บทที่ 260 บุคคลสำคัญถึงครบแล้ว!
ในตอนที่ชายหนุ่มชุดขาวเงยหน้าขึ้น ตอนที่เงยหน้ามองท้องฟ้าของเยี่ยนจิง ทั่วทุกแห่งสนามบินของเยี่ยนจิง ก็ได้เกิดสถานการณ์ไม่แปลกพิลึกอย่างไม่ได้นัดหมาย
สนามบินที่ทั้งปีไม่มีการพักผ่อน ทว่าวันนี้สายการบินที่ธรรมดาทั่วไป กลับหยุดบินทั้งหมด!
เหมือนสนามบินเหล่านี้จะได้รับแจ้งไว้แต่เนิ่นๆ ในสนามบินที่เป็นลานจอดเครื่องบิน มีเครื่องบินส่วนตัวสุดหรูแต่ละลำจอดไว้ และล้วนบินมาจากทั่วทุกสารทิศ ต่างก็จอดไว้ในสนามบินเยี่ยนจิง
พนักงานทั้งหมดในสนามบินต่างก็ยุ่งวุ่นวายกันขึ้นมา นี่เป็นเวลาที่ยุ่งกว่าเทศกาลหยุดตรุษจีนของทุกปี
เพราะว่าคนที่มาถึง ต่างก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดา!
ประตูเครื่องบินเปิดออก บุคคลไม่ธรรมดาที่สูงสง่าแต่ละท่านต่างก็ทยอยกันลงมาจากเครื่องบินลำส่วนตัวแต่ละลำ
มีท่านประธานบริษัทอัญมณีชั้นนำของหัวเซี่ย……นายกสมาคมช่วยเหลือตรวจอัญมณีหัวเซี่ย……และยังมีบุคคลบางส่วน การปรากฏตัวของพวกเขา เพียงพอที่จะทำให้เยี่ยนจิงเกิดแผ่นดินไหว!
วันนี้ผู้ที่มาถึงเยี่ยนจิง ต่างก็เป็นบุคคลสำคัญทั้งหมด ที่มาของแต่ละท่านใหญ่กว่าแต่ละท่าน ไม่มีท่านไหนก็จะถูกดูหมิ่นเลย
หากแค่สนามบินเท่านั้นที่งานยุ่งก็ช่างมันแล้ว ในเมืองท่าแต่ละรูปแบบของเยี่ยนจิง…….สถานีเก็บค่าผ่านทางในระดับสูง กำลังมีคนมากมายมาอย่างเร่งรีบ!
โดยเฉพาะสถานีเก็บค่าผ่านทางระดับสูง จราจรติดขัดจนเคลื่อนไหวไม่ได้ โดยเฉพาะทางผ่านสีเขียวที่ปกติไม่เปิด วันนี้เบื้องบนออกคำสั่งพิเศษ จึงทำได้เพียงเปิดกว้าง
จากนั้นก็มีรถเบนซ์ รถไมบัคและรถโรลส์รอยซ์แต่ละคนต่างก็ขับมา รถหรูที่ปกติเห็นได้ยาก ตอนนี้กลับจอดอยู่ตรงหน้าสถานีเก็บค่าผ่านทางระดับสูงคันแล้วคันเล่า และสามารถเห็นได้ทั่วทุกที่ เยอะเหมือนผักกาดขาวที่ตกอยู่บนพื้น……ทำให้คนรู้สึกสงสัย รถหรูเหล่านี้กลายเป็นราคาผักกาดขาวแล้วหรือเปล่า!
ถ้าคนที่มีตาทิพย์ ก็ยิ่งสังเกตเห็นรถที่มีหน้าตาธรรมดาไม่กี่คน กำลังซุกซ่อนอยู่ในท่ามกลางรถหรูที่สง่าและวางอำนาจเหล่านี้
ทว่ารถพวกนี้แค่ดูเหมือนจะธรรมดา ตรงหน้ารถของพวกเขา กลับมีสัญลักษณ์ที่พิเศษ เพียงพอที่จะยืนยันเจ้าของที่อยู่ในรถ เพียงพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นเจ้าเมืองในสมัยโบราณ!
รถเก๋งหงฉี! ไม่ใช่คนใหญ่คนโตคงไม่มีสิทธิ์นั่ง!
ต่อให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป หลีหยางจะมีฐานะทางครอบครัวที่ร่ำรวยมหาศาล ก็ยังไม่มีสิทธิ์ไปซื้อรถคันนี้แล้วให้เป็นรถยนต์ของตัวเอง
เพราะว่ารถเก๋งหงฉีมีเหตุผลที่พิเศษและสำคัญ……ต้องนักการเมือง โดยพื้นฐานแล้วก็จะมีสิทธิ์ครอบครองเป็นรถยนต์ของตัวเอง!
นี่เป็นกฎระเบียบที่ไม่กล่าวถึงในวงการรถหรูที่ไม่ต้องนัดหมายก็มีความเหมือนกัน ไม่รู้ใครรู้ว่าทำไม ทว่านักเลงที่ไหน จะมีความกล้าหาญที่จะแหกกฎ
และรถเก๋งธงแดงคันนี้ เป็นผู้เฒ่าที่มีผมขาวทั้งหัว นัยน์ตาจับจ้องไปยังนอกหน้าต่างรถ ในมือของเขา มี
วอลนัทอยู่สองลูกที่ค่อยๆ หมุน และก็ได้เสียดสีจนทำให้เกิดเสียงดังชัดเจนไม่หยุด
ลูกน้องข้างๆ ทำสีหน้าที่เคารพนับถือ สายตาของเขาจับจ้องไปยังวอลนัทสองลูกที่อยู่ในมือของผู้เฒ่าตลอดเวลา
เพราะว่าตามที่เขารู้ วอลนัทสองลูกนี้ไม่ใช่ของธรรมดา มีมูลค่ามหาศาล
ทว่าพวกมันแค่เป็นเพียงของเล่นในมือของผู้เฒ่าเท่านั้น
“ท่านครับ ยังต้องเดินทางอีก15นาที ก็จะถึงโรงแรมครับ” ลูกน้องพูดด้วยความเคารพ “โรงแรมถูกเราเหมาแล้วครับ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
คำพูดของลูกน้องคนนี้ง่ายต่อการทำให้คนอื่นเข้าใจผิด……เขาบอกว่าเหมาโรงแรม ไม่ใช่เหมาห้องพักในโรงแรม แต่ก็การเหมาทั้งโรงแรม!
นี่ต้องเสียเงินมากขนาดไหน! ส่วนลูกน้องคนนี้ทำสีหน้าที่นิ่งเฉย เหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปกติมาก
แม้กระทั่งเขายังรู้สึกไม่มีอะไรน่าตกใจ แค่เป็นเรื่องหนึ่งที่ธรรมดามาก
ผู้เฒ่าผมขาวท่านนั้นก็พยักหน้า เหมือนจะไม่สนใจ
ทว่าคนปกติก็รู้ โรงแรมที่ผู้เฒ่าเข้าพัก มาตรฐานก็ต้องเป็นระดับห้าดาวแน่นอน และเมื่อกี้ลูกน้องบอกว่าเหมาโรงแรมไว้แล้ว นั่นมันหมายความว่า ทั้งโรงแรมเป็นของผู้เฒ่า!
ในโรงแรมห้าดาว ต้องไม่ขาดห้องชุดเพรสซิเด้นท์แน่นอน ถ้าเป็นแบบนี้ หนึ่งวันที่ต้องจ่าย ก็คงเป็นจำนวนมหาศาล
และพวกนี้ ก็แค่รายจ่ายประจำวันของผู้เฒ่าเท่านั้น
ก็แค่ผู้ที่รู้ถึงจะดูออก เงินและอำนาจที่เป็นภูมิหลังของผู้เฒ่า น่าจะยิ่งใหญ่มาก ไม่งั้นก็ไม่มีทางฟุ่มเฟือยขนาดนี้
“ครั้งนี้งานพนันเพชรพลอยของเยี่ยนจิงไม่เหมือนที่ผ่านมา ฉันต้องได้น้ำตาชูราให้ได้”
นอกท่าเรือ มีเรือสำราญสุดหรูหนึ่งลำ หัวเรือมีคนอายุวัยกลางคนยืนอยู่ และสวมใส่เครื่องประดับทั้งตัว ทำให้เห็นถึงตำแหน่งที่โอหังอย่างชัดเจน
สายตาของเขามองไปที่ไกลๆ ท่าเรือโผล่ให้เห็นอย่างเลือนราง ทำให้คนวัยกลางคนนี้ สีหน้านิ่งสงบและลุ่มลึกนั้นเผยความตื่นเต้นออกมาอย่างยากที่จะพบเจอ
“ตามที่ร่ำลือ งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้มีบุคคลสำคัญปรากฏ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พวกคุณจะเข้าไปใกล้ ได้กำลังจะได้รับการชื่นชมของเขา”
ในบ้านสุดหรูแต่ละที่ มีเสียงกำชับแบบนี้ดังขึ้น ตระกูลชั้นสูงแต่ละตระกูลของเยี่ยนจิง เหมือนจะได้รับข่าวบางอย่าง จึงเกิดสถานการณ์วุ่นวายขึ้น แล้วต่างก็กำชับเหล่าคุณชายตระกูลตัวเอง
ใครจะไปนึกถึง แค่งานพนันเพชรพลอยครั้งเดียว กลับทำให้เยี่ยนจิงเกิดคลื่นมหึมาขนาดนี้ แม้กระทั่งยังดึงดูดให้แขกที่เป็นนักการเมืองบางส่วนปรากฏ
งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นงานสำคัญของวงการอัญมณี มันยังมีความเป็นไปได้ที่จะกระทบทั้งเยี่ยนจิง
ในตอนนี้ ห้องนอนโรงแรม เฉินเป่ยนั่งอยู่บนโซฟา แล้วกำลังยกเท้าทั้งสองข้างขึ้น เขากระตุกเท้าอย่างได้ใจไปด้วย และก็ดูหนังสือพิมพ์ที่น่าสนใจไปด้วย
“คุณดูมาหนึ่งชั่วโมงครึ่งแล้ว ดูไม่ออกเบาะแสอะไรเลยหรอ? ”
จู่ๆ หลีชิงเยียนก็แย่งหนังสือพิมพ์ไป
เฉินเป่ยนิ่งงัน แล้วยิ้มอย่างเย้ยหยัน จากนั้นควักบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน แล้วพูดขึ้น “รีบอะไร……คุณสังเกตเห็นงานพนันเพชรพลอยในครั้งนี้ ไม่เหมือนที่ผ่านมาไหม? ”
“แน่นอน กฎเกณฑ์ครั้งนี้เปลี่ยนไปหมด งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ หากกิจการอยากจะเข้าร่วม ก็ต้องเป็นคนวงในบริษัทถึงจะเข้าร่วมได้……และไม่สามารถรับจ้างข้างนอกเหมือนแต่ก่อน” หลีชิงเยียนยิ้มอย่างเย็นชา “นี่ต่อให้เป็นคนโง่ที่มาร่วมงานพนันเพชรพลอยก็รู้ คุณเพิ่งจะรู้ตอนนี้หรอ? ”
เฉินเป่ยส่ายหน้า แล้วเคาะหัวข้อเรื่องของหนังสือพิมพ์ช่วงเช้าของเยี่ยนจิง
ซูเหลยเข้าไปใกล้ แล้วมองเพียงพริบตา พร้อมกับพูดขึ้น “วันนี้การจราจรมากมายในเยี่ยนจิงติดขัด และกรมตำรวจของเยี่ยนจิงก็ประกาศออกมาอย่างกะทันหัน ให้ทุกคนอย่าออกเดินทาง ตำรวจจราจรทั้งหมดต้องปฏิบัติหน้าที่ ทำให้การจราจรไม่เกิดการติดขัด”
“คุณพูดถึงอันนี้หรอ? ” ซูเหลยถาม
เฉินเป่ยพยักหน้า หลีชิงเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่มีอะไร หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับงานพนันเพชรพลอย? ”
เฉินเป่ยเบะปาก แล้วมองหลีชิงเยียนอย่างขี้เล่น และถามขึ้น “ประธานหลีที่รัก วันนี้มีรายการอะไรพิเศษหรอ? ”
หลีชิงเยียนครุ่นคิดสักพัก แล้วส่ายหัว “ไม่มี”
หลีชิงเยียนพูดออกมา ทันใดนั้นก็ได้สติทันที แล้วกวาดสายตามองหนังสือพิมพ์บนโต๊ะชา นัยน์ตาคู่นั้นเปล่งประกายความเข้าใจกระจ่างแจ้งออกมา “ความหมายของคุณคือ นี่มันเกี่ยวกับงานพนันเพชรพลอย”
ทว่าหลีชิงเยียนเพิ่งจะพูดออกมา ซูเหลยก็สวนกลับทันที “ไม่น่าจะใช่ ถึงแม้งานพนันเพชรพลอยจะมีคนจากทุกสารทิศมามากมาย แต่ก็คงไม่มากขนาดนี้”
ซูเหลยทำหน้าจับตัวเป็นก้อน เฉินเป่ยโบกหนังสือพิมพ์ในมือขึ้น “บุคคลสำคัญบางส่วนแน่นอนว่าไม่เยอะ ทว่าพวกเขามาเยี่ยนจิง แน่นอนว่าต้องไม่มาคนเดียวอยู่แล้ว”
“พวกเขาต้องพาบอร์ดี้การ์ดมาไม่น้อย นี่ก็คือโรงแรมในเยี่ยนจิงแทบจะถูกเหมาไปทั้งหมดในวันนี้”
ซูเหลยทำหน้าจับตัวเป็นก้อน สายตาของเธอหยุดอยู่ที่หนังสือพิมพ์ในมือของเฉินเป่ย……บนหนังสือพิมพ์เขียนไว้อย่างชัดเจน โรงแรมส่วนใหญ่ในเยี่ยนจิงในวันนี้ถูกจองจนเต็ม ธุรกิจดำเนินอย่างคึกคักและดุเดือด มีโรงแรมมากมายไม่ว่างแม้แต่ห้องเดียว
นี่มันถูกจองจนเต็มได้ยังไง ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าถูกบุคคลสำคัญเหล่านั้นทุ่มเงินมากมายที่การเหมามา!
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที…….บุคคลที่สามารถเหมาทั้งโรงแรมก็ต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดา……และวันนี้ บุคคลที่มีความสามารถแบบนี้ กลับมาเยอะขนาดนั้น
“งานพนันเพชรพลอย ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เห็น” เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงเรียบ ส่วนลึกในนัยน์ตาของเขา มีความลุ่มลึก จริงจังและไร้ขีดสิ้นสุด
ซูเหลยอดมองเฉินเป่ยไม่ได้ เธอแค่รู้สึกว่าหนังศีรษะเหน็บชา เฉินเป่ย สังเกตเห็นอะไรหรอ?
ส่วนหลีชิงเยียนกลับพูดขึ้นอย่างดื้อรั้น “ก็แค่งานพนันเพชรพลอยเท่านั้น นี่คือเยี่ยนจิง คงไม่เกิดสถานการณ์วุ่นวายอะไรหรอก”
หลีชิงเยียนได้ยินคำคำนี้ จู่ๆ เฉินเป่ยก็หัวเราะ
เขามองเฉินเป่ย ปกตินัยน์ตาที่เจ้าเล่ห์กลับเปล่งประกายแสงออกมา ตอนนี้จู่ๆ ก็ดูลุ่มลึกขึ้นมา
เพราะว่าเป็นเยี่ยนจิง……ดังนั้นคงไม่เกิดปัญหาอะไรหรอก?
หลีชิงเยียนพูดไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุใด เยี่ยนจิง เพราะว่าเหตุผลหลายๆ อย่าง ต่อให้เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดของหัวเซี่ย ถ้าบอกว่าเยี่ยนจิงจะเกิดความวุ่นวาย งั้นทั้งหัวเซี่ยก็คงไม่มีที่ปลอดภัยแล้ว!
ทว่า เฉินเป่ยทำนัยน์ตาที่ลุ่มลึก มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย……แม้ว่าหลีชิงเยียนจะเป็นคนเยี่ยนจิง ทว่าพักอาศัยอยู่ที่หู้ไห่มานาน แน่นอนว่าต้องไม่เข้าใจ ว่าเยี่ยนจิงเคยผ่านอะไรมาบ้าง
พอนึกถึงแบบนี้ ในนัยน์ตาของเฉินเป่ยเปล่งประกายความทรมานและการรื้อฟื้นความจำ……เยี่ยนจิง ถูกคนหัวเซี่ยนับไม่ถ้วนเห็นว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ทว่ามีกี่คนที่รู้ หลายปีก่อน……ที่นี่ เคยเกิดความวุ่นวายและการสะเทือนเพราะคนคนเดียว!
เฉินเป่ยค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมาหนึ่งคำ เขาแค่เหลือไว้แต่เพียงความโชกโชนและความเศร้าโศก ดวงตาของเขาเลือนราง ความทรงจำที่เกาะด้วยฝุ่นในอดีต ค่อยๆ ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
คืนนั้น…..เลือดแดงสดแปดเปื้อนจันทร์กระจ่าง ค่ำคืนอันมืดมัว ถูกฉีกขาดเพราะความอาฆาตที่เลือดเย็น
ใครสามารถนึกถึงคืนนั้นว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวง ภายหลัง ก็ได้กระทบไปทั่วโลก
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียน น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกและโชกโชนขึ้นมา “โลกใบนี้ ไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์”
หลีชิงเยียนทำหน้าจับตัวเป็นก้อน แล้วมองไปยังสีหน้าที่ดูแย่ของเฉินเป่ย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
และซูเหลยที่อยู่ข้างๆ เรือนร่างทั้งร่างสั่นเทา มองนัยน์ตาของเฉินเป่ย กลับมีความหวาดผวาเพิ่มขึ้น!
หรือว่า เขารู้อะไรหรอ?
…….
เมืองหู้ไห่ ในห้องเล็กๆ หนึ่งห้อง หัวหน้าหลี่กำลังจับตามองกล้องวงจรปิด ลูกตาไม่ขยับไปไหน
ดวงตาคู่นั้นของเขาเคล้าด้วยความแดงก่ำ ข้างๆ มีลูกน้องคนหนึ่งถือน้ำเย็นหนึ่งแก้วแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “หัวหน้าครับ หนึ่งเดือนแล้วที่ท่านไม่ได้นอนแบบเต็มอิ่ม ตอนนี้ยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ไม่ได้หลับตา ร่างกายของท่านคงจะทนไม่ไหว”
หัวหน้าหลี่โบกมือ “ถ้ายาเสพติดล็อตนี้ถูกกระจายออกไป ผลที่จะกระทบต่อหัวเซี่ยยากจะที่จินตนาการ ฉันต้องเอาผลสรุปนี้ใส่ไว้ในเปลให้ได้”
“ทางเยี่ยนจิงเป็นยังไงบ้าง” หัวหน้าหลี่ถามขึ้น
ถึงแม้ว่าหัวหน้าหลี่จะไม่ได้ส่งคนไปสะกดรอยตามเฉินเป่ยอีก ทว่านี่ไม่ใช่อุปสรรคที่จะให้หัวหน้าหลี่ไปประเมินเฉินเป่ยผ่านการเปลี่ยนแปลงของเยี่ยนจิง
“มีบุคคลสำคัญมากมายกล้าไปเยี่ยนจิง ทางฝั่งเฉินเป่ย น่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ครับ” น้ำเสียงของลูกน้องเคล้าด้วยความยืดเยื้อ เขาก็พูดไม่ถูก ไหนๆ เฉินเป่ยก็คือคนที่เร่ร่อนคนหนึ่ง ที่มักจะไม่ทำตามสามัญสำนึก
“งานพนันเพชรพลอย……” หัวหน้าหลี่ดื่มน้ำเย็นไปหนึ่งคำ แล้วความเย็นก็เข้าไปในลำคอ ทำให้เขาค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
จู่ๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เหมือนคิดอะไรได้
“แย่แล้ว! ”
หัวหน้าหลี่ลุกขึ้นทันที นัยน์ตาเคล้าด้วยความเลือดเย็น เวลานี้ก็ดูกระวนกระวายขึ้นมา!