สายเปย์เบอร์หนึ่ง – ตอนที่ 360

ตอนที่ 360

บทที่360 ไม่ไหว!

จางข่ายลอนพึ่งพูดจบ คนในตระกูลจางหลายคนก็เข้าไปจับจางหงเหลียงแล้ว

“ไม่ ฉันเป็นผู้อาวุโสตระกูลจาง ฉันทำคุณูปการนับไม่ถ้วนให้ตระกูลจาง พวกแกไม่มีสิทธิ์มาจับฉัน!” จางหงเหลียงตะโกนเสียงดัง สีหน้าดุร้ายเขียวปัด คนในตระกูลจางผู้หนึ่งพุ่งเข้าไปยังจางหงเหลียง กลับถูกจางหงเหลียงผลักออกอย่างแรง

“จางหงเหลียง เป็นแกที่สร้างเรื่องทุกอย่างขึ้น ตอนแรกแกพูดว่ายังไง หรือว่าแกลืมแล้วเหรอ!” จางข่ายลอนตวาดเสียงดุ

จางหงเหลียงสีหน้าอัปลักษณ์ กวาดตามองคนในตระกูลจางหลายคนที่พุ่งมา หัวเราะเยาะพูดว่า “ฉันพยายามวางแผนสุดความสามารถเพื่อตระกูลจาง ตอนนี้แกยังจะมาว่าฉันอีกเหรอ ตระกูลจางมีทุกคนอย่างนี้ได้ เดิมทีหนีไม่พ้นแผนการและการกระทำของฉัน จางข่ายลอน ตอนนี้แกอยากกำจัดฉันทิ้งไป งั้นก็อย่าโทษว่าฉันไร้เมตตาก็แล้วกัน!” จางหงเหลียงส่งเสียงเย็นชา ก้าวเท้าออกมา ดวงตามีความหมายอาฆาตที่หนาวเย็นแวบผ่าน

ในใจจางข่ายลอนสั่นไหว ชุดดำบนตัวจางหงเหลียงพัดเองแบบไร้ลม มีดบินที่งดงามเล่มหนึ่ง ไหลร่วงลงจากในแขนเสื้อเขา มือขวาของเขาสั่นอย่างฉับพลัน ยิงกระหน่ำไปทางจางข่ายลอน

จางข่ายลอนสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ นี่คือจางหงเหลียงจะแก้แค้นอย่างเหี้ยมโหดที่จางข่ายลอนจัดการตัวการสำคัญทิ้ง

ตอนที่มีดบินในมือของจางหงเหลียงจะแทงเข้าหน้าอกจางข่ายลอน ทันใดนั้นแสงดำเส้นดำประกายมาจากตรงหน้าจางข่ายลอน

“ชิ้ง!”

เสียงดังกระหึ่มกังวาน มีดบินงดงามเล่มนั้นของจางหงเหลียงชะงักกลางอากาศทันที ดวงตาจางหงเหลียงหดตัว รีบเงยหน้าขึ้น มองทางเฉินเป่ย

เห็นเพียงมีดหลงหยาดำมืดเล่มนั้นสกัดมีดบินงดงามเล่มนี้ของจางหงเหลียงลงมาอย่างง่ายดาย

ลูกตาของจางหงเหลียงหดลงทันใด สายตาจ้องมีดหลงหยาเล่มนั้นเขม็ง

“แกรก!” มีดบินที่งดงามเล่มนั้นหยุดลงมากะทันหัน หลังจากนั้นเริ่มแตกร้าวแกรกๆ รอยร้าวกระจายไม่หยุด ทั้งตัวมีดหักเป็นสองท่อน

ส่วนมีดหลงหยาทะลุผ่านกลางจากตัวมีดบินงดงามที่หักเป็นสองท่อนไปโดยตรง จากนั้นไปทางจางหงเหลียงด้วยความรวดเร็ว

คนในตระกูลจางนับไม่ถ้วนมองเห็นฉากนี้อย่างชัดเจน ส่งเสียงร้องตกใจ ใครๆ ก็คิดไม่ถึงว่ามีดหลงหยาเล่มนี้จะสกัดกั้นมีดบิน คาดไม่ถึงว่าไม่ได้ลดความเร็วของมันลงสักนิด กลับกันระดับความเร็วของมัน นับวันยิ่งไวขึ้น

