สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 318

ตอนที่ 318

บทที่ 318 เจ้าแม่เทพธิดาไลฟ์สด!

“พรวด!”

อวี้ย้งเซวียนกระอักเลือดสดๆ ออกมาจากปาก บนพื้นพรมมีแต่รอยเลือดสดๆ เลือดสดกลิ่นคาวคลุ้งไหลเปรอะเปื้อนเสื้อ หยดมาโดนเสื้อลำลองตัวยาวสีขาวที่ตัดเย็บอย่างวิจิตรหรูหราชุดนั้น จนกลายเป็นชุดสีแดงสดไปแทน!

ดวงตาของอวี้ย้งเซวียนแสดงอาการไม่พอใจอย่างแรงกล้า!

เขาไม่ยอม! เขาไม่ยินดีด้วย! ถึงยังไงเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องมันจะพลิกแพลงจนเกิดเรื่องเช่นนี้ ขึ้นได้!

ราวกับสวรรค์จงใจเล่นตลกกับเขาอยู่!

“จิง…คือใครเหรอ?” หลีชิงเยียนมองมาที่ซูเหลย ถึงแม้ว่าเธอเองจะเป็นคนเยี่ยนจิงก็ตาม ทว่าในทางความหมายยังไม่นับ อย่างมากสุดก็ถือว่าเป็นคนเยี่ยนจิงอยู่ครึ่งหนึ่ง อีกอย่างแม้ว่าตำแหน่งของเธอจะเป็นประธานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ยังห่างไกลวงการบุคคลสำคัญไปอีกขั้น ดังนั้นย่อมไม่เข้าใจในสถานะของจิงอยู่แล้ว

ส่วนซูเหลยนั้นได้แต่ส่ายหน้าไปมา…แม้ว่าเธอเองก็เติบโตมาจากหน่วยลับพิเศษ แต่ตำแหน่งของเธอก็แค่ทหารชั้นประทวนธรรมดา…ทำงานเพื่อภารกิจยอมตายในหน้าที่ ดังนั้นเคยได้ยินชื่อนี้ติดหูมาจากไหนก็ไม่อาจทราบได้ แต่ว่าก็จำอะไรไม่ได้ชัดเจนถนัดความอะไรมากนัก

พวกเธอเองไม่ได้หันไปมองเฉินเป่ย เลยไม่ได้เห็นว่า เฉินเป่ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้น ตอนที่ได้ยินชื่อสมญานามว่าจิงนั้น…ท่าทางดูสับสนและแสดงความความหมายลึกซึ้งบางอย่างจนไม่อาจจะบิดบังเอาไว้ได้

ไม่มีคนสัมผัสได้ถึงดวงตาของเฉินเป่ยที่กำลังมีความสับสนปรากฏขึ้น…ความทรงจำในอดีตปรากฏภาพอยู่ตรงหน้าของเฉินเป่ยในเวลานี้…..

ความวุ่นวายเมื่อหลายปีก่อนของเยี่ยนจิง ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับจิง….ปรากฏอยู่ในหัวสมองของเฉินเป่ย ชัดเจนมาก! ชัดเจนจนไม่อาจลืมเลือนไปได้!

“เป็นยังไง อยากไปเจอเขาไหมล่ะ?” สีหน้าของลูกน้องคนนั้นเย็นเฉียบ พร้อมทั้งส่งเสียงฮึมฮัมในคอ “กล้าไม่เคารพเจ้านายของฉัน แกก็รนหาที่ตายชัดๆ”

“ไม่ ไม่กล้า…ผู้น้อยไม่กล้าอาจเอื้อมที่จะไม่ให้ความเคารพกับเจ้านายได้อย่างไรเล่า… มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง…แค่เรื่องเข้าใจผิด!” อวี้ย้งเซวียนตัวสั่นสะท้าน พร้อมทั้งรีบกุลีกุจออธิบายจนหน้าซีดเผือด

“ไม่กล้า แต่เมื่อครู่ฉันเหมือนว่าจะมีใครบางคนแสดงท่าทางหยิ่งผยองมากอยู่นะ” เฉินเป่ยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สีหน้าซีดเล็กน้อย

อวี้ย้งเซวียนมองมาทางเฉินเป่ยอยู่แวบหนึ่ง จนแสดงให้เห็นแววตาโกรธเคืองออกมาด้วย…เขาเกลียดมัน …เกลียดไอ้เฉินเป่ยคนนี้ เกลียดจนอยากจะสับมันเป็นชิ้นๆ แล้วสาวไส้ให้กากิน!

ทว่าในเวลานี้ เขาทำได้เพียงคุกเข่าขอร้องได้เท่านั้น ทายาทตระกูลอวี้ เจ้าพ่อการพันเพชรพลอยขี้หมาอะไร ในสายตาของจิงนั้น…ก็แค่ควันบุหรี่เท่านั้นเอง!

ตำแหน่งของบุคคลสำคัญเช่นนั้น จะมาสนใจไยดีกับตระกูลบ้านๆ อย่างนี้เหรอ?

อวี้ย้งเซวียนเหงื่อแตกพลั่กดั่งห่าฝน ขาสองข้างสั่นสะท้านจนอ่อนแรง พลันเกิดเสียงดังพลั่ก ก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นไปซะแล้ว

ตระกูลอวี้เป็นตระกูลมหาอำนาจในด้านการพนันเพชรพลอยนั่นเรื่องในตระกูลอวี้ แต่ว่า….ก็เป็นเพียงทายาทรุ่นหลังตัวเล็กๆ เท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้มากความสามารถก็ตาม” แต่ก็เป็นเพียงบุคคลในสังคมสามัญชนคนทั่วไปเท่านั้นเอง

ส่วนจิงนั้น…เป็นตำนานเล่าสืบทอดกันมา ว่าเป็นเจ้าของเมืองเยี่ยนจิง…ถึงแม้ว่าเอาตระกูลอวี้มาร้อยกว่าครอบครัวก็ตาม ก็ไม่อาจมองได้!

การยั่วยุจิงนั้น…โทษความผิดมหันต์ ย่อมส่งผลกระทบไปถึงคนในตระกูลด้วย

ถึงแม้ว่าอวี้ย้งเซวียนประสบพบเจอในสถานการณ์ใหญ่ๆ มากมายแล้วก็ตาม จนผ่านประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมากมายมากนับครั้งไม่ถ้วน ทว่ายังไม่เคยพบเจอกับบุคคลที่มีอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้าเช่นจิงแบบนี้มาก่อนเลย?

นี่มันช่างเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ รนหาที่ตายชัดๆ!

“ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่เคยไม่รู้ที่ต่ำที่สูง….เจ้านายท่านนี้ ขอร้องท่านอย่าได้ใส่ใจเลย ข้าน้อยพูดปากเปราะ ต่อไปข้าน้อย จะไม่กล้าอาจเอื้อมอีกแล้ว!”

อวี้ย้งเซวียนกัดฟัน จากนั้นก็เสียงดัง “ตึง ตึง ตึง” ตามมา นั่นเป็นเสียงที่เขาโขกหัวกับพื้นอย่างแรง!

ส่วนกลุ่มคนที่เขาพามาด้วยนั้น ตามคุกเข่าตาม พร้อมทั้งโขกหัวคำนับร้องขอชีวิตกันอย่างพร้อมเพรียงอย่างไม่หยุด

ส่วนลูกน้องคนนั้นได้แต่เงียบขรึมไม่พูดไม่จา จากนั้นสักพัก ถึงได้เงยหน้าขึ้น พลันกวาดตามองทุกคนอยู่แวบหนึ่ง

อวี้ย้งเซวียนโขกหัวจนหัวแตกเลือดไหล เลือดสดไหลจากหน้าผาก เลือดไหลนองเต็มใบหน้าจนมีแต่รอยเลือด เสียงจังหวะการโขกหัวนั้น ช่างทรมานน่าสงสารจนไม่สามารถทนดูได้ไหว!

เขาไม่ได้มีท่าทางหล่อเหลาของเขาก่อนหน้านี้ เขาในเวลานี้ ท่าทางการร้องขอ ช่างน่าสงสารเป็นอย่างมาก

“ไสหัวไปซะ” ลูกน้องของจิงตะคอกใส่ อวี้ย้งเซวียนถึงยอมหยุดโขกหัว พลันมีคนสองคนพุ่งเข้ามาหา พร้อมทั้งประคองอวี้ย้งเซวียน เพื่อให้อวี้ย้งเซวียนออกไปยังบ่อนพนัน

เวลาตามมาติดๆ กลุ่มคนเหล่านั้นก็เดินออกไปอย่างเร่งรีบ ภายในบ่อนนั้น ยังมีบุคคลสำคัญอีกกลุ่มหนึ่ง สีหน้าตกตะลึง พร้อมทั้งอาการตกใจอย่างเต็มเปี่ยม

เวลานี้พวกเขายังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้

หลังจากลูกน้องของจิงกวาดตามองแล้ว ท่าทางสีหน้าอันสงบเสงี่ยมของเขามุ่งหน้าเดินไปยังประตูของบ่อน เพื่อต้องการออกไปจากที่นี่

“คุณผู้ชายท่านนี้ รบกวนหยุดก่อน” เวลานั้นเอง หลีชิงเยียนรีบสาวเท้าวิ่งตามให้ทั้งๆ ที่ใส่รองเท้าส้นสูงอยู่ พร้อมทั้งเสียงเรียกดังจนเสียงดังชัดเจน

ลูกน้องท่านนั้นหยุดเท้าลง พลางหันมามองหลีชิงเยียนที่วิ่งตามมา

“ขอบพระคุณท่านที่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้จริงๆ หากไม่มีท่านแล้วพวกเราคงตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย…ถ้าเป็นไปได้ ดิฉันขอเลี้ยงข้าวท่านสักมื้อเพื่อเป็นการตอบแทนจากใจจริงของดิฉัน” มือเรียวดั่งหยกของหลีชิงเยียนยื่นนามบัตรให้

ลูกน้องคนคนนั้นแค่กวาดตามองอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็ผลักนามบัตรกลับไป “ฉันก็แค่ทำงานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้นเอง ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรเลย”

พูดจบ เขาไม่ได้เก็บนามบัตรเอาไว้ พลันเดินออกไปจากบ่อนอย่างดื้อๆ

รอจนที่หลีชิงเยียนตามออกมานอกบ่อนแล้วนั้น ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาแล้ว

หลีชิงเยียนกลับเข้าไปด้านในบ่อน ก็เห็นว่าเฉินเป่ยยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายอกสบายใจ รอจนเดินเข้ามาใกล้แล้ว หลีชิงเยียนจึงได้ยินเสียงกรนดังออกจากจมูกของร่างกายอีตาหมอนี่

ใบหน้าสวยของหลีชิงเยียนถึงกับเย็นชาใส่ อีตาหมอนี่ ทั้งๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ท่ามกลางบรรยากาศนี้ ยังกล้ามานอนหลับได้อีก?!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ หลีชิงเยียนโมโหจนใช้เท้าเตะไปตรงเป้าเฉินเป่ยอย่างรุนแรง!

“โอ๊ย!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านในบ่อน เฉินเป่ยตกใจตื่นทันที จิตใต้สำนึกพลันของเขานั้นหนีบเจ้าของเท้าหลีชิงเยียนเอาไว้ใต้หว่างขา จนท่อนครึ่งล่างสั่นเทาอย่างรุนแรง!

ความเจ็บปวดของกล่องดวงใจทำให้ใบหน้าของเฉินเป่ยนั้นบูดเบี้ยวออกมา…เมื่อเขาลืมตาขึ้น ใบหน้าสวยวิจิตรแสนงดงามก็อยู่ในกระบอกตาเขา

ใบหน้าสวยวิจิตรนั่น ยังมีอารมณ์โกรธอีกด้วย แถมดวงตาที่เย็นเฉียบจ้องมองเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ!

“เหี้ย!” เฉินเป่ยควบคุมไว้นั้น จนต้องผรุสวาทออกมา เขามองมาทางหลีชิงเยียน พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าปอด!

เมื่อเขาเห็นว่าเป็นหลีชิงเยียนแล้ว ย่อมรู้ตัวว่าใครเป็นคนทำ…เตะเป้าเรื่องพวกนี้ นอกจากท่านประธานคนสวยที่ลงมืออย่างดุเดือดเผ็ดร้อนแล้ว ใครจะกล้าทำได้อีก?

ท่าทางการแสดงอาการเจ็บปวดทรมานจนตัวงอผ่านไปสักพัก อาการถึงได้ดีขึ้น ส่วนหลีชิงเยียนนั้น จ้องมองเขาอย่างเลือดเย็น นัยน์ตางดงามจ้องตาเขม็ง “กางขอออก!”

หลีชิงเยียนพูดไป ใบหน้าเรียวงามก็ยังหน้าแดงระเรื่อ เป็นปื้นราวกับช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง เธอไม่คิดเลยว่า แค่เตะทีเดียว เฉินเป่ยจะหนีบขาเธอซะแน่นขนาดนี้

ใบหน้าของเฉินเป่ยแสดงอาการความหวังดีให้ พร้อมทั้งยิ้มให้พลางกล่าวขึ้นว่า “ท่านประธานหลี คุยกันดีๆ ก็ได้นี่..คุณเตะผมจนของผมใช้การไม่ได้ งั้นความสุขของคุณกับชีวิตที่เหลือก็ไม่มีแล้วนะสิ”

“คุณนี่มัน!” หลีชิงเยียนถลึงตาโตใส่ คำพูดของเฉินเป่ย พูดซะเธอทั้งอายทั้งโกรธเลยทีเดียว!

“หุบปากไปเลย!” หลีชิงเยียนตะคอกใส่อย่างเก้อเขิน ใบหน้าเรียวงามวิจิตร จนแดงแจ๋!

“ท่านประธานหลี ผมยอมปล่อยเท้าคุณก็ได้ แต่ว่าคุณต้องรับปากผมว่าปล่อยเท้าของคุณแล้วจะไม่แตะซ้ำอีก” เฉินเป่ยเอ่ยปากถามด้วยอาการยังคงหวาดกลัวว่าจะเกิดเรื่องซ้ำสอง

“ฉันรับปาก คุณรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี่!” หลีชิงเยียนส่งเสียงเร่งเร้าอย่างหมดอารมณ์

ทว่าเมื่อเฉินเป่ยวางใจจนยอมปล่อยขาออกมาแล้ว หลีชิงเยียนก็ยกเท้างาม พลันกระแทกส้นรองเท้าส้นสูงอันงดงามลง แถมส้นเท้าแหลมเรียว แล้วเหยียบลงบนเท้าของเฉินเป่ยอย่างรุนแรงทันที!

สีหน้าของเฉินเป่ยถึงกับหน้าถอดทันที เขาสูดลมหายใจเข้าปาก การแสดงออกแบบนั้น เหมือนว่าเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว!

เวลานั้นเอง หลีชิงเยียนดึงเท้าตนเองกลับ พลันมองมาทางเฉินเป่ย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ฉันพูดว่าไม่เตะ แต่ไม่ได้พูดว่าไม่เหยียบนี่”

เฉินเป่ยมองมาทางหลีชิงเยียน ส่วนหลีชิงเยียนก็จ้องตาเฉินเป่ยกลับ พลันหันหลังกลับ พร้อมทั้งเรียกซูเหลยด้วย “พวกเราไปกันเถอะ”

หลีชิงเยียนกระแทกส้นสูงใส่ จากนั้นก็เดินตัวปลิวออกจากบ่อนไป เฉินเป่ยเหล่ตามองด้านหลังของหลีชิงเยียน ท่วงท่าการเคลื่อนไหวทุกอย่าง ต่างมีเสน่ห์ที่แผ่รัศมีดั่งนางพญาอย่างเต็มเปี่ยม

เฉินเป่ยจ้องมองด้านหลังนั้นเอาไว้ พร้อมทั้งฉีกยิ้มรอยยิ้มอันไร้ยางอายออกมา รอยยิ้มนั่นสื่อความหมายเป็นนัยเอาไว้ เขาจ้องมองแผ่นหลังที่เซ็กซี่ของหลีชิงเยียน รอยยิ้มนั้น แค่มองแวบเดียว ก็ทำให้คนคิดเตลิดไปได้อย่างง่ายดาย จนรู้สึกได้ว่าในหัวสมองของเขาต่างมีวิธีคิดอันแสนลามกจกเปรตเต็มไปทั่วทั้งสมอง

……………

ลิฟต์เคลื่อนตัวไปชั้นบนสุด พลันหยุดลง ลูกน้องของจิงเดินออกมาจากลิฟต์ ภายในห้องทำงานที่ใหญ่โตโอ่อ่าเช่นนี้ คนคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง พร้อมทั้งยืนมองตึกสูงเสียดฟ้า และป่าคอนกรีตของเมืองเยี่ยนจิง

ร่างกายนั้นแกว่งแก้วไวน์อย่างเบามือ ในแก้วไว้นั้น เป็นไวน์Chateau Lafiteที่ใสอย่างกับอัญมณี งดงามดั่งเม็ดทับทิม

“เจ้านาย เสร็จสิ้นภารกิจเรียบร้อยแล้ว” เมื่อลูกน้องเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าของโต๊ะทำงานก็หยุดตัวลง พร้อมทั้งโค้งตัวลงแสดงความเคารพอีกครั้ง

“ทำได้ไม่เลว นี่เป็นเหตุผลที่ฉันเลือกให้แกไปทำงานให้” จากนั้นสักพัก จิงก็เริ่มกล่าว ความหมายอันลึกซึ้งไร้ที่ติของเขา แทบฟังไม่ออกเลยถึงอารมณ์ความรู้สึกของเขา

สีหน้าของลูกน้องยิ่งให้ความเคารพยำเกรงเป็นอย่างมาก “กราบขอบพระคุณเจ้านายที่อบรมสั่งสอน”

“แกไปได้แล้ว”

รอจนลูกน้องหันหลังกลับออกไปแล้ว จิงถึงได้ค่อยๆ หันหลังกลับมา พร้อมทั้งยื่นมือไปเคาะกระจกที่อยู่บนโต๊ะนั้นอย่างแผ่วเบา โต๊ะกระจกทำงานที่ใสแจ๋วนั้น พลันปรากฏเอกสารอันลึกลับขึ้นมา

เอกสารไม่มีชื่อ โต๊ะกระจกตัวนี้ช่างล้ำสมัยเหลือเกิน เพราะใช้เทคโนโลยีที่เพิ่งคิดค้นวิจัยมาใหม่ล่าสุดของเมืองเยี่ยนจิง โต๊ะกระจกนี่ มันคือคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง

ที่มาของเอกสารนี้ ยิ่งลึกลับหนักกว่าอีก จนสามารถพูดได้เลยว่า มีเพียงตำแหน่งของจิงเท่านั้น ที่สามารถตรวจสอบเอามาอ่านได้

จิงเปิดเอกสารเอาออกมาอ่าน แววตาดำดิ่งถลำลึก จนทำให้คนมองไม่ออก

ตอนที่เขาเปิดอ่านมาอยู่หน้าใดหน้าหนึ่งนั้น ถึงกลับหยุดทันที

ในภาพภาพนั้น ใบหน้าของชายคนหนึ่ง ทำให้เขาคุ้นตาเป็นอย่างมาก เขาเอาแต่จดจ้อง พร้อมทั้งมองผู้ชายคนนั้นอยู่นานแสนนาน

ถ้าหลีชิงเยียนอยู่ที่นี่ด้วย คงต้องตกใจที่เห็นว่า … ผู้ชายคนนี้ ช่างหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเฉินเป่ยจริงๆ!

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท