แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่263 แบล็กการ์ดอันดับหนึ่ง
วอล์คเกอร์เอ่ยปากแต่ละคำแต่ละประโยคเสียงไม่เบานัก พอที่จะทำให้ลูกค้าทั้งหมดในร้านอาหารตะวันได้ยินอย่างชัดเจน
ไม่นานลูกค้าแต่ละคนค่อยๆ มองเข้ามาแล้ว บางส่วนในนั้นเป็นลูกค้าที่มาประจำ เห็นได้ชัดว่าพอมองก็จำวอล์คเกอร์ได้
“ที่แท้วอล์คเกอร์นี่เอง นี่เป็นแขกพักยาวของโรงแรมเลย ได้ยินว่าเขาพักอยู่ที่นี่มาเกือบหนึ่งปีกว่าแล้ว…….แม้แต่เจ้าของโรงแรมยังเคยทานข้าวกับเขามาหลายครั้ง”
“ค่าใช้จ่ายที่โรงแรมของเขาในหลายปีนี้ พอที่จะเข้าหุ้นของโรงแรมแห่งนี้ได้แล้วล่ะ”
“นั่นเป็นความยุ่งยากที่ขึ้นชื่อเลย มักคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนทั่วไป ผู้ชายคนนี้หาเรื่องวอล์คเกอร์เข้า ถือว่าหาเรื่องวุ่นวายแล้ว”
เสียงแต่ละคนต่างฝ่ายต่างดังขึ้นติดกันไม่ขาดสาย สายตาแต่ละคู่ตกอยู่ที่ตัวของเฉินเป่ย ล้วนมีความเห็นใจ
ส่วนหลีชิงเยียน หลังจากได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้ ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
เธอเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าลูกครึ่งจีนตะวันตกที่เธอเจอคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องที่ไม่ธรรมดากับโรงแรมแห่งนี้ด้วย
นี่คือถิ่นของเขาสินะ บวกกับเฉินเป่ยทำไม่ถูกอีก ในใจหลีชิงเยียนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างหนึ่ง เธอมองวอล์คเกอร์อยู่ รู้สึกว่าวอล์คเกอร์คงไม่ปล่อยเฉินเป่ยผ่านไปง่ายดายขนาดนั้นแน่
แต่ที่เธอเองคาดไม่ถึงคือทุกอย่างที่เธอเดาถูกต้องหมด
หลังเฉินเป่ยกวาดสายตามองสูทบนตัวของวอล์คเกอร์ด้วยสีหน้าตื่นตะลึง จากนั้นพยักหน้าแล้วดึงทิชชูหลายแผ่นออกมา เข้าไปใกล้ทางวอล์คเกอร์
วอล์คเกอร์นั่งลงมาแล้ว ส่วนเฉินเป่ยโค้งตัวลง เช็ดสูทให้วอล์คเกอร์อย่างไม่อารมณ์เสียสักนิด เช็ดเนกไทอยู่ ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างตะลึงไปนิดหน่อย ในความทรงจำ เดิมทีเฉินเป่ยจะไม่ยอมศิโรราบง่ายขนาดนี้
วันนี้เป็นอะไรไป?
ซูเหลยดูไม่ออก ส่วนผู้คนที่รอดูเรื่องสนุกอยู่โดยรอบ มุมปากฉีกรอยยิ้มขึ้น นั่นชัดเจนมากว่าเป็นยิ้มที่ประสงค์ร้าย ขอเพียงอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้เป็นเวลานานสักหน่อย ล้วนรู้ดีว่าวอล์คเกอร์เป็นความยุ่งยาก แต่ตัวยุ่งยากที่ได้รับการยอมรับของทุกคน จะธรรมดาขนาดนี้ได้อย่างไร?
ในเวลานี้ วอล์คเกอร์มองทางเฉินเป่ยที่ก้มหน้าเช็ดเสื้อผ้า ไม่พูดไม่จาอะไร เขาหัวเราะเยาะนิดหน่อย ก่อนจะยกขาขึ้นอย่างสูงส่งเหนือผู้อื่น “ขาก็ยังไม่ได้เช็ดเลย”
สีหน้าหลีชิงเยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่วอล์คเกอร์เหยียดหยามอย่างโจ่งแจ้งเลย
เฉินเป่ยก้มหน้า สายตาตกอยู่ที่ขากางเกงของวอล์คเกอร์ครู่หนึ่ง และที่ทำให้หลีชิงเยียนและซูเหลยคาดไม่ถึงคือเขาค่อยๆ นั่งยองลงไป จากนั้นเริ่มเช็ดขากางเกงขึ้นมา
มองเห็นเฉินเป่ยที่ท่าทางเชื่อฟังคำสั่งแบบนี้ วอล์คเกอร์ยิ่งได้ใจ นับวันยิ่งกำเริบเสิบสานอย่างไม่มีขีดจำกัดสักนิด
เขามองเฉินเป่ยจากที่สูงลงมา เอ่ยปากอย่างเย็นเฉียบ “ฉันไม่ได้ให้นายนั่งยองๆ เช็ดนะ”
ชั่วขณะนั้นหลีชิงเยียนกับซูเหลยสีหน้าเปลี่ยน ลูกค้าที่นั่งอยู่ไม่น้อยวางมีดและส้อมลง หรี่ตาขึ้น
คนที่เคยผ่านโลกมามากมายถึงรู้ว่า…….เรื่องสนุกกำลังจะเปิดฉากแล้ว
ที่จริงมือของเฉินเป่ยที่เช็ดขากางเกงค้างฉับพลัน สั่นเทาเล็กน้อย
มุมปากของวอล์คเกอร์ฉีกรอยยิ้มที่เหยียดหยามขึ้น ในน้ำเสียงมีความยิ่งยโสและคำสั่งแบบจางๆ อยู่ “คุกเข่าเช็ด”
มือของเฉินเป่ยที่เช็ดขากางเกงนิ่งอยู่กลางอากาศ และในใจผู้คนที่นั่งกันอยู่ต่างเต้นตุบๆ ค่อยๆ มองทางวอล์คเกอร์ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
สำหรับพวกเขานั้น วอล์คเกอร์อาจจะเล่นมากเกินไปหน่อย เหยียดหยามคนอื่นสักยกก็พอกันไป แต่ลูกค้าที่มาใช้บริการที่นี่ได้ จะมีคนธรรมดาสักกี่คนเชียว?
ดังนั้นจึงไม่สามารถตัดสินคนจากภายนอกได้ แต่วอล์คเกอร์ก็ไม่เหมือนใคร เขาจึงไม่เข้าใจเหตุผลนี้
การเหยียดหยามก่อนหน้านี้ของวอล์คเกอร์เกินเลยมากแล้ว โชคดีที่เฉินเป่ยนิสัยดี เห็นว่าอยู่ต่อหน้าหลีชิงเยียน เขาจึงอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ครั้งนี้ เขาจะทนได้เหรอ?
ให้เขาคุกเข่าลง เห็นได้ชัดว่าแตะขีดจำกัดของเขาเข้าแล้ว นั่นคือศักดิ์ศรีของเขา
ผู้ชายจะคุกเข่าลงเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ยิ่งไปกว่านั้นสถานะของเฉินเป่ย……สามารถพอที่จะทำให้หัวเซี่ยสั่นสะเทือนได้
ให้เขาคุกเข่าลง คิดเพ้อฝันไปแล้ว
คำพูดของวอล์คเกอร์พึ่งจบลง เฉินเป่ยยกมุมปากขึ้น ลุกขึ้นทันใด เขามองทางวอล์คเกอร์ มุมปากแขวนรอยยิ้มที่แปลกประหลาดลึกลับไว้ เขาคว้าไวน์ที่อยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้น ด้านในยังมีไวน์ลาฟิตชั้นเยี่ยมที่มีสีแดงทับทิมอยู่ครึ่งหนึ่ง
จากนั้นภายใต้การตกตะลึงพรึงเพริดของคนนับไม่ถ้วน เฉินเป่ยนำไวน์ลาฟิตในแก้วเทลงจากบนยอดศีรษะของวอล์คเกอร์จนหมดอย่างช้าๆ
การกระทำนี้ของเฉินเป่ยทำเอาตื่นตะลึงกันทั้งหมด รอบด้านเงียบหมด วอล์คเกอร์อึ้งค้างแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้ หลีชิงเยียนยังมึนงงไปด้วย ผู้คนที่มุงดูเหล่านั้นก็งงงวยกันทั้งหมด
ใครจะไปคิดว่าเฉินเป่ยไม่เพียงไม่คุกเข่าลง แต่ทว่านับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน
ไม่มีใครคาดการณ์การกระทำของเฉินเป่ยได้ พวกเขาแต่ละคนสีหน้าตื่นตกใจ ตั้งนานยังสงบลงไม่ได้
วอล์คเกอร์ค้างอยู่ที่เดิม จนเขาเปลี่ยนไปเหมือนกับลูกหมาตกน้ำ รู้ว่าเขาเองคงได้กลิ่นหอมของไวน์นั้นที่แพร่กระจายมาจากร่างกาย เขาถึงได้สติขึ้นมาทันใด แม้กระทั่งเขายังไม่อยากเชื่อว่าทุกอย่างตรงหน้านี้จะเป็นเรื่องจริง
คนต่ำต้อยขี้โรคแห่งเอเชียตรงหน้าคนนี้ คาดไม่ถึงกล้าใช้ไวน์ลาฟิตราดเขา?
ไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วรึไง
วอล์คเกอร์มึนงงมาก ตะลึงห้าหกวินาทีเต็มๆ เขาถึงตอบสนองเข้ามา มือทั้งคู่กำหมัดกรอบๆ ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่เย็นเฉียบ
จากในแววตาของวอล์คเกอร์มีแสงอันรุ่งโรจน์ถูกจุดติดแล้ว บิดเบี้ยวอย่างบ้าคลั่ง นั่นคือเขากำลังโกรธเคืองอย่างถึงที่สุด
สีหน้าเขาแดงมาก หงุดหงิดอับอายจนเป็นความแค้น เป็นครั้งแรกที่เขาเจอการเหยียดหยามมากขนาดนั้น
คาดไม่ถึงว่าเขาจะโดนคนชั้นต่ำใช้วิธีแบบนี้มาเหยียบย่ำตนเองต่อหน้าต่อตาผู้คน มีอย่างที่ไหนกัน!
วอล์คเกอร์กุมหมัดทั้งสองแน่น เขาจ้องเฉินเป่ยด้วยความโมโห ทันใดนั้นมุมปากฉีกรอยยิ้มหนึ่งขึ้น
นี่คือเขาโกรธมากถึงขึ้นยิ้มเลยเหรอ
และภายใต้การจ้องมองของหลีชิงเยียนที่อึ้งทึ่ง เฉินเป่ยสีหน้าเรียบนิ่ง มองวอล์คเกอร์ที่โกรธเคือง เอ่ยปากบอก “นายคือสายเลือดราชวงศ์ในตำนาน?”
“แน่นอนสิ” วอล์คเกอร์พูดชัดถ้อยชัดคำ หนาวเหน็บอย่างยิ่ง ทำให้ที่ว่างเปล่าเกิดเสียงคำรามสั่นสะเทือน น่ากลัวอย่างมาก
“ป๊าบ!”
ในเวลานี้ เฉินเป่ยตบลงบนหน้าของวอล์คเกอร์ไปทีหนึ่ง
วอล์คเกอร์ตะลึงค้าง เขาโดนตบมาทีหนึ่งจนมึนงงไป
เขาเป็นคนที่มีท่วงทีสุภาพบุรุษเพียบพร้อม ถึงแม้จะโดนเฉินเป่ยตบหน้ามาทีหนึ่ง ก็ไม่ได้รีบลงมือทันที
มือของเขาจับไปที่แก้มบวมแดง สีหน้าหนาวเย็นราวกับน้ำค้างแข็ง
“สายเลือดราชวงศ์ หึ แม้แต่สายเลือดราชวงศ์ก็ไม่รู้จักความรู้เรื่องประเพณีตะวันตกขั้นพื้นฐานที่สุดเหรอ?” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ คำพูดลอยเข้าในหูของวอล์คเกอร์ เห็นได้ชัดว่าเสียดแก้วหูอย่างยิ่ง
คำพูดนี้ของเฉินเป่ย บวกกับการเหน็บแนมเต็มที่ของเขา สายตาที่ถากถางราวกับแค่มองก็ดูวอล์คเกอร์ออกแล้ว ความลับของเขาถูกรับรู้ทั้งหมด
ในใจวอล์คเกอร์สั่นเทา……ทันใดนั้นเขาเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา…….หรือว่าคนหัวเซี่ยผู้นี้ดูอะไรออกเหรอ?
“นายหมายความว่าอะไร?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วถาม
“ดูชาวตะวันตกรอบตัวนายดูหน่อย ผู้ชายที่อยู่ทางตะวันตกมานานหลายปี ตอนที่มากินข้าวต้องใส่ชุดสูท ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าประเทศไหนมีประเพณีแบบนี้…….” เฉินเป่ยพูดขึ้น
หลีชิงเยียนมองไปรอบด้าน ในร้านอาหารตะวันตกแห่งนี้มีลูกค้าชาวตะวันตกมากมายจริง พวกเขาต่างใส่ชุดลำลอง ที่จริงไม่มีใครแต่งตัวเป็นทางการอย่างวอล์คเกอร์เลย
“ในฐานะสายเลือดราชวงศ์ แม้แต่เรื่องพื้นฐานที่สุดอย่างการเทเหล้าที่ต้องเทให้ผู้หญิงก่อนยังไม่รู้เลย นี่ก็เป็นมารยาทของในราชวงศ์รึไง?” เฉินเป่ยเอ่ยปากมาติดๆ กัน วอล์คเกอร์กำลังสั่นไปทั้งตัว แต่ละคำพูดของเฉินเป่ยกำลังทำลายความจอมปลอมของเขาลง
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งมารยาทการใช้คำมากมายของราชวงศ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง นายไม่ใช่แค่พวกกำมะลอคนหนึ่งที่อยู่ที่นั่นมาหลายปีเหรอ แม้แต่มารยาทความรู้มากมายยังไม่เข้าใจดี ยังกล้าเรียกตัวเองว่าราชวงศ์” เฉินเป่ยหัวเราะ “แม้แต่สำเนียงยังเป็นแบบที่คนตะวันออกที่มี อยู่ทางนั้น กลัวว่านายคงไม่ได้อยู่นานเท่าไรหรอกมั้ง?”
วอล์คเกอร์กัดฟัน เขามองทางเฉินเป่ย แววตาเผยความหมายตกใจแบบยากจะเชื่อออกมา
และในเวลานี้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้างทันที
“เกิดเรื่องอะไรกัน?”
ทุกคนมองตามเสียงไป มองเห็นที่หน้าประตูร้านอาหาร ภาพเงาของคนคนหนึ่งที่เดินเข้ามาจากด้านนอก
ภาพการปรากฏตัวของคนคนนั้น ชั่วขณะหนึ่งกระตุ้นการถกเถียงของคนไม่น้อยขึ้น
“ผู้จัดการโรงแรมมาแล้ว เรื่องนี้ทำเขาตกใจแล้วเหรอ?”
“ความสัมพันธ์ของผู้จัดการคนนี้กับวอล์คเกอร์ดีมากนะ คนหัวเซี่ยนั้นอาจจะซวยเข้าแล้ว”
หลังวอล์คเกอร์มองเห็นผู้จัดการคนนั้นเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าก็สงบลงมา มองทางเฉินเป่ย เผยความหมายที่ยั่วเย้าเหน็บแนมออกมา
การปรากฏตัวของผู้จัดการเพิ่มความมั่นใจให้เขามากเหลือเกิน
สักครู่หนึ่ง จากการบอกเล่าของวอล์คเกอร์และหลีชิงเยียน ผู้จัดการจึงพยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ “ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ผมเข้าใจแล้ว คุณเฉิน เรื่องนี้ เพราะคุณทำสูทของคุณวอล์คเกอร์เปียกก่อน ผมคิดว่าความผิดอยู่ที่คุณครับ”
ผู้คนโดยรอบฮือฮากันครู่หนึ่ง ที่จริงผู้จัดการไม่ต้องพูดน้ำเสียงแบบปรึกษาหารือร่วมหรอก ตัดสินลงไปโดยตรงเลยเถอะ
ส่วนวอล์คเกอร์ก็หัวเราะเยาะ เหมือนได้ใจอย่างมาก ผู้จัดการเป็นคนที่มาช่วยเขา ครั้งนี้ ถึงแม้ไอ้ขี้โรคแห่งเอเชียคนนี้จะมีเหตุผลก็พูดไม่ออกแน่
เฉินเป่ยมองผู้จัดการอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “แน่ใจเหรอ?”
คำพูดนี้เป็นเขาให้โอกาสผู้จัดการอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนผู้จัดการพินิจพิเคราะห์เฉินเป่ยรอบหนึ่ง มองเห็นเครื่องแต่งกายขาดที่ดูไม่ขึ้นของเฉินเป่ยนี้ ยิ่งหนักแน่นความคิดในใจขึ้น
คนแบบนี้ เดาว่าคงไม่มีสถานะตำแหน่งอะไร เทียบขึ้นมา วอล์คเกอร์ยิ่งมีคุณค่ามากกว่า
“แน่นอนครับ คุณไม่เพียงแค่ต้องชดใช้ค่าเสียหายของโรงแรม แต่ยังต้องชดใช้ให้คุณวอล์คเกอร์ด้วยครับ ขอโทษเขาเถอะครับ” ผู้จัดการชี้ไปทางวอล์คเกอร์ น้ำเสียงมีความจริงจังน่าเชื่อถือ “คุณสาดน้ำแก้วนั้นออกมาแล้ว ทำให้แก้วคริสทัลออสเตรียแตกละเอียด ทำให้ทั้งชุดจานชามใช้งานไม่ได้ ชุดจานชามชุดหนึ่งนี้หนึ่งแสนหนึ่ง และสูทของคุณวอล์คเกอร์ก็คงประมาณสี่หมื่น”
ทั้งเหตุการณ์เงียบเนื่องจากความกลัว เวลานี้ ถึงแม้คนโง่ยังเข้าใจ นี่แม่งรีดไถกันชัดๆ
ผู้จัดการเหมือนรู้ความคิดในใจของแต่ละคนในเหตุการณ์ จึงหัวเราะเยาะขึ้น “ถ้าคุณไม่เห็นด้วย สามารถแจ้งความได้ครับ”
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วแน่น ล้อเล่นรึไง เรื่องแบบนี้ ถึงแม้ตำรวจมาก็แก้ไขไม่ได้ เดิมทีเฉินเป่ยลำบากอย่างพูดไม่ถูก
ผู้จัดการปลิ้นปล้อนอย่างมาก ตัดสินจนเฉินเป่ยทำได้เพียงแค่ต้องจำนนด้วยความจำใจอย่างยิ่ง
ผู้จัดการไม่เพียงช่วยวอล์คเกอร์ให้รู้สึกดี แต่ยังขูดรีดเฉินเป่ยอย่างโหดเหี้ยมด้วย
ผู้จัดการมองทางเฉินเป่ย มุมปากอดฉีกรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ สำหรับเขา เฉินเป่ยคนโง่แบบนี้ เขาไม่สนใจว่าจะเค้นเอาเงินออกมาได้เท่าไร เอามาได้เท่าไรก็เท่านั้น
คนที่แต่งตัวขาดรุ่ยแบบนี้ บนตัวจะมีเงินสักเท่าไรกัน?
เขามาช่วยวอล์คเกอร์ให้อารมณ์ดีขึ้นเท่านั้น ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยการดูถูก เขาเพียงรู้สึกว่าน่าตลกอยู่บ้าง คนแบบเฉินเป่ยนี้ คาดไม่ถึงยังกล้ามาหาเรื่องคุณวอล์คเกอร์?
ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ
“ไม่ต้องหรอก เจ้าคนจนนี้น่าจะไม่มีเงินสักเท่าไร ขอเพียงคุณหลีที่รักขอโทษอย่างเป็นทางการแทนเขาก็พอแล้ว เรื่องที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไป” วอล์คเกอร์หมุนตัว มองทางหลีชิงเยียน จงใจพูดอย่างใจกว้าง
เฉินเป่ยมองทางวอล์คเกอร์ สีหน้าดวงตายิ่งหนาวเย็น คนผู้นี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียน
“เงินนี้ฉันจะจ่ายเอง” เฉินเป่ยหมุนตัว มองทางผู้จัดการแล้วพูดขึ้น
ผู้จัดการสังเกตเฉินเป่ย การแต่งตัวนี้ของเฉินเป่ยทำให้ผู้จัดการสงสัยอยู่บ้าง
“นายเนี่ยนะ? นายรู้มั้ยว่าอาหารมื้อนี้ราคาเท่าไร? เป็นตัวเลขที่นายคิดก็ไม่กล้าคิดเลยล่ะ” วอล์คเกอร์ดิ้นรนปีนขึ้นมา ยิ้มเยาะบอก
ในความเป็นจริง วอล์คเกอร์พูดไม่ผิด ไม่เพียงผู้จัดการ แม้แต่หลีชิงเยียนกับซูเหลยเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน
ทั้งหมดเกือบจะไม่มีใครเชื่อว่าเฉินเป่ยจะมีความสามารถสนับสนุนค่าอาหารมื้อนี้ได้
ถ้าเฉินเป่ยมีเงิน ทำไมถึงแต่งตัวที่ขาดรุ่ยทั้งตัวขนาดนี้ด้วย
และที่นี่เป็นร้านอาหารในโรงแรมระดับห้าดาว รายการอาหารแต่ละอย่างด้านในล้วนเพียงพอในการจ่ายค่าอาหารด้านนอกหลายมื้อได้เลย
เพียงแค่ไวน์ลาฟิตขวดนั้นก็เกือบหมื่นแล้ว
หลีชิงเยียนกอดหน้าอกไว้ ขมวดคิ้วขึ้น เธอมองทางเฉินเป่ย ความจริงเธอไม่เข้าใจ สรุปเฉินเป่ยอยากแสดงอะไรออกมากันแน่ เขามีความสามารถนี้เชียวเหรอ?
เงินห้องพักที่หรูหรานั้นเขาล้วนไม่ได้จ่ายเลย ตอนนี้อยากจะมาเลี้ยงข้าว นี่ไม่ใช่ทำเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้เหรอ?
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เฉินเป่ยสีหน้าเรียบเฉย เขาล้วงการ์ดใบหนึ่งออกมา ยื่นให้ผู้จัดการ “การ์ดใบนี้ พอมั้ย?”
สายตาผู้จัดการตกอยู่ที่แบล็กการ์ดใบนี้ มองตัวบัตรสีดำทั้งหมด เดินลายขอบทอง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนฉับพลัน เปลี่ยนมาเป็นเคร่งขรึมขึ้น
เขาประคองแบล็กการ์ดใบนี้ขึ้นอย่างระมัดระวัง สีหน้าแปลกใจจริงจัง เขามองทางเฉินเป่ย ชั่วขณะนั้นสายตาเปลี่ยนไปแล้ว เอ่ยปากระมัดระวังด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “คุณบอกผมได้รึเปล่าครับ แบล็กการ์ดใบนี้ได้มาอย่างไรกันเหรอครับ?”
คำพูดนี้ของผู้จัดการออกมา ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้วอล์คเกอร์สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ รอยยิ้มที่ดุร้ายบนหน้าแข็งทื่อไปชั่วขณะนั้น
“นี่เป็นไปไม่ได้!”
วอล์คเกอร์ตะคอกเสียงดัง เขาไม่เชื่อว่าเฉินเป่ยจะครอบครองแบล็กการ์ด
ในใจหลีชิงเยียนสั่น ใบหน้าสง่างามปรากฏความตกใจขึ้น…….แบล็กการ์ด……เจ้าหมอนี้จะมีแบล็กการ์ดได้อย่างไร?
แม้แต่ตนเองยังมีเพียงบัตรไดมอนด์ ในมือเจ้าหมอนี้จะมีของที่สูงส่งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
“แบล็กการ์ดอันดับหนึ่งที่ธนาคารยุโรปส่งมาให้”
“ซ่า!”
ทั้งหมดตื่นตกใจ
เดิมทีร้านอาหารตะวันตกที่เงียบสงบอยู่แล้ว ตอนได้ยินที่มาของแบล็กการ์ดใบนี้ ชาวตะวันตกมากมายก็ควบคุมตัวไม่อยู่ ตื่นเต้นจนลุกขึ้นมากันเลยทีเดียว