บทที่ 168 บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปกำลังจะจบลงแล้ว
หลังจากหยางเหวินห้าวเดินออกไปด้วยความเศร้า หลีชิงเยียนปรายตามองเฉินเป่ย จากนั้นเรือนร่างอรชรของเธอก็หมุนตัวหันหลัง เดินเข้าไปยังห้องทำงานของประธาน
เฉินเป่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าสายตาที่หลีชิงเยียนมองมาครั้งสุดท้ายหมายถึงอะไร
ทางด้านหลินเฉว่มองไปทางเฉินเป่ย ริมฝีปากสวยของเธอกระตุกขึ้นเล็กน้อย เธอพูดไปด้วยอมยิ้มไปด้วย “ยินดีด้วยนะ”
เวลานี้เฉินเป่ยถึงจะเข้าใจทุกอย่างขึ้นมา เขากระตุกยิ้มมุมปาก แล้วเดินตามเข้าไป
ภายในห้องทำงานของประธาน เฉินเป่ยนั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้ ทางด้านหลีชิงเยียนกำลังสั่งงานหลินเฉว่เกี่ยวกับเรื่องที่เฉินเป่ยกลายเป็นรองประธาน
“เก็บกวาดห้องทำงานห้องนั้นออกมาให้เขาใช้ เขาต้องการอะไร เธอก็ไปจัดการให้เขา” หลีชิงเยียนชำเลืองมองเฉินเป่ย เขามองดูเสื้อเชิ้ตลายดอกบนตัวของเฉินเป่ยอย่างพิจารณา ทำหน้าเคร่งเครียด กัดฟันขาว กลั้นความโมโหเอาไว้ แล้วพูดขึ้น “ให้แผนกเครื่องแต่งกายเอาชุดสูทมาให้เขาหนึ่งชุด”
“ค่ะ” หลินเฉว่พยักหน้า
“ชิงเยียน เหนื่อยแล้วใช่ไหมครับ มาๆๆ ดื่มน้ำหน่อย” เฉินเป่ยเทน้ำร้อนให้หลีชิงเยียนด้วยความขยัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เต็มไปด้วยความประจบประแจง
หลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้น มองไปทางเฉินเป่ย หัวเราะในลำคอแล้วพูดขึ้น “ให้คุณเป็นรองประธานบริษัท ไม่ได้ให้คุณมาสร้างความวุ่นวายในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ทางที่ดีที่สุดคุณช่วยทำตัวดีๆหน่อย”
“แน่นอนครับ คำพูดของประธานหลีผมเชื่อฟังเหมือนบัญชาการของฮ่องเต้ จะกล้าไม่ทำตามได้ยังไง” เฉินเป่ยคลายยิ้ม เขารู้สึกดีใจมาก หลีชิงเยียนยอมให้เขาเป็นถึงรองประธานของบริษัท เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้เย็นชากับเขามากขนาดนั้นแล้ว!
เฉินเป่ยอดไม่ได้ที่จะแอบคิดลึก รอให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอสนิทสนมกันมากกว่านี้ ไม่แน่ว่าเธออาจจะยอม……ยกตัวเองให้เขาแล้วก็ได้!
ขณะที่เฉินเป่ยกำลังคิดอยู่นั้น มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ทำให้หลีชิงเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย……ท่าทีของเฉินเป่ย มันดูไม่มีความจริงจัง ไม่น่าเชื่อถือ
“คุณยิ้มอะไรคะ?” หลีชิงเยียนถาม
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
“พาเขาไปที่ห้องทำงาน” หลีชิงเยียนพูด
“ค่ะ” หลินเฉว่พยักหน้า หันไปมองเฉินเป่ย พูดเสียงเบา “พวกเราไปกันเถอะค่ะ”
“ครับ”
เฉินเป่ยลุกขึ้น รีบเดินตามหลังหลินเฉว่ไป พูดขึ้น”เลขาหลิน คืนนี้ว่างไหมครับ?”
