บทที่ 368 ความเลวทรามต่ำช้าของผู้คน!
เมืองหู้ไห่ ภายในคฤหาสน์ตระกูลจาง
จางข่ายลอนนอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่เป็นไม้กฤษณาล้วนเอามาทำเป็นเตียง ด้วยอาการใบหน้าซีดเผือด ปากซีดสั่นหงึกหงัก สาวใช้ผู้หญิงสองคนคอยรับใช้อยู่ข้างๆ พร้อมทั้งคอยห่มผ้าห่มแพรไหมให้เขาเป็นอย่างดี บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมประหลาดนิดๆ เพราะนั่นในเป็นกลิ่นอโรมาเทอราพี่อันล้ำค่าที่สกัดมาจากธรรมชาติโดยตรง
ผ่านไปสักพัก ประตูห้องก็มีคนค่อยๆ ผลักเข้ามา คุณหมอใส่เสื้อกาวน์สีขาวเดินเข้ามาจากด้านนอกห้อง พร้อมทั้งมีผู้อารักขาของตระกูลจางอีกหลายคน เดินมายังข้างเตียง คนในตระกูลจางสองคนเดินนำหน้าออกมา พร้อมทั้งเอ่ยเสียงเบาๆ กับจางข่ายลอนด้วยท่าทางเคารพ “คุณท่าน ถึงเวลาทานยาแล้ว”
จางข่ายลอนหันศีรษะไปหา พร้อมทั้งกวาดตามองหมออยู่แวบหนึ่ง ทางนายแพทย์เองก็โค้งศีรษะลงเล็กน้อยพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีเคารพเช่นกัน “อาการหลังจากถูกยิงฟื้นตัวดีขึ้นมากแล้ว ผมได้ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในต่างประเทศ สามารถทำให้แผลจากอาการบาดเจ็บของท่านฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่กี่วัน ท่านก็จะกลับมาเป็นปกติตามเดิม”
จางข่ายลอนพยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าใบหน้าจะขาวซีด แค่ว่านัยน์ตาดำยังคงถลำลึกอยู่เช่นเดิม รัศมีที่แผ่ออกมาจากร่างกายเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าเป็นเช่นไร แต่เห็นได้ชัดว่าช่างลึกลับเช่นเดิม
“สุขภาพดีเช่นท่านเห็นได้ไม่มากนัก … คนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงบึกบึนตามปกติถือว่าคู่ควรสำหรับการใช้เทคโนโลยียาทางการแพทย์ของผม ถ้าต้องการอยากจะให้อาการถูกยิงกลับมาเป็นปกติตามเดิม อย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือน … ทว่าสุขภาพของท่านนั้นแข็งแกร่งมาก จากอัตราการฟื้นตัวของท่านที่เห็นแล้ว แค่เวลาไม่กี่วันก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้” นายแพทย์ท่านนั้นพูดอธิบาย
นัยน์ตาลึกๆ ของจางข่ายลอน สายตาจับจ้องมองที่กระบอกฉีดยาที่อยู่ในมือของนายแพทย์ พลันรีบพูดทันที “รีบฉีดสักทีเถอะ”
หลังจากที่นายแพทย์นำปลายเข็มฉีดยาทิ่มลงบนผิวหนังของจางข่ายลอนแล้ว ก็ฉีดยาเข้าเส้นทันที ผ่านไปสักครู่ จางข่ายลอนพ่นลมออกจากปาก ดวงตาเหม่อมองเพดานผนัง สีหน้าก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ
“ฟู่…” จางข่ายลอนพ่นลอยหายใจยาวๆ แววตาลึกซึ้งที่อยู่นัยน์ตา เริ่มแสดงอาการตกอยู่ในภวังค์ พร้อมทั้งกะพริบส่องประกายอยู่ตลอดเวลา
จางข่ายลอนปวดหัวรวดร้าวเหมือนว่าจะแตกออกมาเป็นเสี่ยง ภาพในสมองของเขา มีแต่เรื่องของเฉินเป่ยเป็นฉากๆ
สีหน้าของจางข่ายลอนเริ่มแสดงอาการดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ … เขาเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลจาง เขาไม่อาจที่จะรับสภาพ กับการที่ต้องมีคนอย่างเฉินเป่ยอยู่ร่วมโลกเดียวกัน แถมยังสูงส่งอยู่เหนือหัวเขาอีก
ทว่าในใจของจางข่ายลอนนั้นย่อมรู้แจ้งเป็นอย่างดี … ตอนที่เฉินเป่ยประกาศสถานะที่แท้จริงของตนเองในเวลานั้น จางข่ายลอนพลันรู้ทันที…ว่าตนเองนั้น ถูกเขาเหยียบย่ำตนเองให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา … สถานะของเขานั้น สั่นสะเทือนวงการทางตะวันตกเป็นอย่างมาก ส่วนเขาเป็นแค่หัวหน้าของตระกูลทองตระกูลเล็กๆ ในหู้ไห่เท่านั้นเอง ในสายตาของคนพวกนี้ เขาแทบไม่มีค่าอะไรเลย?
แต่ว่า … เขาไม่ยินยอม … เขาแพ้อย่างราบคาบ ….เป็นครั้งแรกที่เขาแพ้ได้แสนทุเรศได้ขนาดนี้!
สีหน้าของจางข่ายลอนหม่นหมองดูไม่เป็นสุข หมัดทั้งสองข้างกำแน่น เล็บทิ่มเข้าเนื้อ ผ่านไปนาน ถึงได้ยอมผ่อนลง… นัยน์ตาทอประกายอาการไม่ยินดีอย่างหนักออกมา
ตำแหน่งราชาหลง ผู้ยิ่งใหญ่สั่นสะเทือนวงการในต่างประเทศ …ทั้งหมดนี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถบีบบังคับได้… เขาเคยได้ยินเรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันเป็นตำนานเกี่ยวกับเรื่องราชาหลงมาไม่น้อย … ตอนที่ราชาหลงได้ปรากฏตัวออกมานั้น… แต่ได้ทำผิดกับอำนาจมากมาย … พลังอำนาจมากมายเหล่านี้เลยร่วมมือกัน จนกลายเป็นมหาอำนาจมหาศาล.. เพื่อต้องการโค่นล้มราชาหลงให้สิ้นซาก … แต่สุดท้ายแล้ว มหาอำนาจเหล่านี้ต่างล้มหายตายจาก ไม่เหลือใครไว้สักคน!
จางข่ายลอนย่อมไม่กล้าลงขันพนันด้วย… เขายิ่งไม่กล้าเอาสถานะที่แท้จริงของเฉินเป่ยพูดให้หลุดออกจากปาก … การที่เฉินเป่ยเอาสถานะที่แท้จริงของเขาบอกกับเขานั้น ย่อมหมายความว่าเขาได้ส่งสัญญาณเตือนออกมาแล้ว … ถ้าราชาหลงรู้ข่าวว่าเขาเป็นคนแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปจากเขาแล้ว … ตระกูลจางทั้งตระกูล… อาจจะตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับตระกูลตู้!
การที่ราชาหลงมาอยู่ที่เมืองหู้นั้น …. ต่อให้จางข่ายลอนฝันไปยังไม่มีทางเลย ราชาหลงดันมาโผล่เมืองหู้ไห่ที่เป็นเมืองเล็กๆ ในเวลานี้ แถมตนเองดันมาเจอเข้ากับท่านเทพใหญ่ตัวพ่อคนนี้ได้อีก!
“ราชาหลง….” ผ่านไปนานพอควร จางข่ายลอนกัดฟันแน่น นัยน์ตาเปล่งประกายอาการที่ไม่อาจสงบนิ่งไว้ได้ พร้อมทั้งเปล่งประกายความโกรธแค้นชิงชังอย่างเต็มพิกัด….
บริเวณด้านนอกคฤหาสน์ตระกูลจาง พลันมีเสียงไซเรนรถตำรวจดังแสบแก้วหูดังมาแต่ไกล หลังจากที่มีเสียงไซเรนรถตำรวจจนเสียงเสียดเข้าหูดังขึ้นมาแล้ว ก็มีรถตำรวจทะยานแล่นบึ่งเข้ามา … ตอนที่ใกล้ถึงคฤหาสน์นั้น … รถตำรวจทำการเลี้ยวหักรถ พร้อมทั้งจอดอยู่ตรงหน้าบริเวณประตูคฤหาสน์อย่างสวยงาม
ประตูรถตำรวจถูกเปิดออก พลันมีเสียงอันเซ็กซี่ดังสะท้อนออกมาจากในรถ รองเท้าหนังดำขลับเหยียบย่ำลงบนพื้น …. เย่ชวงก้าวเท้าออกจากตัวรถ พร้อมทั้งขมวดคิ้วโก้งโค้งทันที
ประสาทสัมผัสทางจมูกของเย่ชวงไวมากพร้อมทั้งเริ่มจับประสาทสัมผัสได้อย่างทันที เพราะว่าจมูกของเธอได้กลิ่นคาวเลือด
ไม่ใช่แค่นั้น กลิ่นคาวเลือดทางด้านนอกของตระกูลจาง มันยังรุนแรงกว่าตระกูลตู้เสียอีก ขนาดที่ว่าตลบอบอวลฟุ้งกระจายไปทั่ว จนทำให้เย่ชวงหนักใจทันที
ถึงแม้ว่าตระกูลจางไม่ได้ถูกฆ่าล้างตระกูลเฉกเช่นตระกูลตู้ แต่เกรงว่าก็ไม่ดีเด่ไปกว่าสักเท่าไหร่
เย่ชวงเดินมุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์ตระกูลจางได้เพียงไม่กี่ก้าว คนในตระกูลจางที่ประจำตำแหน่งรักษาความปลอดภับนิเวณหน้าประตูเมื่อเห็นว่าเย่ชวงมา พลันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่รีรอ
“คุณเข้าไปไม่ได้+” คนในตระกูลจางสองคนเดินดักหน้า พร้อมทั้งขวางเย่ชวงเอาไว้
ใบหน้าของเย่ชวงเย็นเฉียบ ราวกับน้ำค้างแข็งที่ถูกทับซ้อนอยู่อีกชั้น เธอกวาดตามองคนในตระกูลจางสองคนนั้น พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นเฉียบ “หลีกไป”
“เจ้าของบ้านมีคำสั่ง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปตระกูลจาง จะไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนเข้าไปด้านในเป็นอันขาด” คนในตระกูลจางก็แสดงหน้าเย็นเฉียบตอกกลับมาเช่นกัน
“พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” น้ำเสียงของเย่ชวงแสดงอาการเฉียบขาดมาก
“รู้สิ หัวหน้าเย่เจ้าหน้าที่ตำรวจของหู้ไห่ไง” คนในตระกูลสองคนนั้นพยักหน้าให้
“ฉันได้รับแจ้งความว่า ตระกูลจางตกเป็นผู้สงสัยและมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่ด้วย” ฉันต้องการพบตัวจางข่ายลอน” เย่ชวงขมวดคิ้วไว้แน่น
“เจ้านายใหญ่ของตระกูลจางได้คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ต้องมีนักข่าวสื่อมวลชนต่างๆ นับไม่ถ้วนที่ต้องการมาสัมภาษณ์เขา เลยต้องการปฏิเสธทั้งหมด” คนในตระกูลจางทั้งสองคนกล่าวออกมา
ท่าทางของเย่ชวงเริ่มแสดงอาการหมดความอดทนขึ้นมาแทน พร้อมทั้งกวาดตามองคนของตระกูลจางสองคนนั้น แถมสีหน้าเริ่มมีอาการเย็นชาขึ้นมาแทน “ตกลงว่าพวกแกจะให้เข้าไปไหม?”
คนในตระกูลจางทั้งสองคนยังคงส่ายหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่งเช่นเดิม
ในที่สุดเย่ชวงก็หมดความอดทน เธอคว้าปืนพกพาออกมา พร้อมทั้งเอาปากกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงหน้าผากของคนในตระกูลจางทั้งสองคน ด้วยท่าทางดังน้ำค้างแข็งอันเย็นเฉียบ!
“ถ้าไม่หลีกฉันจะยิงปืนแล้ว!” เย่ชวงตะคอกใส่
สวบ!
เวลานั้นเอง บริเวณสวนในบ้านตระกูลจาง พลันมีคนในตระกูลจางกลุ่มหนึ่งที่ในมือถือดาบพุ่งตัวออกมาจากด้านในตัวบ้าน ทำราวกับกลุ่มคนที่พุ่งมาที่เย่ชวงด้วยท่าทางโหดเหี้ยม พริบตาเดียวพลันมายืนล้อมรอบตัวเย่ชวงแล้ว
มีดาบเล่นหนึ่งที่พาดวางอยู่บนลำคอของเย่ชวง บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น จนอากาศรอบๆ เริ่มตกอยู่ในสถานการณ์การเข่นฆ่าอย่างเห็นได้ชัด!
เย่ชวงกวาดตามองอยู่แวบหนึ่ง ….ด้วยท่าทีอันนิ่งสงบ พลันเอ่ยปากพูดเน้นย้ำอย่างเย็นชาใส่ “ฉันมาตรวจสองคดีที่ตระกูลตู้ถูกฆ่าล้างโคตรมา ตระกูลจางผู้กล้าหาญชาญชัย หรือว่าต้องการที่จะฆ่าปิดปากฉันไปด้วยเหรอไง? หรือว่าตระกูลจางเองเป็นฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าล้างตระกูลตู้กัน?!”
วินาทีนั้น ร่างกายของเย่ชวง แผ่รัศมีอันเข้มแข็งออกมาเป็นอย่างมาก จนทำให้เย่ชวงร่างกายอยู่อ่อนปวกเปียกไปทันที ราวกับตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นเข็มหัวใจอันแข็งแกร่ง ดวงตาทอประกายความหนักแน่น กับการที่คนคนเดียวไม่มีทางต่อกรประคนในตระกูลจางพวกนี้ได้เลย
ทุกวินาทีที่ผ่านพ้นไป ทันใดนั้น พลันมีเสียงทุ้มลึกดังออกมาจากทางด้านข้าง “ใครให้พวกแกทำตัวเช่นนี้กับคุณเย่กัน?”
สีหน้าของคนในตระกูลจางต่างตึงเครียดทันที พวกเขาค่อยๆ หันหน้าไปหา ก็เห็นว่าผู้อารักขาประจำตระกูลจางหลายคนหนึ่งในนั้นเดินมุ่งหน้ามาหาพวกเขา ส่วนคนในตระกูลจางสองคนกำลังประคองบุคคลที่อยู่ตรงกลางคนนั้น
ชายวัยรุ่นที่หน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่ตรงกลางนั้นใบหน้าไม่มีสีเลือดแต่อย่างใด พลันเดินโซซัดโซเซเล็กน้อย ทว่าตอนที่นัยน์ตาของเย่ชวงสบตากับเขาในเวลานั้น … หัวใจของเย่ชวงสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ามันไม่ใช่หัวใจของตนเองเลย!
“จางข่ายลอน” เย่ชวงทำหน้านิ่งใส่ พร้อมทั้งเรียกชื่อออกมา
จางข่ายลอนพยักหน้าให้ พร้อมทั้งค่อยๆ กล่าวออกมา “คุณเย่ ขออภัยด้วย”
“ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด ฉันขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ฉันอยากเห็นศพคนในตระกูลจางของคุณสักหน่อย” เย่ชวงสบตาจางข่ายลอน แค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้บรรยากาศเงียบสงัดทันที!