บทที่291 สุดยอดดาบสามเล่ม
ภายในห้องพนันเพชรพลอย บนโต๊ะที่ปูผ้าแดงตัวหนึ่ง มีหินเทาดำไปทั่วทั้งก้อนวางอยู่ในถาดนิ่งๆ
หินก้อนนี้ ดูแวบแรกไม่ต่างอะไรกับก้อนหินทั่วไป ดูไม่สะดุดตาเลยสักนิดเดียว แต่บุคคลที่นั่งอยู่ด้านหน้าหินก้อนนี้ล้วนเป็นแขกผู้มีเกียรติที่มาจากแต่ละที่ของหัวเซี่ย
แขกผู้มีเกียรติเหล่านี้ หากเลือกออกมาสักท่านหนึ่ง สถานะยังเพียงพอที่จะสั่นสะเทือนเยี่ยนจิงได้
และเวลานี้ แขกผู้มีเกียรติแต่ละท่านกำลังนั่งสงบกันอยู่ตรงที่นั่ง สายตาค่อยๆ ตกอยู่บนหินก้อนนี้ บ้างใช้สายตาเร่าร้อน บ้างคุยกระซิบกระซาบกับคนข้างกาย ไม่มีใครที่ไม่ถกเถียงถึงหินก้อนนี้
และหลังเฉินเป่ยหลีชิงเยียนพวกเขาเดินเข้ามา ชั่วขณะนั้นก็ดึงดูดสายตาได้ไม่น้อย
หลีชิงเยียนกลัวว่าเฉินเป่ยจะพูดอะไรที่ทรยศสักอย่างขึ้นมาอีก จึงรีบดึงๆ แขนเสื้อของเฉินเป่ย แสดงความหมายโดยนัยให้เขาอย่าเอ่ยปาก
หลังทั้งสามคนนั่งลง สายตาหลีชิงเยียนเพียงกวาดผ่าน ใบหน้างดงามยิ่งเปลี่ยนสีฉับพลัน เผยความหมายที่ตื่นตกใจ
ภายในห้องพนันที่เล็กๆ แห่งนี้ มีบุคคลยิ่งใหญ่ที่หลีชิงเยียนรู้จักไม่น้อยกว่าสามท่าน
บุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้ แม้แต่หลีชิงเยียนยังไม่อยากเชื่อ แม้กระทั่งแวบหนึ่งคิดว่าตนเองอยู่ในอาการหลอน
หลีชิงเยียนไม่มีทางสงบต่อไปได้ ดวงตาของเธอตื่นตระหนก มือสวยเรียวคู่นั้นกำลังสั่นเทาเล็กน้อย
ปกติเธออยู่ที่หู้ไห่มาหลายปี ล้วนไม่แน่ว่าจะได้เจอผู้นำสักท่าน แต่ตอนนี้ เพียงแค่ในห้องพนันที่เล็กๆ แห่งนี้ คาดไม่ถึงจะเจอตั้งสามสี่ท่าน
ที่มากกว่านั้นคือบุคคลที่หลีชิงเยียนไม่รู้จัก แต่สัญชาตญาณของหลีชิงเยียนบอกเธอว่าคนเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนไม่ธรรมดา ดวงตาทั้งคู่ล้ำลึกราวดาวบนฟ้า ทำให้คนแค่มองดูไม่ออก
พวกเขาสีหน้าเรียบนิ่ง เพียงแต่ระหว่างที่ไม่สนใจอยู่นั้น ท่วงทีที่แพร่ออกมากลับทำให้หลีชิงเยียนนิ่งเฉยไม่ได้
ในแววตาลึกของหลีชิงเยียนมีความตกใจแวบผ่านไป น้อยมาที่เธอจะหวาดกลัว แต่ศึกแบบในวันนี้ ทำให้เดิมทีเธอไม่สามารถรักษาความสุขุมเยือกเย็นไว้ได้อีก
ในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นสิ่งที่ไม่เหมือนกันของงานพนันเพชรพลอยครั้งนี้กับเมื่อในอดีต เมื่อก่อนการพนันเพชรพลอยห้องหนึ่ง การมีผู้สูงศักดิ์สักคนปรากฏตัวก็ยากมากแล้ว ทว่าครั้งนี้ห้องหนึ่งกลับมีการดำรงอยู่ของผู้ทรงอิทธิพลที่ตนเองรู้จักถึงสามสี่ท่าน……งั้นคนที่ไม่รู้จักอีกล่ะ?
เกรงว่าคงด้อยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว และเป็นการมีตัวตนที่ยังต้องให้หลีชิงเยียนเลื่อมใสพึ่งพิง
หลังหลีชิงเยียนนั่งลง ยังคงไม่สามารถสงบได้ ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างมองหลีชิงเยียนแบบแปลกประหลาด หล่อนในฐานะทีมรบพิเศษ มีหน้าที่แค่คุ้มกันหัวเซี่ย ไม่ได้ความสัมพันธ์ส่วนตัวอันดีขนาดนั้นแบบหลีชิงเยียน ย่อมไม่รู้จักผู้ทรงอิทธิพลเหล่านี้เป็นธรรมดา
หล่อนไม่เข้าใจ หลังจากที่หลีชิงเยียนเข้ามา คาดไม่ถึงตื่นเต้นเสียเหลือเกิน
หลีชิงเยียนที่นิสัยเย็นชาเรียบเฉย แต่เวลานี้ไม่มีทางควบคุมอารมณ์ที่ตื่นเต้นได้ มองไปทางเจ้านายใหญ่ที่นั่งอยู่ไม่ขาดสาย ในใจเต้นตุบๆ อย่างแรง
บางทีคงเป็นหลีชิงเยียนที่ฮึกเหิมเกินไป ทันใดนั้นบุคคลยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งก็ขมวดคิ้วแล้ว ในใจมีความรู้สึกบางอย่าง มองเข้าไปทางหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยนรีบก้มหน้าลง ท่าทางประหม่าและกังวลมาก
ในเวลานี้ ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ที่กว้างและหนาคู่หนึ่งก็วางอยู่บนมือของหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนเงยหน้า มองเห็นเฉินเป่ยมองเธออย่างมีความหมายลึกซึ้ง สีหน้าผ่อนคลาย “ไม่ต้องกลัว คนใหญ่โตพวกนี้ก็เป็นคนเหมือนคุณ หายใจลึกๆ”
เฉินเป่ยพูดด้วยเสียงทุ้ม ทำให้หลีชิงเยียนนิ่งค้าง หายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งตามเสียงของเฉินเป่ยอย่างไม่รู้ตัว
“ฮู้…….” หลีชิงเยียนค่อยๆ พ่นลมหายใจออกทีหนึ่ง ถึงตอนที่เธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในใจสงบลงไปไม่น้อย
หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย ดวงตาเผยท่าทางที่รู้สึกซาบซึ้งใจนิดๆ ในใจยิ่งรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ถามเสียงต่ำ “นายทำได้ยังไงกัน?”
เฉินเป่ยชายตามองหลีชิงเยียน ตอบเรียบๆ “คนระดับเมืองไม่กี่คน ก็ทำคุณตกใจได้แล้วเหรอ?”
น้ำเสียงของเฉินเป่ยสงบ ทว่ากลับทำให้ใบหน้าหลีชิงเยียนแดงขึ้นแวบหนึ่ง ราวกับโดนเฉินเป่ยเย้ยหยัน จึงทำเสียงฮึดฮัด “งั้นก็ยังดีกว่าพวกนายที่ไม่มีความรู้แบบนี้เยอะเลย”
เฉินเป่ยหัวเราะแบบช่วยไม่ได้จริงๆ แม้แต่ระดับของคนเหล่านี้ ตนเองล้วนดูออกหมด หลีชิงเยียนยังมาเหน็บแนมว่าตนเองไม่มีความรู้?
แม่งเอ๊ยนี่ใครไม่มีความรู้กันแน่?
เฉินเป่ยส่ายๆ หน้าแล้วถอนหายใจทีหนึ่ง กวาดตามองแขกผู้มีเกียรติ พูดพึมพำ “อืม……แม้แต่คนระดับประเทศยังไม่มี…….งานพนันเพชรพลอยนี้ไม่ไหวเลย……”
ส่วนหลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างได้ยินสิ่งที่เฉินเป่ยพึมพำ ในใจตื่นตะลึง คาดไม่ถึงเฉินเป่ยมองทีเดียวก็สามารถมองแขกผู้มีเกียรติเหล่านี้ออก นี่เป็นไปได้อย่างไร
เกือบจะชั่วพริบตาเดียว หลีชิงเยียนบอกกับตนเองว่าเฉินเป่ยต้องกำลังหลอกลวงโอ้อวดอยู่แน่ แขกผู้มีเกียรติเหล่านี้ แม้แต่ตนเองยังรู้จักไม่กี่คนเอง เป็นไปได้อย่างไรที่เฉินเป่ยมองรวดเดียวก็ดูระดับออก?
อย่างไรเสียหลีชิงเยียนก็ไม่เชื่อ สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกว่าประหลาดเกินความเป็นไปได้คือน้ำเสียงที่มีประสบการณ์โชกโชนของเฉินเป่ยนั้น ราวกับสมัยก่อนเคยเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอยที่ประเทศตี้กั๋ว ทั้งยังวิจารณ์ว่างานพนันเพชรพลอยรอบนี้ไม่ไหว……หรือว่าเมื่อก่อนยังมีบุคคลระดับประเทศปรากฏตัวด้วย
หลีชิงเยียนจะเชื่อถือได้อย่างไร งานพนันเพชรพลอยเล็กๆ นี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีบุคคลแบบนั้นมา……ความพิเศษของงานพนันเพชรพลอยรอบนี้ไม่ได้เป็นเพราะการพนันเพชรพลอยล้วนๆ เหรอ ดังนั้นถึงได้ดึงดูดผู้นำนับไม่ถ้วนเข้ามา
ส่วนเฉินเป่ยราวกับมองความคิดในใจของหลีชิงเยียนออก จึงพูดแบบสบายอยู่ด้านข้าง “งานพนันครั้งนี้แน่นอนว่าดึงดูดบุคคลมากขนาดนี้ไม่ได้……คุณดูสิ บุคคลระดับเมืองพวกนี้ แม้แต่ข้างกายยังไม่มีปรมาจารย์พนันเพชรพลอยสักคนเลย เล่นอันนี้เป็นการลงทุนโดยเฉพาะ……หรือพูดได้ว่าแสร้งทำเป็นพนันเพชรพลอย แต่ในความเป็นจริงมีเป้าหมายอื่น”
“เป้าหมายอะไร?” แม้ว่าหลีชิงเยียนจะเหยียดหยามคำพูดของเฉินเป่ย แต่ยังอดถามไปไม่ได้
เฉินเป่ยหัวเราะเล็กน้อย “เรื่องนี้ต้องถามคนจัดงานพนันเพชรพลอยครั้งนี้แล้วล่ะ สรุปแล้วเขาอยากทำอะไร”
หลีชิงเยียนฟังคำพูดของเฉินเป่ยด้วยความสับสนงงงวย ใบหน้างดงามปรากฏความฉงน สงสัย
เฉินเป่ยถอนหายใจทีหนึ่ง พูดอธิบาย “ที่งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้พิเศษขนาดนั้น เป็นเพราะเบื้องหลังมีมือคนคนหนึ่งกำลังบงการทุกอย่างนี้”
เฉินเป่ยพูดๆ อยู่ก็หยุดฉับพลัน สายตากลับลุ่มลึกขึ้นมา บ่นพึมพำ “จิง สรุปนายอยากทำอะไร……”
“จิงคือใคร?” หลีชิงเยียนหลุดปากออกมาโดยจิตใต้สำนึก
กลับคาดไม่ถึงว่าชั่วขณะนั้นสีหน้าเฉินเป่ยจะเปลี่ยนไป จากนั้นตวาดเสียงดุ “เงียบ ต่อไปอย่าพูดถึงชื่อนี้อีก”
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจทั้งนั้น ตั้งแต่เมื่อกี้ที่เฉินเป่ยเอ่ยปาก พูดสิ่งที่แปลกประหลาดบางอย่าง คาดไม่ถึงยังกล้าสั่งตนเอง ทำให้เธอโมโหพอสมควรอย่างน่าประหลาด
“สั่งฉันเหรอ?” หลีชิงเยียนเผยความหมายที่ดื้อดึงนิดๆ
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนแวบหนึ่ง เอ่ยปากนิ่งๆ “ผลลัพธ์ของการเรียกชื่อนี้ออกไป ผมไม่อาจรับผิดชอบได้”
จากนั้นขณะที่หลีชิงเยียนประหลาดใจอยู่ เฉินเป่ยก็มองทางด้านหน้า
เวลานี้ ผู้ประมูลขายท่านหนึ่งเดินมาที่หน้าโต๊ะ เสียงเปิดสปอตไลต์ดัง “ปึก” แสงสีขาวหลายดวงรวมตัวอยู่ใต้เท้าผู้ประมูลขายนิดหน่อย แขกผู้มีเกียรติเหล่านั้น สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาชั่วขณะนั้น
“เวลาแลกเปลี่ยนใกล้จะหมดแล้ว ต่อไปถึงเวลาของการประมูลแล้ว”
“หินก้อนนี้ ราคาเริ่มประมูล ห้าหมื่น” ผู้ประมูลขายที่ใส่สูทรีดเรียบคนนี้ดันแว่นตากรอบทองที่สันจมูก แล้วพูดขึ้น
“ห้าแสน!” ผู้มีเกียรติท่านหนึ่งชูป้าย ทำให้ใบหน้าหลีชิงเยียนเปลี่ยนสี
พอเอ่ยปากก็ห้าแสน นี่คือใช้เงินมือเติบแค่ไหนกัน
บอกราคาครั้งแรกก็เพิ่มราคาเป็นสิบเท่า นี่คือสิ่งที่หลีชิงเยียนแค่คิดยังไม่กล้าคิด
จากนั้นตอนที่แขกผู้มีเกียรติคนอื่นเริ่มบอกราคา ก็ฮึกเหิมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ซูเหลยที่อยู่ข้างหลีชิงเยียน นิ้วมือกำลังสั่นเทา ในห้องที่เล็กๆ นี้ เป็นเพียงหินที่เทาทึมๆ ก้อนหนึ่ง ทว่ากลับทำให้แขกผู้มีเกียรติเหล่านี้ถลุงเงินเป็นว่าเล่น ดำเนินการพนันดุเดือดฉากหนึ่ง
ผ่านไปได้ไม่นานหินก้อนนี้ก็ถูกประมูลไปด้วยราคาสองล้าน ผู้ประมูลขายมองทางแขกผู้มีเกียรติ สีหน้าเคารพนอบน้อม “ต้องการตัดออกรึเปล่าครับ?”
แขกผู้มีเกียรติท่านนั้นพยักหน้าแล้ว ผู้เชี่ยวชาญการตัดท่านหนึ่งจึงเดินเข้ามา ตัดตัวหินออกอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง
และหลังจากรอตัดมีดแรกลงเสร็จ กลับไม่มีอะไรปรากฏออกมา
“ต่อเถอะ” แขกผู้มีเกียรติท่านนั้นหน้าตาไร้ความรู้สึก สีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่ปวดใจสักนิดเดียว
หินเปล่าสองล้านนี้ สำหรับเขาเหมือนไม่ถือว่าเป็นอะไร
ไม่นานมีดที่สองก็ตัดลงไป ผู้ประมูลขายพูดเสียงดัง “มีออกมาแล้ว”
หลังมีดที่สองตัดเสร็จ ผู้เชี่ยวชาญการตัดกวาดตาแวบหนึ่ง ส่ายๆ หน้า
ภายในหินก้อนนี้มีเพียงหยกที่ใหญ่เท่ากำปั้น โดยเฉพาะคุณภาพยังแย่ โดยพื้นฐานเท่ากับว่าทั้งก้อนหินแร่นี้เป็นของเสีย
แม้แต่หลีชิงเยียนก็มองหินแร่ที่ราคาสองล้านก้อนนี้ ในใจยังเจ็บปวดไม่หยุด
สองล้านนี้ ไม่ใช่เสียไปแล้วเหรอ?
ถ้าอยู่ที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป การค้าขายสูญไปสองล้านภายในแวบเดียวแบบนี้ ต้องตามหาความรับผิดชอบอย่างแน่นอน
และแขกผู้มีเกียรติท่านนั้นกลับดูไม่สนใจสักนิด แม้กระทั่งบนหน้ายังคงเต็มไปด้วยความสงบ เพียงพูดออกมาว่า “น่าเสียดาย” จากนั้นจึงนั่งลงมา
หลีชิงเยียนถอนหายใจยาวๆ ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างแอบพูด “ในสายตาคนเหล่านี้ เดิมทีเงินคงไม่ใช่เงินล่ะมั้ง?”
หลีชิงเยียนพยักหน้า แขกผู้มีเกียรติที่นั่งอยู่ไม่ใช่แค่มีเงินแต่ยีงมีอำนาจด้วย สำหรับพวกเขาแล้ว เงินแค่นี้ดูไม่ถือว่าเป็นอะไรจริงๆ
การพนันเพชรพลอยไม่ใช่เป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจหรอกเหรอ ถึงได้เป็นความสนใจที่เข้าตาพวกเขา
“ว่ากันตามแล้ว งานพนันเพชรพลอยทำเงินไม่ได้มากหรือไง มิน่าพวกเขาถึงมีอำนาจกันขนาดนั้น” ซูเหลยพูดอย่างทอดถอนใจ
หลีชิงเยียนพยักหน้า ย่อมคิดแบบนี้เช่นกัน
“นี่ฟันธงไม่ได้หรอก” ทันใดนั้นเฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากบอก “ตอนที่มีของบางอย่างออกมาบนโลก ถ้าทางการไม่สามารถซื้อมันมาได้ทันเวลา นั่นก็คือขาดทุนหนัก”
“ของบางอย่าง?” ซูเหลยสีหน้าสงสัย มองทางเฉินเป่ย
เฉินเป่ยพยักหน้า แววตาล้ำลึกขึ้นฉับพลัน “ของพวกนี้ พอจะทำให้ผู้มีอิทธิพลใหญ่ๆ ทะเลาะกันอย่างรุนแรง ถ้าทางการไม่ได้มันไป ไม่ใช่ขาดทุนแล้วเหรอ?”
หลีชิงเยียนเงียบนิ่ง ซูเหลยรู้สึกตกใจอยู่บ้าง จมอยู่ภายใต้การครุ่นคิดที่ลึกซึ้ง
ใช่ ถ้าเป็นแบบนั้นอย่างที่เฉินเป่ยพูดจริง ก็พอที่จะทำให้ผู้มีอิทธิพลมากมายขนาดนั้นล้วนปรารถนาอยากได้ งั้นของสิ่งนั้นเป็นอะไรกัน? กลัวว่าราคาไร้ขีดจำกัด
“งั้นสรุปของนี้คืออะไร?” หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างจับประเด็นสำคัญได้อย่างว่องไว ถามขึ้น
เฉินเป่ยยิ้มอ่อนๆ เขาไม่ได้พูดออกมา นี่ต่างหากที่เป็นราคาแท้จริงของการพนันเพชรพลอย ของแบบนี้ ถึงแม้ในมือเขาก็ไม่ใช่จะมีมากมาย
“สามารถค้นหาความลับของชีวิตได้” เฉินเป่ยเอ่ยปากเรียบๆ คำพูดกำกวม
หลีชิงเยียนหัวใจสั่นสะเทือน กลับคาดไม่ถึงว่าจะเสียงยั่วเย้าที่ประหลาดเสียงหนึ่งลอยมาจากด้านข้าง “ไม่ใช่แค่พนันของล้ำค่าหายากเท่านั้นเหรอ พูดเว่อร์ขนาดนี้ รู้มากขนาดนี้ จะอยู่ที่โซนพนันระดับสูงงั้นเหรอ? ทำไมไม่ไปสุดยอดดาบสามเล่มด้านในล่ะ?”