“คืนนี้……ว่างค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ?” ใบหน้าสวยๆของหลินเฉว่อึ้งเล็กน้อย สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความแปลกใจ
สายตาของเฉินเป่ยมองไปยังหุ่นอรชรของหลินเฉว่…..ถือเป็นหุ่นที่ดีมาก นัยน์ตาของเขาแฝงความหมายลึกซึ้ง “ผมอยากพาคุณไปดูหนังและกินข้าวครับ”
“คะ?” หลินเฉว่หยุดเดิน เธอถึงกับทรงตัวไม่ได้ เกือบจะหกล้ม!
ใบหน้าสวยๆของหลินเฉว่เผยความตกใจ เธอคิดไม่ถึงแม้แต่น้อย เฉินเป่ยจะเดท……กับเธอ!
ในความคิดของเธอ เฉินเป่ยมีผู้หญิงหน้าตาดีอย่างหลีชิงเยียนแล้ว ตัวของหลีชิงเยียนมีเสน่ห์แผ่ซ่านออกมาไม่มีที่สิ้นสุด เขาจะเดทกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง และไม่มีวันเป็นสมภารที่กินไก่วัดแน่นอน!
ทว่าคำพูดของเฉินเป่ย กลับทำให้เธอสะดุ้ง จนหลินเฉว่ไม่ทันได้ตั้งตัว
เฉินเป่ยมองดูท่าทีกระวนกระวายของหลินเฉว่ มันน่ารักมาก เขากระตุกยิ้มมุมปาก ก้าวเท้าออกไป เดินเข้าไปด้านในห้องทำงาน
ห้องทำงานนี้เป็นห้องทำงานเก่าของรองประธานคนเดิม เป็นห้องทำงานที่ใหญ่มาก มีการตกแต่งคล้ายกับห้องทำงานของหลีชิงเยียน ด้านข้างมีกระจกบานใหญ่ สามารถมองเห็นตึกสูงของเมืองหู้ไห่ ความเจริญรุ่งเรืองของตึกรามบ้านช่องต่างๆ
เฉินเป่ยเดินไปยังหน้าต่าง สายตาของเขากวาดมองดูรอบๆ ตึกขนาดใหญ่ของCBDอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา ตึกสูงตระหง่าน ทำให้นัยน์ตาส่วนลึกของเฉินเป่ย มีความซับซ้อนเผยออกมา……
ภาพนี้ คล้ายกับเมื่อหลายปีก่อน……ภาพนี้ เขาเคยเห็นที่เยี่ยนจิง มันอลังการกว่านี้
เฉินเป่ยพ่นลมหายใจออกมายาวๆ นัยน์ตาของเขาหยั่งลึกจนไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนแรกเขาคิดว่า โอกาสในการกลับมายังประเทศหัวเซี่ยนั้นน้อยมาก แต่คิดไม่ถึงว่า เป็นเพราะตระกูลหลี สุดท้ายแล้วเขายังคงต้องกลับมา
ไม่มีใครรู้ ในปีนั้น เกิดอะไรขึ้นที่เยี่ยจิงกันแน่……
“เฉินเป่ย”
ทันใดนั้นเอง เสียงหวานดังขึ้นด้านหลังของเฉินเป่ย เฉินเป่ยหันกลับไปมอง เห็นหลินเฉว่เดินเข้ามาจากด้านนอก
“คุณต้องการอะไรไหมคะ ฉันจะสั่งให้คนไปเตรียมมาให้” หลินเฉว่พูด
“ไม่ต้องการอะไรมากหรอกครับ ขอแค่คอมพิวเตอร์แรงๆหนึ่งเครื่อง ที่เขี่ยบุหรี่หนึ่งอัน กาน้ำชาป้านชาหนึ่งกา และก็……” เฉินเป่ยเงียบไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มของเขาดูมีเลศนัยขึ้นมา “ตู้ปลาหนึ่งตู้”
“ตู้ปลา……” หลินเฉว่อึ้ง สงสัยในสายตาของตนเอง รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินไม่ใช่ความจริง
“ใช่ครับ ตู้ปลา” เฉินเป่ยพยักหน้า
ใบหน้าสวยๆของหลินเฉว่ตกตะลึง “เอาตู้ปลา……มาทำอะไรคะ?”
“มาทำอะไรได้ครับ มาเลี้ยงปลาไง” เฉินเป่ยจับบุหรี่เอาไว้หนึ่งมวน คีบไว้ที่ปาก แล้วพูดเสียงเรียบ
สีหน้าของหลินเฉว่เต็มไปด้วยความงงงวย……เลี้ยงปลา……ในห้องทำงาน?!
หลินเฉว่ตกใจ ทั้งบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป……มีแค่ห้องทำงานของประธานหลีหยางเท่านั้น ที่มีตู้ปลา นี่เป็นสัญลักษณ์ของฐานะนั้นๆ มีแค่ผู้นำเท่านั้น ที่คู่ควรในการเลี้ยงปลา
ทว่าเฉินเป่ย……อยากจะได้ตู้ปลาเหมือนกัน นี่มันหมายความว่าอะไร อยากจะเทียบชั้นกับหลีหยาง?
ความหมายแฝงในคำพูดของเฉินเป่ย ถ้าคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนมันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก!
ทว่าเฉินเป่ยกลับคีบบุหรี่เอาไว้ในปาก เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาถึงขั้นคิดอยากจะให้หลินเฉว่ซื้อขวดโหลใส่แมลงมาให้ แต่แค่กลัวว่าถ้าหลีชิงเยียนรู้เข้า เธอคงจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ดังนั้นเขาจึงพูดแค่ว่าอยากได้ตู้ปลาหนึ่งตู้
ภายในห้องทำงานประธาน หลีชิงเยียนฟังรายงานจากปลายสาย ใบหน้าสวยงงงวย ตาบ้านี่อยากได้ตู้ปลามาเลี้ยงปลา เขาคิดอยากจะทำอะไร? เขาว่างมากหรอ?
……
เวลานี้ ซูเหลยนั่งอยู่ในห้องทำงาน ฟังคำพูดปลายสายของไอรีน ด้วยสีหน้าเหยเก
เธอคิดไม่ถึงว่า ขณะที่ไอรีนกำลังจะลงมือนั้น หลีชิงเยียนกลับปรากฏตัวออกมา
ทำให้ความหวังภายในใจของเธอ ดับวูบไป
“ไอ้บ้านี่…….” ซูเหลยกัดฟัน เธอรู้สึกปวดหัวมาก
แต่หลังจากที่เธอวางสาย เดินออกไปจากห้องทำงาน กำลังจะเดินไปยังห้องทำงานของประธาน เพื่อไปหาหลีชิงเยียนนั้น ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงพนักงานหลายคนพูดซุบซิบนินทา
“คนไร้ประโยชน์ที่เกาะผู้หญิงกินได้เป็นรองประธานแล้ว บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะจบเห่แล้ว!”
“ใช่ อาศัยที่ตนเองเป็นผู้ชายของประธานหลี มีเส้นใหญ่อย่างประธานหลีอยู่ เขาคิดจะแผลงฤทธิ์ในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป จะมีใครกล้าห้ามเขา!”
“หวังว่าสิ่งที่พวกเราพูดไปก่อนหน้านี้เขาจะไม่ได้ยินละกัน ไม่อย่างนั้นพวกเราคงซวยแน่ๆ”
ซูเหลยหยุดเดิน ผู้ชายของประธานหลี……คนไร้ประโยชน์ที่เกาะผู้หญิงกัน……ภายในใจของเธอหนักอึ้ง มีลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้น
ซูเหลยหมุนตัวหันหลัง เดินไปตรงหน้าพนักงานพวกนั้น แล้วเอ่ยถาม “ใครได้เป็นรองประธานของบริษัท?”
ซูเหลยที่เป็นบอดี้การ์ดของหลีชิงเยียน เธอไม่ค่อยโผล่หน้ามาให้พนักงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเห็น พวกเขาจึงไม่คุ้นหน้าเธอ พนักงานพวกนั้นไม่รู้ว่าซูเหลยเป็นใคร จึงทำปากจู๋ชี้ไปผนังที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ด้วยความพยายาม
ซูเหลยหันหน้าไป มองดูข่าวดีที่เขียนเอาไว้ตรงผนัง สีหน้าของเธอเศร้าหมอง ดวงตาทั้งคู่หดตัว ยากที่จะเชื่อ
“เป็นไปไม่ได้……” ซูเหลยพูดพึมพำ
“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ รองประธานบริษัททุกคนต่างก็มีหุ้นของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปในมือ หุ้นของคนนามสกุลเฉินคนนี้ เดาว่าประธานหลียกของตนเองให้เขา” หนึ่งในพนักงานพูดขึ้น
มือทั้งสองข้างของซูเหลยกำหมัดแน่น เธอไม่สามารถยอมรับได้ แผนการที่ตนเองวางแผนด้วยความตั้งใจและทุ่มเท แต่กลับล้มเหลวและผิดพลาดไปหมดด้วยความน่าแปลก ทว่าเฉินเป่ย กลับยิ่งอยู่ยิ่งได้ความเชื่อใจจากหลีชิงเยียน ถึงขั้นได้เป็นตำแหน่งระดับสูงของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปแล้ว!
ซูเหลยมีลางสังหรณ์บางอย่าง ยิ่งเฉินเป่ยได้รับความเชื่อใจจากหลีชิงเยียน ยิ่งเขาเข้าใกล้หลีชิงเยียน หลีชิงเยียนจะยิ่งอันตรายมากขึ้น
ซูเหลยสัมผัสได้ว่า เฉินเป่ยต้องมีเป้าหมายอะไรที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้แน่ๆ เธอพยายามจะเปิดโปงว่าเฉินเป่ยเป็นใคร แต่มันกลับไร้ประโยชน์
ซูเหลยเดินด้วยความรวดเร็ว เธอเปิดประตูเดินเข้าไปยังห้องทำงานของประธาน พูดกับหลีชิงเยียนที่อยู่ในห้องทำงาน “ประธานหลี ฉันไม่เห็นด้วยที่คุณให้เฉินเป่ยเป็นรองประธานค่ะ”
หลีชิงเยียนเงยหน้าขึ้น ใบหน้าสวยๆของเธอเผยความงงงวยและไม่เข้าใจ มีพนักงานหลายคนและกรรมการบริษัทหลายคนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ มีข้อเรียกร้องมากมาย แต่ก็ถูกเธอและหลีหยางดันเรื่องนี้ลงไป
ทว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึง แม้แต่ซูเหลยก็จะคัดค้านกับเรื่องนี้
“การที่เฉินเป่ยได้เป็นรองประธาน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปนะคะ” ซูเหลยไม่ได้พูดถึงสาเหตุหลักที่แท้จริง แต่เธอเอาเรื่องอื่นมาอ้าง
หลีชิงเยียนส่ายหน้า “นี่เป็นข้อเสนอของฉันและประธาน กรรมการบริษัทได้ลงคะแนนเสียงแล้ว เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก”
สีหน้าของซูเหลยเศร้าหมองลงไปเล็กน้อย ทว่าเธอยังคงพูดด้วยความหนักแน่น “ประธานหลี ฉันคิดว่าเขาต้องมีอะไรแน่ๆ”
“ถ้าเขามีอะไรจริงๆ ก็คงเผยออกมานานแล้ว ซูเหลย เธอไปจัดการและเพิ่มมาตรการความปลอดภัยของบริษัทให้เรียบร้อย เรื่องนี้ ไว้ค่อยว่ากัน” หลีชิงเยียนพูดเสียงเรียบ ทำให้ภายในใจของซูเหลยรู้สึกเย็นยะเยือก สุดท้ายแล้วเป็นเพราะตนเองทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้หลีชิงเยียนเลือกที่จะเชื่อเฉินเป่ย