แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่181 แบล็กการ์ด
เสียงของชิงเหนียนดังก้องอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ เพียงแวบเดียวก็เต็มไปด้วยความเงียบสงัด
เสียงของเขาไม่ได้ดังนัก แต่ทว่าคำพูดที่เต็มไปด้วยจำนวนข้อมูล โหมซัดสาดไล่หลังราวกับฟ้าผ่า ถ่ายทอดสู่ในหูของแขกแต่ละคน
“เพล้ง!”
มือที่หลีเช่าหงจับแก้วเหล้าไว้สั่นเทาฉับพลัน แก้วเหล้าลื่นไถล เสียงแตกกระจายดังกังวาน แก้วเหล้าแตกละเอียด ไวน์ลาฟิตสีแดงสดหกเปียกสูทหรูหราของหลีเช่าหงแล้ว
แววตาที่ลุ่มลึกของหลีเช่าหงสั่นสะเทือน มองทางชิงเหนียน สีหน้าเย็นยะเยือกราวกับน้ำค้างแข็ง แววตาล้ำลึกยิ่งมีแรงอาฆาตก่อตัวอย่างหนาวเย็นไร้ขีดจำกัด
หลังจากพิธีกรบนเวทีได้ยินคำพูดของชิงเหนียนก็ตกใจยกใหญ่ เบิกดวงตาโตทั้งคู่ ถามด้วยอาการสั่น “พัน……พันล้าน?”
ชิงเหนียนพยักหน้า “พันล้าน มากไปเหรอ?”
หยางเหวินห้าวที่นั่งอยู่ด้านข้างชิงเหนียนดึงๆ ชิงเหนียน พร้อมกับพูดเสียงโมโห “คุณกำลังทำอะไร พันล้านเลยนะ บริจาคออกไปแบบนี้ มากกว่าที่พวกเราหาได้อีก บัญชีบริษัทยังไม่พอถึงหนึ่งล้านเลย คุณเอาเงินพวกนี้มาจากที่ไหน?”
หยางเหวินห้าวอยู่ด้านข้างเข้มงวดกับเขาเพราะหวังว่าเขาจะได้ดี สำหรับเขานั้น ชิงเหนียนบ้าไปอย่างแท้จริง แค่งานเลี้ยงการกุศลงานหนึ่งเท่านั้น คาดไม่ถึงจะกล้าเอาเงินบริจาคพันล้านออกมา……นี่กิจการพังเกินไปแล้วจริงๆ
ชิงเหนียนนั่งอยู่ทางนั้น สีหน้าเรียบเฉย พันล้าน……สำหรับเขานั้นย่อมไม่ถือว่าเป็นอะไรอยู่แล้ว ช่วงก่อนหน้านี้ที่ประเทศอังกฤษพึ่งโอนเงินสองหมื่นล้านดอลลาร์มา…… พันล้านหยวนนี้เดิมทีก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียว
และเวลานี้ทุกคนกลับเดือดพล่าน ระเบิดถึงที่สุด! แขกนับไม่ถ้วนลุกขึ้น เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างเร่าร้อนราวกับฟ้าที่ร้องครืน ทำเอากลบเสียงของพิธีกรไปหมดสิ้น ดังสะท้อนอยู่ภายในห้องโถงใหญ่
สายตาของแขกมองทางชิงเหนียน เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ!
ทั้งงานล้วนคึกคัก แขกแต่ละท่านสีหน้าดูเคารพเลื่อมใส เพราะพวกเขาไม่มีใครมีความกล้าที่จะท้าทายกับหลีเช่าหง ยิ่งไม่กล้าจะเอาพันล้านออกมา
แต่ชิงเหนียนกล้า! เขาทำได้แล้ว!
หยางเหวินห้าวที่อยู่ด้านหลังชิงเหนียนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าราวกับเถ้าที่มอดดับไป สีหน้าที่หมดหวังเหลือเกิน เขามองทางชิงเหนียน กัดฟันแน่น “ได้ คุณโหด ผมจะดูว่าคุณจะเอาพันล้านออกมายังไง!”
ชิงเหนียนเอ่ยปากนิ่งๆ “พันล้านเท่านั้น ไม่มากๆ จำนวนเล็กน้อย”
มุมปากหยางเหวินห้าวกระตุก พันล้าน……ถึงแม้ให้เถ้าแก่ก่อนหน้าของเขา บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเอาออกมาพันล้าน ก็เหมือนจะเป็นนิทานอาหรับราตรี!
ชิงเหนียนเก่งกาจแค่ไหน จะควักพันล้านออกมาได้อย่างไรกัน!
“โอ้อวดไม่เตรียมการ ได้ ผ่านจุดสนใจไปแล้วผมจะดูว่าคุณจะทำยังไง!” หยางเหวินห้าวยิ้มเยาะอย่างอัปลักษณ์ เขาเตรียมตัวพร้อมที่จะดูชิงเหนียนขายหน้าแล้ว
สำหรับเขานั้น เดิมทีพันล้านไม่ใช่จำนวนน้อยนิด ถ้าชิงเหนียนนำเงินพันล้านออกมาจริง แม่หมูก็คงขึ้นต้นไม้กันได้หมด!
ระหว่างช่วงที่คึกคักกันทั้งงาน ชิงเหนียนยังคงนิ่งเฉยราวกับน้ำนิ่ง ทันใดนั้นเขาลุกขึ้น มองทอดไปทางหลีเช่าหงแล้วยิ้มเล็กน้อย
เสียงปรบมือราวฟ้าร้องลดลงไปทันใด แขกมากมายเห็นฉากเช่นนี้ต่างค่อยๆ เงียบกริบ……ชิงเหนียน นี่กำลังยั่วยุคุณชายใหญ่ตระกูลหลีต่อหน้าสาธารณะ!
สีหน้าที่เย็นชาของหลีเช่าหงดูไม่ดีสุดๆ เขาค่อยๆ ลุกขึ้น ไม่พูดสักคำ สายตาที่หนาวเย็นจ้องมองชิงเหนียนอยู่
ทันใดนั้นมุมปากเขายกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น รอยยิ้มช่างประหลาดอย่างยิ่ง ทำให้คนต่างเดาความหมายของรอยยิ้มในเวลานี้ของเขาไม่ถูก
ความคิดของชิงเหนียนเทียบกับหลีเช่าหงแล้วยิ่งยากจะคาดคะเน ฉลาดเฉียบแหลมอย่างล้ำลึก
เขาหมุนตัวทันใด เดินไปทางด้านนอกโถงใหญ่
บรรยากาศที่คึกคักภายในโถงใหญ่ลดหายไปมาก แขกมากมายมองทางหลีเช่าหงที่จากไปด้วยความตกใจ ก่อนจะจมสู่ความเงียบงัน
ส่วนชิงเหนียนล้วงมือทั้งคู่ในกระเป๋ากางเกง มองหลีเช่าหงออกไปด้วยสีหน้าสงบ
หยางเหวินห้าวที่อยู่ด้านหลังชิงเหนียนสีหน้าซีดขาว นั่งบนเก้าอี้แบบหมดแรง บ่นพึมพำ “ซวยแล้วๆ ……ผิดใจคุณชายหลีเข้า นี่ถือว่าจบเห่ถึงที่สุดแล้ว!”
หลังจากพิธีกรมองเห็นหลีเช่าหงออกไป ชั่วขณะนั้นในงานกระอักกระอ่วนขึ้นมา ทำให้เขารีบสร้างบรรยากาศในงานให้คึกคักทันที แล้วดำเนินงานเลี้ยงการกุศลต่อไป
แต่ถึงแม้งานเลี้ยงการกุศลจะจัดไปแบบปกติ แต่ผู้นำของงานเลี้ยง ตัวละครหลักล้วนไม่อยู่แล้ว ย่อมไม่ได้มีอารมณ์ฮึกเหิมแบบเมื่อสักครู่ จึงกลายมาเป็นจืดชืดไร้รสชาติขึ้นมา
ถึงแม้จะมีคนรวยหลายท่านถลุงเงินเป็นว่าเล่น บริจาคหลายล้าน ก็ยากมากที่จะนำความประหลาดใจมาให้ผู้คน
หลายล้านนี้เทียบกับจำนวนพันล้านก่อนหน้านี้ ความจริงไม่ถือว่าเป็นอะไร
สายตาของทุกคนจ้องทางชิงเหนียนไม่กะพริบ แม้กระทั่งสาวงามที่มีชื่อเสียงมากมายต่างเริ่มค่อยๆ สอบถามวิธีติดต่อของชิงเหนียนขึ้นมา
หลังงานเลี้ยงการกุศลจบลงก็ถึงช่วงอาหารค่ำ และขณะเดียวกันพนักงานหลายคนถือเครื่องpos เดินมาที่ด้านข้างของผู้บริจาคเงินหลายท่านกันแล้ว
หยางเหวินห้าวหัวเราะเยาะสักหน่อย เตรียมดูชิงเหนียนจะบิดพลิ้วหนี้สินอย่างไร
ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อว่าชิงเหนียนจะสามารถควักเงินบริจาคพันล้านออกมาได้จริง
ทั้งเมืองหู้ไห่ ถึงแม้มีตระกูลที่ทำได้ ก็ไม่ได้มากเท่าไร
เจ้าหน้าที่สาวบุคลิกหน้าตางดงามท่านหนึ่งเดินมาถึงด้านข้างชิงเหนียน รอยยิ้มสวยหวาน “คุณจางคะ เชิญเลือกวิธีบริจาคเงินค่ะ เช็คหรือว่ารูดบัตรคะ”
“รูดบัตร” ชิงเหนียนเอ่ยปากเรียบๆ ดึงบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าแล้วยื่นเข้าไป
และตอนที่เจ้าหน้าที่สาวรับบัตรธนาคารเข้ามา ร่างอ่อนช้อยที่เซ็กซี่สง่าสั่นเทาทันที ดวงตางดงามเผยความตกใจออกมา
“เป็นอะไรไป มีปัญหาเหรอ?” ชิงเหนียนอมยิ้มถาม บุคลิกที่สง่างามของเขานั้นทำให้หญิงสาวมากมายหลงใหลได้ง่ายมาก
ใบหน้างดงามของเจ้าหน้าที่สาวแดงเรื่อ บอกว่า “ไม่มีอะไรค่ะ”
“ในบัตรคุณมีเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” หยางเหวินห้าวกอดหน้าอกอยู่ ยิ้มเยาะถาม เขาไม่ทันได้มองบัตรธนาคารในมือชิงเหนียนเมื่อสักครู่ให้ชัดเจน
“การ์ดใบนี้ของคุณจางเป็นแบล็กการ์ดไม่จำกัดวงเงินของธนาคารแมคควอรีที่ต่างประเทศ ลูกค้าแต่ละท่านที่ครอบครองการ์ดใบนี้ จำเป็นต้องครอบครองทรัพย์สินแสนล้านขึ้นไป ในแบล็กการ์ดจำเป็นต้องมีเงินห้าหมื่นล้านดอลลาร์ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวพูดเสียงสั่น ทำให้สีหน้าหยางเหวินห้าวสีหน้าแข็งทื่อกะทันหัน สายตาตกอยู่ที่แบล็กการ์ดใบนั้นในมือของเจ้าหน้าที่สาว รอบแบล็กการ์ดยังเดินขอบทอง ซึ่งเต็มไปด้วยความสูงส่งหรูหรา
ส่วนหยางเหวินห้าวหัวใจสั่นสะเทือน ใกล้จะหยุดหายใจหมดแล้ว
แสนล้าน……เป็นแนวคิดอะไรกัน? หยางเหวินห้าวเวียนศีรษะ……นี่เป็นจำนวนเงินมหาศาลอย่างยิ่ง! แสนล้าน เป็นจำนวนที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปยังไม่กล้าคิด
ในใจหยางเหวินห้าวสั่นสะเทือน มึนหัวตาลาย……เขาจ้องแบล็กการ์ดใบนี้ตาไม่กะพริบ สีหน้ายากจะเชื่อถือ……เขาไม่อยากเชื่อว่าแบล็กการ์ดในมือของชิงเหนียนใบนี้ คาดไม่ถึงจะมีห้าหมื่นล้านดอลลาร์?
นี่เป็นไปได้อย่างไร!
หยางเหวินห้าวมองทางชิงเหนียน……มองไปยังหน้าที่สงบนิ่งเฉยใบนั้น ในใจของเขามีคลื่นยักษ์สูงขึ้น
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา คนที่โดนเขาดูถูกมาโดยตลอด……คาดไม่ถึงจะเป็นคนรวยหมื่นล้าน?
ไม่สิ เกรงว่าไม่หยุดที่คนรวยหมื่นล้าน นี่เป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของหัวเซี่ยเลยมั้ง!
หยางเหวินห้าวกลับตกใจยกใหญ่ ทันใดนั้นเขานึกถึงโรลส์-รอยซ์คันนั้นขึ้นมา……ทำให้ภายในใจเขาตื่นตระหนกหมื่นเท่า!
“ติ๊ง!”
เสียงดังกังวานทีหนึ่ง หยางเหวินห้าวได้ยินเสียงจากเครื่องรูดเงินลอยมาอย่างชัดเจน ตามมาด้วยเสียงน่าดึงดูดของเจ้าหน้าที่สาวเอ่ยขึ้น “คุณจางคะ ได้รับเงินเรียบร้อยค่ะ ขอบพระคุณสำหรับการบริจาคเงินของท่านเป็นอย่างมากค่ะ”
หยางเหวินห้าวรู้สึกเพียงว่าฟ้าหมุนเคว้งคว้าง……การ์ดใบนี้ไม่ใช่ของปลอม เป็นของจริง ชิงเหนียนครอบครองทรัพย์สินหมื่นล้านเป็นเรื่องจริง!
คาดไม่ถึงมีนักธุรกิจที่ร่ำรวยเก่งกาจขนาดนี้คนหนึ่งจะหลบซ่อนอยู่ด้านข้างตนเอง เขายืนอยู่ตรงหน้าตนเองมาโดยตลอด มีแต่ตนเองที่ยั่วเย้าเหน็บแนมครั้งแล้วครั้งเล่า……
หยางเหวินห้าวนั่นเรียกว่าอัดอั้นตันใจ บนหน้าร้อนผ่าว เขาโดนตนเองตบหน้าโหดเหี้ยมอย่างบ้าคลั่ง!
หยางเหวินห้าวยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกเพียงว่าอับอายไม่มีที่ให้ไปแล้ว
เจ้าหน้าที่สาวยื่นแบล็กการ์ดคืนให้ และพร้อมทิ้งวิธีติดต่อให้อย่างหน้าแดง “ถ้ามีข้อสงสัยอะไรสามารถติดต่อฉันได้นะคะ ฉันสามารถช่วยคุณจัดการความยุ่งยากทุกอย่างได้ค่ะ”
มุมปากชิงเหนียนเผยรอยยิ้มที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “ปัญหาอะไรก็ได้หมดเหรอ งั้นนอกจากปัญหาทางจิตใจล่ะ?”
แก้มขาวนวลงดงามของเจ้าหน้าที่สาวแดงอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ คำพูดของชิงเหนียนเผยความหมายของเขาออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เขาอยากจัดการปัญหาใน “ด้านกายภาพ”
หลังมองเจ้าหน้าที่สาวหมุนตัวไป บิดสะโพกที่อวบอิ่มเดินไปทางไกลๆ มุมปากชิงเหนียนฉีกรอยยิ้มที่มีความหมายขบคิดขึ้น
หยางเหวินห้าวที่อยู่ด้านข้างกลืนน้ำลาย สอบถามลองเชิงด้วยความระมัดระวัง “แบล็กการ์ดใบนี้เป็นของคุณจริงเหรอ?”
ชิงเหนียนมึนงง “แบล็กการ์ดใบเดียวแค่นั้น คุณใส่ใจถึงตอนนี้เลยเหรอ?”
หยางเหวินห้าวอับอายจนเหงื่อตก……เชี่ยเอ๊ยนี่มันเป็นแค่เรื่องแบล็กการ์ดเหรอ แบล็กการ์ดเล็กๆ ใบหนึ่งนี้เป็นตัวแทนสถานะของชิงเหนียนเชียวนะ!
“ไม่ใช่แค่แบล็กการ์ดใบเดียวเหรอ คุณอยากได้ผมจะไปให้คุณใบหนึ่ง” ชิงเหนียนเอ่ยปากเรื่อยเปื่อย ทำให้หยางเหวินห้าวใกล้จะงงงวยไปหมดแล้ว
แบล็กการ์ด……เป็นสัญลักษณ์ของสถานะ ผลปรากฏว่าในคำพูดของชิงเหนียนกลับกลายมาเป็นของราคาถูกที่อยากให้ก็ให้
เดิมทีหยางเหวินห้าวไม่รู้ว่าที่ชิงเหนียนสามารถให้การ์ดได้ตามใจชอบขนาดนั้น เป็นเพราะคฤหาสน์ของเฉินเป่ยที่ประเทศเบลเยียมหลังนั้นเก็บแบล็กการ์ดเอาไว้เป็นลัง!
แบล็กการ์ดของธนาคารต่างประเทศแต่ละแห่ง เฉินเป่ยล้วนมีหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีเงินเป็นกองๆ ……
ตอนที่ธนาคารแต่ละแห่งนั้นมาประจบประแจงเฉินเป่ย แบล็กการ์ดเหล่านี้……ล้วนให้มาราวกับเป็นนามบัตร……
ชิงเหนียนไม่ได้บอกกับหยางเหวินห้าว เพราะกลัวว่าหลังจากหยางเหวินห้าวรู้เข้า ไม่แน่ว่าอาจจะบ้าคลั่งไปทันที!
“สรุปว่าท่านทำได้อย่างไรกันแน่?” หยางเหวินห้าวกลืนน้ำลายอย่างแรง ถามด้วยความระมัดระวัง
ท่าทีของหยางเหวินห้าวเปลี่ยนไปเป็นหน้างอบึ้งตึงมากอย่างไม่รู้ตัว เปลี่ยนมาเคารพนบน้อมสุดๆ
“การ์ดพังๆ ไม่กี่ใบ ไม่คุ้มให้พูดถึงหรอก” ชิงเหนียนเอ่ยปากอย่างสบายๆ ฉากนี้โดนแขกมากมายเห็นเข้า ยิ่งรู้สึกว่าสถานะชิงเหนียนไม่ธรรมดา
การที่สามารถครอบครองแบล็กการ์ดใบหนึ่งได้ ล้วนเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่ร่ำรวยสูงศักดิ์ และเดิมทีชิงเหนียนไม่สนใจแบล็กการ์ดพวกนี้……นี่คือรวยมากแค่ไหนกัน!
กลายเป็นว่าหยางเหวินห้าวที่สมัยก่อนพูดทำลายชื่อเสียงของชิงเหนียนใหญ่โต แต่ในเวลานี้เขากลับเชื่ออย่างสุดใจแบบไม่สงสัย ถูกชิงเหนียนทำให้ยอมถึงที่สุด
“ไปเถอะ” ชิงเหนียนมองทางหน้าประตูโถงใหญ่ เอ่ยปากนิ่งๆ
หยางเหวินห้าวตะลึง “ไม่หาเงินแล้วเหรอ?”
“ทำผลลัพธ์ทางชื่อเสียงออกมาแล้ว อีกไม่นานเงินก็จะมาถึงที่อัตโนมัติ” ชิงเหนียนพูดเรียบเฉย ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าประตูห้องโถงใหญ่
หน้าประตูโรงแรม หลีเช่าหงนั่งอยู่ในรถ สายตามองทางด้านนอกหน้าต่างรถ สีหน้าล้ำลึกมาก
ลูกน้องคนหนึ่งวางโทรศัพท์ลง บอกว่า “คุณชายหลี ข้อมูลของเขาไม่ชัดเจน คาดว่ามาจากต่างประเทศ……มีบริษัทภายใต้ชื่อสองแห่ง หนึ่งในนั้นเป็นยาชีวภาพ”
“รู้ไหมว่าขนาดใหญ่แค่ไหน?” หลีเช่าหงถามแบบสงบ
“ขนาดไม่แน่ใจ แต่ที่เมืองหู้ไห่ ไม่มีชื่อเสียง นี่คือครั้งแรกที่เขาออกหน้าแนะนำผลิตภัณฑ์ของเขา” ลูกน้องพูดตามความเป็นจริง
มุมปากหลีเช่าหงฉีกความหมายที่ล้ำลึกขึ้น “เจ้านายออกหน้านำเสนอเอง……บริษัทของเขาจะเป็นบริษัทที่ดีอะไรได้ยังไงกัน”
“มีรอยรั่วมากมาย……มีเพียงบริษัทสองแห่ง หนึ่งในบริษัทนั้นยังดำเนินกิจการไปได้ไม่ดีด้วย……เขากลับบริจาคพันล้านออกมาแบบตามใจชอบ”
ลูกน้องร่างกายสั่นเทา สีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมา “ความหมายของท่านคือภายใต้ชื่อเขาไม่ได้มีแค่สองบริษัทนี้?”
หลีเช่าหงหันหน้ามองทางด้านนอกกระจกรถ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาฝืด เห็นเพียงหน้าประตูโรงแรม มีภาพคนเดินออกมา
สายตาทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง อากาศเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและการโจมตีที่อาฆาต!