บทที่ 153 จัดการได้ก็จัดการเลย!
เฉินเป่ยไม่คิดมาก่อนเลยว่า เขาจะมาพบเจอพลาดท่าเสียทีกับเรื่องละเอียดยิบย่อยแต่เป็นเรื่องที่สำคัญไปได้ซะนี่
ซูเหลยหรี่ตามอง เธอจ้องมองแผ่นหลังของเฉินเป่ย คำพูดของหลีชิงเยียนนั้น มันกระตุกความคิดของเธอ
ซูเหลยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เฉินเป่ยก็แค่เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตามปกติจริงๆ ทว่าเธอก็มีลางสังหรณ์มาโดยตลอด เหมือนว่าเฉินเป่ยมีเรื่องที่ปิดบังซ่อนเร้นอะไรบางอย่างอยู่สุดกำลัง
เธอหาโอกาสมาหลายครั้งแล้ว แต่เฉินเป่ยก็สามารถรอดตัวไปได้ เธอแทบไม่สามารถจับต้นชนปลายอะไรได้ มันช่างแนบเนียนอย่างไร้ที่ติ
แต่วันนี้ ประจวบเหมาะได้โอกาสที่ดีที่สุด!
“ใช่สิ ขนาดท่านประธานหลีเองยังเกิดอาการหนักขนาดนั้น ทำไมคุณกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย?” ซูเหลยเอ่ยปากถาม
ร่างกายของเฉินเป่ยไม่สามารถจับผิดอาการตัวสั่นแต่อย่างใด จากนั้นก็หันศีรษะไปหา พร้อมทั้งทำหน้าตีเนียน แล้วยิ้มให้ “ท่านประธานหลี คุณไม่รู้เรื่องคนอื่นได้นะ แต่ไม่รู้เรื่องผมเหรอ… ตอนที่ผมหางานทำตอนที่อยู่ต่างประเทศนั้น พออยู่ข้างนอกมันวุ่นวายมาก เรื่องพวกนี้เห็นบ่อยแล้ว เลยเห็นเป็นเรื่องปกติและรับเรื่องพวกนี้ได้อยู่แล้ว”
หลีชิงเยียนไม่ได้ใส่ใจมากมาย ส่วนซูเหลยนั้นหรี่ตาลง พร้อมทั้งจ้องมองเฉินเป่ยอย่างพินิจพิจารณา
เฉินเป่ยอธิบายได้เป็นขั้นเป็นตอน มันยิ่งทำให้ซูเหลยยิ่งสงสัยในตัวของเฉินเป่ยมากขึ้นเรื่อยๆ?
การที่ได้มาเห็นภาพแบบนี้แถมยังทำตัวสงบนิ่งอยู่ได้นั้น คงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแล้ว
อีกอย่างเฉินเป่ยเคยอยู่ต่างประเทศอยู่สักพัก ในใจของซูเหลยเกิดการคาดเดาขึ้นมา หรือว่าเฉินเป่ยเป็นหน่วยลับที่มาจากต่างประเทศกัน?
แต่ว่าถึงซูเหลยจะตรวจสอบยังไง ก็รู้สึกว่าเฉินเป่ยไม่ใช่หน่วยลับอะไร เพราะว่าการมาเป็นหน่วยลับที่ถูกส่งตัวมาทำงานข้างกายหลีชิงเยียนเป็น การจ่ายเงินที่ถือว่าต่ำต้อยมาก มันไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไปเลย
เฉินเป่ยหันศีรษะกลับไป พร้อมทั้งบังคับพวงมาลัยเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะยิ้มแย้มได้อย่างปกติธรรมดา แต่ในนั้นกลับตีกระพือขึ้นมา พร้อมทั้งมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบริเวณหน้าผากอีกด้วย
เขาแอบถอนหายใจยาวๆ ได้แต่สบถด่าในใจ แม่งเอ๊ย…ตนเองลืมเรื่องนี้ไปได้ อีกนิดก็พลาดท่าแล้ว มันอันตรายยิ่งกว่าอันตรายเสียจริงๆ!
