บทที่405 การดิ้นรนของหญิงสาว
จางเป่าเฉินสีหน้าอึมครึมหันหน้าไป เห็นเพียงเฉินเป่ยใส่เสื้อกั๊กเปื่อยๆ ตัวหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว หลังเดินเข้าใกล้ บนโต๊ะอาหารมีกลิ่นบุหรี่ที่เข้มข้นชัดเจนตลบอบอวล
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองทางเฉินเป่ย เห็นได้ชัดว่าครู่เดียวจมูกของเธอก็ได้กลิ่นบุหรี่ที่ทำให้คนสำลักนั้นเข้าแล้ว
“โอ๊ะ อยู่กันหมดเลย” เฉินเป่ยกวาดสายตามอง หลังจางเป่าเฉิงเห็นเฉินเป่ยปรากฏตัว แวบหนึ่งสีหน้าก็ดูแย่อย่างมาก
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด พูดอย่างโมโห “สุดยอดดาบสามเล่ม พูดอย่างกับชำนาญ งั้นนายไม่เข้าร่วมเลยล่ะ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ใครกันตอนอยู่ที่งานพนันเพชรพลอย ตัวเองก็ปฏิเสธการเข้าร่วมไปแล้ว”
เฉินเป่ยตอบกลับนิ่งๆ “ง่ายมาก เพราะผมเป็นคนที่ชอบความเรียบง่าย ผมไม่ชอบทำตัวเด่น โดยเฉพาะสุดยอดดาบสามเล่มช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ผมเลยยิ่งไม่อยากเข้าร่วม”
คำพูดนี้ของเฉินเป่ย แวบหนึ่งยั่วโมโหจางเป่าเฉิงเข้าให้ คำพูดนี้ของเท่ากับว่ากลายเป็นการเสียดสีจางเป่าเฉิงว่าเป็นพวกชอบโอ้อวดตัวตนที่สุดประเภทนี้
จางเป่าเฉิงได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเป่ย ค่อยๆ ลุกยืนขึ้นมาแล้ว ชี้นิ้วไปทางเฉินเป่ย ตวาดเสียงเย็นเฉียบ “นี่แซ่เฉิน นายอย่าให้มันเกินไปหน่อยเลย ดีเลวยังไงฉันก็เคยได้รับรางวัลชนะเลิศของสุดยอดดาบสามเล่มมาแล้ว นายล่ะ แม้แต่ที่หนึ่งยังไม่เคยได้ มีสิทธิ์อะไรบอกว่าเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่มคือการทำตัวเด่น”
ตอนช่วงเช้า จางเป่าเฉิงถูกเฉินเป่ยยั่วโมโหโดยพูดไม่กี่คำใส่ เพียงแต่ว่าจางเป่าเฉิงเห็นว่าอยู่ต่อหน้าคนมากขนาดนี้ จึงตั้งใจอดกลั้นมาตลอด แต่ตอนนี้เห็นว่าเฉินเป่ยก้าวร้าวขนาดนี้ ในที่สุดจางเป่าเฉิงก็ทนไม่ไหว
“ที่หนึ่งของสุดยอดดาบสามเล่ม? คุณให้ความสำคัญกับที่หนึ่งของการแข่งขันเถื่อนแค่ครั้งเดียวขนาดนี้?” เฉินเป่ยหัวเราะนิดหน่อย เอ่ยปากอย่างสบายใจ
ส่วนจางเป่าเฉิงได้ยินคำพูดของเฉินเป่ยยิ่งโกรธขึ้น สีหน้าแดงก่ำ แม้แต่หลีชิงเยียนยังขมวดคิ้วขึ้น ท่าทางที่มองทางเฉินเป่ยเปลี่ยนไปเป็นไม่พอใจขึ้นมา
มีเพียงซูเหลยที่อยู่ด้านข้าง แอบมองทางจางเป่าเฉิง ในสายตาเต็มไปด้วยความเวทนาและเห็นใจ
หลังรู้สถานะที่แท้จริงของเฉินเป่ย ซูเหลยย่อมจะไม่คิดแบบเดียวกันกับจางเป่าเฉิงและหลีชิงเยียนเป็นธรรมดา…สำหรับเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ไร้ศัตรูที่สั่นสะเทือนทิศตะวันตกและล้มล้างโลกชั่วร้าย การแข่งขันพนันเพชรพลอยของหัวเซี่ย เขาย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตาเป็นธรรมดา พูดได้ว่าการแข่งขันเถื่อนเหมือนว่าไม่มีปัญหาอะไร
ซูเหลยในเวลานี้ เห็นใจจางเป่าเฉิงอย่างมาก เดิมทีจางเป่าเฉิงไม่รู้ว่าสรุปแล้วเขากำลังตำหนิการมีตัวตนแบบไหนอยู่กันแน่
“ผมไม่อยากเข้าร่วมสุดยอดดาบสามเล่ม เป็นเพราะกังวลว่าคนที่พอโด่งดังแล้วจะเดือดร้อนเหมือนพวกหมูที่อ้วนพีกำลังจะโดนเอาไปฆ่าน่ะสิ ถ้าไปสุดยอดดาบสามเล่มแล้วไม่ทันระวังได้ที่หนึ่งเข้า จะต้องมีผู้มีอิทธิพลมากมายเห็นพวกเราขวางหูขวางตา อยากพยายามหาวิธีกำจัดพวกเราทิ้ง ถ้าตรวจสอบมาถึงบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป คนที่ได้รับหายนะ กลัวว่าจะเป็นทั้งบริษัทเลย” และตอนที่จางเป่าเฉิงโมโหจนใกล้จะสบถคำหยาบคายออกมานั้น ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็เอ่ยปากนิ่งๆ
และในเวลานี้ พอหลีชิงเยียนได้ฟังคำพูดของเฉินเป่ยจบ ใบหน้าที่สวยสดงดงามแข็งทื่อโดยฉับพลัน
ประธานนางฟ้าที่ฉลาดแหลมคมย่อมไม่ใช่เพียงแค่แจกันดอกไม้ไร้ประโยชน์ พอเฉินเป่ยพึ่งพูดจบ ประธานนางฟ้าเอ่ยปากพูดมาติดๆ “นายหมายความว่าผู้มีอิทธิพลกำลังจ้องพวกเราไว้แล้ว”
“ไม่ได้อ่านข่าวเหรอ พาดหัวข่าวของสองคนมานี้โดนผมยึดครองทั้งหมดเลย คุณคิดว่าผู้มีอิทธิพลพวกนั้นจะไม่อิจฉาตาร้อนเหรอ?” เฉินเป่ยจ้องหลีชิงเยียนไว้พูดจานิ่งๆ
“ข่าว?” จากนั้นหลีชิงเยียนถึงตอบสนองกลับมา สองวันนี้ เยี่ยนจิงได้สั่นสะเทือนยกใหญ่เพราะเจ้าหมอนี่จริงๆ ที่งานพนันเพชรพลอยเขาทำเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อนครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้คนเยี่ยนจิงไม่น้อยมองเห็นเฉินเป่ยชื่อนี้มาหลายรอบแล้ว
“ที่เยี่ยนจิงพวกเราไม่มีเบื้องหลังใดๆ ตระกูลเล็กแบบไหนของที่นี่ ถ้าอยากลงมือกับพวกเรา ล้วนไม่ต้องละเว้นอะไร”เฉินเป่ยพูดอธิบายให้หลีชิงเยียนอย่างละเอียด
หลีชิงเยียนตะลึง จากนั้นพูดแบบไม่ยอมรับอยู่บ้าง “พวกเรายังมีหัวหน้าสมาคมจาง…..”
เฉินเป่ยกวาดตามองจางเป่าเฉิงที่สีหน้าอึมครึม ส่งเสียงหัวเราะ พูดว่า “มีเขาแล้วยังไง คุณคิดว่าพวกนักเลงจะมาพูดเหตุผลอะไรกับคุณมั้ย?”
หลังเฉินเป่ยพูดจบ หย่อนก้นลงนั่งข้างกายของหลีชิงเยียน นั่งอยู่ด้วยกันกับประธานนางฟ้า ร่างกายยังแนบชิดกับหลีชิงเยียน
เฉินเป่ยขยับเข้าไปใกล้กับหลีชิงเยียน แม้กระทั่งเฉินเป่ยยังสามารถได้กลิ่นกลิ่นอ่อนๆ ที่แพร่กระจายออกมาจากบนร่างอ่อนช้อยน่าดึงดูดนั้นของหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนชายตามองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง ดวงตามีความหงุดหงิดไม่พอใจนิดๆ แวบผ่าน ก่อนจะหดตัวไปทางด้านข้าง
นึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะแนบชิดเข้ามาอย่างหน้าไม่อาย
“ดังนั้นเรื่องนี้ยังต้องให้หัวหน้าสมาคมจางมาทำถึงจะดีกว่า” เฉินเป่ยมองจางเป่าเฉิงทีหนึ่ง
จางเป่าเฉิงทำเสียงฮึดฮัด “ลิ้นลมพลิกกลับไปกลับมา ฉันว่านายกลัวซะมากกว่า”
หลีชิงเยียนพยายามดิ้นรนสักพัก เห็นว่าสะบัดเฉินเป่ยไม่หลุด จึงได้แต่ปล่อยให้เขาแนบชิดตนเองไป มองทางจางเป่าเฉิง ยิ้มพลางเอ่ยปากบอก “หัวหน้าสมาคมจางคะ สุดยอดดาบสามเล่มต้องไหว้วานคุณแล้วนะคะ”
จางเป่าเฉิงพยักหน้าแล้ว หลีชิงเยียนหันหน้า ถลึงดวงตางดงามใส่เฉินเป่ยอย่างแรง สายตาที่หนาวเย็นจริงแท้ ไม่ได้กดดันเฉินเป่ยใดๆ แม้แต่น้อย
ทว่าเป็นเฉินเป่ยที่มองหลีชิงเยียนด้วยหน้าทะเล้น พูดว่า “ชิงเยียน ผมทำเป้าหมายเล็กๆ สำเร็จแล้ว คุณมีรางวัลอะไรให้รึเปล่า?”
“รางวัล รางวัลอะไร?”
หลีชิงเยียนมึนงงเล็กน้อย จากนั้นยักคิ้วขึ้น ถามขึ้น
“ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้ ขอเพียงผมสามารถทำเงินได้หนึ่งร้อยล้าน เงื่อนไขเป็นผมเสนอได้หมดไง” เห็นหลีชิงเยียนจำไม่ได้โดยสิ้นเชิง เฉินเป่ยงงแล้ว
“นายเป็นคนเงื่อนไขเสนอมา? นายคิดว่านายเป็นใครกัน?” ทันใดนั้นหลีชิงเยียนกอดหน้าอก จ้องมองเฉินเป่ย หัวเราะเยาะหึๆ น้ำเสียงมีการเสียดสีนิดๆ “นายคิดว่าฉันจะรับปากนายเหรอ?”
จากนั้นหลีชิงเยียนลุกขึ้นยืน เดินไปทางโรงแรมอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเรียกซูเหลยไปอีก “ซูเหลย กินเสร็จแล้วพวกเราไปกันดีกว่า ฉันไม่อยากเห็นคนป่าเถื่อน คืนนี้ล็อกประตูให้ดีด้วย”
“ค่ะ”
จากนั้นซูเหลยก็ตามไป ก่อนจะตามหลีชิงเยียนออกไป มองทางเฉินเป่ยที่หน้าตามึนงง และตาค้างอย่างถึงที่สุด ที่มุมปากอดฉีกรอยยิ้มขึ้นไม่ได้
เฉินเป่ยจ้องภาพด้านหลังของหลีชิงเยียน ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาถึงตอบสนองเข้ามา กลิ่นหอมอ่อนๆ บนตัวของประธานนางฟ้าหลงเหลืออยู่ในอากาศ ส่วนในหูของเฉินเป่ยยังเป็นเสียงที่เย็นชาเต็มไปด้วยเสน่ห์ของสาวสวยเซ็กซี่คนนั้นดังก้อง ตั้งนานยังไม่จางหาย
“แม่งเอ๊ย ไม่เคยมีใครมาบิดพลิ้วกับฉันได้เลยนะ!” เฉินเป่ยมองทางที่หลีชิงเยียนหายออกไป พูดสบถออกมาทันใด แววตาเปล่งประกายความหมายโมโหที่กดทับไว้
ที่บ้านแม่เสือสาวคนนี้ล้อตนเองเล่นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ยังอยากคิดจะบิดพลิ้วอีกครั้ง ครั้งนี้ ในที่สุดเฉินเป่ยตัดสินใจแล้ว
…………
หน้าประตูบ้านตระกูลหลี รถหงฉีที่หรูหราและยาวคันหนึ่ง แล่นเข้ามาจากระยะไกล
หน้ารถของรถหงฉีคันนี้ติดป้ายทะเบียนสีขาวไว้ ป้ายทะเบียนสีขาวที่มีคำว่าจิงนำหน้า ที่เยี่ยนจิง น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ระหว่างทางรถหงฉีคันนี้แทบจะไม่เคยเจอรถติดใดๆ ไม่มีอะไรมาขวางอย่างกำเริบเสิบสาน……เพราะป้ายทะเบียนสีขาวแผ่นนี้ ที่เยี่ยนจิง เกือบจะไม่มีใครกล้าขวาง
มันเป็นตัวแทนของอิทธิพลพิเศษ และเจ้าของรถคันนี้ยิ่งมีสถานะและตำแหน่งที่ไม่กล้าจินตนาการ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรถหงฉีคันนี้แล้ว รุ่นรถของรถหงฉีคันนี้ ทั่วทั้งหัวเซี่ยล้วนเห็นได้น้อยมาก ในตลาด เดิมทีไม่มีรุ่นรถคันนี้เคยออกจำหน่าย
การปรากฏขึ้นของรุ่นรถแบบนี้ เป็นสัญลักษณ์แทนว่าพวกเขารับใช้บุคคลพิเศษบางส่วนแล้ว…คนเหล่านี้ ที่หัวเซี่ย ไม่มีสักคนไม่ใช่บุคคลเหนือชั้น
และตอนนี้รถหงฉีคันนี้ค่อยๆ จอดลงที่หน้าประตูบ้านตระกูลหลี
ลูกน้องที่เฝ้ายามสองคนที่หน้าประตูบ้านตระกูลหลี รีบร้อนเข้ามา เปิดประตูรถออกด้วยความเคารพ
“ตึก!”
รองเท้าหนังข้างหนึ่งกระทบบนพื้นผิวถนนเสียงกังวาน ตามมาด้วยภาพเงาคนคนหนึ่งก้าวออกมาจากในรถหงฉี
ภาพเงาคนนี้สวมชุดจงซานที่เรียบง่าย ถ้าใส่ชุดออกกำลังกายตัวหนึ่ง ง่ายมากที่จะโดนคนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้อาวุโสทั่วไปที่ออกกำลังกายเสร็จกลับมาจากสวนสาธารณะ
แต่จิตใจที่กระฉับกระเฉงในดวงตาของเขาและบนตัวยังมีออร่ายิ่งใหญ่ส่งออกมาจากภายในสู่ภายนอก เห็นได้ชัดว่ากำลังบรรยายสถานะของเขา นายใหญ่ตระกูลหลี หลีหง
หลังจากหลีหงเดินเข้าบ้านตระกูลหลี ไม่นานก็เดินไปในห้องรับแขกห้องหนึ่ง มองเห็นหลีเช่าเทียนที่กำลังต้มชา จึงยิ้มบอก “เช่าเทียน ปู่ยังไม่ทันได้เข้ามาในบ้านตระกูลหลี ก็ได้กลิ่นหอมของชานี้แล้ว”
หลีเช่าเทียนเงยหน้า หลังมองเห็นหลีหง อุปกรณ์ชาในมือทั้งคู่ไม่ได้หยุดลง หลีเช่าเทียนยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน “คุณปู่ครับ ผมเตรียมตัวว่าตอนเย็นไปรับคุณปู่อยู่เลย คุณปู่มาถึงเร็วกว่าที่บอกไว้ในสายอีก”
หลีหงนั่งลงด้านข้างของหลีเช่าเทียนแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “เพราะปู่อยากมาคุยกับหลานหน่อย”
กาน้ำชาในมือของหลีเช่าเทียนหยุดค้างกลางอากาศ หลังวางลงบนถาดชา หลีหงพูดว่า “ถึงแม้ว่าช่วงนี้ปู่จะไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลหลี แต่ก็ติดตามข่าวของเยี่ยนจิงมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยกับชิงเยียนจะมาที่งานพนันเพชรพลอยด้วย แถมยังก่อเรื่องวุ่นขึ้นมาอีก”
หลีเช่าเทียนสีหน้าสงบ และหลีหงเอ่ยปากพูดต่อไป “ตอนแรกปู่คิดว่าจะให้หลานอาศัยงานพนันเพชรพลอยทำชื่อเสียงอีกครั้ง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าภายใต้เหตุการณ์ไม่คาดคิด ชิงเยียนพวกเขาก็มาสร้างชื่อเสียงที่เยี่ยนจิงเหมือนกัน…” หลีหงหยุดชะงัก น้ำเสียงมีการอบรมเพิ่มมาหลายระดับ “ส่วนที่ปู่กลับมาก่อน เป็นเพราะชิงเยียนกับเฉินเป่ยสองคนนี้ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ของปู่ ยังครอบครองพาดหัวข่าวของเยี่ยนจิงไปได้หลายครั้ง แต่หลานที่ปู่เชิญปรมาจารย์ของวงการพนันเพชรพลอยสองท่านออกมาจากภูเขาด้วยตัวเอง หลานกลับยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ”
“ช่วงนี้หลานไม่เป็นตัวของตัวเองมากเลยนะ” หลีหงถอนหายใจทีหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่นั้นล้ำลึกกลับดุเดือด ราวกับสามารถมองทะลุในใจของหลีเช่าเทียนได้
“คุณปู่ครับ ผมสำนึกผิดแล้วครับ ผมเข้าสู่สุดยอดดาบสามเล่มได้ อีกไม่นานนัก ผมจะสามารถเอารางวัลชนะเลิศมาให้ได้ครับ” หลีเช่าเทียนก้มหน้า น้ำเสียงอ่อนโอนผ่อนตาม และในแววตาลึกของเขากลับมีเมฆพยับหนาวเหน็บนิดๆ แวบผ่าน