอบ ก็สังเกตเห็นว่าร้านอาหารที่ตัวเองเลือกยังราคาถูกเกินไป…… ที่นี่ใช้เงินสองพันหยวนในการกินก็ถือว่ากินไปเยอะมากแล้ว

จึงทำให้หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนก็ไม่รู้ว่าในใจของเฉินเป่ยกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเธอนึกว่าเฉินเป่ยกำลังเสียดายเงิน

“ไม่มีเงินก็ให้ฉันช่วยนายจ่ายก่อน” หลีชิงเยียนพูดขึ้น

เฉินเป่ยส่ายหน้า แล้วพึมพำขึ้น “ถูกเกินไป วันข้างหน้าไม่มาที่นี่แล้ว”

หลีชิงเยียนทำนัยน์ตาที่ดูเกร็ง แม้แต่ซูเสี่ยวหยุนยังตกตะลึง……ไอ้หมอนี่ กลับกล้าพูดว่าถูกเกินไป?!

“กระทืบหน้าให้บวมก็จะทำเป็นเหมือนคนอ้วน ได้ ฉันจะดูว่าตอนเช็กบิลแล้วนายจะทำยังไง! ” หลีชิงเยียนแสยะยิ้ม

เฉินเป่ยทั้งสามคนกำลังรออยู่นั้น จึงไม่ได้สังเกตเห็น ตรงที่ห่างจากโต๊ะของพวกเขาไม่ไกล มีชายคนหนึ่งใส่เสื้อสูทที่ดูสง่ากำลังจับจ้องหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนไปตั้งนานแล้ว

ชายที่สวมสูทสง่าผู้นี้กำลังขยับแว่น เหมือนกำลังสังเกตมองหลีชิงเยียน……ร่างกายและหน้าตา และความมีเสน่ห์ของหลีชิงเยียนนั้นสมบูรณ์แบบ และเหมาะกับมาตรฐานที่เขาวางไว้มาก

ไม่นาน ชายคนนี้ก็ยกแก้วไวน์ลุกขึ้น แล้วเดินมาตรงโต๊ะของเฉินเป่ย

“รบกวนหน่อยนะครับ ผมเห็นว่าคุณสุภาพสตรีทั้งสองท่านดูคุ้นตามาก ผมสามารถพูดคุยกับพวกเธอสักสองสามประโยคไหมครับ? ” ชายที่อยู่ในชุดสูทไม่รอให้หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนเอ่ยพูด ก็รีบยื่นนามบัตรสีทองหนึ่งใบไปให้ “ผมคือช่างภาพของบริษัทถ่ายภาพของตระกูลหลินครับ”

หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น และซูเสี่ยวหยุนกลับทำสีหน้าที่ดูธรรมชาติ แล้วรับนามบัตรไว้

“นี่ ทำแบบนี้ไม่มีมารยาทเกินไปหรือเปล่า? ” เฉินเป่ยขมวดคิ้วขึ้น

“ผมกำลังคุยกับคุณสุภาพสตรีทั้งสองท่านนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ” ช่างภาพกวาดสายตามองเฉินเป่ยเพียงพริบตาเดียว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและดูหมิ่น

“นายเก่งมากใช่ไหม? ” ซูเสี่ยวหยุนพูดด้วยเสียงเบา

“แน่นอนครับ” ช่างภาพคนนั้นพูดอย่างมั่นใจ “จริงๆ แล้ว จริงๆ แล้วดาราโด่งดังในเมืองหู้ไห่ ส่วนมากผมก็เคยได้ถ่ายภาพบุคคลไปแล้ว พวกเธอมักจะพูดกับผมเป็นการส่วนตัวเองเกี่ยวกับความลับมากมายในวงการ แม้กระทั่งเทพธิดาแห่งโลกธุรกิจ ผมยังรู้จัก”

ฉึก!

จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบกริบทันที หลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุนทำสีหน้าที่ดูไม่ปกติ

“พวกคุณรู้จักหลีชิงเยียนไหม นั่นคือเทพธิดาแห่งโลกธุรกิจในเมืองหู้ไห่ ความโด่งดังไม่ได้น้อยไปกว่าดาราเลย ก่อนหน้านี้เธอดังมาก และมักจะขึ้นข่าวหน้าหนึ่งอยู่บ่อยๆ ……” ช่างภาพพูดไปไม่กี่คำ ก็ถูกเฉินเป่ยพูดแทรก “พอเถอะ คุณไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปเถอะ! ”

ช่างภาพเหลือบตามองเฉินเป่ยเพียงพริบตา แล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ผมไม่ได้คุยกับคุณ ไม่อยากฟังก็ไสหัวไปสิ”

“คุณ…….” เฉินเป่ยอึ้งไปทันที และช่างภาพหันไปแล้วมองหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุน แล้วพูดด้วยเสียงและรอยยิ้มอ่อนโยน “ผมมองว่าทั้งสองท่านดูมีเสน่ห์จริงๆ และเหมาะกับเดินในเส้นทางดารามาก ผมรู้จักแมวมองคนหนึ่ง สามารถแนะนำให้พวกคุณได้”

“ไม่ต้อง ขอบคุณ” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มพอเป็นพิธี แล้วหลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ ทำสีหน้าที่เย็นชา แล้วไม่ได้ตอบกลับอะไร

“ไม่เป็นไรครับ ทั้งสองท่านไม่ต้องสงสัยตัวเอง ตอนแรกหลีชิงเยียนยังรู้สึกว่าไม่มีพรสวรรค์ในการถ่ายภาพบุคคล จากนั้นให้ผมถ่ายภาพบุคคลที่เผยให้เห็นถึงศิลปะร่างกายเป็นการส่วนตัวเสร็จ…….”

ช่างกล้องยังพูดไม่จบ ก็ถือเสียงตบของฝ่ามือขัดจังหวะเขา ทำให้เขาต้องหยุดพูดทันที!

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท