บทที่188 ตระกูลหวงต้องเชื่อฟัง
คำพูดชายวัยกลางคนพึ่งจบลง ลูกน้องตระกูลหวงคนหนึ่งโผล่ออกมาจากในรถยนต์ ในมือถือโทรศัพท์เอาไว้ เอ่ยปากด้วยความเคารพ “นายท่านครับ มีโทรศัพท์ของท่านครับ”
“ใครโทรมา?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ทราบครับ” ลูกน้องตระกูลหวงส่ายหน้าแล้ว ชายวัยกลางคนรับโทรศัพท์มา ในสายนั้นมีเสียงที่นิ่งสงบล้ำลึกเสียงหนึ่งลอยมา “ท่านกำลังตามหาคนที่รังแกหวงหรุงอยู่หรือไม่?”
“คุณเป็นใคร?”
“หลีเช่าหง”
ชายวัยกลางคนร่างกายสั่น ในแววตาประกายความตื่นตระหนกพาดผ่าน
ในฐานะตระกูลหวงแห่งหู้ไห่ ย่อมเคยได้ยินชื่อของหลีเช่าหงคนนี้เป็นธรรมดา
ชั่วขณะนั้นชายวัยกลางคนเผยสีหน้าความเคารพหลายระดับ ถามว่า “คุณชายหลีรู้ว่าใครรังแกลูกชายผม?”
“บังเอิญรู้มา คนคนนี้เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลหลี ทุกอย่างนี้มีความเป็นไปได้มากว่าเป็นเขาบงการ” ในสายโทรศัพท์นั้น หลีเช่าหงเอ่ยปากเรียบๆ
“ขอบคุณคุณชายหลีที่บอกมากครับ” ชายวัยกลางคนหลังวางโทรศัพท์ลง สีหน้าหนาวเย็น พูดกับหวงหรุงว่า “ไป”
หลังหวงหรุงตามชายวัยกลางคนนั่งเข้าในรถถามว่า “พวกเราจะไปที่ไหนกัน”
“บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป” ชายวัยกลางคนมองทางด้านไกลๆ นอกหน้าต่าง แววตาลุ่มลึกทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
…………
ในร้านกาแฟตรงข้ามของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ถังเต๋อพาถังโหรวลุกขึ้น ท่าทางจริงจังแสดงความเคารพต่อเฉินเป่ย ถังเต๋อกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “เจ้าเฉิน นายช่วยตระกูลถังไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ตระกูลถัง……ล้วนไม่รู้จะตอบแทนนายอย่างไรถึงจะพอ”
มุมปากเฉินเป่ยขยับนิดหน่อย พูดแบบเรียบเฉย “เรื่องเล็กนิดเดียว ไม่เป็นอะไรครับ ผมกลับไปก่อนแล้วกัน”
ถังเต๋อพยักหน้า มองทางเฉินเป่ยที่หมุนตัว หลังจากที่ภาพด้านหลังค่อยๆ เล็กลง จึงหันหน้ามองทางถังโหรว ถามว่า “ฝีมือของเขาเป็นยังไงบ้าง?”
ถังโหรวตะลึง หลังจากครุ่นคิดสักแวบก็ตอบว่า “ตอนที่เขาลงมือ หนูกำลังก้มหน้า พอตอนที่เงยหน้ามา ซานปิ่ญก็ค้างอยู่บนผนังห้องแล้ว”
ถังเต๋อสายตาลุ่มลึก บ่นพึมพำ “น่าสนใจ……”
“มีอะไรเหรอคะ? คุณปู่?” ถังโหรวเงยหน้า ถามด้วยสีหน้าสงสัย
“เขาไม่ธรรมดาไง……” ถังเต๋อเอ่ยปากช้าๆ สีหน้าเคร่งขรึม
“เขาไม่ใช่แค่ฝีมือแกร่งนิดหน่อยเองเหรอ……” ถังโหรวพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร
ถังเต๋อลูบๆ ผมสลวยดำขลับมันวาวของถังโหรว ส่ายหน้าหัวเราะอย่างจำใจ……ถังโหรวไม่ชัดเจน แต่ในใจถังเต๋อชัดเจนดี สามารถสังหารผู้สืบทอดคาราเต้สายตรงของประเทศตี้กั๋วได้อย่างง่ายดาย……เพียงแค่ฝีมือแกร่งนิดหน่อยได้อย่างไรกัน……
หลังเฉินเป่ยเดินเข้ามาในอาคารตระกูลหลีภายใต้สายตาซับซ้อนนับไม่ถ้วนของผู้คนโดยรอบ ถือกาแฟสองแก้วมาอย่างนิ่งเฉยแล้วขึ้นลิฟต์ไป
หลังจากผลักประตูเดินเข้าห้องทำงานเลขานุการ เฉินเป่ยกลั้นเสียงลมหายใจ ค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป มองเห็นหลินเฉว่กำลังทำงานยุ่งมากที่คอมพิวเตอร์
เฉินเป่ยนำกาแฟมาวางบนโต๊ะของหลินเฉว่เบาๆ พูดเสียงละมุน “เลขาฯ หลิน ท่าทางเธอตั้งใจทำงาน สวยมากเลย~”
“หา?” หลินเฉว่ตกใจที่เฉินเป่ยพูดออกมากะทันหัน เธอมองทางเฉินเป่ยด้วยสีหน้าแปลกใจ “ประธานเฉิน……คุณเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“เมื่อกี้” เฉินเป่ยหัวเราะนิ่งๆ “พวกเรารู้จักกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว เธอยังเรียกประธานเฉินอีก?”
“นี่~ นี่เป็นกฎของบริษัท” หลินเฉว่อธิบาย
มุมปากเฉินเป่ยขยับ พูดอย่างเหยียดหยาม “กฎบริษัทบ้าบออะไรกัน เธอดูฉันทำตามข้อไหนแล้ว?”
“พี่เฉิน~” ในที่สุดหลินเฉว่เปลี่ยนคำเรียก ใบหน้างดงามแดงเล็กน้อย
เฉินเป่ยพยักหน้าอมยิ้ม หลินเฉว่หน้าตาบุคลิกล้วนสวยงามไร้เดียงสาที่สุด เสียงที่สวยหวานอ่อนโยนยามเรียกขึ้นมา เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายใดๆ ต่างยากจะควบคุมไหว กระดูกแทบอ่อนเปลี้ยไปหมด
“ฉันจะเอากาแฟไปให้ประธานหลี” เฉินเป่ยบอกไป
“คือว่า……อย่าดีกว่ามั้ง” หลินเฉว่เอ่ยปากทันใด เรียกเฉินเป่ยเอาไว้
“มีอะไรเหรอ?” เฉินเป่ยยักคิ้วทีหนึ่ง
หลินเฉว่พูดอ้ำอึ้ง “ประธานหลี ตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี……”
หลังเฉินเป่ยตะลึงเล็กน้อย มุมปากฉีกรอยยิ้มอันธพาลขึ้น “อารมณ์ไม่ดี ให้ฉันไปปลอบใจพอดีเลยสิ”
ใบหน้างดงามของหลินเฉว่ฝืดแข็ง มองเฉินเป่ยหมุนตัวไปเฉยๆ ก่อนจะปิดประตูห้องทำงานลง
และในห้องทำงานท่านประธานเวลานี้ หลีชิงเยียนเปลือยเท้าเปล่าไว้ ยืนหน้ากระจกชมวิวแบบสงบนิ่ง มองทิวทัศน์ด้านนอกกระจกใส
ด้านข้างขายาวที่เรียวขาวเนียนคู่นั้นมีรองเท้าส้นสูงสีแดงที่งดงามคู่หนึ่ง วางอยู่เป็นระเบียบ
เวลานี้ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนหนาวเหน็บราวน้ำค้างแข็ง จากบนหน้าของเธอ ยากมากที่จะมองความคิดภายในของเธอออก
ในเวลานี้ เฉินเป่ยผลักประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานท่านประธาน วางกาแฟลงบนโต๊ะทำงาน มองทางภาพคนรูปร่างงดงามสวยสง่านั้นไป แววตาเร่าร้อนเล็กน้อย ยิ้มกริ่ม “ประธานหลี รูปร่างของคุณยังดีเหมือนเช่นเคยเลยนะ”
แม้แต่หน้าหลีชิงเยียนก็ไม่หันกลับ เอ่ยเสียงหนาวเย็น “ฉันต้องต่อสู้ขัดความคิดคนอื่นเพื่อให้นายมานั่งตำแหน่งรองประธานนี้ ผลลัพธ์เป็นยังไงล่ะ นายยังเห็นกฎของบริษัทอยู่ในสายตารึเปล่า?”
เฉินเป่ยไอแห้งๆ สองสามที เล่นลิ้นพูดกลับไปกลับมา “กฎบริษัทยาวเหลือเกิน ผมกำลังจำ……”
“หุบปาก!” หลีชิงเยียนตวาดด้วยเสียงน่าดึงดูด ขัดคำพูดของเฉินเป่ยแล้ว “เมื่อกี้นายไปทำอะไร?”
“ซื้อกาแฟให้ประธานหลีคุณไงครับ?” เฉินเป่ยทำหน้าไร้ความผิด
“นอกจากซื้อกาแฟล่ะ?” หลีชิงเยียนหมุนตัว ดวงตางดงามเผยแสงหนาวเหน็บที่ดุเดือดราวกับดาบ
“จองตั๋วหนังสองใบ” เฉินเป่ยล้วงตั๋วหนังสองใบที่ไม่รู้ว่าซื้อมาตั้งแต่เมื่อไรออกมา ยิ้มบอก “ประธานหลี นี่คือหนังที่เข้าโรงใหม่ล่าสุด ผมแย่งที่นั่งดีๆ มาได้สองที่ คุณจะให้เกียรติไปดูด้วยกันได้รึเปล่า?”
หลีชิงเยียนตะลึง แววตาตกอยู่บนตั๋วหนังในมือเฉินเป่ย สีหน้าอบอุ่นนิดหน่อย แต่ยังคงเคร่งขรึม “ฉันกำลังพูดเรื่องกฎของบริษัท นายยังมาเปลี่ยนหัวข้ออีก?”
หลีชิงเยียนพึ่งพูดจบ ทันใดนั้นเฉินเป่ยร้องเสียงดัง พุ่งไปทางด้านหน้าของหลีชิงเยียน จับเท้าของหลีชิงเยียนไว้ด้วยความระมัดระวัง พูดว่า “ประธานหลี คุณลืมแล้วเหรอว่าร่างกายคุณเป็นแบบเย็น? ยืนอยู่ที่พื้นเท้าเปล่าไม่ได้นะ นั่นจะได้รับความเย็นจนทำให้หนาวแล้วเกิดปัญหาสารพัดได้”
หลีชิงเยียนก้มหน้า มองเฉินเป่ยถือรองเท้าส้นสูงไว้ สวมให้หลีชิงเยียนเบาๆ หลีชิงเยียนก้มหน้าจ้อง มองท่าทางที่เฉินเป่ยตั้งอกตั้งใจ ไฟโกรธภายในใจลดลงอย่างน่าประหลาด
ท่านประธานนางฟ้ารู้เรื่องยิบย่อยในชีวิตมากมายขนาดนั้นที่ไหนกัน เธอเพียงแต่รู้สึกว่ายืนเท้าเปล่าที่พื้นเย็นสบายดี เดิมทีไม่ได้คิดมากขนาดนั้นแบบที่เฉินเป่ยใส่ใจ
…………
รถยนต์สีดำคันหนึ่งขับมาจากที่ไกลออกไปอย่างรวดเร็ว เข้ามาใกล้ทางอาคารตระกูลหลี
ห้านาทีผ่านไป รถยนต์สีดำลดความเร็วลง หมุนวนอย่างคลุ้มคลั่ง เสียงคำรามของเครื่องยนต์ค่อยลดลง ล่องลอยแบบสวยงาม ล้อรถกับพื้นเกิดเสียงที่ทำให้คนเสียวฟัน จอดที่ข้างทางอย่างมั่นคง
หลังจากนั้นขายาวข้างหนึ่งก็ก้าวออกจากในรถ รองเท้าหนังข้างหนึ่งเหยียบลงบนพื้น นั่นเป็นรองเท้าหนังวัวที่สั่งทำมือจากอิตาลี ราคาเป็นล้าน!
ชายวัยกลางคนท่านหนึ่งออกมาจากในรถ เดินไปทางอาคารตระกูลหลี
“กรุณารายงานสถานะด้วยครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนขวางชายวัยกลางคนไว้
ชายวัยกลางคนกวาดสายตามองพนักงานรักษาความปลอดภัย เอ่ยปากช้าๆ “ตระกูลหวงแห่งหู้ไห่ หวงปิง”
“หวงปิง?” พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนมองหน้ากัน “มาพบประธานหลีเหรอครับ? ถ้าไม่ได้นัดล่วงหน้าต้องนัดล่วงหน้าไว้ก่อน……”
พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนยังไม่ทันได้พูดจบ หวงปิงสีหน้าแข็งทื่อ ปล่อยหมัดคู่หนึ่งออก ต่อยเข้าไปด้วยพลังหวาดกลัว!
แวบเดียวพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองก็ลอยออกไปไกลหลายสิบเมตร ชนกระจกแตก กระแทกบนผนังของโถงใหญ่ทันใด บนผนังแตกร้าวกระจายเป็นรูปใยแมงมุม ช่างเป็นภาพที่สยองขวัญ!
ภายในโถงใหญ่ พนักงานที่กำลังยุ่งกันอยู่สีหน้าแตกตื่น พวกเขานึกถึงการสังหารครั้งก่อนหน้า……ทำให้พวกเขาสับสนอย่างยิ่ง กรีดร้องหนีไปทางด้านบนตึก!
พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนดิ้นรนอยากจะปีนขึ้นมา แต่ในที่สุดกลับทำได้เพียงกระอักเลือดสดออกมา หมดแรงล้มลง
หวงปิงเอามือไพล่หลังเดินไปในอาคารตระกูลหลี รอบด้านล้วนเป็นพนักงานที่แตกตื่นและหนีเอาตัวรอด หวงปิงกวาดตามองไปทุกที่ มีการดูถูกและหยิ่งยโสบางๆ ทั้งตัวเต็มไปด้วยความโอหัง
ในห้องทำงานท่านประธาน หลีชิงเยียนกำลังอยากตวาดใส่เฉินเป่ย ทันใดนั้นโทรศัพท์สายด่วนก็ดังขึ้น
หลีชิงเยียนรับโทรศัพท์ ในสายนั้นเป็นเสียงของหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยดังขึ้น “ประธานหลีครับ ไม่ดีแล้ว มีคนพุ่งเข้ามา แผนกรักษาความปลอดภัยห้ามไว้ไม่อยู่ครับ!”
“อะไรนะ?” ท่านประธานนางฟ้าสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้างดงามซีดเผือด พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป มีบางส่วนเป็นทหารที่ปลดประจำการออกมาจากศูนย์ป้องกันสงครามเมืองหู้ไห่ ฝีมือเก่งกาจมาก……ผลปรากฏว่าคนเดียวยังขวางไม่อยู่?
เฉินเป่ยกำลังนั่งอยู่บนโซฟา กินผลไม้อย่างหน้าหนาไร้ยางอาย บนโต๊ะทุกที่ล้วนเป็นเปลือกผลไม้ที่กองทิ้ง
และสายตาเขาตกบนใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนอยู่ไม่ขาดสาย หลังมองเห็นหลีชิงเยียนสีหน้าดูแย่ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทันใดนั้นหลินเฉว่ก็พุ่งเข้ามาในห้องทำงาน ท่าทางลนลาน “ประธานหลีคะ ไม่ดีแล้ว……มีพนักงานสิบกว่าคนได้รับบาดเจ็บค่ะ”
หลีชิงเยียนลุกขึ้นทันที และกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้าง “ผมไปดูหน่อยแล้วกัน”
หลีชิงเยียนหันหน้า มองทางเฉินเป่ย สีหน้าแปลกประหลาด “นายไปจะมีประโยชน์อะไร?”
เฉินเป่ยสีหน้าเรียบนิ่ง “คุณเป็นเสาเอกของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป คุณจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ผมเป็นแค่คนว่างงานในบริษัท ไปได้พอดี”
เฉินเป่ยพูดจบ จ้องมองดวงตางดงามของหลีชิงเยียน พูดเสียงละมุน “วางใจได้ ผมจะกลับมา”
“ระวังอันตรายด้วย” หลีชิงเยียนไม่รู้ทำไมประโยคนี้ถึงหลุดออกจากปากเธอ แม้แต่ตัวเธอเองยังแปลกใจอยู่บ้าง
เฉินเป่ยหมุนตัว หลังเดินออกจากห้องทำงาน หลีชิงเยียนจ้องมองภาพด้านหลังของเฉินเป่ย ภายในใจซับซ้อนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
…………
หวงปิงเดินไปทางลิฟต์ทีละก้าว ทันใดนั้นประตูลิฟต์เปิดออก ภาพคนท่าทางเสเพลดูดบุหรี่อยู่ เดินออกมาอย่างเอ้อระเหยลอยชาย
“เจ้าแซ่หวง อย่าหาเลย ฉันอยู่นี่เอง” เฉินเป่ยอันธพาลอย่างมาก
“นายคือลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลหลี?” หวงปิงจ้องมองเฉินเป่ยอย่างเย็นชา แรงกดดันที่หนักหน่วงกดไปทางเฉินเป่ยเต็มเปี่ยม
เฉินเป่ยพยักหน้า หรี่ดวงตาทั้งสอง “ไม่มีเรื่องตระกูลหวงแห่งหู้ไห่คงไม่มาถึงที่ วันนี้เข้ามาก็ทั้งตีทั้งทุบ กะว่าจะทำอะไร?”
“ตระกูลหวงแห่งหู้ไห่ หวงปิง” หวงปิงเอ่ยปาก สังเกตเฉินเป่ยไปอย่างละเอียดพลางหัวเราะบอก “ลูกเขยแต่งเข้าบ้านของตระกูลหลี เป็นแกพวกขยะพรรค์นี้?”
หวงปิงหัวเราะเยาะ “ตระกูลหลี การดูแลตกต่ำ ลูกเขยแต่งเข้าบ้านที่หามาก็เป็นพวกไร้ประโยชน์ขนาดนี้”
“ไปกับฉันเถอะ ไม่แน่ว่าถ้าลูกชายฉันอารมณ์ดี อาจจะไว้ชีวิตแกได้”
เฉินเป่ยมึนงง จากนั้นหัวเราะเบาๆ บอกว่า “ให้ลูกชายนายกลิ้งเข้ามาสิ ตอนแรกฉันไม่อยากคิดบัญชีกับเขา แต่นึกไม่ถึงตอนนี้ตระกูลหวงไม่เชื่อฟังขนาดนี้”
หวงปิงสีหน้าเย็นยะเยือกล้ำลึก เฉินเป่ยพูดต่อไป “พวกนายก็แซ่หวงทั้งหมด ยังไม่รู้จักเชื่อฟังสักหน่อยเหรอ หรือว่าอยากให้คนอื่นเรียกพวกนายว่าต้าหวง (ชื่อของสุนัข) ถึงจะยอมเชื่อฟัง?”