รถไมบัคสีดำทะยานมุ่งหน้าไปทางของคฤหาสน์ ในเวลาเดียวกันนั้น ร้านอาหารมิชลินสตาร์สามดาวนั้น หลีเช่าหงกำลังนั่งห้องรับรองห้องใหม่อีกห้องหนึ่ง ในห้องกำลังจุดน้ำมันหอมระเหย บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมที่กลิ่นแปลกๆ
หลีเช่าหงแกว่งไวน์ในแก้วที่อยู่ในมืออยู่ สีหน้าถลำลึกดั่งสายน้ำอันสงบ
ลูกน้องคนหนึ่งที่ปลายจมูกยังมีกลิ่นคาวเลือดติดมาด้วยเดินเข้ามาด้านใน พร้อมทั้งท่าโค้งคำนับแล้วเอ่ยปากพูด “คุณชายใหญ่ จัดการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว”
“เอารอยสักที่อยู่บนตัวศพออกหรือยัง?” หลีเช่าหงถามเสียงแข็ง
ลูกน้องพยักหน้าให้ “เอาออกหมดแล้ว คนร้ายเอาร่องรอยนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่มีรอยสักเลย ขนาดดาบคมที่เป็นอาวุธก็ไม่มี จัดการเช็ดจนไม่เหลือร่องรอยใดๆ”
ลูกน้อยหยุดพูดสักพัก จากนั้นค่อยเอ่ยขึ้นมา “คุณชายใหญ่ คนร้ายมากประสบการณ์ ความสามารถนั้นเก่งกาจมากกว่าพวกนักฆ่าพวกนี้มากนัก ที่หัวเซี่ย คนที่มากความสามารถแบบนี้ ไม่น่าจะมีที่เมืองหู้ไห่”
“ไม่รู้ว่าเอ๋อตงเฉินคนนั้น พูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ ตัวตนของเขาช่างลึกลับ แต่ว่าถ้าไม่ใช่เขา ยังมีคนอื่น….กับเอ๋อตงเฉิน ก็ไม่น่าจะหลุดพ้นเรื่องนี้ไปได้!” หลีเช่าหงจิบวิสกี้ลงไปอึกหนึ่ง เหล้าเย็นๆ ไหลลงคอ สีหน้าของหลีเช่าหง ยิ่งเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งเจตนาฆ่าคน “ถ้ามีคนอื่น ที่ช่วยเฉินเป่ยไว้ได้ แต่ไม่ช่วยหลีชิงเยียนนั้น ก็สามารถหมายความว่าหลีชิงเยียนไม่รู้จักคนที่เป็นที่หนึ่งคนนี้ งั้นก็ต้องคอยจับตามองเฉินเป่ยแล้วแหละ”
“เอ๋อตงเฉิน แกผ่านเรื่องนี้ของฉันไปได้ ฉันจะคอยดูว่าแกจะจัดการครั้งหน้าแบบไหน!” หลีเช่าหงกระดกเหล้าเข้าปากหมดแก้ว พร้อมพูดด้วยเสียงแข็ง “จับตาดูเฉินเป่ยอย่างใกล้ชิด ถ้ามีความคืบหน้าอะไรก็ตาม รีบแจ้งฉันทันที!”
ทันใดนั้น ลูกน้องอีกคนก็เดินเข้ามาด้วยอาการร้อนรนพร้อมทั้งมือถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วย “คุณชายใหญ่ โทรศัพท์ก่อนหน้านี้โทรไม่ติด ครั้งนี้ อดัมส์เป็นคนโทรศัพท์เข้ามาเองเลย!”
หลีเช่าหงรับโทรศัพท์ไว้ สีหน้าที่ดูไม่ได้เมื่อครู่เตรียมจะอ้าปากถามอดัมส์ ทันใดนั้นนั้น เสียงปลายสายของอดัมส์ก็ตวาดใส่ทันที “ไอ้เวรแกไม่รักษาสัญญา! กล้าหลอกลวงกู! ทำให้กูต้องเสียเพื่อนไปตั้งเยอะ!”
หลีเช่าหงตกตะลึง พร้อมทั้งยืนงง เพราะว่าเขาโดนอดัมส์ด่าสาดเสียเทเสียซะไม่เหลือซาก
หลีเช่าหงเตรียมอ้าปากพูด เพิ่งจะอ้าปาก แต่คำสบถด่าของอดัมส์ยังไม่หมด “พวกมึงคนหัวเซี่ยเป็นพวกเจ้าเล่ห์เพทุบาย จากนี้ต่อไป กูกับมึงขาดกัน ทำเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดเรื่องขึ้นมาก่อน!”
หลีเช่าหงยังไม่ทันพูดอะไรเลย หลังจากที่อดัมส์ด่าทอเสร็จ ก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับหลีเช่าหงแทน
สีหน้าดำคร่ำเครียดของหลีเช่าหงที่อยู่ต้นสายนั้น เขาเป็นถึงทายาทที่น่าภาคภูมิใจของตระกูลหลีของเยี่ยนจิง เวลาไหนกันที่เคยถูกด่าทอสาดเสียเทเสียแบบนี้ แถมยังไม่สามารถเปิดปากพูดสิ่งใดได้อีก!
เพราะว่าเขาพบว่า ตอนนี้เขาถูกอดัมส์เอาชื่อของตนเองเข้าไปอยู่ในบัญชีดำแล้ว!
“ปึง!” หลีเช่าหงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่ หน้าดำคร่ำเครียด ตัวสั่นเทาไม่หยุด!
ทันใดนั้น เขาก็ขว้างโทรศัพท์ลงพื้น จนทำให้ลูกน้องที่ยืนอยู่หลายคนอยู่รอบๆ ต่างตกใจ!
“ไปตรวจสอบมา ว่าทำไมอดัมส์ถึงได้รีบตัดความสัมพันธ์ซะรีบร้อนขนาดนี้” หลีเช่าหงสูดลมหายใจเข้าอย่างรีบเร่ง ครั้งนี้ เขาขาดทุนย่อยยับไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมา แถมตนเองยังมาบาดเจ็บเข้าไปอีก!
ไม่ใช่เพียงแค่นี้ ขนาดตนเองยังไม่รู้เหตุผลอะไรชัดเจนเลย ก็กลายเป็นว่าทำผิดกับนักฆ่าในวงการมืดของต่างประเทศที่ความสามารถติดในร้อยไปซะแล้ว!
ลูกน้องคนหนึ่งโค้งคำนับให้ เขากล้ำกลืนฝืนทน เพราะว่าเขารู้ดีว่า ภารกิจครั้งนี้ ไม่สามารถทำต่อให้สำเร็จได้… เหตุผลที่อดัมส์รีบตัดสายสัมพันธ์อย่างรีบร้อนนั้น พวกเขาจะไปสืบที่ไหน ก็ไม่มีคำตอบอยู่ดี!
ทว่าหลีเช่าหงได้มีคำสั่งลงมาแล้ว เขาเองก็ไม่มีวิธีอื่น ได้แต่รับคำสั่งแบบฝืนใจเท่านั้น
รอจนแถวลูกน้องเดินออกจากห้องไปแล้ว หลีเช่าหงก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่หน้าต่าง เพื่อระงับอารมณ์ความโกรธเคืองให้สงบลง เขาสูดลมหายใจเข้า และค่อยๆ ผ่อนออก
“เอ๋อตงเฉิน…หลีชิงเยียน…” หลีเช่าหงกดเสียงต่ำ แล้วพูดชื่อสองคนออกมา แววตาเชือดเฉือนคมกริบ
“มันเริ่มสนุกแล้ว” หลีเช่าหงพูดกับตนเอง มุมปากกระตุกยิ้ม พร้อมทั้งความความหมายเป็นนัยน์
เขาไม่เคยคิดว่า ครั้งแรกในการทดสอบวัดดวง เขาก็แพ้ไม่เป็นท่า แพ้ไม่เหลือเศษซาก
…………
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ของบ้านหลี สีหน้าของหลีชิงเยียนก็เหนื่อยล้าเต็มทน ตอนที่อยู่ที่ร้านอาหารนั้น คำพูดของหลีเช่าหงเป็นคำพูดของการปะทะคารมเชือดเฉือนทั้งสิ้น มันช่างใช้พลังไปมาก
หลีชิงเยียนลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปห้องน้ำ ส่วนเฉินเป่ยนั่งดูหนังกับซูเสี่ยวหยุนที่นั่งอยู่บนโซฟา
“พวกแกไปทำอะไรมา?” ซูเสี่ยวหยุนที่กำลังดูรายการโทรทัศน์เอ่ยปากถาม
“พี่ชายของหลีเช่าเทียนมาที่เมืองหู้ไห่ คืนนี้เลยเชิญชิงเยียนไปกินข้าว” เฉินเป่ยเอ่ยปากพูดอย่างปกติ ส่วนเรื่องการลอบฆ่าที่เกิดขึ้นภายหลังนั้นเขาข้ามไป เพราะเขาไม่อยากให้ซูเสี่ยวหยุนเป็นห่วง
“เหรอ?” ซูเสี่ยวหยุนดูสงสัยเล็กน้อย การที่หลีเช่าหงมาที่เมืองหู้ไห่ ต้องไม่ได้มาเที่ยวแน่
ตัวเองเป็นถึงเพื่อนสนิทของหลีชิงเยียน ซูเสี่ยวหยุนย่อมรู้ดีเรื่องหลีเช่าหง และก็ยังรู้ว่าหลีเช่าหงนั้นเอาใจยากกว่าน้องชายของเขาหลีเช่าเทียนเยอะ
“ต้องให้เสี่ยวเยียนระวังตัวด้วย ลงเล่นการเมือง จิตใจสกปรกทั้งนั้น” ซูเสี่ยวหยุนพูดอย่างเคร่งเครียด
เฉินเป่ยพยักหน้าให้ ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลีชิงเยียนถึงได้ใส่ชุดเสื้อคลุมอาบน้ำออกมา พร้อมทั้งคลุมผมที่เปียกโชก เดินจากชั้นสองลงมา
เฉินเป่ยรีบเข้าครัว เพื่อเตรียมนมอุ่นๆ ให้กับหลีชิงเยียน พร้อมทั้งยื่นให้ตรงหน้าอย่างมีมารยาท
“แหวะๆๆ เจ็บปวดจริงๆ ฉันเป็นถึงเพื่อนสนิทของแก เตรียมนมอุ่นๆ ให้แก ไม่ให้ฉัน….” ซูเสี่ยวหยุนเห็นภาพแบบนี้ รีบพูดเหน็บทันที
หลีชิงเยียนเหล่ตามองซูเสี่ยวหยุน พร้อมทั้งพูดอย่างปกติ “แกอยากกินก็ไปอุ่นให้นมเองแค่นี้ก็จบป่ะ”
“อุ่นเองกับคนอื่นอุ่นให้มันเหมือนกันไหมล่ะ?”
“งั้นจ่ายเงินเดือนเขาสองหมื่นทุกเดือน เพื่อให้เขาดูแลแก” หลีชิงเยียนพูดอธิบายไป แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ แววตาของซูเสี่ยวหยุนทอประกาย “จริงเหรอ? แค่จ่ายสองหมื่นก็ให้เขามาดูแลฉันได้ใช่ป่ะ?”
ในใจหลีชิงเยียนเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา จนเธอทำตาโตส่งสายตาเตือนซูเสี่ยวหยุนเอาไว้ “แกคิดอยากจะทำอะไร?”
“แค่สองหมื่นเอง จ่ายถูกกว่าพวกเด็กๆ พวกนั้นตั้งเยอะ แกไม่เอาฉันเอานะ” ซูเสี่ยวหยุนกวาดตามองเฉินเป่ย “ราคาถูกแต่ใช้งานได้ดี เป็นสิ่งที่ต้องมีไว้ติดตัวเสมอ”
เฉินเป่ยที่นั่งดูคนสองคนกำลังแย่งกัน จนหน้าเขาชาแล้ว ดูถูกไม่พอ…แม่ง แถมตนเองไม่พูดอะไรออกไปสักคำ ถึงได้ถูกทิ่มแทงไม่รู้ตัว
คำพูดของคนที่พูดนั้น อะไรที่เรียกว่าราคาถูกแต่ใช้งานได้ดี อะไรคือสิ่งที่ต้องมีไว้ติดตัวเสมอ… ตนเองกลับกลายเป็นสิ่งของเครื่องใช้ไปแล้วเหรอเนี่ย?
ตอนที่เฉินเป่ยกำลังอึดอัดอยู่นั้น หลีชิงเยียนเริ่มไม่เล่นต่อแล้ว ดวงตางดงามเบิกตาโตจ้องซูเสี่ยวหยุน แถมเสียงยังสูงปรี๊ดขึ้น “ซูเสี่ยวหยุน แกหมายความว่ายังไง? นี่ผัวฉัน แกจะแย่งผัวฉันเหรอ?”
ซูเสี่ยวหยุนยิ้มให้อย่างดูถูก พร้อมทั้งกวาดตามองหลีชิงเยียน “เขาคิดว่าแกเป็นภรรยา แกล่ะคิดว่าเขาเป็นสามีแกบ้างไหม? แต่งงานกันก็หลายเดือนแล้ว เขาคงยังไม่เคยขึ้นเตียงแกเลย? ผู้ชายดีๆ แบบนี้ตกอยู่ในมือแก เสียของจริงๆ!”
“แก!” หลีชิงเยียนที่ปกติทำตัวสูงส่ง ดังบัวหิมะที่อยู่บนยอดของหิมะ และเป็นเทพธิดาที่เป็นที่หมายปองของผู้ชายนับไม่ถ้วน แต่ฝีปากกลับไม่ได้เก่งแก่แดดเหมือนซูเสี่ยวหยุน
คำพูดสองสามคำ มันทำให้หลีชิงเยียนตกเข้าไปอยู่ในวังวนของพายุ เธอจะพูดแข่งกับซูเสี่ยวหยุนได้ยังไงกัน
“ก็แค่ขึ้นเตียง คืนนี้ฉันจะให้เขาขึ้นไปด้วย ใครจะไปกลัว!” หลีชิงเยียนโมโหซูเสี่ยวหยุนจนประสาทแดก พร้อมทั้งกัดฟัน น้ำเสียงเย็นชา
พรืด!
บรรยากาศเงียบสนิท ซูเสี่ยวหยุนตะลึงทันที สีหน้าของเฉินเป่ยนิ่งสงบ ส่วนในใจนั้นเต้นโครมคราม ยากแก่การควบคุม ขนาดซูเหลยที่อยู่ข้างๆ ที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลย ยังเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางหลีชิงเยียน ด้วยสีหน้าตกใจและประหลาดใจ
หลีชิงเยียนถึงได้รู้ตัวว่า ตนเองนั้นถูกซูเสี่ยวหยุนทำให้เขว ถึงได้หลุดปากพูดเรื่องนี้ออกมา!
วินาทีนั้น ใบหน้าของหลีชิงเยียนแดงแจ๋ ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือนแอปเปิลที่สุกแดงลูกหนึ่ง แก้มแดง จนเป็นลูกที่สวยงามน่ามอง
เฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้าง จ้องมองหลีชิงเยียนอย่างเอาเป็นเอาตาย ในใจนั้นตื่นเต้นแต่ยากที่จะแสดงออกมา…แต่สูดลมหายใจอย่างเร่งรีบ!
เขาไม่เคยคิดเลยว่า หลีชิงเยียนจะพูดเรื่องพรรค์นี้ออกมา! แถมยังพูดต่อหน้าคนเยอะมากมายขนาดนี้ด้วย!
มันเป็นวันที่โชคดีจริงๆ จนทำให้เฉินเป่ยดีใจจนหัวใจจะวายตาย มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก!
ซูเสี่ยวหยุนยิ้มอย่างดูถูก พร้อมทั้งพูดใส่ไฟให้แรงขึ้น “เชอะ คนบางคนโมโหจนประสาทแดกไปแล้ว พอถึงเวลานั้นเข้าจริงก็ต้องหาข้ออ้างแล้วถีบคนเขาลงจากเตียง…”
“ใครมันโมโหจนประสาทแดก ฉันพูดเองฉันก็ต้องทำได้!” ซูเสี่ยวหยุนเหมือนมารก่อกวนหลีชิงเยียน ชอบทำให้หลีชิงเยียนโมโหขึ้นมา จนทำให้หลีชิงเยียนนั้นไม่ทันคิด เลยพูดออกมาเสียงแข็ง
แต่พอหลีชิงเยียนพูดออกมาแล้ว ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแทน…ส่วนเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ด้านข้าง แววตาหิวกระหายเหมือนหมาป่า แววตาเริ่มส่งสายตาเพ่งมองมาแทน
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนร้อนผ่าว จากนั้นก็หันหลังกลับ พร้อมทั้งจ้องตามองเฉินเป่ยอย่างดุดัน แล้วก็สวมรองเท้าแตะ เดินตึงตังขึ้นชั้นด้านบน พร้อมทั้งตั้งใจลงเท้ากับพื้น เพื่อปลดปล่อยความโกรธแค้นที่เดือดพวยพุ่งออกมาของท่านประธานแห่งเทพธิดา!
เฉินเป่ยเห็นหลีชิงเยียน สีหน้าตกใจและประหลาดใจ
ในเวลานี้เอง ซูเสี่ยวหยุนเตะเฉินเป่ยเบาๆ พร้อมทั้งพูดด้วยความโมโหเล็กน้อย “ขึ้นไปสิ?”
เฉินเป่ยตกใจ ซูเสี่ยวหยุนกัดฟันพูด “ฉันนี่อุตส่าห์สร้างโอกาสที่ดีให้แกขนาดนี้ แกก็จะปล่อยวางหวังดีของฉันให้สูญเปล่าไปเฉยๆ งี้เหรอ?”
เฉินเป่ยเข้าใจ พลางถูมือ แล้วรีบกอดความหวังที่อดใจไม่ไหว พร้อมเดินขึ้นชั้นสองไป
ซูเสี่ยวหยุนจ้องมองด้านหลังของเฉินเป่ย มุมปากกระตุกยิ้มเบาๆ