บทที่226 ก้นบุหรี่หนึ่งมวน!
รถไมบัครุ่นSค่อยๆ จอดลงตรงหน้าประตูอาคารบริษัทตระกูลหลี
ประตูถูกเปิดออก มีขาอันเรียวยาวและขาวผ่องหนึ่งข้างก้าวออกมา แล้วเหยียบลงบนพื้น
ส้นสูงสุดหรู ถุงเท้าที่ห่อหุ้มจนทำให้คนลุ่มหลง นั่นเป็นที่รักของเฉินเป่ย
ตั้งแต่วันแรกที่เฉินเป่ยรู้จักกับหลีชิงเยียน หลีชิงเยียนก็แต่งตัวแบบนี้……เหมือนเทพธิดาจะชอบถุงน่องเป็นพิเศษ……อีกอย่างก็สวมใส่ถุงน่องชั้นดี ทุกๆ ถุงน่อง มีราคาที่แพงจนยากที่จะจินตนาการออก
แต่ว่าเฉินเป่ยไม่ถือว่าเทพธิดาใส่ถุงน่องเลยสักนิด……ยังไงเขาก็คือจิตใจกำลังฮึกเหิม ผู้ชายโดยปกติ ก็คงจะไม่มีแรงต้านทานต่อถุงน่องและขาสวยๆ หรอก
รวมไปถึงขาอันสวยงามของเทพธิดานั้นสวยงามจริงๆ ถ้าใช้คำโบราณมาเปรียบเปรย บัวทองขาวหยก ก็คงจะเป็นแบบนี้
ทุกครั้งที่เทพธิดาสวมใส่ถุงน่องแล้วเดินไปเดินมาต่อหน้าเขา มันเป็นการยั่วยวนที่ถึงแก่ชีวิตอย่างไร้รูปธรรมจริงๆ
มันยั่วยวนจนทำให้เขาเป็นบาปได้!
เฉินเป่ยมองผ่านกระจกหลัง แล้วนัยน์ตากวาดมองขายาวๆ ของเขา ทำให้รู้สึกรุ่มร้อนอย่างมาก
ส่วนหลีชิงเยียนก็เหมือนจะสังเกตเห็นถึงสายตาของเฉินเป่ย นัยน์ตาคู่สวยนั้นกวาดมองเฉินเป่ยเพียงพริบตา เฉินเป่ยรีบละสายตาไปทางอื่น แล้วแกล้งทำเป็นชมทิวทัศน์ด้านนอกอย่างไม่ตั้งใจ
หลีชิงเยียนทำเสียงเย็นชาในลำคอ พอเธอนึกถึงเฉินเป่ยที่นัวเนียกับหนิงหรัว ภายในใจก็รู้สึกโกรธขึ้นมา และรู้สึกไม่สบายมาก
หลีชิงเยียนจ้องหน้าเฉินเป่ยเพียงชั่วพริบตา แล้วก้าวออกจากรถไมบัค จากนั้นก็ถือกระเป๋า ราชินีกำลังเดินไปที่อาคารบริษัทตระกูลหลีด้วยความมั่นใจเต็มร้อย
ท่านประธานเทพธิดา ถึงแม้ปกติจะโมโหใส่เขาแบบส่วนตัวอยู่ประจำ ทว่าตอนอยู่ในที่สาธารณะ ต่อหน้าพนักงานมากมายในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ตอนที่เธอแผ่รังสีแห่งความเย็นชาและเย่อหยิ่งของราชินี ก็สามารถเอาชนะคนมากมายได้
เหมือนบัวหิมะที่ผลิบานบนเขาน้ำแข็ง มันสูงส่งจนไม่สามารถไปใกล้ชิดหรือสัมผัสได้ ต่อให้มีคนนับไม่ถ้วนเฝ้ามองจนน้ำลายไหล ก็หวาดกลัวความสูงของภูเขาน้ำแข็งที่สูงจนแตะฟ้าที่ทำให้คนรู้สึกตกใจอย่างมาก ทำได้เพียงมองแต่ไม่กล้าเดินไป
หลีชิงเยียนเหยียบรองเท้าส้นสูงสุดหรู และมีพนักงานของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปคนต่อคนมากล่าวทักทายเสร็จ ก็เดินเข้าไปในอาคารของบริษัทตระกูลหลี
หลังจากเฉินเป่ยจอดรถเสร็จ แล้วกำลังจะเดินเข้าไปในออฟฟิศ และนั่งลงไปไม่นาน ก็มีเรือนร่างอันสะสวยเดินเข้ามาในออฟฟิศของเฉินเป่ย
“อรุณสวัสดิ์คะ ท่านประธานเฉิน” หนิงหรัวกระตุกมุมปากแล้วยิ้ม รอยยิ้มสวยเหมือนดอกไม้
เฉินเป่ยพยักหน้า แล้วหนิงหรัวก็พูดขึ้น “มีอะไรให้ดิฉันทำไหมคะ? ”
เฉินเป่ยนิ่งงัน……ตำแหน่งนี้ของตัวเองก็คืองานที่สบายๆ จะต้องการเลขาทำเรื่องอะไรล่ะ?
สายตาของเขาจับจ้องไปรูปร่างทรงเอสอันเพอร์เฟคของหนิงหรัว จู่ๆ ก็ระดมความคิดบางอย่างขึ้นมา แล้วพูดขึ้น “แน่นอน หนิงหรัว หุ่นของเธอดีมาก”
การที่ต้องเผชิญกับการชื่นชมของเฉินเป่ย หนิงหรัวทำหน้าแดงเล็กน้อย ปากยังคงพูดขึ้นด้วยความภูมิใจในตัวเอง “ธรรมดาค่ะ”
และนอกออฟฟิศ ตรงสุดถนน มีเรือนร่างหนึ่งเดินมาจากที่ไกลด้วยความว่องไว!
เรือนร่างนั้นเดินมาเร็วเกินไป ทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกายนั้นโดดเด่น ทุกๆ ก้าว สามารถทำให้ระยะทางสั้นลง แล้วกำลังเดินมาทางอาคารบริษัทตระกูลหลีที่สูงแตะฟ้า เดินเข้ามาใกล้อย่างว่องไว!
เรือนร่างนั้นเคล้าด้วยความอาฆาตที่ทำให้คนรู้สึกตกตะลึง……การข่มเหงและเย้ยหยันในมือถือ……นี่สำหรับตระกูลหวังแล้วเป็นความท้าทาย! เขาเกิดเป็นท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวัง จะไม่อนุญาตให้ความน่าเกรงขามของตระกูลหวังถูกบุกรุก!
ที่ผ่านมาท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังที่จะเดินออกจากบ้านตระกูลหวังน้อยครั้ง ครั้งนี้ พอเดินออกจากบ้านตระกูลหวัง แล้วกำลังจะไปเยี่ยมเยียนบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป!
ท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังทำสีหน้าที่เลือดเย็น แล้วมองอาคารบริษัทตระกูลหลี พร้อมกับเดินเข้าไปด้วยมือที่วางพาดไว้ด้านหลัง ความสามารถอันน่ากลัวทั้งเรือนร่างนั้นลุ่มลึกจนยากที่จะคาดเดา เหมือนเป็นการบังเกิดมาบนโลกของเทพฆ่าสังหาร!
และตอนนี้ ไม่มีใครนึกถึงว่าบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เงียบกริบ
หนิงหรัวที่กำลังอยู่ในออฟฟิศของเฉินเป่ย แล้วยืนอยู่ตรงหน้าเฉินเป่ย ใบหน้าสะสวยเขินอายจนแดง
เฉินเป่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ออฟฟิศ และท่าทางเหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจริง แล้วกำลังมองหนิงหรัว
“เสร็จหรือยัง? ” ใบหน้าที่แดงระเรื่อของหนิงหรัวยังไม่ทันหายไป ความรู้สึกที่ถูกเฉินเป่ยจับจ้องไว้แบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายอย่างน่าแปลก
“ผมกำลังดูว่ารูปร่างของคุณ จะเหมาะกับการใส่เสื้อแบบไหน? ” เฉินเป่ยพูดเหลวไหลด้วยความจริงจัง และนัยน์ตาเคล้าด้วยความลุ่มร้อน ทำให้หนิงหรัวรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
“เธอถอดเสื้อชั้นนอกเถอะ แบบนี้มันไม่เห็นถึงรูปร่างของคุณ” จู่ๆ เฉินเป่ยพูดขึ้น
“อ๋า? ” หนิงหรัวมองเฉินเป่ย แล้วนัยน์ตาก็นิ่งงันไป
หลังจากที่หนิงหรัวลังเลไปสักพัก แล้วนึกถึงข้างในยังมีเสื้อเชิ้ตสีขาว จึงก้มหน้า แล้วใช้สองมือปลดกระดุม แล้วค่อยๆ ถอดเสื้อกันหนาวออก
และในตอนนี้ ประตูออฟฟิศก็ถูกเคาะขึ้นมาทันที มีเรือนร่างอันงดงามผลักประตูเข้ามาจากข้างนอก แล้วมองเห็นฉากฉากนี้
หลินเฉว่เข้ามาปุ๊บ ก็เห็นเรือนร่างหนึ่งหันหลังให้ตัวเอง แล้วกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเฉินเป่ย เสื้อที่ถูกถอดออกมากว่าครึ่งหนึ่งแล้ว……ท่าทางแบบนั้น อยากจะทำให้คนอื่นชื่นชอบมากเท่าไหร่ก็ได้ และอยากให้ยั่วยวนผู้อื่นมากเท่าไหร่ก็ได้!
หลินเฉว่นิ่งงันไปไม่กี่วินาที แล้วถึงจะได้สติกลับมา แล้วพูดด้วยเสียงต่ำพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ “ท่านประธานเฉิน ต้องขอโทษด้วยนะคะ มารบกวนท่านแล้ว ท่านต่อเลยค่ะ”
หลินเฉว่จึงปิดประตูทันที หนิงหรัวตกใจจนรีบใส่เสื้อ แล้วถามด้วยความตกใจ “เธอ…..ทำไมจู่ๆ เธอถึงเข้ามาแบบนี้คะ? ”
“ไม่รู้”
เฉินเป่ยพยักไหล่ แล้วมองหนิงหรัว จากนั้นก็พูดอย่างขี้เล่น “หนิงหรัว เธอยังไม่ได้ถอดเสื้อแน่ะ”
“ช่างเถอะค่ะ…..วันหลังค่อยว่ากันเถอะค่ะ” หนิงหรัวก้มหน้า ใบหน้าสะสวยเหมือนถูกไฟเผา ทั้งใบหน้าเคล้าด้วยความแดงก่ำ
หลังจากที่เธอพูดด้วยเสียงเบาจนเจ็บ เหมือนดั่งกระต่ายที่ถูกทำให้ตกใจ แล้วออกจากออฟฟิศด้วยความกระวนกระวาย
เฉินเป่ยมองด้านหลังของเธอ กระตุกค่อยๆ กระตุกยิ้มที่เคล้าด้วยการดูหมิ่น
…….
“ปึง! ”
ท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังเหยียบลงบนพื้นกระเบื้องตรงลานกว้างหน้าประตูอาคารบริษัทตระกูลหลี มีคลื่นที่ไร้รูปร่างหนึ่งกำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ พื้นกระเบื้องตรงใต้เท้ามีเสียงสะท้อนคักๆ ดังขึ้น พื้นที่ถูกท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังเหยียบแค่เท้าเดียวก็เกิดรอยแตกไปทันที
ท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังมองอาคารบริษัทตระกูลหลี แล้วยืนเอามือวางพาดข้างหลัง นัยน์ตาลุ่มลึกอย่างไร้ขีดสิ้นสุด
ตอนที่ท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังเข้าไปใกล้อาคารบริษัทตระกูลหลี ก็มีรปภ.สองคนเดินขึ้นหน้าแล้วถามขึ้น “หยุดก่อน มาทำอะไร! ”
ท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังสวมใส่ชุดฉางเผ่า และไม่เข้าพวกกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทำให้เขาดูโดดเด่นในอีกด้าน
ท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังกวาดสายตามองบอร์ดี้การ์ดสองคนนั้น แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ น้ำเสียงเคล้าด้วยความเย่อหยิ่ง “ให้หลีชิงเยียนและเฉินเป่ยไสหัวออกมา”
รปภ.สองคนนั้นมองหน้ากัน แล้วมองท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังเพียงชั่วพริบตา…..พวกเขายังไม่เคยเห็นคนแก่ที่ไหนมาสร้างเรื่องวุ่นวายที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมาก่อน
“ผู้เฒ่า กลับไปเถอะ สองคนนั้นไม่ใช่ว่าอยากเจอแล้วจะได้เจอ” รปภ.หนึ่งคนพูดขึ้น
ท่านผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวังทำเสียงเย็นชาในลำคอ จู่ๆ นัยน์ตาคู่นั้นของเขาก็หดลง!
เรือนร่างของเขา แผ่รังสีความอาฆาตอันเลือดเย็นทำให้น่าตกใจออกมาทันที เหมือนเป็นวิสัยทัศน์แห่งความตายอยู่!
รปภ.ทั้งสองคนทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป แล้วถอยไปด้านหลังไม่หยุด……พวกเขาได้เห็นบุคคลทางสังคม ผู้ที่โด่งดังทางสังคม นักเลงท้องถิ่น ผู้มีอำนาจใต้ดิน…… และชายชราที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้ กลับให้บุคลิกภาพที่พิเศษ พวกเขาสามารถมองเห็นในบุคลิกภาพที่มีเสน่ห์ของท่านผู้อาวุโสตระกูลหวัง ทำให้สัมผัสถึงการฆ่าสังหารอย่างโหดเหี้ยมและเลือดคาวสด”
นี่ก็เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นว่า ความไม่ธรรมดาของผู้เฒ่าคนนี้!
ส่วนการตอบสนองของรปภ.ทั้งสองคนนี้ก็ยังช้าไปหน่อย…..ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังก้าวออกมา มีรอยแตกรอยหนึ่ง ปรากฏอยู่ตรงใต้เท้าของเขาทันที แล้วเคลื่อนมาด้านหน้าไม่หยุด……บนพื้นเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย บนพื้นกระเบื้องใต้เท้าของท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังเกิดหลุม และเกิดรอยแตกที่ลักษณะเหมือนใยแมงมุม ดูน่ากลัวมาก!
รอยแตกยังคงลุกลามอย่างรวดเร็ว…… ในพริบตาเดียว แม้แต่ภายในอาคารบริษัทตระกูลก็ยากที่จะหลบหนี!
รปภ.ทั้งสองคนทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขากำลังจะเอาวิทยุสื่อสารขึ้นมารายงานสถานการณ์ ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังก็ตบกลางอากษ ความว่างเปล่าทางอากาศสั่นสะเทือน รปภ.ทั้งสองกลับบินออกไปอย่างแปลกประหลาด เหมือนดั่งระเบิดที่กระแทกเข้าไปตรงกลางผนังอย่างรวดเร็ว!
“ปึง! ”
ห้องโถงตรงใต้อาคารบริษัทตระกูลหลีจึงเกิดสถานการณ์วุ่นวายขึ้นมาทันที! มีพนักงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปต่างก็กรีดร้องแล้วเดินออกจากอาคารบริษัทตระกูลหลี แล้ววิ่งไปยังตึกสูงผ่านทางออกฉุกเฉิน ทุกคนมองไปยังท่านผู้อาวุโสตระกูลหวัง สีหน้าเคล้าด้วยความหวาดกลัว!
ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังทำหน้านิ่งเฉย ทุกๆ กาวเหมือนกำลังเดินอย่างสบายๆ นัยน์ตาเปล่งประกายความเลือดเย็น
พวกแก……ยังไม่ออกมาหรอ?
ไม่ออกมา ไม่ต้องใช้เวลานาน บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ก็ใกล้จะถูกลบชื่อออกจากหู้ไห่แล้ว!
และในตอนนี้ เฉินเป่ยเพิ่งจะออกจากห้องน้ำ แล้วกำลังเดินไปที่ออฟฟิศ จู่ๆ เห็นหลินเฉว่ทำสีหน้าที่ขาวซีด แล้ววิ่งไปยังออฟฟิศท่านประธานอย่างสุดแรง สีหน้ากระวนกระวายมาก
เฉินเป่ยเรียกหลินเฉว่ไว้ แล้วถามขึ้น “มีเรื่องอะไรหรอ? ”
“มีคนมาสร้างเรื่องวุ่นวายที่ห้องโถงใหญ่” หลินเฉว่พูดอย่างเร่งรีบ “ฉันต้องไปรายงานท่านประธานหลีก่อน”
“ไม่ต้องรายงาน” เฉินเป่ยเอ่ยพูดอย่างฉับพลัน นัยน์ตาเปล่งประกายแสงออกมา ภายใต้การจับจ้องที่ตกตะลึงหลินเฉว่ ก็พูดด้วยเสียงเรียบ “ผมไปจัดการเอง”
“คุณ? ” หลินเฉว่นิ่งงัน แล้วใบหน้าเคล้าด้วยความสงสัย
แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะเชื่อว่าเฉินเป่ยจะสามารถแก้ไขปัญหา คนที่สามารถมาโวยวายถึงบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ไม่มีใครที่เป็นบุคคลธรรมดาหรอก มีเพียงคนใหญ่คนโตในบริษัทสามารถออกหน้าออกตา……เฉินเป่ยที่เป็นพ่อพวงมาลัย…….คาดว่าแค่ยิ่งทำให้คนรู้สึกไม่พอใจ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แน่นอน
“วางใจเถอะ ให้ผมมาจัดการ” เฉินเป่ยพูดจบ ก็หันหลังเดินเข้าไปในออฟฟิศ
หลินเฉว่มองเฉินเป่ยที่เดินจากไป ก็รู้สึกตะลึงงันไปชั่วขณะ และยังคงกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย แล้วผลักประตูเดินเข้าไปในออฟฟิศของท่านประธาน
“ท่านประธาน ที่ห้องโถงมีคนมาโวยวาย” หลินเฉว่พูดขึ้น
“โวยวาย? ” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น หลินเฉว่พยักหน้า แล้วพูดด้วยความสงสัย “นั่น……เฉินเป่ยบอกว่าเขาสามารถจัดการ และได้ไปจัดการแล้ว”
“เขาไปจัดการ? ” หลีชิงเยียนทำหน้าสะสวยจับตัวเป็นก้อน……นี่กำลังเล่นตลกนานาชาติอะไรกันอยู่ ไอ้หมอนั่นไปเจรจาหารือกับคนอื่น แค่จะทำให้คนอื่นรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเท่านั้น!
“ไป อย่าได้เขาไปจัดการ! ” นัยน์ตาคู่สวยของหลีชิงเยียนเปล่งประกายความเด็ดขาดออกมา…..ครั้งที่แล้วก็เสี่ยงอันตรายมากพอแล้ว ครั้งนี้เธอจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเหมือนครั้งที่แล้วอีก!
แต่หลีชิงเยียนไม่รู้ ตอนที่เธอไปถึงก็สายเกินไปแล้ว!
…….
ในห้องโถงใหญ่ของอาคารบริษัทตระกูลหลี
รปภ.คนแล้วคนเล่าพุ่งเข้าไปหาท่านผู้อาวุโสตระกูลหวัง ส่วนท่านผู้อาวุโสตระกูลหวัง ทำสีหน้าที่เย็นชา ตั้งแต่เริ่มจนจบ แค่แกว่งฝ่ามือเดียวออกไป ก็สามารถอยู่ยงคงกระพัน
ความสามารถของท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังลุ่มลึกจนไม่อาจคาดเดา ไม่เพียงแต่ฝ่ามือเดียว ความสามารถที่เขาสะสมมานับสิบๆ ปี……เหล่ารปภ.ที่ปลดเกษียณ จะต้านทานไว้ได้ยังไง?
“บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป แกยังไม่คิดจะออกมาอีกหรอ? ” ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังพึมพำ ทำสีหน้าเย็นชา
และในตอนนี้ ในสถานการณ์ที่ชุลมุนวุ่นวาย จู่ๆ ก็เหมือนมีประกายไฟที่ฝ่าผ่านความชุลมุนวุ่นวาย แล้วยิงมายังตำแหน่งที่ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังอยู่อย่างว่องไว!
ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังทำหน้าจับตัวเป็นก้อน การลงไม้ลงมือที่ไวเหมือนฟ้าแลบ ทันใดนั้นใช้นิ้วสองนิ้วคีบประกายไฟไว้!
เขาจับจ้องอย่างตั้งใจ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย……นั่นมันก้นบุหรี่หนึ่งมวลหนิ!