บทที่237 เร่งเร้าขู่เข็ญทุกจังหวะก้าว
ด้านนอกห้องคฤหาสน์หรู ภาพเงาคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์หรูอย่างโดดเดี่ยว เทียบกับความกว้างใหญ่สง่างามแล้ว ภาพเงาคนคนนี้น้อยนิดราวกับมด ที่อยู่ท่ามกลางโลกที่กว้างขวางนี้ ช่างไร้ความสำคัญเหลือเกิน
แต่ทว่าภาพเงาคนคนนี้กลับดูหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก จิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ แฝงไปด้วยลักษณะที่โอหังอวดดี นั่นคือท่าทางของราชา พอที่จะเขย่าโลกใบนี้ ทำให้โลกสูญเสียสีสันไปเพราะเขา
เขา คือราชา!
การปรากฏตัวของภาพเงาคนนี้ ทำให้โลกต้องมืดสลัวไป
สภาพที่ยิ่งใหญ่และโอ่อ่า ท้องฟ้าด้านบนของคฤหาสน์หรู ฉากยามค่ำยิ่งลุ่มลึกขึ้น แม้แต่ดวงดาวไม่กี่ดวงที่เหลืออยู่ต่างโดนเมฆพยับปกคลุม นี่คือคืนพระจันทร์เต็มดวงคืนหนึ่ง
อากาศคืนนี้มืดครึ้มอัดอั้นตันใจ อึดอัดจนทำให้หัวใจผู้คนหนักหน่วงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
มือเฉินเป่ยกุมมีดหลงหยาไว้ สีหน้าหนาวเหน็บราวน้ำค้างแข็ง เขามองคฤหาสน์หรูหลังนี้อยู่ แรงอาฆาตฮึกเหิมเร่าร้อนขึ้น
ส่วนวงจรปิดทุกตัวด้านนอกคฤหาสน์หรูไร้ประสิทธิภาพทั้งหมด
ห้องวงจรปิดภายในคฤหาสน์หรู มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ขาวโพลนแต่ละจออย่างไม่มีทางทำอะไร
อีกด้านของเมืองหู้ไห่เวลานี้ ในผับแห่งหนึ่ง มือทั้งคู่ของชิงเหนียนเคาะพิมพ์บนแป้นพิมพ์แล็ปท็อปอย่างรวดเร็ว บ่นพึมพำกับตนเอง “ตามพี่มาหัวเซี่ยไม่ได้ดื่มด่ำความสุขอะไรเลยจริงๆ มัวแต่มาช่วยพี่สะสางปกปิดเรื่องราวอยู่เนี่ย”
ภายในคฤหาสน์หรู เสียงของเฉินเป่ยกึกก้องราวฟ้าผ่า ทำให้แข้งขาท่านใหญ่ของตระกูลหวังเริ่มอ่อนไปหมดแล้ว
เขาเคยมีความทรงจำมืดมนที่โดนเฉินเป่ยตีอย่างอำมหิตมาครั้งหนึ่ง แต่ครั้งก่อนเฉินเป่ยไม่ได้ลงมือโหดเกินไป แต่ครั้งนี้เฉินเป่ยมาสังหารหมู่
เขาตระกูลหวังเป็นตระกูลทองของเมืองหู้ไห่ ใครจะไปคิดว่าครั้งนี้กลับโดนคนคนหนึ่งทำตกใจจนอกสั่นขวัญหาย
“ท่านผู้อาวุโส ท่านหัวหน้าตระกูลไปเยี่ยนจิงแล้ว ท่านผู้อาวุโสคนอื่นก็กำลังเข้าฌาน ไปเรียกพวกเขาไม่ทันแล้ว ควรทำอย่างไรดีครับ?” หวังห้าวสีหน้าร้อนใจ มองทางท่านใหญ่ของตระกูลหวัง
“ออกไปเถอะ” ท่านใหญ่ของตระกูลหวังกัดฟัน ตัดสินใจเสี่ยงสักตั้ง
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังก้าวเท่าออกจากในห้อง ตัวสั่นเทา เดินไปทางด้านนอกคฤหาสน์หรู
คนในตระกูลหวังแต่ละคนตามท่านใหญ่ของตระกูลหวังไปติดๆ รวมตัวกันเป็นฝูงชนกลุ่มหนึ่ง จากในคฤหาสน์หรู กรูกันออกมา
ด้านนอกคฤหาสน์ ด้านหลังท่านใหญ่ของตระกูลหวังนั้น เป็นคนในตระกูลหวังหลายร้อยคน
ส่วนตรงข้ามกับท่านใหญ่ของตระกูลหวัง ก็คือเฉินเป่ยคนเดียว ท่าทางสงบนิ่งเย็นยะเยือก
เฉินเป่ยกวาดตามองคนในตระกูลหวังที่อยู่หลังท่านใหญ่ของตระกูลหวังทีหนึ่ง ถามแบบนิ่งๆ “พวกนี้ เป็นคนสำคัญของตระกูลหวังทั้งหมดสินะ?”
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังพยักหน้า ในความเป็นจริงคนในตระกูลหวังมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่คนพวกนี้ เพียงแค่พวกนี้ล้วนเป็นคนในตระกูลที่สำคัญสุดของตระกูลหวัง เป็นคนสนิทของตระกูลหวัง
พวกเขาในฐานะเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหวัง สูญเสียไปคนหนึ่ง สำหรับตระกูลหวังถือว่าเป็นการสูญเสียที่ไม่น้อย
เฉินเป่ยพยักหน้าแล้ว “ดีมาก เดี๋ยวฆ่าขึ้นมาจะได้สะดวกดี ไม่ต้องคัดเลือก”
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังสีหน้าแข็งทื่อ นี่คือการเหยียดหยามและถากถางต่อพวกเขามากที่สุด
ด้านหลังท่านใหญ่ของตระกูลหวัง คนในตระกูลหวังคนหนึ่งพูดด้วยเสียงโมโห “แกถือว่าเป็นอะไรกัน จะฆ่าพวกฉัน แกคู่ควรเหรอ!”
“จริงด้วย ยังกล้ามาท้าทายกำเริบต่อหน้าตระกูลหวัง เดี๋ยวให้แกตายยังไงยังจะไม่รู้อีก”
“ไม่ใช่แค่พวกต่ำต้อยตัวหนึ่งเหรอ ฉันคนเดียวก็สู้แบบแกสิบคนได้”
คนในตระกูลหวังที่ไม่รู้เรื่องราวแต่ละคนด่าทอทางเฉินเป่ยอย่างบ้าคลั่ง ส่วนท่านใหญ่ของตระกูลหวัง จมสู่ความเงียบงัน สีหน้าซีดเซียว
เฉินเป่ยมองทางท่านใหญ่ของตระกูลหวัง ยิ้มเหมือนไม่ยิ้มถามขึ้น “ท่านผู้อาวุโส คุณว่าผมถือว่าเป็นอะไร?”
ท่านใหญ่ของตระกูลหวัง ผู้อาวุโสที่ผมหงอกท่านนี้กัดฟันแน่น ร่างกายสั่นเทา เอ่ยปากเนิบๆ “เฉินเป่ย มีบางเรื่องที่ฉันผิดไปแล้ว แต่ว่านายอย่ามาทำเกินไป……หัวหน้าครอบครัวและท่านผู้อาวุโสคนอื่นของตระกูลหวังไม่อยู่กัน นายอย่ามากำเริบเสิบสานเกินเหตุ”
เฉินเป่ยทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง สีหน้าหนาวเย็น “เพราะไม่อยู่กันหมด ดังนั้นฉันถึงรู้สึกว่ายุ่งยาก ถ้าคนมาพร้อมกันหมดถึงสามารถกำจัดเรื่องยุ่งยากในอนาคตได้หมด”
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังกัดฟัน โมโหคำพูดนี้ของเฉินเป่ยจนสีหน้าแดงขึ้น เขาโกรธจนจิตใจใกล้จะไม่สงบเอามากๆ
และคนในตระกูลหวังมากมายระเบิดถึงที่สุดแล้ว ค่อยๆ มองทางเฉินเป่ย ในแววตาประกายแรงความหมายอยากฆ่าที่เยือกเย็นแบบปิดซ่อนไม่อยู่
“ช่างไม่เห็นตระกูลหวังของฉันอยู่ในสายตาเลย……ดีเลวยังไงตระกูลหวังของฉันก็เป็นตระกูลทองของเมืองหู้ไห่ ให้พวกคนเลวอย่างแกมาพูดเหยียดหยามได้ยังไง!”
“แม้แต่หัวหน้าตระกูลและท่านผู้อาวุโสยังกล้าดูถูก ไม่อยากอยู่ต่อจริงๆ เลย ท่านผู้อาวุโส ให้ผมไปเถอะ ผมจะให้มันลิ้มรสผลของการเหยียดหยามตระกูลหวังสักหน่อย”
คนในตระกูลหวังมากมายเริ่มหงุดหงิดไม่นิ่งกันขึ้นมา แต่ละคนโดนเฉินเป่ยทำให้โมโหจนอยู่ไม่สุข สายตาที่ละอันนั้นตกอยู่บนตัวเฉินเป่ย อยากจะฉีกเฉินเป่ยเป็นชิ้นๆ โดยตรงจนใจแทบขาด
เฉินเป่ยโอหังเหลือเกิน พวกเขาในฐานะคนในตระกูลหวัง ตั้งแต่เด็กเติบโตมาในเกียรติยศของตระกูลทอง ปัจจุบันนี้ เฉินเป่ยกลับโอหังท้าทายขีดจำกัดของพวกเขา พวกเขาเห็นตระกูลหวังเป็นเกียรติภูมิมานับครั้งไม่ถ้วน……เวลานี้ย่อมโกรธเคืองอย่างยิ่ง
“หมาจากไหนมากัน เที่ยวเห่าไปทั่ว ไสหัวกลับไปซะ” หนึ่งในคนตระกูลหวังก้าวเท้าออกมา พูดเสียงหนาวเหน็บ
ทันใดนั้นแววตาเฉินเป่ยประกาย แสงสีดำระเบิดยิงมาจากในมือของเฉินเป่ย ยิงไปตรงๆ ทางศีรษะของคนในตระกูลหวังคนนั้น
“เฮือก!”
คนในตระกูลหวังแข็งไปทั้งตัว ก้มหน้ามองที่หน้าอก รูเลือดที่ใหญ่เท่าปากชามนั้นน่าสยดสยอง
คนในตระกูลหวังหมุนตัวแบบยากลำบาก มองทางท่านใหญ่ของตระกูลหวัง ดวงตาทั้งคู่เบิกโต เหมือนก่อนตายมีความรู้สึกไม่ยินยอมอย่างรุนแรงอยู่
เขานึกไม่ถึงว่าตนเองจะตายเร็วขนาดนั้น
ความเร็วของเฉินเป่ยไวเหลือเกิน ตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว
ทั้งหมดเงียบสงัด คนในตระกูลหวังเหล่านั้นมองทางเฉินเป่ย พูดเสียงเย็นเฉียบ “เฉินเป่ย……แกอย่ามาทำเกินเหตุนะ”
“ให้โอลิเวอร์จากโลกชั่วร้ายทิศตะวันตกเข้ามาฆ่าพวกฉันทั้งครอบครัว สรุปเป็นใครที่ทำเกินเหตุ?” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันเฉินเป่ย แต่ไหนแต่ไรใครไม่หาเรื่องฉัน ฉันไม่หาเรื่องใคร ถ้าใครมายุ่งกับฉัน……ฉันเอาตาย”
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังโมโหสุดขีดกลับหัวเราะ “ได้ ได้……เฉินเป่ย ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเรามาสู้กันให้พินาศทั้งสองฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด ฉันอยากดูสักหน่อย นายคนเดียวจะต้านพวกฉันเป็นร้อยได้ยังไง”
“คนในตระกูลหวังฟังคำสั่ง” ท่านใหญ่ของตระกูลหวังตะโกน “ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ภายใต้ฉากยามค่ำคืนที่มืดดำล้ำลึก เสียงตะโกนฆ่าของคนในตระกูลหวังสะเทือนฟ้า เจตนาที่อยากฆ่าท่วมท้น
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังก้าวเท้าออกมา พุ่งเข้าไปทางเฉินเป่ย
ด้านหลังของท่านใหญ่ตระกูลหวัง คนในตระกูลหวังนับไม่ถ้วนตามมาติดๆ คลื่นฝูงชนสุดลูกหูลูกตา อัดเข้าไปทางเฉินเป่ยดุจดั่งพายุพัดกระพือฮือโหม
เฉินเป่ยสีหน้าสงบนิ่ง เขายืนอยู่ที่เดิมแบบนี้ ไม่สะทกสะท้าน……ถึงแม้ว่าด้านหน้าจะมีคนนับร้อย……ทว่ายังกล้าหาญ
ฝูงชนมากมายตรงหน้า เฉินเป่ยตัวคนเดียว จำนวนสองฝ่ายตรงกันข้ามกันอย่างชัดเจน
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังหัวเราะเยาะ เฉินเป่ยจมสู่สถานการณ์ที่จำเป็นต้องฆ่า ไม่มีทางถอยแล้ว
ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยกะพริบฉับพลัน ความรู้สึกที่จะฆ่าแบบโหดเหี้ยมบ้าระห่ำสาดออกมาจากดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ย
“หลง!”
เฉินเป่ยตะโกนลากเสียงยาว มีดหลงหยาเตรียมพร้อมสู้ เสียงมังกรครางดังก้องในที่ว่าง อานุภาพเกรียงไกร
“ฆ่า!”
เฉินเป่ยก้าวเท้าออกมา พื้นดินสั่นสะเทือน ภายในราวกับมีสัตว์ดุร้ายที่ไม่อาจเทียบได้ตัวหนึ่งตื่นขึ้นแล้ว น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“ทัน!”
เฉินเป่ยกระโดดขึ้น ร่างกายเด้งไปกลางอากาศ ราวกับรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับฉากยามค่ำที่มืดดำ
“ที!”
เสียงของเฉินเป่ยดังสะท้อนอยู่ในฉากยามค่ำ แสงอันเยือกเย็นปรากฏขึ้นฉับพลัน เหมือนกับอยากฉีกที่ว่างเปล่าออก
ฉากยามค่ำที่มืดดำล้วนคล้ายจะโดนแสงอันเยือกเย็นนั้นฉีกออก และภาพเงาของเฉินเป่ยเข้าไปพัวพันกับแสงอันเยือกเย็นนั้นอยู่ บุกตะลุยเข้าไปทางฝูงชนมากมายกลุ่มนั้น
“ปัง!”
ภาพเงาแต่ละคนกระเด็นออกมา ประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่ กวาดล้างเป็นวงกว้าง
พอเฉินเป่ยยกมือขึ้นมีดก็ร่วงลง แสงสีดำในมือราวกับสายฟ้าแลบ ระเบิดประกายไม่ขาด คาวเลือดฟุ้งกระจาย
ความเร็วของเฉินเป่ยไวเหลือเกิน ฝูงชนมากมายพวกนั้นไม่เพียงกำจัดเฉินเป่ยไม่ได้ คาดไม่ถึงช่วงสั้นๆ ยังสูญเสียคนในตระกูลหวังไปหลายคนแล้ว
“ตายซะ!” ในมือท่านใหญ่ของตระกูลหวังถือมีดยาว โบกเข้าไปทางเฉินเป่ย
สายตาเฉินเป่ยเผยการเหยียดหยาม มีดหลงหยาสกัดฟันขาดทันที
“ตึง!”
ร่างกายท่านใหญ่ของตระกูลหวังถอยหลังไปหลายก้าว ง่ามระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ชา มีดยาวในมือสั่นสะเทือนจนร่วงลงพื้น
สายตาท่านใหญ่ของตระกูลหวังเผยความตกใจ พลังของเฉินเป่ยช่างน่าสยองเหลือเกิน มีดยาวที่ยอดเยี่ยมนั้นเล่มของเขาถูกตัดออกจนแหว่งไปเฉยๆ
“ไปตายเถอะ!” คนในตระกูลหวังที่สีหน้าโกรธแค้นคนหนึ่งถือมีดยาวในมือ แทงเข้าไปทางเฉินเป่ย
แต่ในเวลานี้ ร่างเฉินเป่ยวาร์ปเร็วมาก ชั่วขณะนั้นมีดยาวในมือของคนในตระกูลหวังก็แทงไปยังที่ว่างเปล่า ครู่เดียวแสงสีดำก็แฉลบเข้ามาจากลำคอเขา ภาพในดวงตาหมุนเวียน ตามมาด้วยศพแยกจากกัน
มีดหลงหยาในมือของเฉินเป่ยแสดงการสังหารหมู่อันโหดเหี้ยมน่ากลัวออกมาแล้ว คนในตระกูลหวังเหล่านี้ไม่เพียงจัดการเฉินเป่ยไม่ได้ แต่กลับถูกเฉินเป่ยสังหารหมู่อย่างว่องไว คนในตระกูลแต่ละคนล้มลงติดๆ กัน
ในบรรดาฝูงชนมากมาย มีเสียงร้องโหยหวนสารพัดดังขึ้น เศร้าสลดอย่างยิ่ง ทำให้คนหนังศีรษะชา
คนในตระกูลหวังที่สำคัญเหล่านี้ ฝีมือคงไม่แย่ขนาดนั้น……แต่พออยู่ต่อหน้าเฉินเป่ย กลับไม่มีกำลังรับมือสักนิด……แม้กระทั่งปะทะฝีมือกับเฉินเป่ย ยังสู้ไม่ได้สักรอบ
คาวเลือดฟุ้งกระจายนับไม่ถ้วน……เฉินเป่ยฆ่านองเลือดฝ่าออกมาจากวงล้อม ทั่วตัวเขาอาบไปด้วยเลือดสด ราวกับเป็นเทพสังหารที่ดุร้าย
ภายในใจคนในตระกูลหวังมากมายสั่นสะเทือน……และในเวลานี้ พวกเขาถึงรู้ว่าเฉินเป่ยแกร่งเหลือเกิน แกร่งเกินไป แกร่งอย่างยิ่งยวด
เฉินเป่ยแกร่งถึงขั้นหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้ในใจพวกเขาหมดหวัง หายใจลำบาก
นี่พึ่งผ่านไปนานแค่ไหนกัน เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหวังสูญหายไปสิบกว่าคน ส่วนเฉินเป่ยนั้น ถึงแม้ทั่วทั้งตัวจะอาบไปด้วยเลือดสด แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไร
ถึงคนในตระกูลหวังเหล่านั้น ในมือถืออาวุธสารพัดไว้ เข้าไปพร้อมกันหมด เดิมทียังสู้เฉินเป่ยไม่ได้ ทว่าเฉินเป่ยกลับลงมืออย่างไม่ลังเล คนในตระกูลหวังแต่ละคนโดนเฉินเป่ยสังหารรวดเร็ว ความเร็วลดลง
“ทำไมถึงแกร่งขนาดนี้……” ท่านใหญ่ของตระกูลหวังมองคนในตระกูลหวังแต่ละคนที่ร้องโหยหวนตายไปติดๆ กัน……สีหน้าซีดขาวราวกระดาษ หัวใจเขาเต้นแรง เขาไม่เข้าใจเฉินเป่ย……คาดไม่ถึงจะแกร่งขนาดนี้
คนในตระกูลหวังนับร้อยที่ฝีมือไม่เลวลงมือเวลาเดียวกัน ล้วนจัดการเฉินเป่ยไม่ได้
ในที่สุดเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเฉินเป่ยถึงมีความมั่นใจกล้าฆ่าทั้งตระกูลพวกเขา…..เพราะเขามีความสามารถอันนี้ มีความมั่นใจอย่างนี้ไง
ความสามารถแบบนี้……เป็นสัตว์ประหลาดอย่างยิ่ง นี่เดิมทีไม่ใช่คน!
ในที่สุดท่านใหญ่ของตระกูลหวังก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว…..เขามองทางเฉินเป่ย ทั้งตัวกำลังสั่นเทา นั่นคือความหวาดผวาเกรงกลัว
ในที่สุดก็มีคนในตระกูลหวังยอมจำนนการโจมตีแล้ว ตะโกนเสียงดัง “เขาเป็นปีศาจ เขาไม่ใช่คน!”
“เขาเป็นปีศาจจากนรกแน่นอน กล้าทำเรื่องที่สังหารหมู่ทั้งตระกูลโหดเหี้ยมแบบนี้ได้ ต้องเจอสวรรค์พิโรธแน่”
คนในตระกูลหวังแต่ละคนบ่นพึมพำ ไม่มีใครกล้าเข้าไปด้านหน้าอีก พอถูกเฉินเป่ยเร่งเร้าบีบบังคับทุกจังหวะก้าว จึงค่อยๆ ถอยหลังกันไป
ใครจะไปคิดว่าเฉินเป่ยคนเดียวจะค่อยๆ บีบจนทำให้คนทั้งตระกูลหวังปฏิเสธถอยหลังกันหมด