“ไม่!” จางหงเหลียงถลึงดวงตาโต เขายากจะเชื่ออย่างมาก มีดบินในแขนเสื้อของเขาแต่ละเล่มระเบิดยิงไปทางมีดหลงหยาเล่มนั้น อยากจะสกัดกั้นไว้

“ชิ้งๆๆ……”

เสียงปะทะที่กังวานดังขึ้นติดต่อกัน ประกายไฟแตกกระจาย เสียงกระทบกันดังขึ้นไม่ขาดสาย

จางหงเหลียงถอยหลังไปไม่หยุด จำนวนมีดบินที่กระหน่ำยิงออกจากในมือเขานับวันยิ่งมากขึ้น ค่อยๆ เพิ่มจนยากจะจินตนาการได้

แต่เดิมทีไม่มีประโยชน์สักนิด ดวงตาจางหงเหลียงจ้องมีดบินแต่ละเล่มนั้นตาไม่กะพริบ มีดหลงหยาเล่มนั้นแฝงไปด้วยพลังสยองขวัญ เดิมทีมีดบินพวกนั้นยากจะหยุดยั้งมีดหลงหยาได้

กลับเป็นมีดบินที่สกัดมีดหลงหยา กำลังแตกร้าวไม่หยุด หล่นลงพื้นดังซู่

จางหงเหลียงจ้องมีดหลงหยาตาเขม็ง ชั่วพริบตาเดียวมีดหลงหยาก็บดขยี้มีดบินนับไม่ถ้วนไป พุ่งโจมตียิงเข้ามา

จางหงเหลียงอยากจะต้านทาน แต่ในใจเขารู้ดีเสียยิ่งกว่าอะไร…แสงดำที่แฉลบผ่านกลางอากาศด้วยความเร็วแบบนี้…แหลมคมอย่างมาก….ตัดขาดทุกอย่าง…แทบจะไม่มีอะไรสามารถต้านทานมันได้

“เฮือก!” หน้าอกของจางหงเหลียงระเบิดเลือดออกมา แสงดำระเบิดจู่โจมมาอย่างทันท่วงที ทะลุผ่านเข้าหน้าอกของจางหงเหลียง

ร่างกายจางหงเหลียงสั่นอย่างแรง…เขาถูกมีดหลงหยาทะลุผ่านหัวใจมาตรงๆ

“ฉันเคยพูดว่าคนที่ฉันอยากฆ่า ถึงแม้มันจะขึ้นฟ้าลงดิน ล้วนหนีไม่พ้น!” เฉินเป่ยค่อยๆ เดินมาตรงหน้าของจางหงเหลียง ที่เกิดเหตุเงียบกริบ จางข่ายลอนมองทางเฉินเป่ย สายตาซับซ้อนลุ่มลึก

ถ้าจางข่ายลอนรู้ตั้งแต่แรกว่าเฉินเป่ยครอบครองความสามารถแบบนี้เอาไว้ ยังจะปกป้องจางหงเหลียงอยู่ได้อย่างไรกัน

เวลานี้จางข่ายลอนเสียใจอย่างที่สุดเลย เพราะหยิ่งในศักดิ์ศรีชั่วขณะเดียว…ทำให้ตระกูลจางสูญเสียสมาชิกในตระกูลจางหลายร้อยชีวิต แม้กระทั่งเขาเองยังโดนยิงจนบาดเจ็บ

จางข่ายลอนจมสู่ความคิด ยิ่งคิดเขายิ่งเสียใจ…สีหน้าดูแย่มาก

ร่างกายจางหงเหลียงสั่นเทาอย่างแรง เขาเบิกดวงตาโต จ้องเฉินเป่ยตาไม่กะพริบ ในแววตาเผยความไม่เชื่อและไม่พอใจอย่างรุนแรง

“ตึง!”

ร่างกายของเขาล้มลงจมกองเลือดทันที เลือดเหม็นคาวกระจายขึ้น

จางหงเหลียง ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลทองแห่งหู้ไห่ และของตระกูลจาง…ในเขตคฤหาสน์ตระกูลจาง…อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลจางนับไม่ถ้วน…กลับโดนมีดปลิดชีพลง

ทั้งที่เกิดเหตุเงียบงัน ไม่มีใครส่งเสียงออกมาสักนิด ทุกอย่างสงบจนน่ากลัว

ในใจของคนตระกูลจางนับไม่ถ้วนสั่นสะเทือน สายตาที่มองทางเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความตกใจ

อย่างไรเสียพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะถูกฆ่าหลายร้อยคนแล้ว คาดไม่ถึงยังฆ่าท่านผู้อาวุโสของพวกเขาทิ้งต่อหน้าของพวกเขาด้วย

นี่เป็นการเหยียดหยามเยาะเย้ยระดับไหนกัน เดิมทีทำให้พวกเขารับไม่ได้

สายตาที่เย็นยะเยือกแต่ละคนเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้นที่หนาวเหน็บ อยากฉีกเฉินเป่ยให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนใจแทบขาด

ถ้าเป็นไปได้ ความโกรธแค้นของคนในตระกูลจางเหล่านี้ คงผ่อนคลายลงได้โดยการนำเฉินเป่ยมาฉีกทึ้ง

แต่คนในตระกูลจางเหล่านี้ล้วนไม่กล้ากระทำ แม้แต่นายใหญ่ของตนเองยังยอมศิโรราบต่อเฉินเป่ย…พวกเขาโกรธแค้นแค่ไหนจะมีประโยชน์อะไร?

ส่วนเฉินเป่ยไม่ได้ถูกคนในตระกูลจางเหล่านี้กระทบถึงสักนิดเดียว เขาก้มหน้า หลังกวาดตามองร่างกายที่เย็นเฉียบของจางหงเหลียงแวบหนึ่ง ก็ค่อยๆ หมุนตัว เดินไปที่จางข่ายลอน

พอเดินมาถึงตรงหน้าของจางข่ายลอน เฉินเป่ยกวาดตามองอย่างหนาวเหน็บ ถามขึ้นช้าๆ “ยังมีคนอื่นอีกมั้ย?”

“เรื่องนี้เป็นความลับของตระกูลจาง มีเขาดำเนินการเพียงคนเดียว” จางข่ายลอนฝืนกลั้นร่างกายที่สั่นเทา ตอบไป

เขายืนอยู่ด้านหน้าเฉินเป่ย ทั้งตัวควบคุมความสั่นไหวไม่อยู่ เขาชำเลืองมองภูเขาศพทะเลเลือดด้านหลังเฉินเป่ยทีหนึ่ง…หัวใจราวกับจะหยุดเต้นลงไป

ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นผู้ชายตรงหน้าคนนี้สร้างขึ้น…คนตระกูลจางหลายร้อยล้มตาย…ส่วนเขาไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย…นี่เดิมทีเป็นการฝ่าฝืนหลักทำนองคลองธรรมทั่วไป เดิมทีนี่ไม่ใช่เรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้

แต่หลังจากจางข่ายลอนรู้สถานะของเขา…ถึงสำนึกรู้ตัวทันใด…สำหรับคนทั่วไปไม่อาจเป็นไปได้จริง แต่เขา เป็นคนปกติธรรมดาเหรอ?

เฉินเป่ยยืนอยู่หน้าจางข่ายลอน ส่วนจางข่ายลอนแม้แต่หายใจแรงๆ ยังไม่กล้า เหมือนว่าที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขา ไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์ดุร้ายที่น่ากลัวตัวหนึ่ง

เฉินเป่ยจ้องมองจางข่ายลอนด้วยดวงตาที่หนาวเย็นอยู่ตั้งนาน เอ่ยปากอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ถ้ากฎหมายของหัวเซี่ยไม่มีทางควบคุมพวกแกได้อีก งั้นก็ให้ฉันมาควบคุมเอง…คนหลายร้อยของตระกูลตู้ไร้มนุษยธรรม แม้แต่สัตว์ยังสู้ไม่ได้…ถ้าตระกูลจางเป็นเหมือนกัน ก็จะมีจุดจบแบบเดียวกัน”

เสียงของเฉินเป่ยไม่ดังนัก กลับลอยไปในหูของทุกคนในตระกูลจางที่นับไม่ถ้วนอย่างแจ่มชัด ที่ว่างกลางอากาศสั่นสะเทือน ท้องฟ้าไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปมืดครึ้มหดหู่ขึ้นมาอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไร เสียงฟ้าร้องสั่นสะท้าน ราวกับสวรรค์ตอบรับคำเตือนของเฉินเป่ยเช่นกัน

