บทที่231 นางฟ้าก็อยากตามไปด้วย
หลังจากอาบแดดมาชั่วโมงกว่าๆ เฉินเป่ยสบายตัวจนบิดขี้เกียจทีหนึ่ง ลุกขึ้นยืน หันๆ ศีรษะ ขยับเส้นเอ็นและกระดูกสักหน่อย
“พี่เฉิน กระหายแล้วสิท่า มา ผมชงชาหลงจิ่งเสร็จแล้ว” ทันใดนั้นภาพคนคนหนึ่งก็ยกกาน้ำชาอันหนึ่งเดินเข้ามาอย่างกระตือรือร้น ยิ้มประจบสอพลอ
เฉินเป่ยสังเกตจางหยุ่งไปทีหนึ่ง เขามีหลักการชีวิตว่าไม่ดื่มก็จะเสียของ จึงรับถ้วยน้ำชามา ดื่มไปอึกหนึ่งด้วยความพึงพอใจมาก
“ใบชาธรรมดา แต่ฝีมือการชงชาไม่เลว” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ พูดวิจารณ์
จางหยุ่งหัวเราะฮาๆ “ฝีมือชงชานี้ผมเรียนมาจากปู่ของผม ปู่ผมเป็นอาจารย์ชงชา เดิมทีอยากให้ผมสืบทอดต่อจากเขา แต่ผมไม่อยากทำงานนั้น ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน”
เฉินเป่ยกวาดตามองเขาทีหนึ่ง “เป็นยามก็ไม่น่าเบื่อเหรอ?”
“นั่นไม่เหมือนกัน เป็นยามอยู่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปดีกว่าที่อื่นเป็นไหนๆ สามารถรู้จักเจ้านายแบบพี่เฉินได้ตั้งมากมาย” จางหยุ่งประจบสอพลอด้วยความเร่าร้อน
เฉินเป่ยหัวเราะเล็กน้อย จางหยุ่งอธิบายต่อ “พี่เฉิน ใบชาของชาหลงจิ่งแก้วนี้เป็นใบชาที่ดีที่สุดในตลาด ครึ่งกิโลก็ตั้งหลายพัน แม้แต่หัวหน้าพวกนั้นผมยังทำใจชงให้ไม่ได้เลย”
มุมปากเฉินเป่ยยกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น ……จางหยุ่งย่อมไม่รู้ดีเป็นธรรมดา ชาชั้นดีที่เฉินเป่ยเคยลิ้มรสนั้นช่างมากมายเหลือเกิน แค่ชาอู่หลงชนิดที่ราคาแพงคุณภาพเยี่ยม แต่ก่อนตอนที่เฉินเป่ยอยู่ต่างประเทศดื่มเสียจนไม่อยากดื่มอีกเลย
ในบรรดาชาที่เฉินเป่ยลิ้มรสมา ชาหลงจิ่งถ้วยนี้ของจางหยุ่ง ……แม้แต่ลำดับยังไม่มีให้!
ในสายตาของผู้คนมากมาย ชาหลงจิ่งของจางหยุ่งถ้วยนี้ ถือได้ว่าเป็นชาหลงจิ่งคุณภาพเยี่ยมจริงๆ แต่ในใจเฉินเป่ยกลับชัดเจนมาก……ชาหลงจิ่งคุณเยี่ยมที่แท้จริงมีเพียงต้นชาไม่กี่ต้นนั้น ซึ่งปริมาณการผลิตน้อยเหลือเกิน
ปริมาณการผลิตน้อยแค่นั้น เดิมทีไม่อาจปรากฏตัวในตลาดได้ มีเพียงอยู่ในตลาดมืด และขายในราคาสูง
หลังจากดื่มชาหลงจิ่งเสร็จ เฉินเป่ยก็กลับมาที่ห้องทำงาน
พึ่งกลับมาถึงห้องทำงานแล้วนั่งลง มือถือของเฉินเป่ยก็ดังขึ้นฉับพลัน
เฉินเป่ยกวาดตามองหน้าจอมือถือแวบหนึ่ง ภายในแววตาที่สงบ ทันใดนั้นมีความล้ำลึกก่อตัวขึ้น……
เฉินเป่ยควักมือถือออกมา ในสายโทรศัพท์นั้นเป็นเสียงของชิงเหนียนลอยมา “ลูกพี่ เรื่องวุ่นมาแล้ว”
“มีอะไรเหรอ?” เฉินเป่ยสีหน้าสงสัยนิดหน่อย จากที่เขารู้จักชิงเหนียนมา สิ่งที่สามารถทำให้ชิงเหนียนพูดคำนี้ออกมาได้นั้น สถานการณ์ย่อมไม่ธรรมดาเด็ดขาด
“ยังจำAresมีคนใช้ชื่อโอลิเวอร์ได้มั้ย?” ชิงเหนียนถามขึ้น
“มีอะไรแล้ว?” เฉินเป่ยถามกลับ
“เมื่อกี้สายข่าวของผมบอกผมว่าสนามบินหู้ไห่เกิดการสังหารหมู่ ผมตรวจสอบวงจรปิดแล้ว เห็นว่าคนที่สร้างเหตุการณ์เลวสังหารหมู่ ก็คือโอลิเวอร์” ชิงเหนียนพูดเสียงทุ้ม
เฉินเป่ยขมวดคิ้วขึ้น พูดด้วยเสียงเย็น “โอลิเวอร์มาถึงหู้ไห่ตั้งแต่เมื่อไร?”
“น่าจะพึ่งถึง ที่ลานจอดเครื่องบินโอลิเวอร์ฆ่าคนไปหลายคน……หลังเขาลงมาจากเครื่องบิน ก็สังหารคนตายเป็นเบือ” ชิงเหนียนพูดเสียงเนิบ
“จ้องเขาไว้ ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหวบอกฉันทุกเมื่อ” เฉินเป่ยสีหน้าเย็นชา “หาสาเหตุให้ชัดว่าเป็นใครกันแน่ที่ให้โอลิเวอร์มาที่หู้ไห่”
เฉินเป่ยสีหน้าหนาวเย็น ในแววตาเผยความหมายที่เย็นยะเยือก โอลิเวอร์เป็นคนของโลกชั่วร้ายทิศตะวันตก อยู่ห่างกับหัวเซี่ยไกลขนาดนี้ โอลิเวอร์ยังไม่ปฏิเสธความยากลำบาก มาจากที่ห่างไกล แสดงว่าต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่
ด้านหลังของโอลิเวอร์จะต้องมีคนชี้แนะบงการเขาอยู่เป็นแน่
ในแววตาลึกของเฉินเป่ยมีความหนาวเย็นและแรงอาฆาตที่กำลังก่อตัวไม่หยุด……การปรากฏตัวของโอลิเวอร์จะกระทบต่อความปลอดภัยของเมืองหู้ไห่และหลีชิงเยียน เขาไม่อาจจะอนุญาตให้อันตรายแบบนี้มีตัวตนอยู่ได้ เขาย่อมต้องถอนรากถอนโคนอันตรายที่แฝงอยู่ภายในแบบนี้ทิ้งเสีย
“ถ้าเกิดเขาเป็นคนที่Aresส่งมาล่ะ?” น้ำเสียงของชิงเหนียนเผยความกังวล……ตอนแรกที่โลกชั่วร้ายทิศตะวันตกเกิดการล้มล้างไม่สงบ เทพเจ้าแห่งสงครามท่านนั้นก็ไม่ได้อยู่เฉย ทำให้เฉินเป่ยตกอยู่ในวิกฤตชีวิตอยู่หลายครั้ง!
“ถ้าโอลิเวอร์เป็นคนที่เทพเจ้าแห่งสงครามส่งมา มีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียว โม่ถีซือเพียงหนึ่งเดียวที่รู้ที่อยู่ของพวกเราได้เปิดโปงพวกเราแล้ว……ฐานทัพก็จบเห่เหมือนกัน ……แต่ว่าถ้าโม่ถีซือเปิดโปงพวกเรา คนที่มาคงไม่อาจเป็นแค่โอลิเวอร์ Aresจะต้องมาด้วยตัวเอง” เฉินเป่ยเอ่ยปากบอก “ดูแล้วตอนนี้อัตราที่จะเป็นAresน้อยมาก”
เฉินเป่ยสีหน้าหนาวเหน็บ “แน่นอน ถ้าเป็นAresส่งมาจริง……” ในแววตาเฉินเป่ยประกายความหมายอาฆาตที่ดุร้ายเย็นเฉียบผ่านไป “ฉันไม่ถือสาที่จะไปโลกชั่วร้ายสักรอบ ตอนแรกที่ปล่อยพวกเขาไป ครั้งนี้จะไม่อีกแล้ว!”
“หวังว่าจะไม่ใช่Aresส่งมา ถ้าไม่อย่างนั้นเรื่องวุ่นของพวกเราใหญ่แน่” ชิงเหนียนทอดถอนใจ ถ้าให้คนบ้านั้นของโลกชั่วร้ายรู้เข้าจริง ฐานทัพต้องจบเห่ไปด้วยกันอย่างแน่นอน
Aresเจ้าคนบ้านั้น ถ้ารู้ตำแหน่งของฐานทัพแล้ว คงโจมตีไปอย่างคลุ้มคลั่งเป็นแน่ ไม่ระเบิดชีวิตในเขตหวงห้ามให้ราบเป็นหน้ากลองก็คงไม่รามือ
หลังวางสายโทรศัพท์ เฉินเป่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง หยิบมือถือขึ้น ส่งข้อความหนึ่งไป
ไม่นานภาพสาวสวยเซ็กซี่ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องทำงาน เดินเข้ามาถามด้วยเสียงน่าดึงดูด “ประธานเฉิน เรียกฉันมีธุระอะไรรึเปล่าคะ?”
“ช่วยฉันซื้อของสักหน่อยสิ” เฉินเป่ยมองทางหนิงหรัว พูดเสียงอันธพาล
“ของอะไรคะ?” หนิงหรัวหยิบสมุดขึ้น เริ่มบันทึกขึ้นมา
“แบบจำลองภูมิประเทศอันหนึ่ง” เฉินเป่ยพูดขึ้น
“แบบจำลองภูมิประเทศ?” หนิงหรัวตะลึง ใบหน้าสวยสดงดงามมองทางเฉินเป่ย สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เฉินเป่ยพยักหน้าแล้วพูดเสริม “เอาแบบที่ทหารใช้ ของเล่นแบบที่คนทั่วไปใช้พวกนั้นฉันไม่เอา”
หนิงหรัวมองทางเฉินเป่ย แววตาสงสัย……เธอกวาดสายตามองห้องทำงานทีหนึ่ง อย่างไรเสียก็ไม่เข้าใจ ทำไมเฉินเป่ยถึงต้องการแบบจำลองภูมิประเทศ แถมยังเป็นแบบที่ทหารใช้อีก
ประธานเฉินอยู่ที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเริ่มปฏิบัติหน้าที่…..งานปกติเดิมทีไม่ต้องใช้แบบจำลอง……เขาจะซื้อของพวกนี้ไปทำอะไร?
และเฉินเป่ยเหมือนมองความสงสัยในใจของหนิงหรัวออก จึงพูดอธิบายแบบเรียบนิ่ง “ใช้เล่นเกม”
หนิงหรัวพยักหน้าแล้วบอกว่า “แบบจำลองภูมิศาสตร์กรมทหารใช้ฝ่ายโลจิสติกส์น่าจะไม่เคยสั่งซื้อ น่าจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ประธานเฉินต้องอดทนรอสักหน่อยนะคะ”
“ได้เลย” เฉินเป่ยยิ้มแบบเล่นแง่พยักหน้า หนิงหรัวหมุนตัวเดินไปทางหน้าประตูห้องทำงานได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็เรียกหนิงหรัวไว้อีก
หนิงหรัวหมุนตัว มองทางเฉินเป่ย ถามว่า “ประธานเฉินยังมีธุระอะไรอีกเหรอคะ?”
“ไม่มีอะไร วันนี้เธอแต่งตัว……ดูดีมาก”
เฉินเป่ยพูดๆ อยู่ สายตาย้ายไปด้านล่างอย่างอดใจไม่ไหว ตกอยู่ที่ถุงน่องตาข่ายที่เซ็กซี่คู่นั้นของหนิงหรัว
หนิงหรัวแต่งตัวเซ็กซี่ทุกวัน เทียบกับหลีชิงเยียนยังไม่มีอะไรที่สู้ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบวกกับรูปร่างปีศาจที่สัดส่วนยอดเยี่ยมนี้ของหนิงหรัว ถุงน่องตาข่ายสีดำ……ขายาวที่ขาวเนียน จนจะทำให้คนเลือดกำเดาพุ่งจนต้านทานไม่ไหวอย่างยิ่ง!
“ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าหนิงหรัวแดงนิดหน่อย แววตาเขินอายสับสน รองเท้าส้นสูงเสียงดังตึกๆๆ รีบเดินออกจากห้องทำงานเหมือนหนีอะไร
ในห้องทำงานท่านประธาน หลีชิงเยียนกอดหน้าอกอยู่ ฟังหลินเฉว่รายงานแล้วขมวดคิ้วแน่น
“แน่ใจเหรอ ที่เขาอยากซื้อเป็นแบบจำลองภูมิประเทศแบบทหารใช้?” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงมีเสน่ห์
หลินเฉว่พยักหน้า “ไม่ผิดค่ะ”
“เขาจะเอาอันนี้ไปทำอะไร?” หลีชิงเยียนพึมพำกับตัวเอง ต่อให้เป็นเธอที่ฉลาดหลักแหลม ครั้งนี้ก็คิดไม่ถึง สรุปเฉินเป่ยอยากทำอะไร
“ประธานหลีคะ ประธานเฉินทำแบบนี้ น่าจะมีความคิดของเขามั้งคะ” หลินเฉว่พูดขึ้น
“เจ้าหมอนี้ เดี๋ยวก็คิดอันนี้เดี๋ยวก็คิดอันนั้น” หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด ถึงแม้ปากเธอจะพูดแบบนี้ แต่สีหน้ายังสงบลงมาไม่น้อย
ในเวลานี้ บนโต๊ะทำงานของหลีชิงเยียน โทรศัพท์ตั้งโต๊ะดังขึ้นกะทันหัน
หลีชิงเยียนรับโทรศัพท์ ในสายนั้นเป็นเสียงเรียบมีพลังของหลีหยางลอยมา ให้เธอไปที่ห้องทำงานของประธานกรรมการสักหน่อย
“เรื่องนี้เกี่ยวกับเจ้าเฉิน” หลีหยางรีบร้อนไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร จากนั้นวางสายโทรศัพท์ลง
หลีชิงเยียนตะลึง ทันใดนั้นภายในใจไม่สงบขึ้นมา เริ่มกังวลว่าเฉินเป่ยจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
พอหลีชิงเยียนคิดแบบนี้ เธอก็รีบลุกขึ้นยืน รีบเดินออกจากห้องทำงาน
“เอ๋……ประธานหลี” หลินเฉว่ทำหน้างุนงงยืนอยู่กลางห้องทำงาน มองหลีชิงเยียนที่สีหน้าร้อนใจเดินไปทางห้องทำงานประธานกรรมการ หล่อนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ในสายประธานกรรมการหลีพูดอะไรแล้ว ถึงทำให้หลีชิงเยียนรีบวิ่งเข้าไปขนาดนี้
ภายในห้องทำงานประธานกรรมการ
หลีชิงเยียนรีบร้อนผลักประตูห้องทำงานเปิด เดินมาถึงตรงหน้าหลีหยาง ถามขึ้นด้วยเสียงร้อนใจ “สรุปเป็นเรื่องอะไรกันคะ ทำไมไม่พูดในสายให้ชัดเจน?”
หลีหยางถอดแว่นตาลง เช็ดกระจกแว่นไปด้วย มองทางหลีชิงเยียนไปด้วย เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง “พ่อก็พอเดาได้ ขอเพียงพ่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าเฉิน ลูกจะร้อนใจขนาดนี้”
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนอึ้ง พูดอธิบาย “ไม่เกี่ยวกับเขาโดยส่วนตัว หนูแค่มาในฐานะเจ้านายที่สนใจพนักงานเท่านั้น”
หลีหยางยิ้มบอก “ตอนนี้เขาเป็นพนักงานของลูกเหรอ? ตอนนี้เขาอยู่ระดับเดียวกับลูกนะ”
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนตะลึง จากนั้นทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่ยอมรับ ตอบโต้กลับ “งั้นแล้วจะยังไงคะ? สรุปเรื่องอะไรที่ทำให้พ่อต้องเรียกหนูเข้ามา”
“ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่พ่อกับเจ้าเฉินปรึกษากันเรียบร้อยแล้วว่าอาทิตย์หน้าเยี่ยนจิงจะมีงานพนันเพชรพลอย เขาจะเป็นตัวแทนพวกเราบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปไปเข้าร่วม เลยบอกกับลูกสักหน่อย” หลีหยางพึ่งพูดคำนี้ออกไป ทำให้หลีชิงเยียนมึนงง ดวงตาเบิกโต “พ่อว่าอะไรนะคะ? งานพนันเพชรพลอย? พ่อให้เขาไป?”
หลีหยางพยักหน้า มองทางหลีชิงเยียนที่สีหน้าแปลกประหลาด ถามว่า “มีอะไรเหรอ? ไม่ได้เหรอ?”
“ท่านประธานกรรมการหลี คุณบ้าไปแล้วรึไง เขาจะพนันเพชรพลอยเป็นได้ยังไงกัน คุณให้เขาไปเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอย ไม่ใช่ทำให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปของพวกเราขายขี้หน้าเหรอ!” หลีชิงเยียนพูดเสียงรีบร้อน ต่อต้านเฉินเป่ยไปเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอยอย่างแรง
หลีหยางหัวเราะหึๆ “ลูกอย่าดูถูกสามีลูกเกินไปเลย”
หลีชิงเยียนทำปากยื่นๆ “เขามีอะไรให้ต้องประเมินสูงด้วยค่ะ”
“เรื่องราวตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว พ่อถามกรรมการคนอื่นมาแล้วด้วย พวกเราต่างเห็นด้วยว่าให้เจ้าเฉินไปงานพนันเพชรพลอย” หลีหยางพูดอย่างสบายใจ
“งั้นหนูก็จะไปด้วยค่ะ” หลีชิงเยียนกัดฟันที่ริมฝีปากแดงอวบอิ่ม ดวงตาเปล่งประกาย ทันใดนั้นตัดสินใจลงไป