บทที่ 332 คนต่างโลก!
“ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง” อวี้ย้งเซวียนเห็นผู้อาวุโสที่นำหน้าสุด แล้วพูดด้วยเสียงเคารพ
ผู้เฒ่าที่ใส่ชุดคลุมยากสีเขียวไม่ใช่คนอื่น ก็แค่คนที่ก่อนหน้านี้อวี้ย้งเซวียนคุยโทรศัพท์ด้วย ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างที่อยู่ในสายทางโน้น!
ทั้งตระกูลอวี้ เป็นคนที่ดำรงชีวิตอย่างสูงสง่าที่สุด! อำนาจของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างนั้นยิ่งใหญ่มาก ต่อให้เป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลอวี้ก็ต้องยอมรับในตำแหน่งของเขา!
“ต้อนรับท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างครับ! ” ข้างๆ อวี้ย้งเซวียน ลูกค้าแต่ละคนคุกเข่าพร้อมกัน แล้วพูดด้วยเสียงเคารพ
“ปึง! ” หัวเข่าของแต่ละคนกระแทกลงบนพื้น จู่โจมจนทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนไปด้วย!
ผู้เฒ่าที่สวมใส่ชุดคลุมยาวสีเขียวคนนั้น แล้วก้าวเท้าออกมา พลางค่อยๆ เดินมาทางฝั่งอวี้ย้งเซวียน ทุกฝีเท้าเหยียบลงบนเงาของตัวเอง สีหน้าดูปกติ เหมือนทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตัวเอง
“ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง” อวี้ย้งเซวียนโน้มคำนับอย่างเคารพ ส่วนสิ่งที่ตามท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างมา ก็คือความน่าเกรงขามอันน่ากลัว กำลังคุกคามมาด้วย!
อวี้ย้งเซวียนขนหัวลุก หลังของเขาค่อยๆ งอลง เหมือนหลังของเขาถูกภูเขาลูกหนึ่งทับ ทำให้ส่วนหลังของเขาใกล้จะเปลี่ยนรูป!
นี่ก็คือความสามารถที่แท้จริงของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างหรอ?
ภายในใของอวี้ย้งเซวียนเต้นแรง ความน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่นั้นทำให้พื้นที่ว่างเปล่ายังถูกบิดจนเปลี่ยนรูป เหมือนท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง ออกมาจากกาลเวลาอื่น!
อวี้ย้งเซวียนไม่กล้าเงยหน้าสังเกตมองท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างที่ลุ่มลึกจนคาดเดาไม่ออกท่านนี้ ตอนนั้นเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานเรื่องเล่าของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างตอนอยู่ตระกูลอวี้
ตระกูลอวี้ไม่มีคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ ทว่าเพราะว่าตระกูลอวี้เป็นตระกูลพนันพลอย เลยผ่านการเผชิญหน้ากับความตายและการข่มเหง ถูกคนมีอำนาจบางคนบีบบังคับ และถูกพวกเขาใช้งาน
จากนั้นตระกูลอวี้บังเอิญช่วยเหลือผู้ที่ฝึกวิชาการต่อสู้คนหนึ่งไว้…….จากนั้นผู้ที่ฝึกวิชาการต่อสู้เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณ เลยอยู่ในตระกูลอวี้…….แล้วค่อยๆ กลายเป็นท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างของตระกูลอวี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือรับผู้แข็งแกร่งที่เป็นวิชาการต่อสู้แต่ละคนเข้ามา แล้วกลายเป็นผู้อาวุโสในตระกูลอวี้
ถึงแม้ตั้งแต่โบราณตระกูลอวี้จะละทิ้งการสืบทอดมาบ้าง ทว่าหลังจากการช่วยเหลือของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างท่านนี้ ตระกูลอวี้จึงยิ่งอยู่ยิ่งเจริญรุ่งเรือง มีชื่อเสียงในโลกการพนันพลอย ยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่โต
และหลายปีมานี้ ความสามารถอันแข็งแกร่งของท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งลึกลับจนไม่สามารถคาดเดาได้
นี่คือเหตุผลที่อวี้ย้งเซวียนมีความเชื่อมั่นเต็มร้อน มีท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างออกหน้าออกตา การฆ่าสังหารเฉินเป่ย ไม่ใช่ว่าง่ายเหมือนเรื่องที่พลิกฝ่ามือหรอ?
ทว่าก็แค่มดที่ไม่กลัวตายเท่านั้น อวี้ย้งเซวียนก็ได้เอาภาพกล่องวงจรปิดในโรงแรมให้ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างให้ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างไปนานแล้ว ให้เขาพิจารณา สุดท้ายท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างกลับแค่ตอบกลับด้วยคำพูดที่เรียบเฉย “ก็แค่หมัดเท้าปักบุปผา”
ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างค่อยๆ เดินไปตรงหน้าอวี้ย้งเซวียน อวี้ย้งเซวียนจึงขนลุกไปทั้งตัว และทั้งตัวเย็นเฉียบ!
ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างทำนัยน์ตาที่ลุ่มลึก แล้วกำลังสังเกตมองอวี้ย้งเซวียนเพียงชั่วพริบตา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้”
หลังจากที่ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างพูดจบ อวี้ย้งเซวียนถึงจะสัมผัสได้ ความกดดันรอบๆ ก็ได้ผ่อนคลายลงไปทันที
อวี้ย้งเซวียนเหมือนได้รับการปลดปล่อยภาระที่หนักหน่วง แล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ พลางมองไปยังท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง สำหรับท่านอาวุโสที่ลึกลับจนไม่สามารถคาดเดา สีหน้ายิ่งต้องเคารพ
อวี้ย้งเซวียนโค้งลำตัวลงน้อมคำนับ ด้านหลังท่านผู้อาวุโสไท่ซ่าง ยังมีผู้เฒ่าอีกสิบสองคนที่สวมใส่ชุดคลุมยาวที่เหมือนกันแต่หลากสีต่างก็เดินเข้ามา
“น้อมทำความเคารพผู้อาวุโสทุกท่าน ห้องในโรงแรมผมได้จัดเตรียมไว้เสร็จแล้ว เชิญผู้อาวุโสทุกท่านตามผมไปพักผ่อนที่โรงแรมครับ” อวี้ย้งเซวียนพูดขึ้น
ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างพยักหน้า ทุกคนจึงตามอวี้ย้งเซวียน แล้วไปยังประตูสนามบิน…….
……..
ตอนค่ำ ในห้องอาหารของโรงแรม หลีชิงเยียนและไม่กี่คนกำลังกินข้าวอยู่ในห้องเหมาส่วนตัวที่เงียบสงบ
ส่วนท่านประธานเทพธิดาคนนี้ก็ไม่ได้อยากอาหารอะไร เธอกำลังจับมือถือ แล้วกดโทรออก
และคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็คือเฉินเป่ย แล้วพวกนั้นที่อยู่โดยรอบ สวมใส่ชุดสูท มือซ้ายจับส้อม มือขวาของสุภาพบุรุษกำลังจับมีดอย่างเข้ากันไม่ได้
ท่านประธานเทพธิดาโทรศัพท์ไปด้วย นัยน์ตาคู่สวยกำลังเหลือบตาไปยังเฉินเป่ยอย่างดูหมิ่น กระตุกมุมปากอย่างประหม่า
และตอนอยู่ในร้านอาหารที่หรูหรานี้ เฉินเป่ยไม่เพียงแต่ไม่สวมใส่ชุดทางการ แล้วยังยกขาทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นก็กินอย่างซะใจเป็นคำใหญ่ๆ ผมที่ยุ่งเหยิงนั้น เหมือนดั่งขอทานเลย
เสียงของเฉินเป่ยกินข้าวใหญ่เกินไปจริงๆ ไม่นานก็ทำให้แขกมากมายสังเกตเห็น สายตาที่มองมาทางโต๊ะนี้ของหลีชิงเยียน จากนั้นก็วิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวไม่หยุด แล้วมองเฉินเป่ย เหมือนดั่งสิงโตตัวหนึ่งที่กำลังจะแสดงการแสดง
หลีชิงเยียนปรายมองกวาดมองไปทั้งสี่ทิศ แล้วทำสีหน้าที่หม่นหมอง พร้อมพูดด้วยเสียงต่ำ “พอเถอะ”
มือที่จับน่องไก่ไว้ของเฉินเป่ยจึงได้หยุดชะงักกลางอากาศทันที หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ย แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “จริงๆ นายกินข้าวดีๆ ได้ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้? ”
หลีชิงเยียนเอ่ยถามเฉินเป่ยอย่างมีเหตุผลครบถ้วน เพราะว่าเธอเคยเห็นมาก่อน เฉินเป่ยเคยแสดงมารยาทในการกินอาหารภาคตะวันตก เขาดูเหมือนคนฝั่งตะวันตกมากกว่าคนตะวันตก
เฉินเป่ยเผชิญกับการเอ่ยถามโดยที่หลีชิงเยียนกำลังกอดอกอยู่ แล้วค่อยๆ ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนๆ “กินแบบนี้แล้วยังเพื่ออะไรได้อีก ซะใจไง”
คำตอบแบบนี้ของเฉินเป่ย ทำให้หลีชิงเยียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ผ่านไปสักพัก ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนจับจ้องเฉินเป่ยไว้ แล้วก่นด่าด้วยเสียงเบา “ไอ้อันธพาล”
รอให้เฉินเป่ยและซูเหลยใกล้จะกินเสร็จ หลีชิงเยียนก็เพิ่งจะวางมือถือลง แล้วจับมีดส้อมขึ้นมา และกำลังจะกินเสต็กเนื้อที่ใกล้จะหายร้อนอันนั้น
“เป็นยังไงบ้าง? ” ซูเหลยถามขึ้น
“ยังถือว่าไม่เลว สมกับคนใหญ่คนโตที่เป็นหัวหน้าสมาคมรับผิดชอบงานพนันพลอยจริงๆ ……ตามประสบการณ์การพนันพลอยของเขาแล้ว แน่นอนว่าต้องสามารถฆ่าสุดยอดดาบสามเล่มได้ และตามความสามารถของเขา ในเขตพนันขั้นพรีเมียมนี้ แทบจะมีชีวิตที่อยู่ยงคงกระพัน” หลีชิงเยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดตามความจริง
“งั้นก็แสดงว่าต้องทำเงินได้ไม่น้อย? ” ซูเหลยทำสีหน้าที่เผยความดีใจออกมา
หลีชิงเยียนพยักหน้า “ทั้งบ่าย ยอดที่คาดการณ์ไว้อย่างปลอดภัย ได้มาห้าแสน”
“ห้าแสน…….” ซูเหลยนิ่งงัน นี่เกือบจะเท่าเงินเดือนตลอดปีที่ซูเหลยเป็นบอดี้การ์ดให้หลีชิงเยียนแล้ว
“แค่ห้าแสน นี่มันน้อยเกินไปหรือเปล่า เขาเป็นตั้งหัวหน้าสมาคมการพนันพลอยของทั้งหัวเซี่ย ทั้งบ่ายนี่ ก็ไม่ได้เห็นว่าเขาจะหาเงินได้หลายล้านหลายสิบล้านหนิ? ” และในเวลานี้ ก็มีเสียงอันไม่เป็นมิตรดังขึ้น เฉินเป่ยเบะปาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
หลีชิงเยียนเหลือบตามองเฉินเป่ยเพียงพริบตาเดียว แล้วพึมพำด้วยเสียงเย็นชา ในน้ำเสียงเคล้าด้วยการดูหมิ่น “หลายล้านหลายสิบล้าน? พูดง่ายน่ะสิ นายไปหาเงินมาหลายหมื่นก่อนค่อยมาพูดเถอะ! ”
เฉินเป่ยถูกหลีชิงเยียนทำให้สำลักจนพูดอะไรไม่ออก แค่ยิ้มอย่างขมขื่น ใครจะไปนึกถึง ราชาหลงผู้สูงส่งและเลื่องชื่อ นั่งรถหรูนับไม่ถ้วน…….ค่าตัวหลายแสนล้าน……ตอนนี้กลับถูกคนดูหมิ่น แม้กระทั่งหลายหมื่นยังหามาไม่ได้!
หากถูกบริษัทขนาดใหญ่ในต่างประเทศได้ยินว่าท่านประธานเทพธิดากำลังเยาะเย้ยตัวเอง คิดว่าคงจะถูกทำให้ตกใจจนล้มลงไปบนพื้น!
เฉินเป่ยก็หัวเราะเยาะตัวเอง ในต่างประเทศ ต่อให้บริษัทขนาดใหญ่เหล่านั้น ก็ต้องเคารพนับถือเขา แม้กระทั่งบริษัทที่ถูกจัดลำดับต้นๆ ของทั่วโลกมากมาย ยังต้องนั่งรอเขาไปลงทุน……แต่ในสายตาของหลีชิงเยียน เขากลับเป็นแค่คนกระจอกที่แม้แต่เงินไม่กี่หมื่นยังหามาไม่ได้!
“ชิงเยียน” เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียน แล้วตะโกนเรียกด้วยเสียงอ่อนโยน
“มีอะไร? ” หลีชิงเยียนเลิกคิ้วขึ้น แล้วยังคงสีหน้าที่เย็นชา
“ถ้าผมบอกคุณว่าผมมีทรัพย์สินหลายแสนล้าน คุณจะเชื่อไหม? ” จู่ๆ เฉินเป่ยพูดขึ้น สีหน้าเคล้าด้วยความจริงจัง
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่นิ่งเฉย แล้วคลี่ยิ้มอ่อนๆ ออกมา “นายบอกนายมีเงินทรัพย์สินหลายแสนล้าน นายบอกฉันว่าซื้อลอตเตอรี่สิบใบดีกว่า ทุกใบก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะถูกรางวัลหน่อย”
ดูหมิ่น! นี่มันดูหมิ่นกันชัดๆ!
ถูกท่านประธานเทพธิดาดูหมิ่นแบบนี้ เฉินเป่ยนิ่งงัน แล้วยิ้มขึ้น “คุณไม่เชื่อก็ช่างเถอะ”
หลีชิงเยียนวางมีดและส้อม แล้วกอดอก พร้อมสังเกตมองเฉินเป่ยอย่างเย็นชา “คุณมีทรัพย์สินหลายแสนล้าน ฉันก็ไปเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษแล้วล่ะ! ”
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียน สีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง “ชิงเยียน ถ้าคุณยินยอม วันหลังถ้ามีโอกาส ผมสามารถให้คุณไปเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ”
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยยิ่งอยู่ก็ยิ่งโม้ จึงถูกแกล้งให้หัวเราะ “พอเถอะ นายเคยไปอังกฤษหรอ? นายยังบอกว่าระเบิดทำเนียบขาวมา ทำไมฉันถึงเห็นว่าตอนนี้ทำเนียบขาวยังดีๆ อยู่เลย”
“นั่นเป็นเพราะว่ามันจะกลายเป็นตำหนักของคุณในอนาคต” เฉินเป่ยยิ่งอยู่ยิ่งโม้เกินจริงไปเรื่อยๆ ถึงตอนสุดท้ายแขกที่นั่งกินข้าวอยู่รอบๆ พวกนั้นก็อดขำขึ้นมาไม่ได้
ทำเนียบขาวของอังกฤษ…….นั่นเป็นแกนกลางของทั้งประเทศมหาอำนาจใหญ่ทั้งหมด เฉินเป่ยกลับให้คำมั่นสัญญากับท่านประธานเทพธิดา บอกว่าจะให้ทำเนียบขาวกลายเป็นตำหนักของเธอ ช่างจินตนาการล้ำเลิศจริงๆ!
เรื่องนี้กลับไม่ได้ทำให้หลีชิงเยียนเอาไปใส่ใจ ไม่นาน หลีชิงเยียนก็ลืมเรื่องที่เฉินเป่ยขี้โม้ไป
และซูเหลยที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้ไม่แสดงสีหน้าออกมาใดๆ ภายในใจกลับรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย
หลีชิงเยียนต้องไม่มีทางรู้อยู่แล้ว ซูเหลยกลับตั้งใจฟังคำพูดพวกนี้เข้าไป
“หัวหน้าสมาคมจางบอกกับฉันว่า วันนี้เขาแสดงความสามารถในการรักษาไว้ได้ ถ้าไม่เหนือสิ่งที่คาดหมาย พรุ่งนี้เขาจะแสดงความสามารถเต็มที่ เพื่อที่จะหาเงินได้ราวๆ ห้าล้าน” หลีชิงเยียนพูดจำนวนเงินออกมาแบบนี้ ทำให้ซูเหลยเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย
ห้าล้าน เป็นเลขที่ไม่น้อย และนี่แค่เป็นรายได้วันเดียว……..ถ้างานพนันพลอยหลายวันต่อจากนี้ ต่างก็เป็นจำนวนตัวเลขนี้…….
ซูเหลยมองหลีชิงเยียน แล้วพูดขึ้น “งั้นก็คงจะสร้างกำไรตามวัตถุประสงค์อย่างมากให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปแล้ว”
หลีชิงเยียนพยักหน้า นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมอง แล้วบังเอิญเห็นสีหน้าที่นิ่งเฉยของเฉินเป่ยที่ยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนห้าล้านก็ไม่ได้ทำให้สีหน้าของเขาเกิดอารมณ์ใดๆ
หลีชิงเยียนกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วเผยยิ้มออกมา พลางเอ่ยถามด้วยเสียงเข้ม “ทำไม นายมีความเชื่อมั่นที่จะหาเงินห้าล้านหรอ? ”
เฉินเป่ยยิ้มอ่อนๆ แล้วยื่นหนึ่งนิ้วออกมา
“หนึ่งหมื่น? ” หลีชิงเยียนนิ่งงันไป แล้วเอ่ยถาม
“หนึ่งแสน? ” ซูเหลยเอ่ยถาม
เฉินเป่ยส่ายหัวอีกครั้ง
“คงไม่ใช่หนึ่งล้านหรอกมั้ง? ” หลีชิงเยียนหัวเราะเหอะๆ บนหน้าที่เกลี้ยงเกลาเคล้าด้วยความดูหมิ่น หนึ่งล้าน เอาตัวของเฉินเป่ยไปขายยังไม่มีมูลค่าเท่านั้น แล้วยังอยากหาเงินหนึ่งล้าน?
ถ้าเขามีปัญญาจริง ทำไมค่าครองชีพไม่กี่หมื่นในก่อนหน้านี้ยังจะเอากับตัวเอง?
“กำหนดเป้าเล็กๆ ก่อน หนึ่งพันล้าน” เฉินเป่ยพูดขึ้นอย่างสบายๆ น้ำเสียงไม่ได้ดัง กลับทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบกริบ!