สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 311

ตอนที่ 311

บทที่311 แค่ขอโทษก็คิดว่าจบแบบนี้เหรอ?

บนโซฟา ชิงเหนียนจ้องหินหยาบก้อนนี้แน่น สีหน้าดูไม่ชัดเจนยากจะคาดเดา

ผ่านไปนานมาก ชิงเหนียนถึงถอนหายใจออกอย่างหนักอึ้งทีหนึ่ง มองทางเฉินเป่ย ถามว่า “ลูกพี่ หินก้อนนี้ ยังมีบุคคลที่สามรู้รึเปล่า?”

น้ำเสียงของเฉินเป่ยเผยความสงบนิ่ง “มีสองสามคน แต่พวกเขาล้วนไม่รู้ว่าด้านในคืออะไร”

ชิงเหนียนสีหน้าดูแย่ “สิ่งของต้องห้าม…คาดไม่ถึงจะปรากฏขึ้นมาที่หัวเซี่ยอีกครั้ง ถ้าเปิดโปงออกไป ผลลัพธ์อันตรายอย่างยิ่ง”

เฉินเป่ยมองหินหยาบก้อนนี้อยู่ แววตาล้ำลึกแบบไร้ขอบเขต พูดช้าๆ “ถ้าถูกผู้มีอิทธิพลอื่นรู้เข้า ไม่เพียงในพื้นที่หัวเซี่ย ผู้มีอิทธิพลโบราณของต่างประเทศเหล่านั้นคงจะแทรกมือเข้ามาอย่างไม่สนใจอะไรทุกอย่าง…นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องยุ่งยากที่สุด……”

“ลูกพี่ ทำยังไงดี?” ชิงเหนียนมองทางเฉินเป่ย “ตอนนั้นมีออกมาแค่ก้อนเล็ก ก็ทำให้เกิดการสังหารนองเลือดโหดร้ายที่หัวเซี่ยขึ้น…ถ้าปริมาณใหญ่ขนาดนี้ เดาว่าคงทำให้ผู้มีอิทธิพลมือที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกำลังเคลื่อนไหวเตรียมก่อการร้าย แม้กระทั่งอาจจะลงมือด้วยตัวเอง”

ชิงเหนียนที่มองโลกในแง่ดีเรียบเฉยมาแต่ไหนแต่ไร หลังเห็นหินหยาบก้อนนี้เข้า ดูกระวนกระวายใจแบบยากจะพบเจอ เพราะราคาของของชิ้นนี้……พอจะทำให้ผู้มีอิทธิพลตระกูลชั้นนำนับไม่ถ้วนคลุ้มคลั่งได้

“ดูกันไปทีละขั้นแล้วกัน เส้นทางขนส่งครั้งนี้ต้องระวังเข้มงวดขึ้น มีเพียงฐานทัพถึงสามารถรักษาความปลอดภัยของมันได้” เฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ พ่นควันบุหรี่เป็นวงออกมา ก่อนจะพูดขึ้น

“ครับ!”

“ใช้บริษัทยาชีวภาพเป็นที่คุ้มกัน ฉันไม่ได้ไปหาประธานคนหนึ่งมาแล้วเหรอ สามารถให้เขาแสดงผลงานได้แล้ว” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ

“งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ มีของแบบนี้ออกมาได้….มักมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างสินะ” ชิงเหนียนท่าทางกลัดกลุ้ม เขามีสัญชาตญาณบางอย่าง งานพนันเพชรพลอยในครั้งนี้คงไม่ธรรมดาขนาดนั้น

“ครั้งนี้ที่สามารถดึงดูดบุคคลยิ่งใหญ่มากมายขนาดนั้นมาได้…นายคิดว่าเป็นเพราะอะไร เรื่องนี้ไม่ธรรมดาขนาดนั้นแน่นอน…….เยี่ยนจิง นับวันยิ่งยุ่งเหยิงแล้ว” เฉินเป่ยเดินไปที่ริมหน้าต่าง ในแววตามีความล้ำลึกที่ก่อหวอดนั้น ยิ่งซับซ้อนขึ้น……

“เยี่ยนจิงเป็นใจกลางของหัวเซี่ย…ถ้าเยี่ยนจิงวุ่น นั่นไม่ใช่ว่าโลกก็ต้องวุ่นวายเหรอ?” ชิงเหนียนสยองขวัญ พูดๆ อยู่ก็ไม่พูดต่อไปอีกแล้ว เขาชาหนังศีรษะ เสียวสันหลังวาบ

เฉินเป่ยไม่พูด เพียงแต่สีหน้ายิ่งลึกล้ำซับซ้อน…ก่อนหน้านี้หลายปี ก็เป็นเพราะสิ่งของต้องห้ามชิ้นหนึ่ง….กระตุ้นให้เยี่ยนจิงเกิดการสังหารที่โหดเหี้ยมทารุณรอบหนึ่ง…….ครั้งนั้นเกิดภูเขาศพทะเลเลือดที่ไร้ขอบเขต เลือดไหลอาบนอง…ไม่รู้ว่าคนมากมายแค่ไหนต้องสังเวยชีวิตให้หายนะไม่สงบรอบนั้น……เยี่ยนจิงที่สงบสุขมาแต่ไหนแต่ไรเกิดการสั่นสะเทือนที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์แล้ว

และเวลานี้ ภาพเหตุการณ์ที่คล้ายกันมากปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้…ยังจะเกิดโศกนาฏกรรมของเยี่ยนจิงแบบในอดีตอีกเหรอ?

“ไม่หรอก ทุกวันนี้ไม่เหมือนอดีต…ฉันจะไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นอีก” เฉินเป่ยค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออก แววตาสาดส่องความหมายแน่วแน่ออกมา

…………

หลังหลีชิงเยียนและจางเป่าเฉิงเดินเข้าโซนการพนันระดับสูง หาห้องพนันสักห้องแล้วเดินเข้าไป

หลังหลีชิงเยียนส่งเลขของห้องพนันไปให้เฉินเป่ย จนถึงสุดท้ายก็ยังไม่เห็นเฉินเป่ยเข้ามา

“เจ้าหมอนี่ แค่ทิ้งหินหยาบก้อนเดียว ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามา……” หลีชิงเยียนบ่นกับตนเอง

จางเป่าเฉิงที่อยู่ด้านข้างได้ยินหลีชิงเยียนบ่น หันหน้ามองทางหลีชิงเยียน พลางยิ้มบอก “ประธานหลีครับ ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก และจะไม่เกิดเรื่องอะไรด้วย มีผมอยู่การพนันเพชรพลอยจะไม่เป็นปัญหาครับ”

หลีชิงเยียนได้ยินจางเป่าเฉิงพูดแบบนี้ ถึงพยักหน้า วางใจอยู่บ้าง

จนกระทั่งประมูลหินหยาบไปได้สามสี่ก้อน เฉินเป่ยถึงมาแบบเอ้อระเหยลอยชาย

“เมื่อกี้นายไปทำอะไรมา ถึงเข้ามาสายขนาดนี้?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วสอบถาม

เฉินเป่ยหัวเราะหึๆ “ผมเอาก้อนหินนั้นไปฝังแล้ว”

หลีชิงเยียนได้ยินเฉินเป่ยพูดคำนี้ ชั่วขณะนั้นมึนงงไปแล้ว ใบหน้าอึ้งค้าง สักพักหนึ่งตอบสนองเข้ามา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว พูดอย่างเหนื่อยใจ “ของเสียก้อนหนึ่งเท่านั้นเอง ฝังทำอะไรกัน บ้าบอ”

หลีชิงเยียนมองค้อนเฉินเป่ย และไม่ได้สนใจเฉินเป่ยอีก หันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง

เฉินเป่ยสีหน้ากระอักกระอ่วน ส่วนจางเป่าเฉิงเพียงแค่กวาดตามองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง สายตาเหยียดหยามดูถูก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นเฉินเป่ยอยู่ในสายตา

ตอนที่ประมูลได้มาครึ่งทาง ทันใดนั้นหน้าประตูห้องพนันมีภาพเงาคนหนึ่งก้าวเท้าเข้ามาจากด้านนอก

คนคนนั้นเอามือทั้งคู่ไพล่หลัง เดินเข้าห้องพนัน ถึงแม้จะมีสายตามากมายตกอยู่บนตัวของเขา ทว่ายังคงเดินเหมือนอยู่ในสวนหย่อม ท่วงทีเรียบนิ่งเพลิดเพลิน

เพียงแต่ตอนที่เขามองเห็นเฉินเป่ยและหลีชิงเยียน ความดุร้ายในแววตาไม่มีทางปิดซ่อนได้แวบผ่าน

“อวี้ย้งเซวียน” หลังหลีชิงเยียนมองเห็นอวี้ย้งเซวียน ใบหน้างดงามเปลี่ยนสีเล็กน้อย เธอไม่มีทางสงบได้เช่นกัน

“เขามาได้ยังไงกัน?” จางเป่าเฉิงตกใจอยู่บ้าง โซนพนันระดับสูงมีห้องพนันมากขนาดนั้น อวี้ย้งเซวียนดันเดินเข้าห้องนี้ของพวกเขา…….ในใจหลายคนเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น

“มาแบบไม่เป็นมิตร” เฉินเป่ยค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออก ถึงแม้สีหน้ายังคงสงบนิ่ง แต่ยิ่งลึกยากหยั่งถึง

“พวกเราไปกันเถอะ” หลีชิงเยียนเอ่ยปาก ตระกูลอวี้ขนาดใหญ่โต พวกเขาหลบเลี่ยงการปะทะน่าจะดีกว่า

“ไป หนีไปรอดเหรอ?” เฉินเป่ยยกมุมปากเล็กน้อย หลังอวี้ย้งเซวียนเดินเข้ามา สายตาล็อกพวกเขาเอาไว้แล้ว

“งั้นทำยังไงดี?” หลีชิงเยียนใบหน้าอึมครึม

“วางใจได้ มีผมอยู่ จะไม่มีเรื่องอะไร” ฝ่ามือใหญ่ที่กว้างหนาหยาบกระด้างข้างหนึ่งกุมมือเรียวขาวเนียนของหลีชิงเยียนไว้เบาๆ เสียงที่เรียบง่ายมีพลังทุ้มต่ำของเฉินเป่ย เผยความสงบที่ทำให้หลีชิงเยียนสบายใจ

หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยแบบแปลกประหลาด ถึงตอนนี้เธอจะยังไม่เข้าใจอยู่บ้าง เจ้าหมอนี่ ทำไมแต่ละรอบที่ถึงช่วงแบบนี้ คาดไม่ถึงจะเรียบเฉยได้ขนาดนี้ นี่เอาความมั่นใจมาจากที่ไหน?

เขาเอาความมั่นใจจากไหนมาจัดการอวี้ย้งเซวียน? จางเป่าเฉิงยังไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น

ในห้องพนัน แขกผู้มีเกียรติแต่ละคนหลังเห็นอวี้ย้งเซวียนเข้า ชั่วขณะนั้นเกิดความวุ่นวายขึ้นนิดหน่อย

ในวงการพนันเพชรพลอย ใครบ้างไม่รู้จักครอบครัวพนันเพชรพลอยตระกูลอวี้? นึกไม่ถึงว่าวันนี้ผู้สืบทอดตระกูลอวี้จะปรากฏตัวที่นี่ จะไม่ให้พวกเขาตกใจได้อย่างไร?

หลังอวี้ย้งเซวียนเดินเข้าห้องพนัน ด้านหลังยังมีหลายคนตามมา จางเป่าเฉิงกวาดตามองแวบหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่หดลงอย่างแรง สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่

“จบเห่แล้ว” จางเป่าเฉิงสีหน้าซีดขาวฉับพลัน

“มีอะไรเหรอคะ?” หลีชิงเยียนหัวใจสั่น ถามขึ้น

จางเป่าเฉิงสีหน้าประหลาดใจและสงสัย “ผู้อาวุโสที่ตามมาด้านหลังอวี้ย้งเซวียนเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยของหัวเซี่ยรุ่นที่แล้ว…ถือว่าเป็นอาจารย์ของผม หลังเขาเกษียณอายุก็ไม่รู้ข่าวคราว……นึกไม่ถึงว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งคาดไม่ถึงว่าอวี้ย้งเซวียนจะเชิญเขาออกมาได้!”

“อาจารย์ของคุณ…งั้นเขาอายุเท่าไรกัน เป็นไปได้ยังไง?” จิตใจหลีชิงเยียนสั่นไหว…หัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยของหัวเซี่ยรุ่นที่แล้ว นี่ช่างเหลือเชื่อที่ได้ยินเลย

“ตอนแรกผมก็ไม่อยากเชื่อ แต่ผมจะจำอาจารย์ของผมผิดได้ยังไงกัน……” จางเป่าเฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น หลีชิงเยียนมองผู้อาวุโสคนนั้นที่อยู่ด้านหลังอวี้ย้งเซวียน ลักษณะแก่หง่อม มองไปแวบหนึ่ง มองเห็นเพียงรูปร่างที่ผอมแห้ง เหมือนหนังหุ้มกระดูก ผิวหนังแปะบนกระดูก เหมือนโครงกระดูกที่ห่อผิวหนังเอาไว้

แววตาของผู้อาวุโสหนังหุ้มกระดูกคนนั้นมืดมัว ไม่มีแสงเปล่งประกายสักนิด ไร้ชีวิตชีวา เหมือนพลังชีวิตใกล้หายลับหมดไป ไฟของชีวิตแทบจะมอดดับได้ทุกเวลา

“อวี้ย้งเซวียนคนเดียวย่อมมีความมั่นใจ…แต่อาจารย์ของผม……” จางเป่าเฉิงถอนใจ รอยยิ้มมีความขมขื่น

“หลีชิงเยียน นึกไม่ถึงจะเจอกันที่นี่อีกแล้ว” ทันใดนั้นอวี้ย้งเซวียนเดินตรงดิ่งมาทางหลีชิงเยียน

ดวงตาหลีชิงเยียนเผยการระวังขึ้นฉับพลัน ยกมุมปาก ยิ้มตอบ “คุณชายอวี้ บังเอิญจริงๆ เลย คาดไม่ถึงเจอกันอีกแล้ว”

“ใช่ ดูแล้วพวกเรามีวาสนาต่อกันจริงๆ เลย เมื่อวานหินหยาบที่แพ้ให้พวกคุณเป็นยังไงบ้างแล้ว?” อวี้ย้งเซวียนยิ้มอย่างเรียบเฉย แต่กลับทำให้ในใจหลีชิงเยียนหนาวเหน็บ

“ขอโทษที ล้วนเป็นของเสีย” ตอนที่ในใจหลีชิงเยียนประหม่าอย่างยิ่ง ทันใดนั้นเสียงที่อันธพาลแบบหาที่สุดมิได้ก็ลอยมาจากด้านข้าง

เห็นเพียงเฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้างเบ้ปากแล้ว น้ำเสียงนั้นเหมือนว่าเหยียดหยาม

อวี้ย้งเซวียนกวาดตามองเฉินเป่ยนิ่งๆ สายตากวาดผ่านบนตัวเขา ราวกับพาดผ่านสิ่งกีดขวางไป เพิกเฉยต่อเฉินเป่ยโดยตรง

เหมือนเห็นเฉินเป่ยเป็นธาตุอากาศ

เฉินเป่ยสีหน้าสงบ ในปากเขาคาบบุหรี่ไว้ หรี่ดวงตาสังเกตอวี้ย้งเซวียน ท่าทางอันธพาลเล่นแง่

“อาจจะเป็นแสงไฟห้องพนันมืดเกิน คุณชายอวี้เลยมองพลาดไป หลังจากหนึ่งก้อนในนั้นตัดออกมา ก็เป็นของเสียจริงครับ” จางเป่าเฉิงหัวเราะหึๆ เขาไม่กล้าผิดใจอวี้ย้งเซวียนสักนิด

สีหน้าอวี้ย้งเซวียนสงบ แต่ในใจกลับสั่นเทา……หินหยาบที่ตนเองจ่ายเงินประมูลมาหลายล้าน คาดไม่ถึงจะเป็นของเสีย?

“อีกก้อนหนึ่งไม่ต้องตัดแล้ว เป็นของเสียเหมือนกัน ฉันฝังไปแล้ว” เฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้างเสริมอีกประโยคหนึ่ง

หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรง แสดงความโกรธเคืองนิดๆ ……เจ้าคนเลวนี้ อีกก้อนยังไม่ตัดก็ฝังแล้ว?

อวี้ย้งเซวียนหันหน้า มองทางเฉินเป่ย เสียงเผยความลุ่มลึกที่พูดไม่ถูก น้ำเสียงเต็มไปด้วยการกดขี่ ค่อยๆ ถามว่า “หินหยาบก้อนนั้นของฉัน นายยังไม่ได้ตัดก็เอาไปฝั่งแล้ว?”

“เพ้อเจ้อ หินหยาบที่นายประมูลมาจะมีของดีอะไรได้ หินก้อนที่สองก็พอๆ กับก้อนแรก ล้วนเป็นของเสีย” เฉินเป่ยเอ่ยปากอย่างกำเริบเสิบสาน ชั่วขณะนั้นทำให้ในห้องพนันเงียบงัน

ดูถูกอย่างโจ่งแจ้ง นี่คือเฉินเป่ยกำลังเยาะเย้ยความสามารถการพนันเพชรพลอยของอวี้ย้งเซวียน นี่เดิมทีไม่เห็นตระกูลอวี้อยู่ในสายตาเลยเหรอ

ตระกูลอวี้เป็นตระกูลการพนันเพชรพลอย อวี้ย้งเซวียนในฐานะลูกหลานของตระกูลพนันการเพชรพลอย พรสวรรค์ในด้านพนันเพชรพลอยที่ทำให้รุ่นเดียวกันเทียบไม่ติด…….ผลปรากฏว่าเฉินเป่ยกล้าดำเนินการโจมตีด้านที่ภาคภูมิใจที่สุดของอวี้ย้งเซวียน? นี่ไม่ใช่กำลังวอนหาที่ตายเหรอ?

ในห้องพนัน แขกผู้มีเกียรติมากมายสีหน้าเปลี่ยน มองทางเฉินเป่ย สายตามีการเย้ยหยัน

หัวเราะเยาะลูกหลานของตระกูลอวี้? มีเพียงคนโง่ถึงทำกันขนาดนี้

ในใจหลีชิงเยียนเต้นตึกตัก ใบหน้าตื่นตระหนก…….จบแล้ว

สีหน้าอวี้ย้งเซวียนแข็งทื่อครู่หนึ่ง ก้าวเท้าออกมา มองทางเฉินเป่ย “นายถือว่าเป็นใครกัน ที่ฉันประมูลเป็นของเสีย แล้วที่นายประมูลไปล่ะ กลัวว่าแม้แต่ของเสียยังสู้ไม่ได้”

เฉินเป่ยกำลังอยากพูดอะไร หลีชิงเยียนก็ต่อว่ามากะทันหัน “หุบปาก ใครให้นายต่อปากกับคุณชายอวี้กัน?”

เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนแวบหนึ่ง หลีชิงเยียนยืนอยู่ตรงหน้าของเฉินเป่ย ขวางอวี้ย้งเซวียนไว้ พูดแบบยิ้มเข้าสู้ “คุณชายอวี้ ลูกน้องของฉันไม่รู้ภาษา……หวังว่าคุณผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ถือสาผู้น้อย อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลยค่ะ”

อวี้ย้งเซวียนมองทางหลีชิงเยียน พูดเสียดสี “เมื่อวานไม่รู้ภาษาต่อปากกับฉัน วันนี้ยังมาวอนหาที่ตาย? คุณหลี เรื่องนี้แค่ขอโทษคิดว่าจะช่างมันไปแบบนี้ได้เหรอ?”

ในใจหลีชิงเยียนหน่วง ดวงตางดงามใสแจ๋วทั้งคู่มองทางอวี้ย้งเซวียนและผู้อาวุโสที่หนังหุ้มกระดูกคนนั้นที่อยู่ด้านหลัง เธอเป็นคนฉลาดหลักแหลม ทันใดนั้นตอบสนองเข้ามา…อวี้ย้งเซวียน เดิมทีจะมาหาเรื่องกัน

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท