บทที่207 ลงมือ
แม้สิงโตขย้ำกระต่ายก็ยังใช้แรงเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นไอรีนยังเป็นบุคคลที่ทำงานลับเฉพาะขั้นสูงแนวหน้าในองค์กร ฝีมือโดดเด่น สามารถกลายเป็นผู้ช่วยมือขวาของหลีเช่าหงได้ ย่อมไม่เพียงพึ่งแขนขาพัฒนาความสามารถที่องอาจห้าวหาญ
สติปัญญาของไอรีนเกินกว่าคนทั่วไปเช่นกัน และเป็นเช่นนี้ถึงได้รับตำแหน่งสำคัญของหลีเช่าหงด้วยกันกับหัวหน้าองค์กร
แต่อย่างไรเสียเธอก็คาดไม่ถึงว่าระดับความสำคัญที่หลีเช่าหงมีต่อเธอจะเกินกว่าการคาดการณ์ของเธอไปไกลมาก
นอกรถ ภาพคนแต่ละคนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไอรีนสีหน้าซับซ้อน แต่ละคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมรบที่ไอรีนคุ้นเคย เวลานี้กลับกลายมาเป็นศัตรู
โจมตีทั้งกองทัพ……ภารกิจของพวกเขาแต่ละคนนั้นเหมือนกัน จับเป็นไอรีน
เพราะหลีเช่าหงไม่เข้าใจว่าทำไมไอรีนถึงล้มเลิกกลางคัน การหักหลังของไอรีนทำให้การวางหมากที่ตั้งใจของหลีเช่าหงวุ่นวายไปหมด ทำให้หลีเช่าหงโกรธเคืองอย่างยิ่ง
“หึ่ม”
เครื่องยนต์ของรถยนต์สีขาวเกิดเสียงดัง แต่เพียงแวบเดียว ก็มีปืนยิงทะลุความว่างเปล่าดังกังวานสี่ที ทำให้ในใจไอรีนสั่นทันใด
บุคคลทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นต่างใช้ปืนพกในสถานการณ์แบบนี้ หลีเช่าหงให้คำสั่งการลงมากับพวกเขา นั่นคือไม่ต้องคำนึงถึงการชดใช้ทุกอย่าง
พวกเขาไม่สนใจว่าจะกระทบกับสภาพแวดล้อม ล้อทั้งสี่ของรถยนต์สีขาวถูกลูกกระสุนสี่นัดระเบิดแตก
ร่างอ่อนช้อยของไอรีนสั่นเทา ดวงตางดงามเผยความหมายหมดหวังออกมา……เธอคาดไม่ถึงว่าตนเองจะมารถคว่ำที่นี่แล้ว
ดวงตาของไอรีนเผยความแน่วแน่ออกมา หยิบมีดพกออกมาจากในกระเป๋าแล้วเดินลงจากรถ ภาพคนแต่คนพุ่งเข้ามาล้อมไอรีนไว้โดยรอบ
“ไอรีน วางอาวุธลง มอบอาวุธและยอมแพ้ซะ” ภาพคนหนึ่งในนั้นเอ่ยปากเสียงเย็นเฉียบ ไอรีนมองเขาทีหนึ่ง ความซับซ้อนในดวงตายิ่งเข้มข้น
บุคคลทำงานลับเฉพาะคนนี้ เมื่อวานยังพูดคุยหัวเราะกับเธออยู่เลย วันนี้กลับเย็นยะเยือกอย่างกับหุ่นยนต์
“นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกนายฟังฉันอธิบายก่อน” ไอรีนเอ่ยปาก แต่ทว่าคนเหล่านี้กลับไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ค่อยๆ บีบไอรีนเข้ามาทีละก้าว
ทันใดนั้นในดวงตาของไอรีนประกายความดุเดือดผ่านไป กัดฟันไว้ ใช้มีดพกในมือแทงออกไปทันที
เธอกำลังต่อสู้แบบสัตว์ป่าโดยที่โดนปิดล้อมเป็นครั้งสุดท้าย
“ปัง” ภาพของคนหนึ่งในนั้นลงมือ ทำเอาไอรีนสั่นถอย มีดพกในมือกระเด็นออกไป
ไอรีนถูกบุคคลทำงานลับเฉพาะหลายคนล้อมไว้แบบมือเปล่า ซึ่งเป็นจุดจบของการจับผู้ร้ายแบบเป็นๆ แล้ว
ฟันขาวของไอรีนกัดริมฝีปากแดงไว้ หลับตาลง
เธอรู้ว่าหลีเช่าหงจัดการกับคนที่หักหลังเขาโหดร้ายที่สุด ฝังทั้งเป็น……และจุดจบของเธอก็คือเช่นนี้
ตอนที่เธอเตรียมยอมรับจุดจบเช่นนี้ ทันใดนั้นสองข้างของทางยกระดับก็มีเสียงคำรามที่ดังสะเทือนแก้วหูลอยมา
พื้นสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ร่างกายบุคคลทำงานลับเฉพาะเหล่านี้อยู่ไม่นิ่ง ราวกับแผ่นดินไหว
แวบเดียวบุคคลทำงานลับเฉพาะเหล่านั้นก็ลอยออกไป
และรอตอนที่ไอรีนลืมตาขึ้นมา มองเห็นตรงหน้าของเธอมีรถบรรทุกคันหนึ่งจอดอยู่ จากบนรถ ชิงเหนียนที่หล่อเหลาอย่างยิ่งกำลังเดินลงมา ในปากดูดซิการ์มวนหนึ่ง เดินมาทางเธอ
ไอรีนเบิกตาโต ในใจตื่นตระหนก เพราะรถบรรทุกคันนี้อยู่ห่างจากเธอใกล้เหลือเกิน มีเพียงระยะห่างที่ใกล้มาก ชิงเหนียนมั่นใจต่อระยะห่างอย่างแม่นยำเหลือเกิน ขอเพียงช้าอีกสักเสี้ยววินาที ไอรีนคงถูกชนกระเด็นเช่นกัน
ตอนที่ชิงเหนียนเดินมาถึงตรงหน้าของไอรีนที่ท่าทางตกใจ พินิจพิเคราะห์สักแวบ หมุนตัวบอก “ขึ้นรถเถอะ”
เวลานี้ไอรีนมึนงงแล้ว ชิงเหนียนที่เหมือนเป็นพระเจ้าผู้ช่วยชีวิตที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน ทำให้เธอไม่ทันได้ตรวจสอบสถานะของชิงเหนียน รีบตามชิงเหนียนขึ้นรถบรรทุกคันใหญ่ไปทันที
ก่อนชิงเหนียนขึ้นรถ ยังทิ้งเหรียญเหรียญหนึ่งไว้ที่พื้นด้วย ก่อนจะขึ้นรถไปอย่างสง่า จากไปอย่างสง่าผ่าเผย
รอตอนที่บุคคลทำงานลับเฉพาะที่ถูกชนเหล่านั้นพุ่งกลับมา รถบรรทุกใหญ่ก็ออกไปไกล เหลือเพียงเหรียญนี้ที่ทิ้งเอาไว้บนพื้น
พวกเขามองหน้ากันและกัน แต่ละคนต่างหน้ามอมแมมไปด้วยฝุ่น กระเซอะกระเซิงสุดจะทน
ใครจะคิดได้……ว่าจะเกิดเรื่องราวที่ไม่คาดคิดขึ้นมาต่อหน้าสาธารณชน จากนั้นนำไอรีนไปอย่างแข็งกร้าว
“เฮ้อ ที่แท้รถคันนี้ขับไม่สบายเท่าโรลส์-รอยซ์จริงๆ” ชิงเหนียนกุมพวงมาลัยพลางพูดบ่น
ไอรีนที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของชิงเหนียน ดวงตางดงามเปลี่ยนไป เธอรู้จักโรลส์-รอยซ์ในตลาดของหัวเซี่ยอย่างชัดเจน……เธอใช้สายตาสังเกตที่ชิงเหนียนด้วยความระมัดระวัง เธอไม่ค่อยเชื่อว่าชิงเหนียนที่เป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้ คาดไม่ถึงยังมีตำแหน่งที่หัวเซี่ยพิเศษขนาดนั้น ขับโรลส์-รอยซ์ได้ด้วย
“คุณเป็นใคร ทำไมถึงช่วยฉัน?” ขับรถบรรทุกใหญ่มาเป็นระยะทางยาวนาน ไอรีนสำรวจนานมากแล้ว แต่ยังไม่ได้รับข่าวที่มีประโยชน์อะไรจากบนตัวชิงเหนียน ในที่สุดจึงเอ่ยปากถามขึ้น
“ไม่ใช่ฉันที่ช่วยเธอ แต่เป็นลูกพี่ฉันที่ช่วยเธอ” ชิงเหนียนเอ่ยปากเรียบๆ
“เจ้านายของคุณเป็นใครกัน?” ไอรีนถามขึ้น
“เธอยังไม่มีสิทธิ์รู้” ชิงเหนียนนิ่งไป แล้วบอกว่า “เธอเพียงแค่ต้องรู้ว่าแต่นี้ต่อไปอนาคตของเธอเหมือนผ้าดิ้นก็พอแล้ว”
“สรุปพวกคุณเป็นองค์กรไหนกันแน่?”
ชิงเหนียนมองไอรีนอย่างลึกล้ำทีหนึ่ง นำเหรียญยื่นให้ไอรีนไป
“นี่คือสถานที่ที่เธอต้องไป”
ไอรีนมองเหรียญที่แกะสลักเป็นรูปมังกรนี้อยู่ สีหน้างงงวย
เธอไม่รู้ว่าเหรียญนี้หมายถึงอะไร
“ถึงที่แล้วเธอก็รู้เอง” ชิงเหนียนพูดเรียบนิ่ง
…………
อีกด้านหนึ่งของเมืองหู้ไห่ เฉินเป่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์แล้ว
มือทั้งสองของเฉินเป่ยคลิกที่แป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว ว่องไวมาก เขาเชื่อมต่อกับเครือข่ายต่างประเทศ กดเปิดหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง เชื้อเชิญให้วิดีโอคอล
เวลานี้ ยุโรปต่างแดนที่ไกลออกไป ในตึกใหญ่ที่สูงระฟ้าแห่งหนึ่ง เป็นการออกแบบแปลกใหม่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายอนาคต
ในอาคารใหญ่แห่งนี้ ใช้ประโยชน์เทคโนโลยีระดับสูงที่ใหม่ล่าสุดของยุโรป อากาศยานไร้คนขับบินทำงานภายในตึกใหญ่อย่างรวดเร็ว คนไปคนมา ทุกที่ล้วนเป็นหุ่นยนต์ช่วยทำงาน
ในอาคารใหญ่แห่งนี้เป็นบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ในมือกุมเทคนิคระดับสูงที่สุดของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไว้ เป็นเทคโนโลยีที่ผู้มีอิทธิพลนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันหาแม้ในยามหลับก็อยากได้มาครอง
และในเวลานี้ ยอดบนสุดของอาคารที่รอบด้านโต๊ะกระจกใสตัวหนึ่ง ล้อมด้วยภาพสามมิติแต่ละภาพ ผู้หญิงงดงามตาฟ้าผมทองท่านหนึ่งที่ใส่สูทสีขาว ทั่วทั้งตัวแพร่กระจายท่วงท่าอันดุเดือดมีความสามารถออกมา
นี่คือการประชุมทางไกลฉากหนึ่ง ภาพสามมิติแต่ละท่านล้วนเป็นตัวแทนผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุโรปท่านหนึ่ง
ทันใดนั้นบนโต๊ะกระจกใสก็มีวิดีโอคอลสายหนึ่งเด้งขึ้นฉับพลัน
ผู้หญิงกวาดตามองทีหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “สายที่โทรเข้ามาจากหัวเซี่ย?”
ตอนที่ผู้หญิงกดเปิดพร้อมความสงสัย ทันใดนั้นก็ปรากฏใบหน้าชาวตะวันออกใบหนึ่งขึ้น
ส่วนตอนที่ผู้หญิงมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยใบนี้ ชั่วขณะนั้นก็ตะลึงค้าง สีหน้าตื่นตระหนก
เพียงครู่เดียวผู้หญิงก็ขัดจังหวะความทรงจำ แม้กระทั่งสิ้นสุดการประชุมอย่างไม่บอกสาเหตุให้กระจ่าง รีบร้อนปิดภาพสามมิติทิ้ง เปลี่ยนเป็นภาพสามติของเฉินเป่ยแทน
“หลง คุณอยู่ที่หัวเซี่ยได้ยังไง” ผู้หญิงหายใจเร่งรีบ มองเห็นเฉินเป่ยอีกครั้งด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ
“ปฏิบัติภารกิจอย่างหนึ่ง” เฉินเป่ยนำขาทั้งคู่มาพาดบนโต๊ะแล้วพูดขึ้น
“คุณไม่ไม่ติดต่อมาหลายเดือนแล้ว……ที่ต่างประเทศยุ่งเหยิงเป็นโจ๊กไปหมด ฉันยังคิดว่าคุณเกิดอุบัติเหตุอะไรเสียอีก” ดวงตาผู้หญิงมองทางเฉินเป่ย พูดด้วยความฮึกเหิม
“สบายใจได้ บนโลกนี้คนที่สามารถฆ่าผมได้ยังไม่เกิด” เฉินเป่ยตอบกลับแบบนิ่งๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อ “ผมต้องการให้คุณช่วยเหลืออย่างหนึ่ง”
“มีธุระอะไรเอ่ยปากมาได้ทันที ฉันพร้อมช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่แน่” ผู้หญิงเอ่ยปากอย่างไม่ลังเลสักนิด เจอกับเฉินเป่ยอีกครั้งหนึ่ง เธอตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว ตอบรับไปแบบไม่ต้องคิดเลยทั้งนั้น
“บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปที่หัวเซี่ยมีอัญมณีปลอมล็อตหนึ่งที่ผมต้องขาย ราคาออกจะแพงไปหน่อย หวังว่าคุณจะรับไว้ได้” เฉินเป่ยเอ่ยปากบอก
ประธานหญิงท่านนี้ตะลึงแล้ว “หลง คุณขาดเงินเหรอ? ไม่มีปัญหา ฉันจะซื้อในราคาร้อยเท่า ไม่สิ พันเท่า”
“พันล้านพอรึเปล่า?” ประธานหญิงทุ่มทีหนึ่งจำนวนมาก “ไม่พอก็เพิ่มอีกพันล้าน เงินสมาคมของพวกเราใช้ได้ตามสบาย”
เฉินเป่ยหน้าตากระอักกระอ่วนช่วงหนึ่ง “พอแล้วๆ อย่าเพิ่มเลย”
“หลง เมื่อไหร่คุณจะกลับมาที่ยุโรปล่ะ?” ดวงตางดงามของประธานหญิงมองทางเฉินเป่ยแฝงไปด้วยการรอคอย ในคำพูดเพิ่มความหมายแฝงหลายระดับ เผยความหมายทั้งหมดออกมา
“เฮ้อ……รอผมจัดการเรื่องในมือให้เสร็จก่อนแล้วกัน มีเวลาว่างไปแน่ มีเวลาว่างไปแน่……” เฉินเป่ยรีบตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง ถอนหายใจยาวๆ
พอเฉินเป่ยนึกถึงประธานหญิงที่ทุกข์ทรมานจากความแห้งแล้ง ไม่ได้รับความชุ่มชื้นคนนี้ก็รู้สึกอ้างว้างภายในใจช่วงหนึ่ง
ไม่มีใครนึกถึงว่าเฉินเป่ยที่แต่ไหนแต่ไรบนเตียงล่างเตียงท่าทางน่าเกรงขาม จะมีวันหนึ่ง ตอนที่เผชิญหน้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง กลับไม่มีความมั่นใจสักนิด
เพราะประธานหญิงคนนี้ช่วงเก่งกาจเหลือเกิน ถึงแม้หน้าตาสะสวย แต่ก็เหมือนจิ้งจอกเหมือนเสือ แม้แต่เฉินเป่ยยังไม่สามารถรับมือไหวอยู่บ้าง รู้สึกว่าร่างกายโดนล้วงจนกลวง
หลังจากวางสายวิดีโอคอล ประธานหญิงต่อสายโทรศัพท์ เอ่ยปากบอก “รีบไปเสนอการซื้อขายกับบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปที่หัวเซี่ย ราคาสองพันล้าน ไม่สิ สามพันล้าน”
หลังจากเฉินเป่ยคุยโทรศัพท์เสร็จ ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธาน มองหลีชิงเยียนที่วุ่นทำงานอยู่ เฉินเป่ยอารมณ์ดีมากยิ้มบอก “ชิงเยียน ตอนเย็นมีเวลามั้งมั้ย ผมเลี้ยงข้าวคุณนะ”
หลีชิงเยียนเงยหน้า มองเฉินเป่ยทีหนึ่ง พูดอย่างเมินเฉย “นายครุ่นคิดว่าจะขายของร้อยชุดนั้นออกไปให้ได้ยังไงจะดีกว่ามั้ง”
หลีชิงเยียนย่อมจะไม่ติดกับของเฉินเป่ย ในสายตาของเธอ เฉินเป่ยน่าจะไม่มีวิธี อับจนหนทาง ดังนั้นถึงเอาการเลี้ยงข้าวมาเป็นข้ออ้าง อยากจะให้เธอหลีชิงเยียนช่วยออกหน้า
แต่ครั้งนี้หลีชิงเยียนตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ กับเฉินเป่ยเด็ดขาด
เธอจะรออาทิตย์หน้าที่เฉินเป่ยปล่อยไก่ แล้วไสหัวไปที่แผนกรักษาความปลอดภัย
ถึงแม้คณะกรรมการจะน่าปวดหัวมาก แต่ก็ห่างไกลกับเฉินเป่ยที่น่าสะอิดสะเอียน ทำให้คนเกลียดจนกัดฟันแน่น
เธอตัดสินใจแล้วว่าจะต้องให้บทเรียนอย่างหนึ่งกับเฉินเป่ย
มุมปากเฉินเป่ยโค้งรอยยิ้มที่คนอื่นยากจะสังเกต “ชิงเยียน ทำไมต้องกังวลของนั้นด้วย รับปากกินข้าวกับผมก่อน แล้วผมจะบอกข่าวดีกับคุณอย่างหนึ่ง”
“ฉันจะไปประชุมแล้ว” หลีชิงเยียนมองค้อนให้เฉินเป่ยทีหนึ่ง จากนั้นกอดเอกสารเดินไปทางห้องประชุม
คาดไม่ถึงว่าความหน้าด้านไร้ยางอายของเฉินเป่ยจะเพิ่มระดับใหม่ เกาะข้างกายหลีชิงเยียนอย่างหน้าไม่อาย ให้หลีชิงเยียนรับปากไปกินข้าวด้วยกันกับเขา
สุดท้ายก็พุ่งเข้ามาในห้องประชุมโดยตรง ตอนที่มองเห็นกรรมการไม่น้อยที่รออยู่ตั้งนาน และหลีหยาง ใบหน้างดงามขาวนวลของหลีชิงเยียนก็มีสีแดงลอยขึ้นมาแบบยากจะเจอ พูดขอโทษเสียงต่ำ ก่อนจะหาตำแหน่งนั่งลงไปอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่นานเฉินเป่ยก็ตามหลีชิงเยียนเข้ามาติดๆ นั่งลงตำแหน่งด้านข้างของหลีชิงเยียน ทำให้หน้าของหลีชิงเยียนฝืดเคือง ยังก่อกวนไม่รามือ
“ประธานเฉิน การประชุมนี้ของพวกเราเหมือนว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายมั้ง?” ทันใดนั้นประธานหวงมองทางเฉินเป่ย ส่งเสียงบอก
เฉินเป่ยกวาดตามองประธานหวงทีหนึ่ง เอ่ยปากนิ่งๆ “ทำไม ฉันมาก็ไม่มาเกี่ยวอะไรกับนายไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อสักครู่เฉินเป่ยพึ่งขัดแย้งกับประธานหวงไป เวลานี้อยู่ในห้องประชุม คำพูดของเฉินเป่ยกับประธานหวงจึงเสียดหูอย่างชัดเจน
หลีหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย ต่อสู้ขึ้นและลงในวงการธุรกิจมาหลายสิบปี มองทีเดียวเขาย่อมมองออกว่าประธานหวงกำลังจงใจหาเรื่อง
“นี่เป็นการดื่มด่ำวันเวลาไม่กี่วันสุดท้ายในฐานะประธานเฉินเหรอ?” ประธานหวงยิ้มเยาะถาม
“ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันอาจจะไม่ใช่ประธานเฉินแล้ว แต่เป็นยามเฉินแทน” กรรมการอีกคนกล่าวขึ้น สายตาแต่ละคนตกอยู่บนตัวเฉินเป่ยเปลี่ยนเป็นดูถูกขึ้นมา
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างทนไม่ไหวแอบชายตามองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง ภายนอกไม่ขยับสีหน้า ทว่าภายในใจยังแอบรู้สึกตลก
อีกไม่นานเฉินเป่ยคงตกอยู่ในการประกาศโทษของกรรมการหลายท่าน และของพวกนั้นที่เขายังขายไม่ออกสักนิด จะต้องโดนกรรมการเหล่านี้โมโหแย่แน่นอน
กรรมการเหล่านี้มีคนไหนไม่ใช่บุคคลผู้เจนโลกบ้าง ด้านทักษะการพูด เฉินเป่ยยังห่างไกลอยู่มาก
“ถึงแม้อีกไม่กี่วันนายจะต้องไปเป็นยาม แต่เงินเดือนพวกเราสามารถตัดสินใจได้ จะให้นายมากกว่ายามคนอื่นขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะนายเป็นลูกเขยของบ้านหลี เดือนหนึ่งหมื่นสองหมื่นยังต้องมี” คำพูดของประธานหวงยิ่งอาฆาตแค้น แอบซ่อนปลายดาบ นี่เท่ากับว่าถากถางสายตาของหลีชิงเยียนและหลีหยางช่างแย่เหลือเกินแบบกลายๆ คาดไม่ถึงจะเลือกผู้ชายที่ความสามารถเป็นยามแบบนี้มาเป็นลูกเขยแต่งเข้าตระกูลให้บ้านหลี
หลีชิงเยียนมีสถานะอะไร หลีหยางสถานะอะไร? เฉินเป่ยเงินเดือนเดือนหนึ่งหมื่นสองหมื่น ไม่เพียงแค่ค่าใช้จ่ายที่หลีชิงเยียนให้เหรอ แม้กระทั่งกระดุมเพชรบนกระเป๋าหลุยส์วิตตองรุ่นลิมิเต็ดใบหนึ่งของหลีชิงเยียนยังซื้อไม่ได้เลย
เฉินเป่ยมองประธานหวงอย่างสนใจ บอกว่า “งั้นฉันยังต้องขอบคุณประธานหวงด้วยรึเปล่าล่ะ?”
“ฉันไม่ต้องการการตอบแทนร้อยเท่าพันเท่าจากนาย ขอเพียงถึงตอนนั้นนายรับหน้าที่ยามของนายไปก็พอแล้ว” ประธานหวงยิ้มเยาะ ในคำพูดมีการเหน็บแนมมากมาย