บทที่248 เขตหวงห้ามของชีวิต!
เฉินเป่ยไม่คิดว่า หลังจากกลับมาพบกับหลีชิงเยียนแล้วจะตื่นเต้นขนาดนี้
ตื่นเต้นจนถึงกับตะครุบ ขาเรียวสวยเกี่ยวเอวของเฉินเป่ยไว้แน่น เกาะเฉินเป่ยไว้ทั้งตัวราวกับปลาหมึก
ที่โชคดีก็คือหลีชิงเยียนนั้นรูปร่างดี จึงเกาะบนตัวเฉินเป่ยได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะยึดได้ไม่นานแล้วร่วงลงมาจากตัวเฉินเป่ยแล้ว
ด้านหลังของหลีชิงเยียน ซูเสี่ยวหยุนและซูเหลยจ้องมองหลีชิงเยียนอย่างงุนงง ใบหน้านั้นตกตะลึง…..พวกเขามองหลีชิงเยียนที่พันรัดตัวของเฉินเป่ยด้วยความตื่นเต้นแบบนั้น….หมดคราบเทพธิดาผู้สูงส่งเย็นชาในยามปกติ เหมือนลูกแมวน้อยที่รอเจ้าของอยู่นานไม่มีผิด
หลีชิงเยียนกอดรัดเฉินเป่ยไว้แน่นด้วยแขนทั้งสองข้าง ทั้งร่างแนบสนิทกับตัวของเฉินเป่ย จนยอดเขาทั้งสองลูกนั้นถูกแรงกดจนกลายเป็นแป้งทับ
สูดกลิ่นบุหรี่จาง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเฉินเป่ย แล้วยังร่างกำยำของชายคนนี้อีก หลีชิงเยียนถึงจะยืนยันแล้วว่านี่คือเฉินเป่ยตัวจริง
ใบหน้าสวยของหลีชิงเยียนฉายความสงบ หลังจากกอดเฉินเป่ย ความร้อนรนที่ไม่อาจปล่อยวางทั้งคืนนี้ในที่สุดมันก็สงบลงไปมาก
ท่าทีเทพธิดาดูสงบลงมาก ใบหน้าของเฉินเป่ยฝังอยู่ในกลุ่มผมดำสลวยของหลีชิงเยียน สูดกลิ่นหอมจาง ๆ ของแชมพูในเส้นผมของหลีชิงเยียน ทำให้มุมปากของเฉินเป่ยยกยิ้ม ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
สาวงามในอ้อมแขน เฉินเป่ยก็แรงกระตุ้นขึ้นฉับพลัน ได้กอดหลีชิงเยียนไว้ เขายังต้องการเป็นราชาหลงงี่เง่าอะไรนั่นอีก!
ในใจของเขามีเพียงหลีชิงเยียน เขาต้องการเพียงเฝ้าปกป้องรักษาหลีชิงเยียนเงียบ ๆ ไปจนแก
คนทั้งสองกอดกันเป็นเวลานาน โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของซูเสี่ยวหยุนและซูเหลยเลย
สุดท้าย ซูเสี่ยวหยุนก็ทนดูต่อไปไม่ได้ ความอิจฉาฉายผ่านใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอ ก่อนกระแอมไอเบา ๆ
เสียงไอเบา ๆ ของซูเสี่ยวหยุน ถึงได้ดึงหลีชิงเยียนกลับมาสู่ความเป็นจริง หลีชิงเยียนได้สติ…..พบว่าตัวเองใช้ท่าทางแบบไหนกอดเฉินเป่ยไว้….มันไม่น่าดูเอาซะเลย! หลีชิงเยียนนึกไม่ออก….ว่าตัวเองมาอยู่ในท่าทางแบบนี้ได้ยังไง!
หลีชิงเยียนผลักเฉินเป่ยออกอย่างกะทันหัน ใบหน้าสวยปรานีเห่อสีแดงเรื่อ เหมือนกับคนเมายังไงอย่างนั้น
แม้แต่ตัวหลีชิงเยียนเองก็ยังรู้สึกได้ ว่าแก้มของตัวเองเห่อร้อนแค่ไหน เหมือนมีลาวาปกคลุม ทั้งร่างสวยของทั้งร้อนและสั่นเล็กน้อย
ทำไมถึงร้อนขนาดนี้เนี่ย?
หลีชิงเยียนแอบคิดในใจ ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน
ทำไมพอเจ้าหมอนี่กลับมา…..ตัวเองถึงต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย?
หลังจากความตื่นเต้นในตอนนั้นผ่านไป หลีชิงเยียนสงบลงแล้ว นึกถึงปฏิกิริยาเมื่อกี้นี้ของตัวเอง หลีชิงเยียน หลีชิงเยียนก็แทบจะแทรกหน้าเข้าไปในดิน
น่าละอายเกินไปแล้ว ภายนอกเธอคือเทพธิดาแห่งธุรกิจของหู้ไห่ อยู่ที่บ้านภาพลักษณ์ของเธอก็แทบจะไม่พังทลายเลย….จนถึงวันนี้ ต่อหน้าซูเหลย ซูเสี่ยวหยุน แถมยังผู้ชายคนนี้…..ภาพลักษณ์ของเธอพังยับไม่มีชิ้นดีแล้ว!
ต่อจากนี้พวกเขาจะคิดยังไงกับเธอกัน?
หลีชิงเยียนแอบคิดในใจ เธอไม่สามารถรับสายตาที่ซูเสี่ยวหยุนจะมองเธอหลังจากนี้ได้ เธอยิ่งไม่อาจรับ ความคิดที่มีต่อเธอของซูเหลย หลังจากนี้ซูเสี่ยวหยุนจะต้องเอาเรื่องนี้มาล้อเธอแน่ ๆ!
ในตอนนั้นที่ซูเสี่ยวหยุนเอาแต่พูดเรื่องนี้ เธอคงไม่มีหน้าจะทำอะไรแล้ว!
หลีชิงเยียนก้มหน้าก้มตาตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนเฉินเป่ยที่มองใบหน้าแดงแจ๋ของหลีชิงเยียน หลังจะอึ้งไปเล็กน้อย มุมปากก็พลันหยักโค้งขึ้น…..ในใจที่แอบตื่นเต้น ….นั่นเรียกว่าความดีใจ!
เฉินเป่ยแทบจะไม่เคยเห็นใบหน้าสวยของหลีชิงเยียนแดงเลย….แต่วันนี้ ในที่สุดหลังจากเขาก็ได้เห็นภูเขาน้ำแข็งของหลีชิงเยียนละลายไป ท่าทางเขินอายสุด ๆ ที่แสดงออกมาทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ
พระเจ้า เฉินเป่ยรู้สึกเพียงแค่ว่าเส้นเลือดทั่วร่างกายกำลังจะระเบิด เลือดสูบฉีดเร็วจนเหมือนจะเดือด!
หลีชิงเยียนที่ความเย็นชาจางหายไป พอเขินขึ้นมา ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน ทุก ๆ อาการทุกรอยยิ้มของเธอ มากพอที่จะทำให้ไม่ว่าชายคนไหนคลั่งได้!
ยากจะจินตนาการ ว่าหากได้เป็นคนที่ชอบหลีชิงเยียน หากได้เห็นเธอที่หน้าแดงด้วยความเขินอายอยู่ต่อหน้าเฉินเป่ย จะไปกระโดดน้ำตายเลยรึเปล่า!
หลีชิงเยียนในขณะนี้ เบ่งบานด้วยเสน่ห์ล้นเหลืออย่างหาที่เปรียบไม่ได้! เหมือนแรงดึงดูดประหลาดของเวทมนตร์ที่ทำให้ผู้คนบ้าคลั่ง!!
หน้าตา รูปร่าง อุปนิสัยแบบนี้….หากกล่าวกันคือหญิงงามที่ร่ำลือกันทั่วทั้งเมือง เป็นเสน่ห์ที่ครอบงำทุกสรรพชีวิตก็ไม่ได้เป็นการคุยโวเกินไป!
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนขณะลมหายใจถี่กระชั้นขึ้น สายตาที่จับจ้องหลีชิงเยียนนั้นไม่อาจจะไปได้เลย
ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายของเฉินเป่ยยังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างเงียบ
เฉินเป่ยจ้องมองหลีชิงเยียนอย่างใกล้ชิด เวลาผ่านไปนาน หลีชิงเยียนไม่อาจทนต่อสายตาของเฉินเป่ยได้อีก จึงพูดด้วยน้ำเสียงติดเย็นชาเล็กน้อย “มองพอรึยัง?”
สายตาของเฉินเป่ยมองสำรวจเรือนร่างเซ็กซี่ของหลีชิงเยียนขึ้นลง จนน้ำลายแทบหกโดยไม่รู้ตัว เขาละลายออกก่อนหัวเราะเบา ๆ
ส่วนหลีชิงเยียน เธอเหลือบมองเฉินเป่ยเล็กน้อย ขณะก้มหน้าทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นเป้ากางเกงที่คับแน่นของเฉินเป่ย
ทันใดนั้น ดวงหน้าที่เริ่มเป็นสีขาวก็ขึ้นสีแดงอีกครั้ง ไม่แค่นั้น ครั้งนี้ใบหน้าของหลีชิงเยียนแดงราวกับหยดเลือด
หลีชิงเยียนขมุบขมิบ ใบหน้ายับยู่ บ่นอู้อี้ “คนบ้า”
จากนั้น หลีชิงเยียนก็ขยับขาคู่สวย ผลักเฉินเป่ยออก แล้ววิ่งขึ้นชั้นสองไป
เฉินเป่ยมองตามหลังของหลีชิงเยียน แผ่นหลังของเธอ ยังไงก็รู้สึกว่าดูเหมือนหนีไปอย่างลุกลี้ลุกลนมากทีเดียว
เฉินเป่ยมองตามแผ่นหลังของหลีชิงเยียนที่หายขึ้นบันไดไป มุมปากพลันผุดรอยยิ้มบาง ๆ
“มันดึกแล้ว กลับไปนอนกันเถอะ” ซูเสี่ยวหยุนพูดกับซูเหลย เมื่อสายตาเธอหันไปที่เฉินเป่ย ทันใดนั้น ก็พูดขึ้นอย่างมีเลศนัย “อยู่เป็นกขค.ก็ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก”
ซูเหลยได้ยินก็เข้าใจความหมายของซูเสี่ยวหยุนทันที ก่อนพยักหน้าแล้วหันจากไป
ด้านเฉินเป่ย ได้ยินคำพูดของซูเสี่ยวหยุนก็ชะงัก เอ่ยถาม “หมายความว่าไง?”
แต่ในตอนนั้น ซูเสี่ยวหยุนก็หันตัวเดินไปทางชั้นสองแล้ว…..
เฉินเป่ยมองไปรอบ ๆ คฤหาสน์ที่ว่างเปล่า บนหัวมีขีดเซ็งปล่อยร่วงลงมา สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง พูดอะไรไม่ออก
พริบตาเดียว คนพวกนั้นก็กลับไปนอนกันหมดแล้ว ทุกคนอยากจะหนีเขาไปหมด…..นี่เขาไปทำอะไรใครไว้รึไง?
เฉินเป่ยกลับมาถึงห้องนอนของตัวเอง ทอดมองค่ำคืนอันเงียบสงบที่นอกหน้าต่าง จ้องมองแสงระยิบระยับ
เขายืนอยู่ที่เตียงโดยไม่ขยับเขยื้อน ดั่งฤๅษีเข้าฌาน เหมือนกับประติมากรรมที่นิ่งเงียบ ยืนอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
ตอนนั้นเอง เฉินเป่ยก็หยิบมือถือออกมา แล้วกดหมายเลขโทรออก
“ลูกพี่…..โทรหาผมดึกขนาดนี้มีอะไรเหรอ…..” ชิงเหนียนหาวอย่างง่วงตอน พูดไปพูดมา ทันใดนั้นก็กดเสียงต่ำลง “เจ้าหญิงแห่งยุโรปที่คุณเคยพูดถึงครั้งก่อน เมื่อคืนเพิ่งนั่งเครื่องบินมาที่หู้ไห่ ตอนนี้เพิ่งเหนื่อยจนหลับไปอยู่ข้างผมน่ะ”
ในน้ำเสียงของชิงเหนียนแฝงความสุขและความล้อเลียน แต่เฉินเป่ยไม่ได้สนใจคำพูดของชิงเหนียน เขาพูดอย่างราบเรียบ “ฉันถูกจับตัวไว้ในสถานีตำรวจ แต่นายยังจะเล่นอยู่กับผู้หญิงอีก ดูเหมือนจะต้องได้บทเรียนสักหน่อยมั้ง…..รอเดินทางครั้งนี้จบ ฉันจะพานายไปปล่อยทิ้งในเขตหวงห้ามของชีวิตซะ ถึงยังไงช่วงนี้ฉันก็อยากจะไปจงตีเขตหวงห้ามของชีวิตอีกสักแห่งอยู่แล้ว”
ในโรงแรมหรูหรา ชิงเหนียนได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย ทั้งร่างก็สั่นเทิ้ม ก่นด่าอยู่ในใจ เขตหวงห้ามของชีวิต……นั่นที่ที่คนจะไปมั้ยน่ะ!
ที่ต่างประเทศ ไม่ว่าใครจะแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ยังมีแค่ไม่กี่คนที่กล้าเข้าไปในเขตหวงห้ามของชีวิต!
มีคำกล่าวว่า….. ขุมทรัพย์ นั้นคือสมบัติที่ประทานมาจากสวรรค์ แต่สวรรค์ก็ยุติธรรม เขตหวงห้ามของชีวิต….นั้นก็คือ “คำสาป” ของสวรรค์
บนโลกนี้มีเขตหวงห้ามของชีวิตอยู่หลายที่ แต่ละที่ก็ต่างมีตำนานเล่าขาน ลึกลับมาก
หลังจากเขตหวงห้ามของชีวิตพวกนี้ถูกคนค้นพบ ขุมกำลังอีกนับไม่ถ้วนต้องการแย่งชิงเพื่อได้ครอบครอง….แต่สุดท้ายด้วยเหตุผลแปลก ๆ และอธิบายอย่างชัดเจนไม่ได้ ท้ายสุดก็ล้มเหลวไป
เวลาผ่านไปนาน เขตหวงห้ามของชีวิตก็กลายเป็นกติกาที่กองกำลังต่างแดนนับไม่ถ้วนจะต้องเห็นพ้องกัน….มีน้อยนักที่จะย่างไปยังเขตหวงห้ามของชีวิต…..ว่ากันว่ามีความน่าประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ที่นั่น!
ก็มีแต่คนที่สิ้นหวังหมดหนทางบางคนเท่านั้นที่จะเดิมพันชีวิตเข้าไปในเขตหวงห้ามของชีวิต
แต่….มีหลายคำบอกเล่า…..ว่าคนที่เข้าไปในเขตหวงห้ามของชีวิตพวกนั้น ไม่ได้กลับออกมาอีก
นานนับหลายปีมานี้…..มีเพียงเขตหวงห้ามของชีวิตแห่งเดียว ที่ถูกมนุษย์ยึดครองไว้ได้
บางทีอาจเป็นเพราะความแปลกประหลาดและความลึกลับของเขตหวงห้ามของชีวิต …..หากไม่มีพิกัดที่แน่ชัด คงไม่มีทางหาตำแหน่งของมันเจอแน่
แต่ไม่ว่ายังไง แต่ในครั้งนั้น หลังจากที่เขตหวงห้ามของชีวิตแห่งนั้นถูกทำลายลง ชื่อของราชาหลง ก็ดังกระฉ่อน สั่นสะเทือนไปทั่วทุกกองกำลัง
ราชาหลง…..ก็ได้สร้างตำนานขึ้นมาอีกครั้ง…..ผู้นำของราชาหลง ยิ่งเป็นชายที่ลึกลับ ขุนอำนาจมากมายต่างต้องการหาฐานที่ตั้งของราชาหลง….แต่ เขตหวงห้ามของชีวิตแห่ง ไม่ว่ายังไงกลับหาไม่เจอ
จนถึงตอนนี้ นอกจากราชาหลงแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถฝ่าเขตหวงห้ามของชีวิตไปได้อีก
แต่สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ก็คือ ในตอนแรกที่ราชาหลงทำเพื่อจะทำลายเขตหวงห้ามของชีวิตนั้น ต้องเตรียมการอะไรมากมาย….การยึดมันมา ก็ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลเช่นกัน!
ชิงเหนียนรู้ดีอย่างถ่องแท้ ว่าราคาในตอนนั้นมันมากมายเท่าไหร่…..หากตอนนั้นมีมหาอำนาจพบเข้า ฐาน….จะต้องถูกทำลายแน่!
เขตหวงห้ามของชีวิต…..ถือเป็นหนึ่งในฝันร้ายของชิงเหนียนเลยก็ว่าได้…..ชิงเหนียนชั่วชีวิตนี้ ไม่คิดอยากจะฝ่าเขตหวงห้ามของชีวิตอะไรนั่นแห่งใหม่อีกแล้ว!
เพราะนั่นมันก็ไม่ที่ที่จะชีวิตรอดอยู่แล้ว หลังจากที่ราชาหลงทำลายมันลงได้ ก็เสียกำลังไปมาก ถึงจะได้มีฐานทัพในวันนี้
ตอนนี้ เฉินเป่ยเอาเขตหวงห้ามของชีวิตมาข่มขู่เขา แน่นอนว่าต้องทำให้เขาแอบด่าอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่ต่อหน้ากลับไม่กล้าพูดออกมาอยู่ดี
เหมือนสุภาษิตที่ว่า ต่อหน้ายิ้มร่า ในใจแช่งชักหักกระดูก
เฉินเป่ยทอดมองค่ำคืนนอกหน้าต่าง แววตาลึกล้ำ อีกฝั่งของโทรศัพท์ ข้างกายชิงเหนียนมีหญิงสาวหน้าสะสวยผมทอง ใช้ผ้าห่มปกปิดร่างกายที่ไร้สิ่งปกปิด เอ่ยคำภาษาต่างประเทศอย่างคล่องแคล่ว “คุณคุยโทรศัพท์กับใครเหรอ?”
“เพื่อนคนหนึ่งน่ะ” ชิงเหนียนมองสาวงาม ถาม “ทำไม อยากจัดอีกรอบเหรอ?”
สาวงามสั่นสะท้านขึ้นมาทันที เธอเลียริมฝีปาก แววตาแสดงความหวาดหวั่นเล็กน้อย “ไม่เอาแล้ว ฉันจะนอนต่อล่ะ”
“อยากให้ผมช่วยแนะนำคนที่อึดกว่านี้อีกมั้ยล่ะ” ชิงเหนียนพูด มุมปากยกยิ้ม เรื่องความอึดน่ะ……เฉินเป่ยยังแกร่งกว่าเขาอีกมากมายนัก
ส่วนสาวสวยผมทองแสดงความตื่นตกใจในแววตา ส่ายหัวก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ไม่ คุณสุดยอดเกินไปแล้ว ฉันไม่อยากลองคนที่ร้ายกาจกว่าคุณแล้วล่ะ แบบนั้นฉันก็ตายพอดี!”