บทที่301 การต่อสู้ที่ล่อแหลมอันตรายที่สุด
สีหน้าที่กังวลของซูเหลยก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ถูกความตื่นตกใจเข้าแทนที่
“นี่เป็นไปได้ยังไง……” หลีชิงเยียนงงแล้ว มองเห็นผลลัพธ์ที่ทั้งสองหมัดปะทะกัน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้
เกิดความเงียบสงบที่เกินความคาดหมายไปทั่วพื้นที่ แม้แต่เสียงเข็มตกยังได้ยิน จางเป่าเฉิงหุบปากลงแล้ว เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาสักนิดเดียว เขาไม่สมควรแทรกเข้าไปในวังวนแบบนี้
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยและพลเอกหลี่อย่างงงงวย ในใจยากจะสงบลง
หลีชิงเยียนกับซูเหลยคิดเหมือนกัน พลเอกหลี่เป็นนายพลระดับสูงของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง ฝีมือแกร่งเหนือขั้น โดยเฉพาะซูเหลยยิ่งเข้าใจดี มวยจูนถี่ของพลเอกหลี่นั้น พลังน่าสยองขวัญ ถ้าเปลี่ยนเป็นร่างกายของคนทั่วไป จะต้องโดนระเบิดเป็นรูเลือดออกมาอย่างแน่นอน
และการทำให้แขนของเฉินเป่ยสั่นขาดเรื่องแบบนี้…เป็นสิ่งที่ง่ายดายเหลือเกิน
แต่เวลานี้หล่อนมองเห็นอะไรกัน?
หลังปล่อยหมัดหนึ่งไป พลเอกหลี่กลับเซถอยหลังหลายก้าว แขนขวาของเขากำลังสั่นเทาไม่หยุด
มีเพียงเฉินเป่ยที่เหมือนคนไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ยังคลำหาบุหรี่ออกมา สูบไปทีหนึ่ง
ทั้งหมดเงียบสนิทจนน่ากลัว พลเอกหลี่ก้มหน้ามองแขนขวาของตนเองแวบหนึ่ง ทั้งแขนขวากำลังสั่นเทาเหน็บชา…เลือดลมภายในร่างกายของเขาปั่นป่วน ทำให้เขาเกือบพ่นเลือดสดออกมา
โชคดีที่อำนาจจิตของเขาเข้มแข็ง จึงอดกลั้นลงมาได้
พลเอกหลี่มองทางเฉินเป่ย ในใจไม่มีทางสงบลงได้เลย เจอกับมวยจูนถี่ที่เพิ่มการต้านทานหมัดนี้เข้าไป เขาชัดเจนอย่างมากว่าพลังน่าสยองขวัญมากแค่ไหน…ส่วนหมัดของเฉินเป่ยที่ปล่อยออกมาราวฟ้าแลบเมื่อสักครู่นี้ กลับไม่มีฝีมือให้พูดได้…ทั้งหมดล้วนเป็นแรงหมัดที่โจมตีออกมาอย่างเรียบง่ายที่สุด
แต่ทว่าหมัดนี้ พลเอกหลี่ยังตกเป็นเบี้ยล่างในการสู้รบนี้…พลเอกหลี่เองยังแปลกใจอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงว่าตนเองจะพ่ายแพ้ให้กับผู้ชายที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงตระกูลหลีที่อันธพาลไม่เอาไหนคนหนึ่งจนได้
เดิมทีพลเอกหลี่อยากบีบให้เฉินเป่ยใช้มวยจูนถี่ออกมาอีกครั้ง……แต่ใครจะไปคิดว่าเฉินเป่ยจะใช้กำลังที่แข็งแกร่งออกมาดื้อๆ ……แม้แต่พลเอกหลี่ยังสู้ไม่ได้
พลเอกหลี่เหมือนโดนความจริงที่โหดร้ายตบหน้าไปทีหนึ่ง……เขาเป็นถึงนายพลระดับสูงของกระทรวงการป้องกันสงครามของเยี่ยนจิง ยังมาโดนสวะที่เกาะผู้หญิงกินคนหนึ่งยืนอยู่เหนือกว่า
เยาะเย้ยมากแค่ไหนกัน?
ไม่นานแววตาของพลเอกหลี่มีความล้ำลึกปกคลุมแบบหาที่สุดไม่ได้…คาดไม่ถึงเขาจะมองเฉินเป่ยไม่ออกอยู่บ้าง หรือว่าท่ายกทุ่มข้ามไหล่เมื่อสักครู่นั้น เป็นแค่ความบังเอิญครั้งหนึ่งจริงๆ?
พลเอกหลี่ไม่เข้าใจ เขาจ้องมองเฉินเป่ยอย่างมีความหมายลึกซึ้งอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการมา
มุมปากของเขายกเล็กน้อย ส่ายหน้าอย่างสงบเรียบเฉย “อาจเป็นฉันที่มองผิดเอง”
พูดจบ เขาก็หมุนตัว ค่อยๆ ออกไป
หลีชิงเยียนเห็นพลเอกหลี่จากไป ในที่สุดจึงโล่งอกลงมาแล้ว
“นี่” ทันใดนั้นเฉินเป่ยคาบบุหรี่ เรียกพลเอกหลี่เอาไว้
ร่างกายพลเอกหลี่สั่นนิดหน่อย หมุนตัวมองทางเฉินเป่ย
“ต่อไปขอให้นายอย่ามาวุ่นวายกับชิงเยียนอีก” น้ำเสียงเฉินเป่ยอันธพาลแบบหาที่สุดมิได้ บ้าระห่ำอย่างมาก
พลเอกหลี่สีหน้าฝืดค้าง ส่วนหลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ก็อึ้งไปแล้ว มองทางเฉินเป่ย ใบหน้างงงวย
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เธอถึงตอบสนองเข้ามา ใบหน้าเขินอายและโมโห
เจ้าหมอนี่หมายความว่าอะไร? กำลังประกาศอำนาจอธิปไตยเหรอ? กล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้อย่างคาดไม่ถึงเลย
ถึงแม้ว่าหลีชิงเยียนจะทั้งอายทั้งโมโห แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่ต้นจนจบถึงไม่รู้สึกเคียดแค้นเฉินเป่ยได้เลย
ส่วนจางเป่าเฉิงก็สังเกตเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนไม่ขาดสาย ผู้สูงอายุสะสมประสบการณ์มามากจึงเข้าใจอะไรดีสุด ในฐานะคนที่มีความฮึกเหิมเด็ดเดี่ยวคนหนึ่ง แวบเดียวเขาก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเป่ยกับหลีชิงเยียน
“หัวหน้าสมาคมจาง อย่าไปฟังเขาพูดไร้สาระเลยค่ะ เดี๋ยวดูว่าฉันจะลงโทษเขายังไง!” หลีชิงเยียนอธิบายกับจางเป่าเฉิงอย่างเดือดดาล
จางเป่าเฉิงพยักหน้า หัวเราะฮาๆ “คุณหลี คุณไม่ต้องพูดแล้วครับ ผมเข้าใจ ผมเข้าใจทั้งหมด”
หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว มองทางจางเป่าเฉิงที่ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งนี้ ชั่วขณะนั้นใบหน้างดงามยิ่งแดงขึ้น แดงจนเหมือนกับแอปเปิลแดง
เส้นเลือดบนหน้าผากที่ขาวเนียนของเธอเต้นกระตุก จางเป่าเฉิงเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
พลเอกหลี่มองเฉินเป่ยแบบลุ่มลึกที่หนึ่ง ราวกับอยากจะจดจำท่าทางของเฉินเป่ยเอาไว้ จากนั้นหมุนตัวออกไป
เฉินเป่ยจ้องภาพด้านหลังของพลเอกหลี่ที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป สายตาของตกอยู่บนแขนขวาของพลเอกหลี่ที่สั่นเทา เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ได้ใจออกมา
“เวลานี้แย่แล้ว นายล่วงเกินพลเอกหลี่ ช่วงเวลาที่พวกเราอยู่ที่เยี่ยนจิงต้องไม่ง่ายแน่” หลีชิงเยียนพุ่งเข้าไปที่เฉินเป่ย ตะโกนประโยคแรกด้วยความโกรธเคือง
สีหน้าเฉินเป่ยยังคงเรียบนิ่งสง่างามมาก “แค่นายพลระดับสูงคนหนึ่งเอง จะกลัวอะไร ต่อให้เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดมา มีผมอยู่ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวทั้งนั้น”
หลีชิงเยียนหัวเราะเยาะ หันหน้ามองทางจางเป่าเฉิง ใบหน้าที่สวยเพริศพริ้งเขียนความหมายขอโทษเต็มหน้า “หัวหน้าสมาคมจาง ขอโทษนะคะ ผิดใจพลเอกหลี่เข้าแล้ว ทำให้คุณทำตัวลำบากไปด้วยเลย”
จางเป่าเฉิงส่ายๆ หน้า บอกว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมกับเขาไม่ได้สนิทกันมาก โดยเฉพาะผมเป็นหัวหน้าสมาคมของสองสมาคมใหญ่ เขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอก”
หลีชิงเยียนพูดคุยกับจางเป่าเฉิงอีกสักหน่อย จางเป่าเฉิงพูดว่า “งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ เท่าที่ผมรู้มา ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ดังนั้นจึงมีคู่แข่งมากมายเพิ่มขึ้นมาด้วย…แม้กระทั่งยังมีจากต่างประเทศเข้าแทรกแซงอีก”
“ดังนั้นหากอยากจะเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่มและคว้าชัยชนะ นั่นเป็นความยากระดับสูงมากเลยล่ะ” จางเป่าเฉิงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ต่อให้เป็นเขาก็ยังไม่มีความมั่นใจมากเกินไป
“เพราะแต่ละท่านที่เข้าสู่ห้องพนันสุดยอดดาบสามเล่มล้วนเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ของวงการพนันเพชรพลอยทั้งนั้น ถึงแม้ประสบการณ์ฝีมือไร้เทียมทานแค่ไหน ท้ายที่สุดการพนันเพชรพลอยยังต้องพึ่งคำว่าพนันอยู่ดี ไม่มีโชคก็เหมือนไม่มีทางคว้าชัยได้” จางเป่าเฉิงอธิบาย อวี้ย้งเซวียนของตระกูลพนันเพชรพลอยท่านนั้นสายตาหลักแหลม ความสามารถในการพนันเพชรพลอยเหนือชั้น ยิ่งไปกว่านั้นอายุยังน้อย ศักยภาพที่ซ่อนเร้นไร้ขีดจำกัด
หลีชิงเยียนฟังจางเป่าเฉิงแนะนำอยู่ สีหน้าค่อยๆ ดูแย่ขึ้นมาแล้ว เธอถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างโหดเหี้ยมทีหนึ่ง เป็นเพราะเจ้าหมอนี่ พึ่งมาที่งานพนันเพชรพลอยได้นานเท่าไรเอง กลับผิดใจคนไปมากมายขนาดนี้แล้ว
จางเป่าเฉิงถอนหายใจทีหนึ่ง “แม้แต่อวี้ย้งเซวียนยังผิดใจแล้ว เรื่องยุ่งยากของพวกคุณไม่น้อยเลย เขาไม่เหมือนกับภายนอกที่ลักษณะไม่มีความขัดแย้งกับใครแบบนั้น เขาเป็นคนต่ำต้อยที่ใจแคบคิดเล็กคิดน้อย”
“จะกลัวอะไร แต่ละคนที่มาเข้าร่วมที่นี่ก็เป็นคนต่ำต้อยทั้งหมด” เฉินเป่ยเบ้ปาก พูดจาอย่างอันธพาลมาก
“นี่ก็ดึกแล้ว พวกคุณสามารถกลับไปพักผ่อนก่อนได้ พรุ่งนี้ค่อยมาร่วมงานพนันเพชรพลอยอีก งานพนันเพชรพลอยในวันแรก คนมากมายเหลือเกิน บุคคลยิ่งใหญ่มากมายที่ไม่ชอบเปิดเผยตัวตนล้วนยังไม่มากัน” จางเป่าเฉิงยิ้มบอก “มีเพียงวันพรุ่งนี้ ที่งานถึงจะนำหินหยาบชั้นเยี่ยมบางส่วนออกมา สำหรับให้บุคคลยิ่งใหญ่เหล่านั้นแข่งขันพนันกัน”
หลังหลีชิงเยียนนำจางเป่าเฉิงเข้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชา แทบจะสะบัดเฉินเป่ยไปด้านข้างเลย ปฏิบัติตามคำพูดแต่ละประโยคของจางเป่าเฉิงอย่างเต็มที่
ระหว่างทางที่กลับมาโรงแรม ในที่สุดเฉินเป่ยก็ทนไม่ไหวแล้ว เอ่ยปากด้วยใบหน้ากลัดกลุ้ม “แม่งเอ๊ย จางเป่าเฉิงนั่นเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้ารึไง ถึงได้เชื่อฟังเขาขนาดนี้…”
หลีชิงเยียนนั่งอยู่ที่นั่งแถวหลัง ชายหน้ามองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง น้ำเสียงที่เรียบเฉยมีการเสียดสีลอยเข้าในหูของเฉินเป่ย “คนอื่นเขาเป็นหัวหน้าสมาคมของสมาคมประเมินราคากับการพนันเพชรพลอย นายเป็นใครกัน?”
หลังเฉินเป่ยถูกหลีชิงเยียนมองค้อนอย่างแรง ก็หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน แต่ยังพูดพึมพำ “หัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยแล้วยังไงกัน ตอนนั้นยังโดนฉันขยี้จนแพ้ราบคาบไปกับมือเลย”
“นายว่าอะไรนะ?” หลีชิงเยียนฟังประโยคด้านหลังไม่ชัดเท่าไร ยักคิ้วขึ้น
“ไม่มีอะไร” เฉินเป่ยยิ้มตอบแบบเอาใจ “ยินดีกับประธานหลีด้วยที่ได้รุ่นใหญ่ท่านหนึ่งมา”
ซูเหลยซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ขับรถยนต์ที่ยืมมาจากบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสาขาของเยี่ยนจิงอยู่ มองท่าทางของหลีชิงเยียนที่โมโหเฉินเป่ยอยู่แถวหลัง มุมปากฉีกรอยยิ้มขึ้น ก่อนจะขับรถยนต์ต่อไป
รถยนต์แล่นอยู่บนถนนอย่างเรียบนิ่ง แล่นไปทางโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปด้วยความรวดเร็ว
…………
ส่วนในงานพนันเพชรพลอย ในโซนการพนันระดับสูง จางเป่าเฉิงเดินออกมาจากในห้องพนันแห่งหนึ่ง มองไปรอบด้านทีหนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในโถงทางเดินเส้นหนึ่ง
โถงทางเดินนี้คือเส้นทางนั้นที่เฉินเป่ยพึ่งผ่านไปก่อนหน้านี้ เป็นทางผ่านห้องพนันของสุดยอดดาบสามเล่ม
พอเดินเข้าไปในห้องพนัน จางเป่าเฉิงกวาดตาแวบหนึ่ง ภาพเงาแต่ละคนด้านใน เขาล้วนไม่กล้าเงยหน้าไปมอง เพราะผู้คนที่สามารถพนันเพชรพลอยในนี่ได้ เดิมทีต่างเป็นคนที่ตนเองหาเรื่องไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเป็นหัวหน้าสมาคมก็ไม่มีประโยชน์
ที่เขารู้เพียงหนึ่งเดียวคือบุคคลแต่ละท่านของที่นี่เดินออกไปนั้น แค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้หัวเซี่ยสั่นสะเทือนได้
ส่วนงานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ คาดไม่ถึงจะสามารถดึงดูดหลายท่านมาได้ขนาดนี้……นี่พอจะทำให้เยี่ยนจิงสั่นสะท้านฮือฮาได้เลยทีเดียว
ไม่มีใครรู้สาเหตุที่พวกเขามาพร้อมเพรียงกัน ส่วนจางเป่าเฉิงก็อาศัยว่าตนเองเป็นหัวหน้าสมาคมที่มีอำนาจน้อยนิดนี้ แอบไปรู้มาว่าพวกเขาล้วนมากันเพราะคนหนุ่มท่านนี้
จางเป่าเฉิงเดินมาถึงข้างกายชิงเหนียน พูดเสียงต่ำ “ผมทำตามคำขอของท่านแล้วครับ ไปหาคุณหลีมา รับใช้เธอแล้ว”
ชิงเหนียนพยักหน้าแล้ว น้ำเสียงเรียบนิ่ง “คงไม่ได้ถูกเธอระแวงหรอกมั้ง?”
“เธอสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอไม่ได้ตามต่อ…….” จางเป่าเฉิงพูดอยู่ นิ่งครู่หนึ่ง จากนั้นมองทางชิงเหนียน พูดเสียงต่ำ “ผมมองเห็นข้างกายคุณหลีมีผู้ชายคนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าเขาคุ้นตามาก เหมือนเคยรู้จัก…”
จางเป่าเฉิงไม่ได้พูดต่อไปอีก ส่วนชิงเหนียนหันหน้ามา มองจางเป่าเฉิงอยู่ สีหน้าเปลี่ยนไปหนาวเย็นเคร่งขรึมขึ้นมา “นายไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ นายต้องรู้แค่ว่านายไม่รู้จักเขา……ไม่อย่างนั้นรับผิดชอบผลสุดท้ายเอง”
น้ำเสียงของชิงเหนียนยังคงสงบนิ่ง กลับทำให้จางเป่าเฉิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ไม่กล้าคิดต่อไปอีก
เขาไม่รู้จักคนหนุ่มท่านนี้ แต่ตอนที่เขาถูกพาเข้ามาที่ห้องพนันของสุดยอดดาบสามเล่มแห่งนี้ เขาแอบเข้าใจแล้ว
“ครับ” จางเป่าเฉิงถอยออกจากห้องไป โล่งอกไปทีหนึ่ง
ในห้องพนันของสุดยอดดาบสามเล่มแห่งนั้น ผู้ยิ่งใหญ่มากันมากมาย ส่วนเขาเพียงมาพูดจาด้านใน ก็ได้รับออร่าสยองขวัญที่มาจากผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้……ความกดดันที่ไร้รูปร่างแบบนั้น ทำให้เขายากจะหายใจ
…………
เวลานี้ พลเอกหลี่นั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้ตัวหนึ่ง เขาอยู่ภายในห้องพักที่งานพนันเพชรพลอยซึ่งออกแบบมาให้ผู้มีอำนาจพักผ่อนเป็นพิเศษ
เขาก้มหน้ามองแขนขวา ทั้งแขนขวาของเขาเกือบพังแล้ว
แม้มาถึงตอนนี้ แขนขวายังสั่นเทา เหน็บชา
ความล้ำลึกในแววตาของพลเอกหลี่ถูกแทนที่โดยฉับพลัน เขามองแขนขวาอยู่…ทั้งใบหน้าเหลือเพียงความไม่อยากเชื่อ
“คุณผู้ชายครับ นำน้ำแข็งที่ท่านต้องการมาให้ท่านแล้วครับ” ประตูถูกเคาะขึ้น พนักงานบริการเดินเข้ามา ด้านหลังของพนักงานบริการ มีชายกำยำสองคนยกถังน้ำแข็งขนาดใหญ่มาตามมาด้วย
“วางไว้ตรงนั้น” พลเอกหลี่กัดฟัน สีหน้าอัปลักษณ์ ราวกับกำลังฝืนกลั้นความเจ็บปวดมหาศาลบางอย่างไว้
วางถังน้ำแข็งลง หลังพนักงานบริการออกไป พลเอกหลี่ก็วางแขนขวาเข้าไปในถังซึ่งเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ความหนาวเหน็บที่เสียดกระดูกนี่ถึงทำให้เขาค่อยๆ ถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง
แววตาของเขามีความล้ำลึกแวบผ่าน ผ่านไปตั้งนาน ถึงค่อยๆ สงบลงมา
เมื่อสักครู่เป็นการต่อสู้ที่ล่อแหลมอันตรายที่สุดในชีวิตของเขา
ตอนเขานึกถึงสวะที่เกาะผู้หญิงกินที่โดนเขาถากถางคนนั้น ในใจยังคงสั่นเทา หวาดกลัวอย่างควบคุมไม่อยู่
เขาแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร…แขนขวาของตนเองเกือบจะเสียหาย