สีหน้าจางข่ายลอนซีดเซียว ความหมายของคำพูดเฉินเป่ยอันนี้ เขาชัดเจนดีเสียยิ่งกว่าอะไร…นี่คือการแจ้งเตือนของราชาหลงในตำนาน

จางข่ายลอนกัดฟันไว้ พยักหน้าด้วยความยากลำบาก เฉินเป่ยถึงค่อยๆ หมุนตัว ท่ามกลางการจ้องมองของคนในตระกูลจางนับไม่ถ้วน เดินไปทิศทางที่ไกลออกไปอย่างช้าๆ ภาพเงาคนใส่เสื้อคลุมสีแดงนั้นค่อยๆ ลับหายไป……

“นายใหญ่ครับ เขาไปแล้ว”

ผ่านไปอยู่นาน คนในตระกูลจางผู้หนึ่งวิ่งกลับมาจากระยะไกล เอ่ยปากด้วยความเคารพ

จางข่ายลอนที่ถูกคนในตระกูลจางสองคนพยุงเอาไว้ ชั่วขณะนั้นราวกับสูญเสียการค้ำยันทั้งหมดไป ล้มลงที่พื้นทันที หวาดกลัวอย่างมาก สีหน้าดูแย่ถึงที่สุด

“นายใหญ่!” ชั่วพริบตาเดียว คนในตระกูลจางมากมายกรูกันเข้ามา คนในตระกูลจางทั้งหมดล้วนเป็นห่วงสถานการณ์นายใหญ่ของพวกเขาที่โดนยิงหลายนัดอย่างยิ่ง

“ฉันไม่เป็นไร” จางข่ายลอนส่ายๆ หน้า จ้องมองทิศทางที่เฉินเป่ยหายไปดวงตาไม่กะพริบ ใช้เสียงที่มีเพียงตนเองถึงได้ยินพูดพึมพำ “ราชาหลง…คำเตือนของราชาหลง…นี่คือโชคอะไรของตระกูลจางกัน…คาดไม่ถึงสามารถให้ราชาหลงมาเยือนด้วยตัวเอง ฉันตาบอดจริงๆ!”

จางข่ายลอนถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง มุมปากยกเส้นรัศมีวงกลมที่ขมขื่นขึ้น…ต่อให้ฝันก็นึกไม่ถึง ภาพเงาคนเสื้อคลุมสีแดงนั้น เป็นการมีตัวตนที่อยู่ในตำนาน

ก่อนหน้านี้ตนเองดูถูกเขาอย่างคาดไม่ถึง นี่แม่งกำลังวอนหาที่ตาย

…………

และหลังเดินออกจากเขตสวนคฤหาสน์ตระกูลจาง ทันใดนั้นฝีเท้าของเฉินเป่ยหยุดชะงัก โงนเงนไป เกือบจะล้มลงที่พื้น

เฉินเป่ยทำเสียงฮึดฮัด สีหน้าภายใต้หน้ากากซีดขาวทันใด

ในเวลานี้ รถยนต์คันที่จอดอยู่ข้างทางไม่ไกลนักค่อยๆ ขับมาจอดลงตรงหน้าของเฉินเป่ย

เฉินเป่ยดึงประตูรถออก นั่งเข้าไปแล้ว

“เป็นยังไงบ้าง?” คนหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้าถามขึ้นมา คนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น คือหนึ่งในผู้ทำงานลับเฉพาะลูกน้องของหัวหน้าหลี่

ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากของเฉินเป่ยฟื้นตัวกลับมาสงบเรียบเฉยแบบก่อนหน้า มีเพียงมุมปากกระตุกเล็กน้อย…ถึงเปิดเผยว่าเขาไม่ปลอดภัยดี

“ไม่เป็นไร กลับเซฟเฮาส์เถอะ” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ

“เข้าไปฆ่าตัวคนเดียว ตัวเปื้อนเลือดสด ดำเนินการล้มเหลวแล้วสิท่า?” ผู้ทำงานลับเฉพาะอีกคนหนึ่งทำเสียงฮึดฮัด น้ำเสียงไม่เป็นมิตร

ใครจะเชื่อ หัวหน้าหลี่พาผู้ทำงานลับเฉพาะยอดเยี่ยมไปมากขนาดนั้นยังพ่ายแพ้เลย โดนดักซุ่มโจมตี กวาดเรียบไม่เหลือ ส่วนเฉินเป่ยตัวคนเดียว…ยังสำเร็จได้เหรอ?

คนคนนั้นพูดขึ้นอีก น้ำเสียงมีความหมายเย้ยหยันเบาๆ “ตระกูลจางไม่เหมือนตระกูลตู้…ตระกูลตู้ไม่มีท่านผู้อาวุโสท่านหนึ่งอยู่ที่หู้ไห่ ส่วนตระกูลจางอิทธิพลมากล้น…….แต่หนีออกมาได้ ก็ถือว่านายมีฝีมืออยู่”

คำพูดของคนนั้นพึ่งจบ ห้องโดยสารในรถถูกความรู้สึกหนาวเหน็บอัดแน่นเต็มที่ แม้แต่อุณหภูมิของอากาศเหมือนจะลดลงเช่นกัน

“ไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครหาว่านายเป็นใบ้หรอก” เฉินเป่ยพูดอย่างเย็นชา

คนคนนั้นหัวเราะเยาะ ในรถฟื้นตัวกลับมาเงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนเฉินเป่ย ใบหน้าภายใต้หน้ากากกลับยิ่งซีดขาวลง

…………

สถานีตำรวจหู้ไห่ ห้องทำงานแผนกการสืบสวนคดีอาญา

เย่ชวงนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ สายตาจ้องภาพหนึ่งในคอมพิวเตอร์แน่น ขมวดคิ้วแน่น

“หัวหน้าเย่ เบื้องหลังของคนนี้ไม่เบาเลย เข้าสถานีตำรวจมาหลายครั้ง คาดไม่ถึงยังเดินออกไปแบบไม่เป็นอะไร ได้ยินว่าอธิบดีถูกกวนไปหลายครั้ง” ด้านข้าง เพื่อนร่วมงานของเย่ชวงคนหนึ่งเอ่ยปากบอก

เย่ชวงพยักหน้าแล้วถามว่า “ถามทางเยี่ยนจิงแล้วเหรอ ช่วงนี้เขากำลังทำอะไรที่ไหน?”

คนคนนั้นส่ายหน้า “ได้ยินว่าปรากฏตัวที่งานพนันเพชรพลอยไม่กี่ครั้ง แต่ไม่มีตรวจตราและควบคุมเกี่ยวกับเขา……วันนี้ไม่เจอร่องรอยของเขาอย่างกะทันหัน…หัวหน้าเย่ สรุปเขามีอะไรพิเศษกัน คุณถึงตรวจสอบเขามาตั้งหลายเดือน”

เย่ชวงตะลึงนิดหน่อย ใบหน้าเผยความหนักหน่วงนิดๆ ออกมา “เขาเกี่ยวข้องกับคดีสังหารโหดไม่น้อย…แต่ไม่มีหลักฐานแน่นหนามาโดยตลอด”

“คนนี้มีอะไรพิเศษกัน ถึงทำให้หัวหน้าเย่อาลัยอาวรณ์ไม่เลิกขนาดนั้น?” เพื่อนร่วมงานคนนั้นพูดกึ่งล้อเล่นไปประโยคหนึ่ง

เย่ชวงตะลึงเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นในสมองปรากฏฉากหนึ่งที่เจ้าหมอนั่นหยอกเย้าตนเอง…ทำให้ใบหน้าที่งดงามจองเย่ชวงปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งบางๆ ชั้นหนึ่ง

ในเวลานี้ บนโต๊ะทำงานด้านหน้าของเย่ชวงนั้น โทรศัพท์สีดำเครื่องนั้นดังขึ้นอย่างเร่งด่วน ดังก้องภายในห้องทำงานแห่งนี้แบบกังวาน

เย่ชวงสีหน้าเปลี่ยน…นอกจากคดีสำคัญใหญ่ๆ…โทรศัพท์สีดำเครื่องนี้ไม่เคยดังขึ้นมานานมากแล้ว

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

สายเปย์เบอร์หนึ่ง

Status: Ongoing

เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวและเคารพ แต่กลับกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ต่ำต้อยเหมือนฝุ่น ไม่เอาไหนเหมือนขยะ ราวกับว่าใครๆก็สามารถเหยียบย่ำเขาไว้ใต้เท้าแต่ ในใจเขามีความทะเยอทะยาน…….จะมีสักวันหนึ่ง เขาจะจับมือเธอ มอบโลกทั้งใบให้เธอ!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท