บทที่297 อับอายไหม?
หลังจากแขกผู้มีเกียรติไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินเบื้องหลังของอวี้ย้งเซวียนแล้ว จึงนำความมั่นใจทั้งหมดทุ่มลงไปบนตัวของเขาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
สำหรับเฉินเป่ย? ถูกคนลืมเลือนหายเข้ากลีบเมฆไปตั้งแต่แรกแล้ว
ขอเพียงแขกผู้มีเกียรติที่รู้ประวัติของอวี้ย้งเซวียนสักนิดหนึ่ง ล้วนเคยได้ยินมาว่าวงการพนันเพชรพลอย มีอัจฉริยะมากมาย อวี้ย้งเซวียนก็คือคนหนึ่งในนั้นที่ค่อนข้างจะทำตัวธรรมดา
ส่วนเบื้องหลังตระกูลอวี้ของเขานั้น ในวงการพนันเพชรพลอยตอนนี้ ที่เป็นตระกูลการพนันเพชรพลอยมีจำนวนไม่มากนัก ในตอนนี้การสืบทอดพนันเพชรพลอยโดนตัดขาด ตระกูลอวี้ถือว่าเป็นที่ใหญ่โตมหึมาตระกูลหนึ่งเลย
อัจฉริยะที่เดินออกมาจากตระกูลอวี้จะทำธรรมดาได้เหรอ?
อวี้ย้งเซวียนไม่ทำให้ผู้คนผิดหวัง ครั้งแรกที่เขาออกมาจากตระกูลอวี้ ทำให้เยี่ยนจิงสั่นสะเทือนไปนิดหน่อย
ลูกหลานของตระกูลอวี้……ภายในหนึ่งวันสั้นๆ อวี้ย้งเซวียนไปท้าทายปรมาจารย์พนันเพชรพลอยของเยี่ยนจิงหลายท่านถึงที่ติดต่อกัน การโจมตีที่ไม่มีข้อยกเว้นสักนิด เป็นความสำเร็จที่แสนภาคภูมิใจ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนไม่น้อยในวงการพนันเพชรพลอยจึงรู้จักเขาแล้ว และผ่านงานพนันเพชรพลอยหลายครั้งก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของอวี้ย้งเซวียนนับวันยิ่งดังขึ้น ทำให้บุคคลที่ไม่ได้อยู่ในวงการพนันเพชรพลอยมากมายต่างเคยได้ยินชื่อของเขาด้วย
อัจฉริยะหนุ่ม ผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลการพนันเพชรพลอย ความก้าวหน้าอันไร้ขีดจำกัด
ถึงงานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ โดยพื้นฐานคนที่มาเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอยหลายครั้งมักคุ้นเคยกับชื่อเสียงนี้ของอวี้ย้งเซวียนเสียงเหลือเกิน
เป็นเพราะเหตุนี้ อวี้ย้งเซวียนถึงได้รับความรู้สึกดีๆ ของแขกผู้มีเกียรติมากขนาดนั้น ที่งานเกือบจะไม่มีใครสนใจเฉินเป่ย……แม้แต่หลีชิงเยียนกับซูเหลยก็ไม่ยกเว้น
หลีชิงเยียนกะพริบดวงตาที่เย็นชาจ้องเฉินเป่ยไว้แน่น เธอไม่รู้ว่าเฉินเป่ยอยากทำอะไร แต่ท่าทางนี้ของเฉินเป่ยก็ยั่วโมโหเธอเข้าแล้ว
อวี้ย้งเซวียน ตระกูลที่สืบทอดการพนันเพชรพลอย พูดถึงการพนันเพชรพลอย เฉินเป่ยสักร้อยคนก็เกรงว่าไม่สามารถเทียบกันกับอวี้ย้งเซวียนได้……เขาเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน? คาดไม่ถึงอยากไปพนันเพชรพลอยกับเขา?
โอกาสชนะของเฉินเป่ยช่างบางเบาเหลือเกิน เกือบจะไม่ได้รับความสนใจของใครเลย? แม้หลีชิงเยียนที่เข้าใจเฉินเป่ยอย่างมาก ในใจยังชัดเจนดี เจ้าหมอนี่ สำหรับการพนันเพชรพลอยครั้งนี้ ไม่มีฝีมือสักครึ่งเดียว
มากที่สุดก็แค่ระดับต่ำ อยากมาท้าทายกับลูกหลานที่ครอบครองการสืบทอดสายตรง สรุปเป็นใครไม่รู้จักเจียมตัวกันแน่?
หลีชิงเยียนกอดหน้าอกไว้ มุมปากของเธอฉีกยิ้มเยาะนิดๆ ขึ้นฉับพลัน นั่นคือปฏิกิริยาที่เธอโกรธอย่างหนักถึงจะแสดงออกมา
เธออยากดูหน่อยว่าเฉินเป่ยเอาความมั่นใจมาจากที่ไหน? ถึงตอนนั้นปล่อยไก่แล้ว เฉินเป่ยจะกู้สถานการณ์อย่างไร
หลีชิงเยียนตัดสินใจเรียบร้อย จะไม่ช่วยเจ้าหมอนี่แก้ปัญหาอีกแล้ว หรือยิ้มเข้าสู้เพื่อขอโทษคนอื่นอีกแล้ว เจ้าหมอนี่ทำเรื่องดีของตนเองพัง รอหลังกลับไป ตนเองจะต้องบอกกับหลีหยาง ไม่ให้ไปมาหาสู่ใดๆ กับเจ้าหมอนี่อีกแล้ว
แผนการที่หลีชิงเยียนตั้งใจเตรียมการถูกเฉินเป่ยพังลงทันใด นี่จะให้เธอไม่โกรธไปได้อย่างไรกัน?
และในเวลานี้ ปลายมีดของเครื่องตัดหมุนวนของรวดเร็วค่อยๆ ตัดหินออก สายตาแต่ละคนจ้องหินไว้แน่น รอยมีดลงลึกไม่หยุด ร่องของหินนับวันยิ่งใหญ่ ไม่นานผลลัพธ์ก็จะเปิดเผยแล้วว่าแพ้หรือชนะ
ส่วนอวี้ย้งเซวียนร้องให้หยุดกะทันหัน เขามองทางเฉินเป่ย มุมปากอมรอยยิ้มนิดๆ พูดอย่างมีความเจ้าเล่ห์ “ฉันให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับนาย ขอโทษฉันแบบดีๆ ถ้ามีท่าทีจริงใจ ฉันจะคิดเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็ได้”
เฉินเป่ยที่ไม่รู้ว่าเอาบุหรี่มาตอนไหน คาบไว้ในปาก หรี่ดวงตามองอวี้ย้งเซวียน ยักคิ้ว “นายมีความมั่นใจขนาดนี้เลย?”
อวี้ย้งเซวียนหัวเราะเยาะ ชี้ที่หินถูกตัดก้อนนั้น ในรอยตัดมีแสงไฟสะท้อนสีเขียงมรกตออกมาแบบเลือนราง บอกว่า “ผลสรุปตัดสินจากมีดแรกที่ลงไปแล้ว”
เฉินเป่ยมองอวี้ย้งเซวียนด้วยสีหน้าสงบเกินไป แม้กระทั่งจากบนใบหน้าของเขา เดิมทีมองสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ออก
ด้านข้างต่างเห็นว่าผลแพ้ชนะตัดสินแล้ว แขกผู้มีเกียรติจึงถกเถียงกันเสียงต่ำขึ้นมา
ตระกูลการพนันเพชรพลอยไม่เสียแรงเป็นตระกูลการพนันเพชรพลอย……อวี้ย้งเซวียนในฐานะลูกหลาน ฝีมือของการพนันเพชรพลอยสูงสุดยอด
“เฉินเป่ย คู่ควรมาเปรียบเทียบกับอวี้ย้งเซวียนเหรอ? เกรงว่ามากสุดก็คู่ควรแค่ขัดรองเท้าล่ะมั้ง?”
แขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่งเอ่ยปากอย่างไม่เกรงกลัว พูดความคิดในใจที่จริงแท้สุดของแขกผู้มีเกียรติหลายคนออกมา
ส่วนใบหน้าสวยเพริศพริ้งของหลีชิงเยียนดูแย่ขึ้นมาฉับพลัน ดวงตาจ้องหินที่อยู่ด้านข้าง หลังจากเธอมองเห็นสีเขียวที่เป็นระลอกในร่องมีดแบบรางๆ ใบหน้าขาวซีดขึ้นทันที
จากนั้นสายตาที่เธอมองทางเฉินเป่ยเปลี่ยนไปเป็นโกรธเคือง คือเฉินเป่ย เป็นเพราะเฉินเป่ยพูดเองเออเอง ตอนนี้แพ้แล้วจริงๆ
“ไม่มีความสามารถนายยังจะมาอวดฝีมืออะไรกัน” หลีชิงเยียนใส่รองเท้าส้นสูงเดินตึกๆๆ อย่างรีบร้อนไปด้านข้างเฉินเป่ย พูดอย่างเย็นชา
ส่วนเฉินเป่ยกวาดสายตามองหลีชิงเยียนแวบหนึ่ง ในน้ำเสียงเพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้นมาอีก “ยังไม่ถึงท้ายสุด คุณเข้ามาทำอะไร? กลับไป!”
“ยังไม่ถึงท้ายสุด? ดูแล้วนายไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ? ดี งั้นฉันจะทำให้นายสมหวัง!” อวี้ย้งเซวียนหัวเราะฮาๆ เสียงหัวเราะยิ่งเย้ยหยันสุดๆ เต็มไปด้วยความหมายเยาะเย้ย
และในเวลานี้ ทันใดนั้นมีเสียงตื่นตกใจดังขึ้นกะทันหัน ทำลายบรรยากาศที่ร้อนรนในเวลานี้
“เป็นไปได้ยังไง!”
ทุกคนมองไปตามเสียง เห็นเพียงผู้เชี่ยวชาญการตัดสีหน้าตื่นตะลึงเต็มไปหมด มองหินก้อนนี้อย่างอึ้งทึ่ง ไม่ตอบสนองเข้ามา
“มีอะไรแล้วเหรอ?” อวี้ย้งเซวียนสีหน้านิ่งเฉย แต่ตอนที่สายตาของเขาตกอยู่บนตัวหินก้อนนั้น เขาก็งุนงงเช่นกัน
สีหน้านิ่งเฉยของอวี้ย้งเซวียนแข็งทื่อทันใด อากาศราวกับโดนน้ำแข็งปกคลุมในชั่วพริบตาเดียว เวลาก็เหมือนจะหยุดเดินด้วย
แขกผู้มีเกียรติแต่ละท่านมองไปตามเสียง และตอนที่มองเห็นหินก้อนนั้น ในใจของพวกเขาต่างเต้นตึกตักอย่างแรง
หินก้อนนี้ที่ก่อนหน้าแพร่สีเขียวมรกตออกมา หลังมีดแรกตัดลงไปเสร็จ รอบมีดที่เผยออกมาครั้งแรก……คาดไม่ถึงว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น
ส่วนสีเขียวก่อนหน้าที่ทุกคนมองเห็นกัน ไม่ใช่แค่หินที่ใกล้จะเป็นหยกเองหรอกเหรอ…….แม้แต่หยกคุณภาพต่ำสุดยังไม่นับ
มีดแรกที่ให้ผู้คนมองเห็น กลับเป็นเพียงหินธรรมดาก้อนหนึ่ง……เป็นหยกจักรพรรดิแบบที่อวี้ย้งเซวียนพูดอะไรกัน……นั่นเป็นราชาของหยก ยิ่งเป็นหยกชั้นเยี่ยม ระดับที่ล้ำค่าและมีน้อยจนยากจะจินตนาการได้
ส่วนหยกจักรพรรดิที่อวี้ย้งเซวียนพูดถึงนั้น ช่างต่างกับหินธรรมดาก้อนนี้มากเหลือเกิน เดิมทีไม่ใช่ระดับเดียวกัน
อวี้ย้งเซวียนจ้องหินก้อนนี้แน่น ในดวงตาทั้งคู่ของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ว่าตามหนังสือโบราณและประสบการณ์ของเขามาวินิจฉัยแล้ว ในหินก้อนนี้มีหยกจักรพรรดิจำนวนน้อย…….และตามหน้าตัดอันนี้ตัดลงไป มีความเป็นไปได้อย่างมากจะตัดถึงตัวหยก……แต่ทำไมผลลัพธ์ถึงทำให้เขาเกินคาด คาดไม่ถึง ไม่ใช่เหรอ?
นี่เป็นไปไม่ได้?
อวี้ย้งเซวียนเหมือนกับเห็นผีเข้า ขมวดคิ้วแน่น ต่อให้เขาเป็นอัจฉริยะการพนันเพชรพลอย……ก็ไม่เข้าใจ หินที่ด้านนอกชี้ชัดว่าด้านในซ่อนหยกจักรพรรดิไว้ คาดไม่ถึงจะเป็นแบบที่เฉินเป่ยบอกหมด ด้านในไม่มีอะไรทั้งนั้น
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างงงไปแล้ว เธอนึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิง นี่ตรงกับที่เฉินเป่ยพูดไว้จริงๆ หินราคาเจ็ดล้านก้อนนี้สูญเปล่าแล้ว ด้านในไม่มีอะไรเลย
ใบหน้าสวยงดงามของหลีชิงเยียนตะลึงค้าง ตั้งนานเธอก็ไม่สามารถตอบสนองกลับมา สายตาที่มองทางเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความแปลกใจตกใจ
วินาทีที่พลิกผันนั้น เกินความคาดหมายของทุกคน ความจริงที่เงียบนิ่งเหมือนฝ่ามือหนึ่งที่ตบหน้าอวี้ย้งเซวียนไปอย่างแรง
“ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน หินก้อนนี้จะหลอกลวงการทดสอบของเครื่องมือและการวินิจฉัยของสายตาประสบการณ์ได้อย่างฉลาดล้ำ……ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน นี่เป็นพลังของธรรมชาติ” ผู้เชี่ยวชาญการตัดคนนั้นพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ส่วนผู้อาวุโสที่ดำเนินการประมูลขายท่านนั้น สีหน้าประกายแดงระเรื่อที่ไม่ปกติขึ้นมาด้วย มองทางหินก้อนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทางสงบลงได้
แม้แต่ลูกหลานของตระกูลการพนันเพชรพลอยยังล้มเหลว ก่อนหน้านี้อวี้ย้งเซวียนพูดด้วยความจริงใจน่าเชื่อถือว่าด้านในนี้ต้องมีหยกจักรพรรดิชั้นยอดอยู่ แต่ในความเป็นจริงล่ะ? ด้านในกลับไม่มีอะไรอยู่เลย
“พึบ!”
ไฟแช็กมีเปลวไฟดวงเล็กลุกขึ้น เฉินเป่ยจุดไฟบุหรี่มวนหนึ่ง มองทางอวี้ย้งเซวียน สีหน้าสงบผิดปกติ ถามแบบเรียบเฉย “ตอนนี้เห็นโลงศพแล้ว ควรหลั่งน้ำตาแล้วรึยัง?”
คำพูดประโยคนี้ของเฉินเป่ยทำให้สีหน้าอวี้ย้งเซวียนดูหวาดหวั่นโมโห ผ่านไปสักพักถึงคลายลงมา สูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง มองทางเฉินเป่ย พยายามทำให้ตนเองสงบลงมา พูดว่า “แพ้ก็กล้ายอมรับ”
พูดจบ อวี้ย้งเซวียนปรบๆ มือ พิธีกรเข้าใจทันใด พูดว่า “นำหินของคุณอวี้ย้ายเข้ามา”
ลูกน้องสองคนยกหินที่หนักอึ้งอย่างเต็มกำลังเดินเข้ามาในห้องพนัน วางไว้ตรงหน้าของเฉินเป่ยแล้ว
เฉินเป่ยกวาดตามอง อวี้ย้งเซวียนพูดว่า “สองก้อนนี้ นายเลือกได้ตามใจชอบไปก้อนหนึ่ง”
เฉินเป่ยหลังสังเกตไปรอบหนึ่ง ส่ายๆ หน้าแล้ว
อวี้ย้งเซวียนตะลึง “นายไม่เอา”
เฉินเป่ยส่ายหน้าต่อไป “พวกนี้ธรรมดา ฉันไม่สนใจ”
พอเฉินเป่ยพูดประโยคนี้ออกมา ชั่วขณะนั้นทำให้ห้องพนันที่เมื่อสักครู่ครึกโครมกันมาหลายระดับ จมสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
สีหน้าอวี้ย้งเซวียนนิ่งค้าง สีหน้ายิ่งเย็นยะเยือกราวกับน้ำค้างแข็ง เขามองเฉินเป่ยอยู่ เสียงเย็นลงมาแล้ว “สรุปนายอยากเอายังไงกัน?”
อวี้ย้งเซวียนรู้สึกว่าตนเองได้รับการเหยียดหยามอย่างใหญ่หลวง ในห้องพนันแห่งนี้ในวันนี้ ความภูมิใจของเขาโดนพวกต่ำต้อยคนหนึ่ง โดนตีพ่ายบดขยี้ถึงที่สุด
สองก้อนนี้ล้วนเป็นของที่เขาใช้เงินมากมายประมูลมา ไม่มียกเว้นสักอัน มีความเป็นไปได้ที่สุดที่จะมีหยกล้ำค่าแฝงอยู่…….มูลค่ามหาศาล ผลสุดท้ายยังโดนเฉินเป่ยดูถูกแล้ว?
เจ้าหมอนี่แต่งตัวเสื้อผ้าโทรมๆ ชุดหนึ่ง ความรอบรู้สูงเช่นนี้ นี่เขาไม่ใช่กำลังพยายามแสดงละครเหรอ?
อวี้ย้งเซวียนกัดฟันแน่น เห็นเพียงเฉินเป่ยเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ เบ้ปากแล้วบอกว่า “หินสองก้อนนี้ให้ฉันทั้งคู่ก็ยังพอๆ กัน”
“สองก้อน?” อวี้ย้งเซวียนกวาดสายตา หัวเราะเยาะหึๆ “นี่คือของที่ฉันใช้เงินหลายล้านประมูลมา นายอยากเอาไปแบบหน้าตาเฉย?”
แขกผู้มีเกียรติโดยรอบได้ยินคำพูดของอวี้ย้งเซวียนก็หัวเราะเสียงเบาๆ นี่เฉินเป่ยช่างคิดเพ้อเจ้อเหลือเกิน อวี้ย้งเซวียนไม่ใช่คนโง่ ไม่อาจยอมให้คนอื่นไปอย่างง่ายดาย
ก้อนหนึ่งก็เสียหายหนักแล้ว สองก้อน คิดคงไม่ต้องคิด
และเฉินเป่ยกลับดูผ่อนคลายสบายใจ ราวกับว่ารู้ทันความคิดแบบนี้ของอวี้ย้งเซวียนตั้งแต่แรก เอ่ยปากนิ่งๆ “นายไม่ใช่บอกว่าด้านในหินก้อนนี้มีหยกจักรพรรดิชั้นยอดอยู่เหรอ? อันไหนล่ะ?”
สีหน้าอวี้ย้งเซวียนฝืดค้าง จากนั้นกุมหมัดทั้งคู่แน่น สีหน้าหนาวเหน็บเฉียบแหลม กัดฟันพูด “นี่เป็นเพียงข้อยกเว้น……”
“ข้อยกเว้น?” เฉินเป่ยมองอย่างยั่วเย้าแวบหนึ่ง อวี้ย้งเซวียนพูดอย่างเย็นชา “ให้ฉันผ่าอีกมีด ต้องการแค่มีดเดียว มีดที่สองจะต้องมีออกมาแน่ ฉันเพียงแค่เลือกด้านผิดพลาดไป”
อวี้ย้งเซวียนมองหินอยู่ เผยสีหน้าไม่พอใจ เขาย่อมไม่ยินยอม จากประสบการณ์ของเขาวินิจฉัย ด้านในหินก้อนนี้ไม่อาจไม่มีหยกจักรพรรดิได้
เขามั่นใจในตนเองอย่างมาก คงไม่เกิดความผิดพลาดเด็ดขาด
อวี้ย้งเซวียนคิดอยู่ กัดฟันแล้วบอกว่า “ตัดอีกครั้งหนึ่ง ถ้าแพ้แล้ว หินสองก้อนนี้ให้นายทั้งหมด”
“ได้” เฉินเป่ยไม่ลังเลสักนิด ชั่วขณะหนึ่งรับปากไป
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างตะลึง ชั่วขณะนั้นร้อนใจขึ้นมาแทนเฉินเป่ย
ทุกอย่างเมื่อสักครู่นี้ ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเฉินเป่ยชนะได้อย่างไร แต่อวี้ย้งเซวียนมีความมั่นใจขนาดนี้ ทำให้หลีชิงเยียนไม่แน่ใจมากนัก
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอย่างกังวล เฉินเป่ยเหมือนสังเกตถึงความเป็นห่วงของหลีชิงเยียนได้ หัวเราะนิดหน่อย พูดว่า “วางใจเถอะ ถ้าเขาตัดออกมาแล้วมี ผมจะกินขี้เลย”
เฉินเป่ยพูดจากล้าหาญอย่างเรียบเฉยเช่นนี้ ทำให้สีหน้าอวี้ย้งเซวียนยิ่งดูแย่ขึ้น นี่ไม่ใช่เท่ากับว่าหักหน้าเขาอย่างโจ่งแจ้งเลยเหรอ?
ส่วนแขกผู้มีเกียรติเหล่านั้นที่อยู่ด้านข้างไม่มีทางสงบกันได้ พวกเขามองทางเฉินเป่ย ในสายตาต่างมีความคิดของตนเอง
และถึงแม้หลีชิงเยียนจะตกใจที่เฉินเป่ยมีความมั่นใจเต็มที่ แต่มองเห็นเฉินเป่ยนิ่งเฉยขนาดนี้ ถือว่าวางใจอยู่บ้าง
ในเวลานี้ เสียงร้องตกใจของผู้เชี่ยวชาญการตัดลอยมาจากด้านข้าง
“แม่เจ้า!